My Life

Young Webmaster Camp 14 จาก 0 ไปถึง 1

By Arnon Puitrakul - 26 ธันวาคม 2016

Young Webmaster Camp 14 จาก 0 ไปถึง 1

ช่วง 4 ผ่านที่ผ่านมาก็ค่อนข้างหายไปจาก Social Network ไปเลย ก็ผมไปค่าย YWC หรือ Young Webmaster Camp มาครับ วันนี้ผมเลยจะมาแชร์ประสบการณ์ และสิ่งที่ได้ให้ทุกคนอ่านกันครับ

Young Webmaster Camp คืออะไร ?

เผื่อใครไม่รู้จัก Young Webmaster Camp เป็นค่ายทำเว็บที่จัดให้เด็กมหาลัยเข้ามาประลองฝีมือกัน (เหรอ) โดยจะมีอยู่ทั้งหมด 4 สาขาคือ

  • Web Programming ที่เบื้องหลังคอยแปลงไอเดียจากทุกฝ่ายให้ออกมาเป็นเว็บไซต์จริง ๆ ได้
  • Web Design ที่เป็นผู้สร้างสรรค์หน้าตาของเว็บไซต์ให้ถูกใจผู้ใช้
  • Web Content ที่เป็นอีกผู้สร้างสรรค์ Content หรือเนื้อหาของเว็บต่าง ๆ ออกมาให้ผู้ใช้อ่าน และสนุกไปกับมัน
  • Web Marketing เป็นอีกคนที่ขาดไม่ได้เลย เพราะเราทำเว็บไซต์ เราก็อยากให้คนมาเข้าเยอะ ๆ และก็ไม่อยากกินแกลบด้วย ซะนั้น เราก็ต้องมีคนที่สามารถโปรโมทและวางแผนธุรกิจมาช่วยด้วยเหมือนกัน

หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่า ค่ายนี้เป็นค่ายสำหรับคนที่เรียนมาทางสายคอมพิวเตอร์อย่างเดียว แต่จริง ๆ แล้วหาเป็นแบบนั้นไม่ เพราะค่ายนี้ ไม่ได้มีแค่สายคอมพิวเตอร์อย่างเดียว มีทั้งสายบริหารธุรกิจ การตลาด และอื่น ๆ อีกมากมากมาย

สมัครค่ายครั้งที่ 3

จริง ๆ ปีนี้ที่ติดนั้นไม่ใช่ครั้งแรกที่สมัคร แต่มันเป็นครั้งที่ 3 สมัครตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามหาลัยจนตอนนี้ปี 3 แล้ว ขั้นตอนการสมัครก็ไม่ยากครับ ก็เข้าเว็บไปกรอกใบสมัคร และตอบคำถามส่วนกลาง และคำถามประจำสาขา ซึ่งสาขาที่ผมสมัครคือสาขา Programming

คำถามก็ประมาณว่า ถ้าให้ทำ Note Taking App จะใช้อะไรบ้างโน้นนี่นั่น เหมือนเมื่อ 2 ปีก่อนที่สมัคร Programming คำถามเหมือนมันจะยากกว่านี้นะ เจอคำถามของปีนี้เข้าไป อืม... ก็สามารถตอบได้ทันที ก็ไม่ได้ยากอะไร แต่กว่าจะยอมกดส่งใบสมัครได้ ก็อ่านอยู่นานว่า พิมพ์ถูกรึเปล่า ? ที่ตอบไปนี่สมเหตุสมผลรึเปล่า สุดท้ายก็กดส่งไป และก็มารอดูกันว่าจะติดรอบสัมภาษณ์รึเปล่า

เตรียมไปสัมภาษณ์ !

และผลรอบสัมภาษณ์ก็ออกมาจนได้ ปรากฏว่าติด ! เย้ ๆๆ แต่ก่อนจะไปสัมภาษณ์นั้น มันก็จะมีการบ้านมาให้เราทำด้วย ซึ่งการบ้านก็ไม่ขอบอกละกัน แต่วิธีที่เลือกใช้คือ ต้องวาด Vector โดยใช้ Adobe Illustrator ที่เป็นโปรแกรมที่ใช้ไม่เป็นเลย กับ CSS Animation ที่ใช้ไม่เป็นเหมือนกัน แต่ก็เอา มา!

วันนั้นคือ นั่งดู Youtube กันเลยว่า แต่ละอันมันใช้ยังไง Illustrator นี่นานสุดเลย ต้องมานั่งดูว่า การจะขึ้นรูปสักอันมันต้องทำยังไงบ้าง ลงสียังไง โน้นนี่นั่นไปหมด กว่าจะเสร็จออกมาเป็นงานได้ก็เล่นไปทั้งวันเหมือนกัน ซึ่งหน้าที่ได้ออกมาก็ทำดีที่สุดในตอนนั้นแล้วจริง ๆ สามารถเข้าไปดูได้ที่ [https://www.arnondora.in.th/YWC

นอกจากการทำการบ้านแล้ว ก็ต้องเตรียมผลงานไปให้กรรมการดูด้วยเหมือนกัน ว่าเราเคยทำอะไรมาบ้างมีผลงานอะไรบ้างทำนองนี้ ซึ่งผมก็มี Sway ที่เป็น Portfolio ของตัวเองอยู่ ลองดูตัวอย่างได้จาก[ลิงค์นี้

วันสัมภาษณ์

ล้ววันสัมภาษณ์ก็มาถึง ซึ่งสถานที่สัมภาษณ์ก็คือ ตึก CP All อยู่ตรงแถว BTS ศาลาแดง ก็เดินทางไม่ยาก ดีที่ได้สัมภาษณ์รอบบ่าย เลยได้ตื่นสายจะได้สดชื่นหน่อย ก็ไป บรรยากาศก็อุ่นหนาฝาคั่ง ไปด้วยทั้งคนที่มาสมัคร และสัมภาษณ์ เดินกันเต็มไปหม)

ก็รอคิวไปเรื่อย ๆ เพราะคนสัมภาษณ์รอบเช้า ยังสัมภาษณ์ไม่หมดเลย แล้วเรารอบบ่ายจะเหลืออะไร ก็นั่งรอไปสิครับ จนกระทั่งถึงคิวตัวเอง พี่ ๆ ก็จะพาเราไปรอที่หน้าห้องสัมภาษณ์อีกรอบนึง ตอนนั้นในหัวคือ ตื่นเต้นมาก ๆ นั่งคิดอยู่ว่า เข้าไปเราจะพูดอะไร สวัสดียังไง จะเอาอะไรให้ดูบ้าง เขาจะถามอะไรบ้างน้าา คิดจนเครียดและรนไม่หมด

และแล้วก็ถึงเวลาแห่งความจริง เป็นเวลาที่เราต้องเดินเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ กะว่าจะไม่เดินเตะเก้าอี้แล้วนะ สุดท้ายก็ไม่รอด ฮ่า ๆ เดินเข้าไปผมก็สวัสดี แล้วก็นั่ง และแล้วกรรมการก็พูดออกมาว่า "พูดอะไรก็ได้ที่ทำให้มึงติด !" ตอนนั้นคือ เอาไงดีฟร๊ะ แต่ก็เอาวะ มาถึงจุดนี้แล้ว มา !!!

ก็พูดไปว่า เป็น Winner จาก Imagine Cup นะ ได้เป็น Finalist ก็ไล่ Port ตัวเองลงมาเรื่อย ๆ และก็โชว์ Blog โชว์งานตัวเองให้ดูไป และก็โดนซัดไปอีกหลายคำถามด้วยกัน ออกมาก็ไม่ค่อยเครียดเท่าไหร่ และก็คิดว่า ไม่ติดก็ไม่ติดวะ ตั้งใจว่าจะสมัครเป็นปีสุดท้ายแล้ว

สุดท้าย ผลก็ประกาศออกมา อ้าวเฮ้ย ติดว่ะ !! ดีใจ ดีใจในความพยายามตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สมัครตั้งแต่ปี 1 จนนี่ปี 3 แล้วกว่าจะติดได้ ดีใจมาก ๆ ทุกคนก็มาแสดงความยินดีด้วย ขอบคุณมาก ๆ ครับ

ในค่าย Day 1 : วันแห่งการเริ่มรู้จักกัน

เปิดมาวันแรก ผมก็ต้องเก็บเสื้อผ้าไปค่าย ที่ไกลมาก ๆ นั่นคือคณะตัวเอง.... (ติดทั้งที ดันเป็นปีที่จัดที่คณะตัวเองซะงั้น แม่ม !! แต่ก็ไม่เป็นไร) ก็เริ่มต้นด้วยการลงทะเบียน ที่จะได้ถุงยังชีพมาด้วยถุงนึง และก็เป็นพิธีเปิดมี Speaker หลาย ๆ ท่านมาพูด

จากนั้นก็แบ่งกันไปเป็นกลุ่ม ก็เป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักกับคนในกลุ่มตัวเอง ก็กลุ่มนึงจะมีกัน 8 คน แบ่งเป็นสาขาละ 2 คน เพราะสาขาเดียวก็คงสร้างเว็บที่ดีไม่ได้ ก็ได้ทำความรู้จักกันไป

พอช่วงบ่ายก็เป็น Session แยกกันไปตามสาขา ซึ่งฝั่งของ Programming ก็จะเป็น Session จาก Wongnai ว่า Wongnai มี Architecture ยังไง ตั้งแต่เริ่มเป็น Startup จนถึงปัจจุบัน ก็เป็น Session ที่สนุกดีครับ

และจากนั้นเราก็ยังอยู่ที่ห้องเดิม ก็เป็น Session ต่อไปกับเรื่องของ Maintaining Open Source Software จากพี่อัครวุฒิ ที่มาพูดถึงเรื่องของ Open Source Software ในปัจจุบันว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องขอ Open Source Software คือ License ของมัน

และสุดท้ายของวันก็เป็นอีก Session ที่สนุกอีกอันคือ การ Brainstorming เพราะกลุ่มเราต้องทำเว็บไซต์ เพื่อไป Present ในวันสุดท้าย ฉะนั้นวันแรก เราต้องมารวมไอเดียกันก่อน ซึ่งมีพี่ตั้งมาสอนวิธีการ Brainstorming ในแบบฉบับของ Google กัน ซึ่งสามารถอ่านได้จาก [Blog ของพี่ตั้ง สุดท้ายกลุ่มผมก็ได้ไอเดียเรื่องของ ห้องน้ำ มา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก

ในค่าย Day 2 : วันแห่งการเปลี่ยนหัวเรื่องแห่งชาติ

วันที่ 2 ของการมาค่ายก็เริ่มขึ้นด้วยความง่วงนอนมาก ๆ เพราะนอนค่อนข้างดึก (จริง ๆ แอบหลับก่อนเพื่อน ๆ ในกลุ่มซะอีก) ก็เริ่มด้วยการกินข้าว และก็แบ่งไปฟัง Session แยกสาขาอีก ก็เป็นเรื่องของ Agile & Mindsset จากพี่ตั้ง และการเล่าเรื่องราว และเส้นทางในสายอาชีพจากพี่ฮันจาก Jitta ก็เป็นไปด้วยความหรรษา

ตอนบ่ายวันนั้นก็จะเป็น ก็เป็นเวลาที่เราจะได้ออกไปเล่นกิจกรรมข้างนอกกัน ก็จะแบ่งเป็นฐานเรื่อย ๆ ก็สนุกกันไป หลังจากนั้นก็จะเป็น Session เรื่องของ การนำเสนองาน ก็พูดถึงเรื่องของการนำเสนองานยังไงให้ดูดี พูดยังไง ทำสไลด์ยังไง และก็มีกิจกรรมให้ออกมา Present Project คร่าว ๆ กันนิดหน่อย ก็เป็นไปด้วยความสนุกและตลกมาก ๆ

และตบท้ายในวันนั้นด้วย Brainstorming รอบ 2 เหมือนเมื่อวานเลย เพราะยังมีบางกลุ่มที่ยังไม่ได้ไอเดียเลย และวันนั้นก็มีพี่ ๆ ทั้งที่เป็น กรรมการในวันสุดท้าย หรืออาจจะไม่ใช่ มาเปิดเป็นโต๊ะให้เราเอาไอเดียของเราเข้าไปปรึกษาได้ ซึ่งกลุ่มผมก็เข้าไปมันเกือบหมดทุกโต๊ะ ฮ่า ๆ

จากนั้นก็กลับโรงแรม มานอน เฮ้ย มาคุยกันต่อว่า จะเอายังไงดี คุยกันไปคุยกันมาก็ล่อไปเที่ยงคืน ตี 1 ได้ ก็เหนื่อยมาก ๆ ก็นอน

ในค่าย Day 3 : วันที่ Dev วิ่ง โค๊ตไฟลุก

หลังจากที่เมื่อวาน เราก็ได้ไอเดียมาแล้ว มันก็ถึงเวลาที่เราต้องเอาไอเดียมา Implement มาเป็นเว็บของจริงแล้ว รวมทั้งต้องทำ Slide ในการนำเสนอด้วย ซึ่งเราก็แบ่งหน้าที่ไปตามสาขากันไป ซึ่งผมก็เป็น Programmer ที่ต้องคอยมา Code เว็บขึ้นมา ซึ่งก็มีเวลาทั้งหมด 8 ชั่วโมง แน่นอนว่า เวลาเท่านี้ จะให้สร้างเว็บเต็ม ๆ เลยก็ไม่ไหว ก็ต้องมี Mockup กันบ้าง (หราา)

ปัญหาของผมมันอยู่ที่ตอน Deploy ขึ้น Server นี่แหละ ใครที่ใช้ Laravel ก็น่าจะรู้ดีว่า Laravel มัน Deploy ยากแค่ไหน ก็กว่าจะ Deploy ขึ้นไปได้ ก็ลุ้นเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

หลังจากที่ Code ไฟลุกกันไปแล้ว ก็ยังไม่วาย สมองยังไม่ทันซ่อมแซมตัวเองก็ไปถึงกิจกรรมต่อไปกับ YWC Ignite ที่จะเอาพี่ ๆ YWC รุ่นก่อน ๆ และพี่ ๆ ที่มีชื่อเสียงในวงการ ต่างที่ไปประสบความสำเร็จมาเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟังกัน ก็ฟังไปก็ขำไปสนุกทุกเรื่องเลย

และแล้วก็ถึงเวลาที่รอคอยนั่นคือ Christmas Party ที่สนุกมาก ๆ เพราะพี่ ๆ จะมาขายตัวกัน (ขายตัวจริง ๆ) เพราะในแต่ละกลุ่มก็จะมี Point ของตัวเอง ซึ่งพี่ ๆ แต่ละคนก็จะมีราคาแปะไว้ที่ตัว จุดประสงค์ก็คือ ให้เราได้รู้จัก และพูดคุยกับพี่ ๆ รุ่นก่อน ๆ

คืนนั้นกลับไปซ้อม Present ก็ดึก จนเกือบเช้า บางกลุ่มก็ไม่ได้นอนกันเลยก็มี

ในค่าย Day 4 : Project Presentation

และแล้วก็ถึงวันสุดท้ายของค่ายแล้ว นั่นก็คือ Project Presentation ที่ต้องให้แต่ละกลุ่มมา Present Project ที่นั่งคิดกันมาตั้งแต่วันแรก แต่ละกลุ่มก็ต้องงัดวิธีการต่าง ๆ ออกมาในวันนี้เพื่อโชว์ **Product **ของตัวเองออกมา

แต่ก่อนจะ Present ก็ต้องกินข้าวเช้ากันก่อน แต่ละคนคืออยู่ในสภาพที่ ไม่น่าจะกินลงเท่าไหร่ ตายเรียบ จากนั้นพอขึ้นไป ก็จะเริ่ม Present กันเลย โดยจะ Random ออกมาทีละกลุ่มเรื่อย ๆ และก็จะมีกรรมการมา Comment ซึ่ง Comment นี่แหละที่เด็ด กรรมการแต่ละคนคือ ดุเดือด มาก นอกจากกรรมการในห้องจะดุเดือดแล้ว

ผู้ชมทางบ้านที่ดูผ่าน Live เล่นใน Twitter ก็ไม่แพ้กันทวิตกันจน #YWC14 เป็น Tranding อันดับ 1 ในช่วงเวลานั้นเลย ใหญ่ป่ะล่ะ !!

ซึ่งกลุ่มผมก็โดนไปอ่วมอยู่เหมือนกัน แต่กรรมการก็มีแอบชมในบางเรื่องอยู่เหมือนกันก็ดีไป พอลงไปจากเวที กลับมานั่งก็เปิด Twitter มาดูว่าคนข้างนอกบอกว่าอะไรบ้าง ก็อื้ม เดือดกันดีนะครับ

เอาจริง ๆ ตอน Present ก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปเหมือนกัน จนกระทั่งกลับมาดูนี่แหละ โอ้ม่ายยย นี่ฉันทำอะไรลงไปปปปป ~

จนทุกกลุ่ม Present เสร็จระหว่างที่กรรมการเข้าไปคุยกัน พวกเราก็ออกมาเขียน Comment ค่าย และ Dropbox ให้กับเพื่อน ๆ ในค่ายกัน

สุดท้ายกลุ่มเราก็ไม่ได้รางวัลอะไรเลย ฮ่า ๆ

สรุป

ถึงแม้ว่ากลุ่มผมจะไม่ได้รางวัลอะไรเลย แต่สิ่งที่เราได้จากค่ายนี้ก็มากมายเกินที่เราจะนึกออกแล้ว ค่ายนี้ให้ทั้งความรู้จากพี่ ๆ ที่มีประสบการณ์และความเก่งอันดับต้น ๆ ของประเทศ ให้ ความสัมพันธ์ ได้รู้จักคนใหม่ ๆ ทั้งเพื่อน ๆ และ พี่ ๆ ที่มีความสนใจเหมือนกับเรา และอยากที่จะก้าวเดินเพื่อพัฒนาเว็บไซต์ไทยไปด้วยกัน อีกทั้งยังสอนให้เรารู้จักการเป็นผู้ให้ โดยการเป็นผู้รับ ปีหน้าอย่าเทกันนะ เรามาช่วยค่ายหน้าแน่นอน ฮ่า ๆ

Young Webmaster Camp

การมาค่าย 4 วัน 3 คืนที่ผ่านมา มันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ตั้งแต่สมัครจนถึงตอนนี้มันก็เป็นแค่ตั้งแต่ 0 ถึง 1 เท่านั้น แต่จากนี้สิครับ จะเป็นการนับตั้งแต่ 1 ไปถึง Infinity ไปด้วยกัน กับพี่ ๆ และเพื่อนใน YWC ส่วนตัวผมก็เป็นน้องใหญ่ก็ขอฝากเนื้อฝากตัว มาเป็นหนึ่งในครอบครัว YWC ด้วยนะครับ

ปล.รูปส่วนใหญ่ไม่ได้ถ่ายเอง แต่จิ๊กมาจากเพจ Young Webmaster Camp เพราะตัวผมเองก็กำลังเล่นกิจกรรมอยู่

Read Next...

Year in Review 2022 สวัสดี 2023

Year in Review 2022 สวัสดี 2023

เวลาผ่านไปไวเหมือนกันนะเนี่ย ยังแอบรู้สึกว่าเหมือนยังไม่ผ่านครึ่งปีไปดีเลย อ่อ สิ้นปีแล้วเฉยเลย มา งั้นเรามาเล่าให้อ่านกันดีกว่าว่า ที่ผ่านมาในปี 2022 มันเกิดอะไรขึ้น และมันสอนอะไรเราบ้าง...

Year in Review 2021 สวัสดี 2022

Year in Review 2021 สวัสดี 2022

ผ่านไปอีกปีแล้วกับปี 2021 ที่น่าจะเป็นเวลาที่ยากลำบากสำหรับใครหลาย ๆ คน เราเองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ หลาย ๆ อย่างที่ Plan ไว้ก็ต้องเปลี่ยนหมด หน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ก็หวังว่าปีหน้าจะเป็นปีที่ดีขึ้นเนอะ ~...

Year in Review 2020 สวัสดี 2021

Year in Review 2020 สวัสดี 2021

และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องมาเขียน Year in Review อีกครั้ง ประโยคที่ว่า จะหมดปี 2020 แล้วคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้ละมั่ง ปีก่อน ๆ อาจจะบอกว่า เออ ใช่แหละ แต่ปีนี้คือเป็นปีที่หนักมากสำหรับหลาย ๆ คนรวมถึงเราด้วย...

Productive Series: To-Do List ทำดี มีเวลาว่างเพิ่มขึ้นเยอะ

Productive Series: To-Do List ทำดี มีเวลาว่างเพิ่มขึ้นเยอะ

หลังจากตอนที่แล้ว เราพูดถึงเรื่องของการจัดการไฟล์ใน Digital ของเราไปแล้ว วันนี้เราลองมาเปลี่ยนไปดูอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน และ ช่วยทำให้ชีวิตเรามีเวลาออกไปหายใจได้มากขึ้น อย่างการทำ To-Do List กันดีกว่า...