By Arnon Puitrakul - 10 เมษายน 2014
อันเนื่องมาจากผมได้อ่าน New york 1st time ของ คุณธนชาติ ศิริภัทราชัย ที่ได้แชร์ประสบการณ์ครั้งแรกของเขาในนิวยอร์คทำให้ผมอยากมาแชร์ประสบการณ์ที่น่าสนใจของผมเองครับนั้นคือ เขียนโค๊ตครั้งแรก มีคนชอบถามผมว่า "ทำไมถึงชอบเขียนโปรแกรมล่ะ ??" ผมมักจะตอบไปว่ามันสนุกครับ เพราะมันทำให้เราได้คิด แก้ปัญหาอะไรใหม่ๆตลอดเวลาเลยครับ (แหลสุดๆ) ความจริงแล้วผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะเรื่องมาก มากๆเลยครับ เวลาใช้โปรแกรมในคอมพิวเตอร์มักจะชอบพูดว่า ทำไมมันไม่มีอย่างโน้น ทำไมมันไม่มีอย่างงี้ ก็เลยคิดว่า "เออทำไมเราไม่สร้างมันเองเลยล่ะ" จากตอนนั้นจนถึงตอนนั้ีผมก็ยังเรื่องมากเหมือนเดิมและก็ยังสร้างโปรแกรมมาตอบสนองตัวเองเช่นเดิม กลับมาที่ครั้งแรกของผมบ้าง ย้อนไปครับสมัยผมอายุ 9 ขวบ (ตอนนี้ผมอายุ 18 ถ้วนนะครับ) ตอนนั้นมีเกมออนไลน์เกมนึงครับ ฮิตมากๆ ซึ่งตอนนั้นผมก็ติดงอมแงมเลย แต่พอเล่นๆไปก็มีจุดๆนึงคิดว่า "นี่เราติดเกมป่ะเนี่ย ??" ผมจึงพยายามออกห่างมันหน่อยแต่ผมก็ยังไม่ห่างจากคอมน่ะครับ (ติดคอมไง) ผมก็เลยดั้นด้นไปหางานอดิเรกทำบนอินเตอร์เน็ตดูครับ ปรากฏว่าผมไปเจอเว็บนึงที่สอนเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม (ตอนนั้นคือ โห แม่งตอบสนองความเรื่องมากของเราได้แน่ๆเลย) ผมจึงเริ่มฝึกเขียนมันครับ และเว็บผู้โชคร้ายที่ผมเข้าไปฝึกครั้งแรกคือ www.code.org มาที่เว็บผู้โชคร้ายกันก่อนคือ www.code.org เป็นเว็บที่เกิดขึ้นมาเพื่ออยากให้คนทุกคนเขียนโค๊ตเป็นกัน ตามสโลแกนของโครงการ Code.org ว่า “Every student in every school should have the opportunity to learn to code“ แปลว่า “ การเขียนโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ นักเรียนทุกคนและ ทุกโรงเรียนควรได้รับโอกาสนั้น” กลับมาที่เรื่องของผมต่อครับหลังจากที่ผมได้ฝึกวิทยายุทธ์ที่ Code.org มาแล้วผมก็เริ่มมีพื้นฐานในการเขียนโปรแกรม เช่น เรื่องของ Algorithm การเรียงโค๊ตอะไรต่างๆ ผมจึงเข้าไปหาในอินเตอร์เน็ตเพื่อจะลองหาภาษาอะไรสักอย่างมาหัด (ตอนนั้นคือไม่รู้เรื่องอะไรเลยรู้แค่ว่าภาษาบนคอมพิวเตอร์มีหลายภาษา) แต่ในระหว่างหาอยู่นั้นเอง (ทำเหมือนซะค้นพบซากไดโนเสาร์แนะ) ผมก็พบภาษานึงครับคือ Visual Basic ตอนนั้นผมก็ไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละครับ ก็ฝึกไปเรื่อยๆ จนตอนนั้นผมขั้น ป.6 ครับผมก็ต้องเรียนให้มากขึ้นเพื่อสอบเข้า ม.1 แต่โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ใช่คนที่ชอบด้านการเรียนเท่าไหร่ และก็เกรดใช่ว่าดีอะไร ตอนนั้นสอบไปก็ไม่ติิดสักที่ จนมาที่สุดท้ายแม่บอกผมว่า "ถ้าสอบติดนะ จะให้ไปเรียนเขียนโปรแกรมเลย" และผมก็สอบติดจริง หลังจากนั้นแม่ผมก็พาไปสมัครเรียนคอมที่นึงครับ (Siam Computer) ผมก็เริ่มเรียนเขียนโปรแกรมจริงๆจัง (ก็เรียนภาษาเดิมเลย VB) จากตอนแรกผมเขียนมั่วๆ งงๆ จนจบคอร์สแรกผมก็เริ่ม Advance มากขึ้น จนไปลงคอร์ส Advance ระหว่างเรียนก็เริ่มและ ฐานข้อมูล ตอนนั้นคือ "อะไรว้าาาา นี่ตรูพึ่งอยู่ ม.1 ให้มาออกแบบฐานข้อมูล แล้วเขียนโปรแกรมเชื่อมอีก" (ได้ข่าวว่ามึงอยากมาเรียนเองไม่ใช่เหรอ) จนจบคอร์สผมก็สามารถออกแบบฐานข้อมูลกับเขียนโปรแกรมในภาษา Visual Basic จนคล่อง หลังจากนั้นผมก็จากสถาบันนั้นไปและไปฝึกภาษาอื่นไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นไม่นานก็เวลาแห่งความสนุกห็หมดลง ถึงเวลาของชีวิตเด็กมัธยมครั้งแรก ก็เรียนๆไปครับ จนก่อนสอบปลายภาคของเทอมแรก ผมตกเลขครับ (ส่วนตัวแล้ววิชาอะไรที่มีตัวเลขผมแขยงหมดล่ะครับ) แล้วก็ต้องมานั่งซ่อมในขณะที่เพื่อนอื่นๆก็กลับบ้านกัน แต่การตกเลขครั้งนั้นก็ไม่ได้แย่ทั้งหมดมันทำให้ผมคิดได้ว่า "ทำไมเราไม่เขียนโปรแกรมที่คิดเลขให้เราซะเลย" (ความชั่วเริ่มบังเกิดสิแล้วนะแก) หลังจากนั้นสักเทอม 2 โปรแกรมนั้่นก็เสร็จครับตอนนั้นมันชื่อว่า Arnon's Math ชื่อ Arnon ก็มาจากชื่อผมเองครับ อานนท์ โปรแกรมนี้แหละครับ ผมว่ามันเป็นผลงานจริงๆชิ้นแรกของผมที่เกิดจากนำ้พักน้ำแรงของตัวเอง ตั้งแต่การออกแบบโปรแกรม เขียนโปแกรม ทดสอบโปรแกรม จนเป็นโปรแกรมที่เสร็จสมบูรณ์ (ภูมิใจสุดๆอะ แต่ชิบหาย !!! โปรแกรมนั้นหายไปไหนว้าาา ตอนนี้ยังหาไม่เจอเลย) หลังจากที่สร้างแล้วใช้จริงมันทำให้ผมอยากสร้างที่มันอลังกว่านี้อีกเรื่อยๆๆ (ความชั่วของมึงนี่เพิ่มขึ้นทุกวันเลยนะ) จนตอนผมอยู่ ม.3 ครับ มันก็เป็นอีกก้าวของชีวิตที่ต้องเลือกครับ ตอนนั้นหลายคนชอบบอกว่า "เป็นโปรแกรมเมอร์นะต้องเก่งคณิตศาสตร์" (ซึ่งเราไม่เก่งไง) ซึ่งผมตอนนั้นผมคิดว่า "ทำไมอะไม่เก่งคณิตศาสตร์แล้วเป็นโปรแกรมเมอร์ไม่ได้รึไง ค่ะ !!!!!!!" ตอนนั้นก็คิดต่อต้านความคิดนั้นจนมาคิดได้ว่า "ทำไมเราไม่เขียนอะไรที่เอามาช่วยให้โปรแกรมเมอร์ที่ไม่เก่งคณิตศาสาตร์ เขียนโปรแกรมที่ใช้คณิตศาสตร์ได้ล่ะ" จึงออกมาเป็น MathEngine ครับ เป็น API ที่ให้นักพัฒนาสามารถเขียนโปรแกรมทางคณิตศาสตร์ได้โดยที่ไม่ต้องมีความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์เลย ตอนนั้นผมก็ยังอยู่ ม.3 ครับก็เป็นเวอร์ชั่นแรกอยู่เลย หลังจากนั้นผมก็ผ่านอุปสรรคการเลือกเรียนต่อ ม.4 ก็เริ่มมีฟิสิกส์เข้ามาซึ่งตอนนั้นผมก็ ตก !!! จึงเกิดความคิดอีกว่า "เอา MathEngine มาเขียนต่อดีกว่า" จนได้ออกมาเป็นเวอร์ชั่น 2 หลังจากนั้นผมก็เอา MathEngine ที่พึ่งทำเสร็จไปให้นักพัฒนาผู้หนึ่ง (ไม่บอกหรอกว่าใครความลับ แบร่ ) เขาก็บอกว่า "ทำไมไม่เอาไปลงแจกล่ะ มันมีประโยชน์มากมายเลยนะ" ผมก็เชื่อเขาครับก็เอาไปลง แรกๆก็ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ แต่หลังจากนั้นไม่นาน อะไรดนจิต ดนใจ ให้มันฮิตขึ้นมา จึงทำให้มีโปรแกรมเมอร์หลายคนรู้จักผมครับ (ณ ตอนนั้น มีข้อความวิ่งอยู่ในหัวว่า ตอนกูอัพก็เสือกไม่มีคนใช้ ตอนนี้จะลบออกดันมาโหลดกันพรึบ) หลังจากนั้นผมก็พัฒนา MathEngine เรื่อยๆ ออกเวอร์ชั่นใหม่ๆ เรื่อยๆ จนถึงตอนนี้เลยครับ จนตอนนี้ผมก็ทำ MathEngine ด้วย ผมหวังว่าเรื่องของผมมันอาจจะเป็นแรงบัลดาลใจให้กับใครที่จะเริ่มเขียนโปรแกรมครับ ทั้งนี้ผมอยากจะขอขอบคุณ อาจารย์ท่านที่ให้คณิตศาสตร์ผมตก เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า MathEngine คุณแม่ของผมที่ทำให้ผมได้ไปเรียนเขียนโปรแกม ฝรั่งท่านนั้นที่แนะให้ปล่อย Source ในโลกอินเตอร์เน็ต ขอบคุณคนทุกคนที่คิดว่า ไม่เก่งคณิตศาสตร์ ก็เป็นโปรแกรมเมอร์ไม่ได้หรอก
แปลกมากเลยนะ เรารู้สึกว่ายังเหมือนต้นปีอยู่เลย เวลาผ่านไปแปบเดียว กลายเป็นจะหมดปีซะแล้ว เรียกว่าเป็นปีที่ทำอะไรเยอะมาก มีการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ เรื่องเยอะมาก เรื่องหลาย ๆ เรื่องที่เราปูมาตั้งแต่ปีก่อน มันค่อย ๆ งอกเงยมาเรื่อย ๆ วันนี้เรามาถอดบทเรียนให้อ่านกันว่าเราได้อะไรจากมัน และมันสอนอะไรกับเราบ้าง...
เวลาผ่านไปไวเหมือนกันนะเนี่ย ยังแอบรู้สึกว่าเหมือนยังไม่ผ่านครึ่งปีไปดีเลย อ่อ สิ้นปีแล้วเฉยเลย มา งั้นเรามาเล่าให้อ่านกันดีกว่าว่า ที่ผ่านมาในปี 2022 มันเกิดอะไรขึ้น และมันสอนอะไรเราบ้าง...
ผ่านไปอีกปีแล้วกับปี 2021 ที่น่าจะเป็นเวลาที่ยากลำบากสำหรับใครหลาย ๆ คน เราเองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ หลาย ๆ อย่างที่ Plan ไว้ก็ต้องเปลี่ยนหมด หน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ก็หวังว่าปีหน้าจะเป็นปีที่ดีขึ้นเนอะ ~...
และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องมาเขียน Year in Review อีกครั้ง ประโยคที่ว่า จะหมดปี 2020 แล้วคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้ละมั่ง ปีก่อน ๆ อาจจะบอกว่า เออ ใช่แหละ แต่ปีนี้คือเป็นปีที่หนักมากสำหรับหลาย ๆ คนรวมถึงเราด้วย...