By Arnon Puitrakul - 23 สิงหาคม 2017
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Spotify บริการ Music Steaming สัญชาติสวีเดน ก็ได้ลงมาจุติมายังประเทศไทยแดนสารขันของเรากันแล้ว หลังจากผ่านปีน่าจะปีกว่า ๆ แล้วหลังจากที่บริษัทตั้งมา และแน่นอนว่า มันแอบมีข่าวหลุดมาหน่อยแล้ว ๆ เลยไม่ต่ออายุ Joox VIP แล้วรอ Spotify ด้วยความแน่วแน่ วันนี้จะพามาดูกันว่า ทำไมเราต้องใช้ Spotify ด้วย
วิธีที่เราจะฟังเพลงของผมคงเริ่มจากการฟังเทป หรือบางคนแก่หน่อยแผ่นเสียงก็มา จากนั้นเริ่มเป็น CD แล้วก็เป็น Download ผ่านเบอร์โน้นนี่นั่น หลัง ๆ Apple ก็เริ่มมีการขายเพลงผ่าน Internet กัน มาในปัจจุบันช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Music Steaming ก็เข้ามาเป็นวิธีใหม่ที่เราจะเข้าถึงศิลปินคนโปรดของเรามากขึ้น เราคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สมัยนี้พวกเราไม่ค่อยได้ซื้อ CD หรือเทปเพลงกันแล้ว เดี๋ยวนี้พวกเราหันไปใช้ Internet ในการฟังเพลงแทนกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจาก Youtube หรือบริการ Music Steaming ต่าง ๆ เช่น Deezer, Joox และ Spotify Music Steaming ในช่วงแรก ๆ ที่ผมได้ใช้ก็น่าจะเป็น Deezer ที่ตอนนั้น DTAC เอามาเปิดเป็นโปรโมชั่น ก็เลยได้ใช้ มันก็จะเป็นลิสต์ของเพลง และ Playlist มาให้เราเลือกกันฟังเรื่อย ๆ ปัญหาคือ คนมักจะรู้จักเพลงเดิม ๆ ที่ฟังอยู่ทุกวัน เพลงก็ไม่ได้ใช้เวลาผลิตกันวันเดียวได้ ฉะนั้นการที่เราฟังเพลงทุกวัน ทั้งวัน ก็ทำให้เพลงที่ออกมาแล้วฟังแล้วก็เบื่อได้ วิธีคือ เราก็ต้องไปหาเพลงใหม่มาฟังเรื่อย ๆ ใช่ม่ะ ! นี่ก็คือข้อดีของบริการ Music Steaming ที่เราสามารถฟังเพลงอะไรก็ได้ในราคาเหมาจ่ายแล้ว จากวิธีเดิม ๆ ที่แสดงลิสต์ของเพลง และ Playlist ก็กลายมาใช้เทคโนโลยีพวก Machine Learning เข้ามาช่วยเพื่อทำสิ่งที่เรียกว่า Personalisation หรือพูดง่าย ๆ คือการ ทำให้ระบบสามารถเลือก Content ที่เข้ากับผู้ใช้คนนั้น ๆ ย้ำว่า คนนั้น ๆ คือคนเดียวเลย มากกว่า การสร้าง Content รวม ๆ ออกมา เราจะเห็นว่าวงการเพลง ก็มีการหยิบเทคโนโลยี และทฤษฏีต่าง ๆ มาผลิตเป็นระบบที่ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างเยี่ยมยอดเลย
หลังจากที่ Spotify ได้เปิดตัวเมื่อปี 2016 จนถึงตอนนี้มันก็ลงมาถึงประเทศไทยกันแล้ว โดยประเทศเราเป็นประเทศที่ 61 ของโลก และมีอีกหลายเหตุผลที่ ทำไมผมถึงหลงรัก Spotify Customisation เป็นเรื่องหลักที่ผมชอบเลยก็ว่าได้ มันจะเริ่มจากการแนะนำ Playlist แบบกลาง ๆ ตามอารมณ์ และเวลากันไป เช่นตอนกลางเช้าก็มีจะ Playlist สำหรับฟังเดินทาง ระหว่างทำงาน อะไรแบบนั้น ตกกลางคืนก็จะมี Playlist พวก Relax กับ Sleep ขึ้นมา อันนี้ก็ว่าชอบแล้ว มันยังเรียนรู้อีกว่า เราชอบฟังเพลงแบบไหนเวลาไหน แล้วขึ้นแนะนำในหน้าแรกมาเลย โดยส่วนตัวเป็นคนที่มีปัญหากับการฟังเพลงไปทำงานไปมาก เพราะพอเพลงนึงจบก็ต้องไปเปลี่ยนเพลงใหม่ มันค่อนข้างเสียสมาธิมาก แต่ด้วยฟีเจอร์ที่เรียนรู้ว่าเราชอบฟังเพลงแบบไหนทำให้เราไม่ต้องสลับหน้ากลับไปเปลี่ยนเพลงเลย คือได้เพลงที่โดนตามอารมณ์มายังกะเสกมาเลย มีความสุขกับการฟังเพลงมากขึ้นมากเลย
ฟีเจอร์ต่อมาคือ Social Integration โดยปกติเวลาเราฟังเพลง เราก็จะฟังคนเดียว อย่างมากคือ การสร้าง Playlist แล้วเอามาอัพลงมาแชร์กัน หรือแชร์เพลงนั้นลง Social Network อย่าง Facebook แต่อันนี้มาเหนือแจ้ มันโชว์อยู่ข้าง ๆ แบบ Real-Time กันเลยว่าเพื่อนเราฟังเพลงอะไรกันอยู่ ส่วนตัวคิดว่าเป็นอะไรที่โอเคดีนะ
ตัวโปรแกรมก็รันเป็น Native รองรับทั้งใน macOS, iOS, Android และ Windows ครบครันเลย ที่สำคัญทุก Device จะถูก Sync กันแบบ Real-Time และใช้เป็น Remote ซึ่งกันและกันได้ด้วย เช่นทำงานบน macOS แล้วหยิบ iPad ขึ้นมาต่อเน็ตเปิด App ขึ้นมา เพลงที่เราเลือกบน iPad ก็จะไปโผล่ใน macOS ที่เราทำงานอยู่ด้วยเลย จุดนี้เป็นสุดที่ทำให้ผมพูดขึ้นมาเลยว่า "เออหว๊ะ" ปกติเวลาเราซื้อพวก Music Steaming มันจะ Login ได้หลาย Device แต่มันไม่ได้กันเราเอา Account ไปให้คนอื่นใช้ แต่ด้วยวิธีนี้ถึงเราจะเอา Account ไปให้คนอื่น เปิดมาก็กลายเป็น Remote อยู่ดี เป็นวิธีกันการแชร์ Account ที่ดีมาก ๆ
อีกจุดหนึ่งที่ผมไม่ได้จาก Joox ที่เคยใช้คือ การใช้งานบน Smart Watch แต่พอเปลี่ยนปุ๊บ บน Android เวลาผมเล่นเพลง ในนาฬิกามผมจะขึ้นเป็น Music Controller มาเลยเหมือนกับเวลาเราดู Youtube แล้วมันจะมี Controller งอกขึ้นมา เจ๋งกว่านั้นคือยังมี App อยู่บน Android Watch ด้วย เราก็สามารถเลือก Playlist จากนาฬิกาได้เลย สะดวกมาก ๆ
ซื้อบริการ Music Steaming มา เรื่องคุณภาพเสียงก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก คู่แข่งอย่าง Joox และ Tidal ที่มีบริการใน Steaming ระดับ Lossless CD Quality สำหรับคนฟังในระดับ Hifi เรื่องนี้อาจเป็นจุดด้อยกับ Spotify ไปสักหน่อย เพราะเราสามารถเลือกสูงสุดได้อยู่ที่ 320 kbps ได้เท่านั้น ส่วนตัวเป็นคนที่ใช้เครื่องเล่นและหูฟังที่ให้คุณภาพสูงอยู่แล้ว เวลาฟังเมื่อเทียบกับ Joox ที่เป็น Lossless เทียบกัน จะเห็นว่าฝั่งค่ายเขียวนี่จะด้อยอยู่หน่อย ๆ รายละเอียดหายไปบางส่วน (แหงแหละ เอา 320 kbps ไปเทียบกับ Lossless นี่นะ !!) แต่สำหรับผู้ฟังทั่วไปคุณภาพระดับนี้ก็อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงมากแล้ว
มาที่เรื่องของราคากันบ้าง ถ้าเราไม่จ่ายเงิน เราก็ยังสามารถฟังเพลงได้อยู่ แต่ก็จะมี Ads มาคั่นกันทำให้รำคาญ กับคุณภาพเสียงที่ได้ไม่สูงมาก แต่ถ้าเราเสียเงินมันจะตกอยู่เดือนละ 129 บาท เราก็จะปลดล๊อคได้หมดเลย
นอกจากนั้นยังมี Family Pack สำหรับครอบครัว อีกด้วย โดยจะใช้ได้ 5 คน เสียแค่ 199 บาท ถ้าหารออกมาก็จะตกคนละ 40 บาทเท่านั้นเอง โคตรคุ้ม ไม่ต้องใช้ราคานักศึกษากันเลยทีเดียว โดยรวมผมถือว่า ราคาถูกมาก ๆ เลยนะ ถ้าใช้คนเดียวเดือนละ 129 บาท หรือถ้าแชร์กัน 5 คน กับเพื่อน ก็ตกคนละ 40 บาทเอง กับการที่เราใช้ฟังเพลงบ่อย ๆ
ไม่ต้องพูดอะไรมากเลยจริง ๆ คือมันดีงามมาก ปกติจะหงุดหงิดกับการเลือกเพลงมาก ทำงานไปก็สลับไปสลับมา มาตอนนี้คือได้เพลงที่ต้องการโดยที่มันมาเอง เหมือนโดนเสกมา ดีงามมาก กับเรื่องของการใช้งานที่ต่อเนื่อง พูดได้เลยว่า Seamless เลยฟังเพลงตอนปั่นจักรยานไปมหาลัย เปิดคอมมา อารมณ์มันก็ต่อกันได้เลย บวกกับราคา 129 บาทต่อเดือน แต่ถ้าหาตี้แชร์กับเพื่อนมันตกอยู่คนละ 40 บาทต่อเดือนเท่านั้นเอง ถือว่าโคตรคุ้ม จนไม่รู้จะคุ้มยังไงแล้ว ซื้อเลย ปล. เขาไม่ได้จ่ายนะ จ่ายเองนี่แหละ !!!
ก่อนหน้านี้เราตามหาระบบอัดเสียงที่เข้ากับการทำงานหลาย ๆ แบบของเรามานานมาก ๆ ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงานสูง ต้องการให้รองรับกับอุปกรณ์หลาย ๆ ชิ้นได้ง่าย วันนี้เราเจอแล้วกับ DJI Mic 2 จะเป็นยังไงไปดูได้ในรีวิวนี้เลย...
ไม่น่าเชื่อว่า เวลาผ่านไปเร็วขนาดนี้ ตอนนี้น้องไฟท์ หรือรถ ORA Good Cat มาอยู่กับเรา 2 ปีแล้ว วันนี้เราจะมารีวิวให้อ่านกันว่า 2 ปีที่ผ่านมา อะไรที่เป็นปัญหา และ ในรอบปีที่ผ่านมา เราเสียค่าใช้จ่ายไปเท่าไหร่กับรถคันนี้ไปบ้าง เผื่อจะเป็นข้อมูลสำหรับหลาย ๆ คน...
ก่อนหน้านี้ เราใช้ Wireless Microphone ถ่ายในห้องนอนเล็ก ๆ ของเรา ซึ่งต้องทั้งชาร์จแบต และเสียบเปิด เสียเวลา Setup พอสมควร ทำให้มองหาอะไรที่ง่ายกว่านั้น จนมาเจอกับ Sony ECM-M1 Shotgun Microphone ตัวเด็ดจาก Sony จะเป็นยังไงอ่านได้ในรีวิวนี้เลย...
หลังจากที่ Moft ออกของอุปกรณ์ Magsafe และแม่เหล็กมา จนกลายเป็นของยอดนิยมไปแล้ว แต่ตัวเก่า Stand มันตั้งได้แค่ 2 แบบเท่านั้นคือ แนวตั้ง และ แนวนอน มันไม่สะใจสำหรับบางคน ในรอบนี้ Moft มาใหม่แบบสับด้วย โคตร Stand ที่ตั้งได้ 3 โหมด ครอบคลุมการใช้งานหลากหลายมาก ๆ...