By Arnon Puitrakul - 29 สิงหาคม 2019
สวัสดี ช่วงนี้เราก็ย้ายไปอยู่บ้านใหม่แล้ว เลยต้องมีการตกแต่งห้องหน่อย ของชิ้นนึงที่เราว่า เดี๋ยวนี้จะขาดไม่ได้เลยคือ ไฟ RGB ฮ่า ๆๆๆๆ วันนี้เราก็จะมารีวิวเจ้าไฟสี ๆ นี่กัน ซึ่ง Brand ที่เราจะเอามารีวิวในวันนี้น่าจะเป็น Brand จากจีนที่หลายคนรู้จักกันดีคือ Xiaomi นั่นเองงงง
ก่อนเราจะไปรีวิวกัน เรามาแกะกล่องกันก่อนเลยดีกว่า ที่ด้านหน้ากล่อง ก็จะมีหน้าตาของเจ้าไฟที่บ่งบอกว่ามันเป็นแบบเส้น ๆ นะ สามารถต่อยาวได้สูงสุด 10 เมตรไปเลย พร้อมทั้งยังรองรับการทำงานกับ Google Assistant ได้อีกด้วยตามสไตล์ Xiaomi
ด้านข้างกล่อง ก็จะบอกว่า ในกล่องนี้มีอะไรมาให้บ้าง และก็มีบอกอีกว่า เราสามารถไปซื้อเฉพาะไฟมาต่อเพิ่มได้อีกถ้าเราต้องการความยาวที่มากขึ้น
ด้านหลังกล่องก็จะเป็นรายละเอียดการทำงานต่าง ๆ ของตัวไฟ
ด้านข้างอีกข้าง ก็จะเป็นแนะนำ App ที่ใช้จัดการไฟต่าง ๆ สามารถโหลดได้ผ่านทั้ง Google Play Store และ App Store ได้เลย เดี๋ยวจะมารีวิวกัน
หลังจากแกะพลาสติกแล้ว ก็ถึงเวลาเปิดกล่อง ตัวกล่องจะเปิดจากด้านหน้า เหมือนเวลาไปซื้อของพวกไอที ที่จะชอบเปิดจากด้านหน้า
เมื่อเปิดเข้ามา เราก็จะพบกับไฟม้วนอยู่ในกล่องอย่างสวยงามเลย
ดึงไฟขึ้นมา ก็จะเจอคู่มือการใช้งาน ซึ่งแน่นอนว่า เกิน 8 บรรทัด ข้าม !!! ด้านล่าง ก็จะเป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่สายไฟ และ Remote นั่นเอง
สำหรับ Adapter จ่ายไฟ ก็จะเป็นพลาสติกสีขาว มาพร้อมกับที่พันสายอย่างดีเป็นยาง ไม่ต้องไปหาที่พันมาพันสายที่เกินเลยยย
พลิกขึ้นมาอีกด้าน อ้าววว หัวปลั๊กไปไหน !!
ก็คือ ในกล่องเขาจะมีหัวปลั๊กมาให้เราใส่ด้วย ตรงนี้เราเข้าใจว่าเขาคงผลิตไปให้หลายประเทศใช้แหละ การทำแบบนี้มันก็ง่ายไง ก็แค่เปลี่ยนหัวปลั๊กนี่ไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ที่ขายก็ว่ากันไป ส่วนที่เราซื้อมาก็จะได้มาเป็น หัวแบน 2 หัวไม่มีสายดิน
การใส่หัวปลั๊กก็ไม่ได้ยากเลย เพียงแค่เราวางลงไปให้ตรงล๊อคแล้วหมุน มันจะมีเสียงกริ๊ก ก็เรียบร้อยแล้ว (เสียง แกร๊ก ก็เรียบร้อยเช่นกัน พังเรียบร้อย ฮ่า ๆ)
ในกล่องก็จะมีของเท่านี้เลย (เออ ก็มันเป็นแค่ไฟ จะมีอะไรเยอะแยะห๊ะะะ)
Yee Lightstrip ก็เป็นไฟเส้น ๆ จาก Xiaomi หรือเราอาจจะเคยได้ยิน Brand ที่ชื่อว่า Yee Light มา นี่แหละ จริง ๆ Yee Light มันก็คือของ Xiaomi แหละ แล้วใน Yee Light มันก็มีไฟหลายแบบมาก ๆ หนึ่งในนั้นก็คือ Lightstrip ที่เรามารีวิวกันในวันนี้แหละ
การประกอบเพื่อใช้งาน ก็เริ่มจากการใส่หัวปลั๊กที่ Adapter และเอาปลายสายไฟจาก Adapter ไปเสียบที่สายด้านนึงของ Remote เพื่อจ่ายไฟเข้า
ตัว Remote นั้นก็ช่างเรียบง่ายแสนง่าย ตัวมันก็จะเป็นพลาสติกด้าน สีขาวธรรมดามาก ๆ มากับปุ่มใหญ่ ๆ ปุ่มนึง สำหรับเปิดและปิด ด้านล่างมีสัญลักษณ์ของ Yee Light สลักอยู่
ด้านหลังก็จะเป็นรายละเอียดต่าง ๆ พวก Model No. อะไรพวกนั้นก็ว่ากันไป และสำหรับใครที่อยากรู้ MAC Address ของอุปกรณ์ตัวนี้ เผื่อจะเอาไปใช้ผ่าน Firewall หรืออะไรก็ตามก็จะอยู่ตรงด้านหลังนี่แหละ นอกจากนั้น เราจะเห็นได้ว่า มันมีแผ่นเหมือนแผ่นยางขาว ๆ อยู่ด้านบนและล่างของ Remote อันนี้เอาไว้กันลื่น แต่ถามว่า เราวางแล้วลื่นมั้ย ลื่น !!
ตัวไฟ ก็ไม่โง่เลยนะ เพราะแทนที่มันจะเป็นเส้น ๆ แล้วมีแค่หลอด มันมีเหมือนพลาสติกเคลือบมาอีกชั้น ทำให้เวลาเราจับเราก็ไม่โดนหลอดโดยตรง เวลากระแทกหลอดก็จะไม่ได้รับความเสียหายได้โดยง่าย
ด้านหลังของสายหลอด จะมาพร้อมกับกาว 2 หน้าไว้ให้เราแกะเพื่อแปะลงไปตามพื้นผิวที่เราต้องการ ซึ่งเอาจริง ๆ กาวมันก็ไม่โง่เลยนะ นี่เราใช้มาสักพักละ กาวยังไม่หลุดเลย ถ้าเป็นไฟเส้นอื่น ๆ ที่เราเล่นมา บางอันกาวก็ไม่มีให้ ก็ต้องไปซื้อมาติดเอง เป็นเส้น ๆ มันก็เล็กบางทีตัดเทปกาวเบี้ยวอีก มันก็ไม่สวย การมีมาให้นี่แหละดีงามมมม
ที่ปลายของสายหลอดก็จะเป็น Port สำหรับเชื่อมต่อไปที่สายหลอดอันถัดไป อย่างที่เราบอกไปก่อนหน้านี้คือ ไฟนี่ถ้าเราใช้แล้วมันยาวไม่พอ แทนที่เราจะต้องไปซื้อ Kit แบบนี้มาหลาย ๆ อัน เราก็สามารถซื้อ Kit แบบนี้อันเดียว (มันจะมาพร้อมสายหลอด 1 m) พร้อมกับสายหยอดอย่างเดียวได้ โดยเราสามารถต่อไปเรื่อย ๆ ได้ถึง 10 m เลยทีเดียว ยาวจนไม่รู้จะยาวยังไงแล้วละ
)
ขึ้นชื่อว่า Xiaomi มีรึที่มันจะเป็นแค่ไฟธรรมดา เจ้านี่สามารถเชื่อมต่อกับ WiFi และควบคุมผ่าน App จากที่ไหนก็ได้ที่มี Internet เลย
การเชื่อมต่อก็ทำได้ง่าย ๆ คือการกดปุ่มที่ Remote ค้างไว้ และจัดการต่อผ่าน App ของมันก็เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าใครที่ใช้เครื่องฟอกอากาศของ Xiaomi อยู่แล้วก็น่าจะคุ้นเคยกับการ Pair อุปกรณ์ของยี่ห้อนี้ เหมือนกันหมดแหละ
อันความไฟนี้ ลำพังใช้ App Xiaomi ก็ทำอะไรได้ไม่มาก อย่างมากก็แค่เปิด และ ปิด ถ้าเราอยากจะ Custom อะไรได้มากกว่านั้น เราจะต้องใช้ App ที่ชื่อว่า Yee Light นั่นเอง
ใน App นี้ เราสามารถสร้าง Scene ต่าง ๆ ควบคุมไฟแต่ละอันได้เลย เช่นเราก็จะมี 4 Scene คือ Sleep อันนี้มันจะให้แสงสีส้มอ่อน ๆ, At Home เราก็จะให้มันเปิดสีวน ๆ ไป, Studying ก็จะเป็นสีม่วงอ่อน ๆ สำหรับอ่านหนังสือ และ Leave ก็คือ ปิดไฟก่อนออกจากบ้านนั่นเอง
หรือถ้าเราไม่อยากทำเป็น Scene เราก็สามารถเข้าไปจัดการทีละเส้นก็ยังได้ โดยเราจะเลือกเป็นสี ๆ เดียว เลยก็ยังได้ หรือจะให้มันเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ หลัก ๆ แล้วเราสามารถจัดการได้ละเอียดมาก ๆ ข้อสังเกตนึงที่เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ในการเปลี่ยนสีคือ มันให้มาเป็น Plate สีเลย แบบเอานิ้วรูดดูสีเลยแบบนี้ เราว่ามันทำให้ยากเวลาจะ Sync สีให้ตรงกัน เพราะเราต้องเลือก 2 ครั้ง ถ้าไม่มีรหัสสี มันก็จะยากที่จะทำให้ไฟมากกว่า 1 ดวงมีสีเดียวกันเป๊ะ ๆ
อย่างที่มันเขียนไว้หน้ากล่องด้วยว่า ใช้งานกับ Google Assistant ได้ ก็คือ เราสามารถเชื่อมต่อ Xiaomi Account ของเราเข้ากับ Google Account ของเรา เท่านี้เราก็สามารถใช้ Google Assistant ในการสั่งการไฟเหล่านี้ได้เลย ง่ายมาก ๆ เลยใช่ม้าาา
ถ้าบ้านใครมีพวก Google Home ก็สามารถสั่งผ่านเจ้านี่ได้เลย โดยที่เราไม่ต้องถือโทรศัพท์ไปมา นี่แหละ ความสนุกของ Smart Home ของเล่นเยอะไปมั้ยยย
ส่วนถ้าใครสงสัยว่า มัน Delay มั้ย หมายถึงว่า เวลาเราควบคุมผ่าน App แล้วมันเปลี่ยนเร็วมั้ย อันนี้เราต้องบอกว่า ขึ้นกับคุณภาพอินเตอร์เน็ตในบ้านเราด้วย อุปกรณ์ Smart Home พวกนี้มันต้องอาศัยการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่เสถียรนิดนึง เท่าที่เราใช้ก็คือ แทบไม่ Delay เลย กดปุ๊บเปลี่ยนสีปั๊บเลย
เป็นคำถามที่หลาย ๆ คนถามเรามาเยอะมาก ๆ เลยนะ แสง เป็นหนึ่งในสิ่งที่มนุษย์เราสัมผัสได้ แสง สี มันเป็นอีกหนึ่งอย่างที่เปลี่ยนอารมณ์ของเราได้ เหมือนกับการสูดกลิ่นที่เราชอบนั่นแหละ แสงสี มันก็ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศในห้องเราได้
เอาจริง ๆ เลยนะ คือ ที่ซื้อมาไม่ค่อยได้แคร์เรื่องการเปลี่ยนบรรยากาศอะไรขนาดนั้น แต่มันเท่เลยซื้อมา จริง ๆ
แต่พอได้ใช้ไป เราก็เชื่อแล้วว่า แสงสี มันมีผลต่ออารมณ์เรามาก ๆ เลยล่ะ เหมือนที่กลิ่นทำได้เลย
จาก Feature ที่เล่ามาทั้งหมด เราจะบอกว่า เจ้านี่ราคาอยู่แค่พันกว่าบาทเท่านั้น ใช่ฮะ พันกว่าบาทเท่านั้น ถือว่าถูกมาก ๆ เลยนะ เมื่อเทียบกับพวก Philips Hue สำหรับไฟที่เป็นพวก Smart Light แบบนี้ หรือถ้าความยาวไม่พอก็ซื้อตัวต่อมาต่อเพิ่มได้อีกกล่องละเมตรเลย เมตรนึงก็ไม่เกิน 300 บาทเท่านั้นเอง เลยทำให้เจ้านี่เป็นไฟที่น่าเล่นมาก ๆ ตัวนึงเลย ถ้าใครกำลังมองหา Lightstrip มาเล่นอยู่ เราแนะนำ Yee Lightstrip เลย ทั้งถูก และดีอีกต่างหาก
หลังจากผ่านไป 3 ปี ในที่สุดวันที่เรารอคอยกันก็มาถึง iPad Mini ออกรุ่นใหม่แล้วแกร แต่เอ๊ะ หน้าเดิมนิ แล้วมันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง และส่งผลกระทบต่อการใช้งานอย่างไรบ้าง วันนี้เราได้ทดลองใช้แล้วจะมารีวิวให้อ่านกัน...
หนึ่งใน Feature ใหม่ที่เปิดออกมาทั้งใน macOS Sequoia, iPadOS 18 และ iOS 18 คือ App ที่ชื่อว่า Password เป็น Password Manager ของ Apple วันนี้เราได้ทดลองใช้งานมันมาประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว จะมาเล่าให้อ่านกันว่าอาการมันเป็นยังไง มันทำให้ชีวิตเราเหนื่อยขึ้นได้อย่างไร...
เป็นประจำในทุก ๆ ปีที่ Apple จะเปิดตัว macOS Version ใหม่ออกมาให้ผู้ใช้ Mac ได้ Upgrade กัน ในปีนี้เอง Crack Marketing Team ก็ทำหน้าที่ของตัวเองในการออกไปหาชื่อใหม่ให้กับ macOS ในปีนี้ชื่อว่า macOS Sequoia จะมี Feature อะไรเด็ด ๆ บาง วันนี้เรารวมเอามาเล่าให้อ่านกัน...
หลังจาก Apple เปิดตัว iOS18 และ iPadOS18 วันนี้เราจะมาเล่าพวก Feature ต่าง ๆ ที่เราได้ทดลองใช้งานมาหลายวันพร้อมกับบอก Use Case การใช้งานต่าง ๆ ว่ามันเอามาทำอะไรได้บ้าง...