Review

ไปดูมาแล้วกับ Wonder หนุ่มน้อยมหัศจรรย์ที่ทำให้ทุกคน...

By Arnon Puitrakul - 15 ธันวาคม 2017

ไปดูมาแล้วกับ Wonder หนุ่มน้อยมหัศจรรย์ที่ทำให้ทุกคน...

เรื่อง “Wonder” หรือชื่อภาษาไทยว่า “ชีวิตมหัศจรรย์” เป็นหนังเรื่องนึงที่ดูตัวอย่างปุ๊บธาตุความอยากมันก็เข้าแทรกทันที พอดีกับที่ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สอบด้วย มันก็จะว่าง ๆ หน่อย (เหรอ ?) ก็ไปกดมา คนเดียว ! ย้ำว่าคนเดียว ! (ไม่ได้เหงาหรืออะไรนะ แต่ก็เป็นงี้แหละ มนุษย์คนเดียว ชอบ ~)

เนื้อเรื่อง

Wonder Movie

หนังเรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องของเด็กชายคนหนึ่งชื่อ Auggie ที่ชื่นชอบและอยากไปอวกาศเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ แต่ดันโชคร้ายเกิดมาพร้อมกับโรค Treacher-Collins Syndrome (TCS) ให้ความรู้เพิ่มนิดนึงว่าโดยปกติโรคนี้จะพบได้เพียง 1 ใน 50,000 คนของเด็กที่เกิดมา ส่วนใหญ่เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีน โดยเกิดได้ทั้งจากปัจจัยแวดล้อมและพันธุกรรมจากพ่อและแม่เอง (ทำไมมีสาระจังฟร๊ะ !!) ที่ทำให้เด็กคนนี้มีหน้าตาที่แปลกไปสักหน่อย โดยเด็กคนนี้ผ่านการผ่าตัดแก้ไขใบหน้ามาแล้วกว่า 27 ครั้ง (อึดจริง !) ในเรื่องบอกว่าไปไหนมาไหนก็มีแต่คนมองหน้า ทำให้ต้องใส่หมวกอวกาศเดินไปมา แต่เมื่อต้องไปโรงเรียนเป็นครั้งแรกของชีวิต เพราะที่ผ่านมามีคุณแม่เป็นคนสอนหนังสือมาตลอด เรื่องจะเป็นยังไงต่อก็แนะนำให้เข้าไปดูกันนะฮ่ะ

Wonder Book

จริง ๆ เรื่องนี้ไม่ได้ถูกแต่งมาเป็นหนังแต่แรก เพราะมันมาจากนิยายชื่อ Wonder เหมือนกับชื่อเรื่องเลยละ เป็นนิยาย New York Best Seller ที่เขียนโดย R.J. Palacio เรื่องนี้ Inspired จากตอนที่ปาลาซิโอและลูกของเธอไปเจอเด็กที่มีหน้าตาผิดปกติ โดยลูกของเธอก็จ้อง จ้องเข้าไป ซึ่งเธอก็กลัวลูกรู้สึกแย่เลยต้องพาออกจากแถวนั้นไป กลับกลายเป็นว่า เพราะพาลูกหนีไปทำให้เธอรู้สึกผิดเลยทำให้ออกมาแต่งนิยายเรื่องนี้ออกมา

เนื้อเรื่องดำเนินเริ่มจากการค่อย ๆ แนะนำตัวละครทีละตัวไปเรื่อย ๆ จนเราค่อนข้างจะเข้าใจเรื่องราวและความรู้สึกต่าง ๆ ของ Auggie เข้าไปเรื่อย ๆ ตอนแรกที่ดูมันก็ทำให้เราเข้าใจนะว่า โลกในมุมมองของเด็กที่มีปัญหาแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ต้องเริ่มจากการยอมรับก่อนว่าเราเป็นแบบนี้ เราคงเลือกเกิดไม่ได้

จากนั้นเนื้อเรื่องก็ค่อย ๆ พาเราไปดูในอีกมุมของตัวละครอื่น ๆ เหมือนกันว่า คนอื่นรู้สึกอย่างไรกับ Auggie ทั้งเพื่อนร่วมชั้นของ Auggie เอง รวมถึงพี่สาว และพ่อแม่ของ Auggie ด้วย ทำให้เราก็เข้าใจได้ว่า จริง ๆ การที่เรารู้สึกว่าชีวิตมันชิบหายคนเดียวมันก็ไม่จริงเสมอไปหรอก จริง ๆ คนใกล้ตัวเราที่ไม่ได้แสดงความเดือดเนื้อร้อนใจ ในใจอาจจะระเบิดแล้วก็ได้ เคยฟังเพลง Bad Day ของ Daniel Powter มันก็จะอารมณ์เดียวกัน บางทีคนเรามันก็ไม่ได้มีวันที่สวยงามกันทุกวันหรอก มันย่อมมีวันที่แย่ ๆ กันทั้งนั้น แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะมาอยู่เคียงข้าง และผ่านปัญหาไปพร้อม ๆ กับเราเหมือนกับที่ พ่อแม่และพี่สาวของ Auggie ทำ

ทำให้เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า บางคนที่ภายนอกดูเข้มแข็งที่สุด ภายในอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นก็ได้ เก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกของจิตใจ ทำให้น้อยคนนักที่จะสังเกตเห็น หรือบางคนที่ดูอ่อนแอสุด ๆ คนที่ดูน่าเป็นห่วง แต่ภายในใจของเขาอาจจะมีหัวใจที่เข้มแข็งมากที่สุดก็ได้

นอกจากนั้นตัวหนังยังทำให้เราเห็นถึงทุก ๆ ตัวละครที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น จนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เหมือนกันที่ทุกคนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เพราะพวกเขาได้รับอิทธิพลจาก Auggie และแน่นอนพวกเราที่กำลังดูอยู่ด้วยเช่นกัน

จุดที่ชอบในการเดินเรื่องของหนังเรื่องนี้คือ หนังไม่ได้ทำออกมาให้ร้องไห้ฟูมฟาย กับชีวิตที่ต้องเกิดมาเป็นแบบที่ Auggie เป็น แต่มันให้ความรู้สึกเชิงบวก ๆ บวกกระจุย รู้สึกอิ่มเอมใจ และมีแรงบันดาลใจมาก ๆ อารมณ์ก็ค่อย ๆ ไปอาจะเศร้าบ้าง รู้สึก Down บ้าง แต่ก็เพราะคนรอบข้างของ Auggie เองด้วยที่ทำให้เขาสู้มาจนได้ขนาดนี้

มุขตลกก็ออกมาเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นมุขเด็ก ๆ หน่อย (ก็แหงแหละ Auggie เป็นเด็กประถมไม่ใช่คุณลุงอายุ 60 นี่หว่า!!) และเนื่องจาก Auggie ก็เป็นคนที่ชอ Starwars เอามาก ๆ ทำให้บางครั้งในหนังก็จะมีมุขตลก และตัวละครใน Starwars ออกมาเป็นระยะ ๆ หนังมันเข้าได้ถูกช่วงมาก ๆ เพราะอีกเดี๋ยว Starwars ก็กำลังจะเข้าพอดีฮ่า ๆ

อีกจุดที่ชอบในหนังเรื่องนี้คือ การนำเสนอเรื่องของการ Bully ที่ในปัจุบันมันเกิดขึ้นบ่อยจนคนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในสังคมสมัยนี้ที่ผู้คมมักตัดสินคนจากหน้าตามากกว่าจิตใจข้างในของคนมากขึ้น Auggie ก็เป็นเหมือนกระจกสะท้อนถึงสังคมว่า คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำได้ อยู่ที่เราจะทำตัวยังไงมากกว่า บางคนอาจจะหน้าตาดี มีฐานะโน้นนี่นั่น Perfect ทุกอย่าง การกระทำก็ไม่อาจบ่งจากลักษณะภายนอกได้

มันทำให้เราเข้าใจในเรื่องที่ว่าเราควรยอมรับต่อความแตกต่างได้อย่างไร เพราะบนโลกเราก็มีความแตกต่างที่เราเห็นในชีวิตประจำวันของพวกเราตลอด มันอยู่ที่ว่าเราจะจัดการกับมันอย่างไร เพราะในใจลึก ๆ แล้วเราก็ไม่ได้อยากเป็นคนไม่ดีหรอก เราอยากได้การยอมรับ และความสุขจากผู้อื่น เราก็ต้องเริ่มจากการปฏิบัติต่อผู้อื่นเหมือนกับที่เราอยากได้เอง นอกจากที่เราจะได้ความสุขตอบกลับมาแล้ว มันยังทำให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้นอีกด้วย

ภาพ, CG และเพลงประกอบ

สำหรับเรื่องของภาพในเรื่อง ก็ไม่ได้ถือว่ามีอะไรเป็นพิเศษขนาดนั้น แต่มันก็ทำให้เราอินและเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี รวมกับเพลงก็เช่นกัน ไม่ได้มีเพลงไหนที่โดนใจเป็นพิเศษ แต่เมื่อเอามารวมกับเรื่องและภาพแล้วมันก็กลายเป็นอะไรที่เข้ากันดีนะ

สรุป Wonder เป็นหนังที่… ดีต่อใจ

หนังเรื่องนี้ผมให้เลย 9.5/10 จากเนื้อเรื่องที่สร้างพลังเชิงบวกให้กับใจเราอย่างแรง ประกอบกับตัวละครสามารถแสดงอารมณ์ออกมาทำให้เราเข้าใจว่าแต่ละคนก็มีเหตุผล มี Bad Day ของเขาเองเวลาดูไป มันก็จะน้ำตาซึมหน่อย ๆ อยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้เศร้าจนต้องร้องไห้นะ แต่รู้สึกดีจนน้ำตามันไหลออกมาซะมากกว่า

นอกจากนั้นยังมีนักแสดงรุ่นป้าในดวงใจของผมอย่าง Julia Roberts แอวี่ติงหวานฉ่ำ (พอดีเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของนาง ชื่อภาษาไทยเลยไม่ ฉ่ำ เหรอ ฮ่า ๆ พอนางมาเล่นเรื่องนี้ก็ทำให้เราเข้าใจว่า เออนางแก่แล้ว) มาแจมด้วย จัดว่าเป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องในปี 2017 ที่อยากให้ทุกคนได้ดู โดยเฉพาะคนที่ช่วงนี้ต้องเจออะไรแย่ ๆ โศกเศร้า สิ้นหวัง ตอนแรกดูจากตัวอย่างก็คิดว่ามันจะเป็นหนังเศร้า ร้องไห้ฟูมฟายกลางโรงหนังขนาดนั้น แต่เปล่าเลย มันกลับเหมือนเชื้อไฟที่ทำให้เรากลับไปสู้ในโลกของเราต่อได้ ก่อนจะไปขอจบด้วย Dialouge นึงจากในเรื่องที่ผมชอบมาก ๆ ประโยคนึง

Everyone deserves a standing ovation because we all overcometh the world

หมายความว่า ทุก ๆ คนสมควรที่จะได้รับการตรบมือชื่นชม เพราะเราก็ประสบความเร็จในโลกของเราเหมือนกัน จะสื่อว่า หลาย ๆ ครั้งที่เรามีปัญหาก็ไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะไม่มี ทุก ๆ คนล้วนมีปัญหาของตัวเองทั้งนั้น แต่สิ่งนึงที่จะห้ามลืมเด็ดขาดคือ เราไม่ได้อยู่คนเดียว คนรอบข้างพร้อมที่จะช่วยเราเสมอไม่ว่าเมื่อไหร่ ขอแค่เราเริ่มที่จะพูดมันออกมาเท่านั้นเอง จบละสวัสดีครับ อย่าลืมไปดูกันน้าาา อยากให้ได้ลองดูจริม ๆ

Read Next...

รีวิว Photomator App แต่งรูปรับจบทั้ง macOS, iPad และ iPhone มี AI ด้วยนะ

รีวิว Photomator App แต่งรูปรับจบทั้ง macOS, iPad และ iPhone มี AI ด้วยนะ

หลายปีที่ผ่านมาพยายามหาโปรแกรมอื่นมาแทน Lightroom เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่าย Subscription จนวันนี้เรามาเจอแล้ว ตัวเต่งเข้ามาที่หนึ่งตอนนี้เลย กับ Photomator จะแทนได้มั้ย อ่านได้ในรีวิวนี้เลย...

รีวิว DJI Mic 2 ไมค์สำหรับ Content Creator ที่ดีที่สุดในตอนนี้

รีวิว DJI Mic 2 ไมค์สำหรับ Content Creator ที่ดีที่สุดในตอนนี้

ก่อนหน้านี้เราตามหาระบบอัดเสียงที่เข้ากับการทำงานหลาย ๆ แบบของเรามานานมาก ๆ ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงานสูง ต้องการให้รองรับกับอุปกรณ์หลาย ๆ ชิ้นได้ง่าย วันนี้เราเจอแล้วกับ DJI Mic 2 จะเป็นยังไงไปดูได้ในรีวิวนี้เลย...

รีวิว 2 ปีกับ ORA Good Cat และ Software ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

รีวิว 2 ปีกับ ORA Good Cat และ Software ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

ไม่น่าเชื่อว่า เวลาผ่านไปเร็วขนาดนี้ ตอนนี้น้องไฟท์ หรือรถ ORA Good Cat มาอยู่กับเรา 2 ปีแล้ว วันนี้เราจะมารีวิวให้อ่านกันว่า 2 ปีที่ผ่านมา อะไรที่เป็นปัญหา และ ในรอบปีที่ผ่านมา เราเสียค่าใช้จ่ายไปเท่าไหร่กับรถคันนี้ไปบ้าง เผื่อจะเป็นข้อมูลสำหรับหลาย ๆ คน...

รีวิว Sony ECM-M1 โคตร Shotgun Microphone อเนกประสงค์ ได้หมดจบทุกงาน

รีวิว Sony ECM-M1 โคตร Shotgun Microphone อเนกประสงค์ ได้หมดจบทุกงาน

ก่อนหน้านี้ เราใช้ Wireless Microphone ถ่ายในห้องนอนเล็ก ๆ ของเรา ซึ่งต้องทั้งชาร์จแบต และเสียบเปิด เสียเวลา Setup พอสมควร ทำให้มองหาอะไรที่ง่ายกว่านั้น จนมาเจอกับ Sony ECM-M1 Shotgun Microphone ตัวเด็ดจาก Sony จะเป็นยังไงอ่านได้ในรีวิวนี้เลย...