By Arnon Puitrakul - 19 มีนาคม 2018
หลังจากที่เมื่อปีก่อน ผมก็ได้รีวิวหูฟังอีกตัวจากค่ายปลาดิบเหมือนกันคือ H.ear in NC ที่ตอนนั้นว่า เด็ดแล้ว เมื่อวันเกิดที่ผ่านมา เพื่อน (ไม่ได้ยืม เพื่อนให้ เพื่อนยังอยู่ เลี้ยงหมาอยู่บ้าน) ผมส่งหูฟังมาให้เป็นของขวัญ ได้มาเป็น Sony XBA-N1AP ที่เป็นหูฟังแบบ Hybrid Driver ที่จะแจ่มแค่ไหนนั้น เราลองไปดูกันเลยครับ
ตัวกล่องก็มาเป็นกล่องกระดาษสีขาวสไตล์นิยมอย่างชาวอารยธรรม พร้อมกับโลโก้ Hi-Res Audio ที่เป็นการบอกว่า หูฟังตัวนี้เป็นหูฟังความละเอียดสูง นอกจากนั้นยังบอกฟีเจอร์อื่น ๆ อย่างเช่น Detachable ที่เราสามารถถอดเปลี่ยนสายเป็นสายอัพเกรดได้ และแน่ ๆ มีการใช้ Balance Armature Driver อีกด้วย
สไลด์กล่องข้างในออกมา เราก็จะได้เป็นกล่องสีดำ ๆ พร้อมกับสลักคำว่า Sony เอาไว้ ดูเรียบหรูให้สมราคามัน
หลังจากที่เราเปิดกล่องดำออกมา เราก็จะพบกับ XBA-N1AP นอนอยู่อย่างสวยงาม บนฟองน้ำสีดำ ดูแล้วก็หรูดี
ด้านล่างของกล่องก็จะเป็น Case ใส่หูฟัง ที่เป็นผ้า ขอบเป็นยาง ข้างในเป็นพวก Micro-fibre ที่ก็ไม่ได้ทำให้ดู Premium อะไรเลย อันนี้ไม่ชอบมาก ๆ
ส่วนด้านล่างจะเป็นจุกหูฟังแยกออกมาเป็น 3 ขนาดคือ S, M และ L อย่างละ 1 ชุด ที่เราต้องใช้ให้เข้ากับขนาดของหูเรา โดย Sony เรียกเทคโนโลยีของจุกหูฟังนี้ว่า Triple-Comfort Earbuds ที่เคลมว่า ใส่แล้วจะกันเสียงได้ดี ใส่สบาย และที่สำคัญใช้น้ำล้างได้โดยที่ไม่เสื่อมจากการโดนน้ำเลย
เห็น Case มันดูธรรมดาเกือบจะไม่หยิบขึ้นมาละ แต่ในนั้นมีอุปกรณ์เพิ่มอีก 3 ชิ้น คือ ที่เก็บสาย, จุกหูฟัง 3 ขนาด ขนาดละ 1 ชุด (รวมกับที่อยู่ในกล่องเมื่อกี้ก็เป็นขนาดละ 2 คู่) และ ที่หนีบสาย เรากับเสื้อกันมันดุ๊กดิกไปมา เวลาเราเดินหรือทำอย่างอื่นที่ไม่นั่งเฉย
หมดละในกล่องก็มีเท่านี้ละ เรื่องของอุปกรณ์ที่แถมต่าง ๆ แอบปลื้ม h.ear in NC มากกว่านะ ที่เคสใส่ใช้ง่ายและสวยกว่าเยอะเลย
ลักษณะโดยรวมของหูฟังตัวนี้ก็เหมือนกับหูฟังทั่ว ๆ ไปคือ มีแจ๊ค 3.5 มม. สำหรับต่อเข้าแหล่งเสียง ตัวหูฟังที่เป็น In-Ear และ Microphone พร้อมกับปุ่ม Control 1 ปุ่ม ถ้าลองจับดูจะรู้สึกเลยว่า มันเบามาก ๆ (อาจจะเป็นเพราะชินกับ h.ear in NC ด้วยมั่ง) พกพาง่ายมาก
ตัว Housing ของตัวหูฟัง ทำจากพลาสติกที่มีส่วนที่เงา และส่วนที่เป็นผิวขรุขระเหมือนพ่นทราย มันก็เล็กเท่ากับหูฟัง In-Ear ทั่ว ๆ ไปเลยนะ (ไม่นับที่ยื่น ๆ ออกมานะ) หันหน้าออก ก็จะมีการสลักชื่อรุ่นด้วยตัวขาว ๆ บอกไว้
อีกด้าน ก็จะมีการสลักไว้เลยว่า ผลิตที่ประเทศไทย และยังมีสัญลักษณ์บอกด้วยว่าอันนี้คือข้างไหน
อย่างที่บอกว่า หูฟังตัวนี้เราสามารถถอดเปลี่ยนสายได้ โดยหัวจะเป็นหัวที่เรียกว่า MMCX เผื่อใครต้องการที่จะอัพเกรดโดยการเปลี่ยนสายก็ว่ากันไป แต่จุดสังเกตคือตรงหัวที่เราใช้ดึงเปลี่ยนสาย มันสามารถหมุนได้ด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าในระยะยาวมันจะทำให้เกิดอะไรได้บ้าง จุดนี้ค่อนข้างทำให้ผมกังวลเป็นอย่างมาก
สายที่มากับตัวหูฟัง จะเป็นสายความยาวราว ๆ 1.2 เมตรที่เหลือเฟือกับการใช้งานเลย ตัวสายเป็นลักษณะกลม ค่อนข้างแข็งแรง (แต่จะอ่อนกว่า h.ear in NC ที่เคยใช้มาก แอบกลัวหักอยู่เหมือนกัน) และมีการทำร่องไว้ตามสมัยนิยมเพื่อป้องกันสายพันกันเป็นปมได้ยากขึ้น พร้อมกับหัว 3.5 ชุบทอง
ตัว Remote และ Microphone จะเป็นอันเล็ก ๆ อยู่ข้างซ้าย ผมเองที่ใช้ h.ear in NC มาก่อน ก็บอกเลยว่า ไม่ชินมาก ๆ เพราะตอนใช้อันเก่ามันอันใหญ่ และหนักมาก ทำให้เราหาจับมันได้อย่างรวดเร็ว พอมาใช้ XBA-N1AP เท่านั้นแหละ หาไม่เจอ.... เพราะมันเล็กและเบามาก ๆ มากโคตร ๆ นอกจากนั้นยังมาพร้อมปุ่มที่เป็น Universal Remote ใช้ควบคุมเพลง และรับสายทั้งใน Android และ iOS เลย
กลับมาที่ตัวจุกหูฟังกันบ้าง ที่ Sony เรียกว่า Triple-Comfort Earbuds ข้อดีของมันคือใส่แล้วสบายเหลือเชื่อ พร้อมกับป้องกันเสียงจากข้างนอกได้ดีมาก ๆ และล้างน้ำได้ ที่ต่างจากจุกแบบอื่น ๆ ที่จะเสื่อมสภาพเร็วขึ้นเมื่อโดนน้ำ จากที่ได้ลองใส่ดู พบว่ามันสบายมากจริง ๆ กับเรื่องของเสียงรบกวน ตอนแรกคิดไว้ว่า มันก็คงดังหน่อยแหละ ดังกว่าหูฟังทื่มี Digital Noise Cancelling แน่ ๆ แต่เฮ้ย !! มันเงียบใกล้เคียงกันมาก ถึงจะเงียบไม่เท่าแต่ก็ต่างกันไม่มาก
XBA-N1AP Hybrid Driver Source: Sony.com
สิ่งที่ทำให้หูฟังตระกูลนี้มีความโดดเด่น คือการใช้ Driver จำนวน 2 ตัวคือ Dynamic Driver ขนาด 9 มม. เหมือนกับที่เราใช้กันในหูฟังทั่ว ๆ ไป ที่จะเก่งในเสียงช่วงต่ำและกลาง ที่แน่นเพื่อขับเสียงที่เที่ยงตรง ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่ ที่ทำให้สามารถตอบสนองกับความถี่ได้ดีกว่า Driver ขนาด 16 มม. ที่ออกมาก่อนหน้านี้ซะอีก และชัดเจน และยังใช้ Balanced Armature Driver ในช่วงเสียงสูง ที่ช่วยทำให้เสียงย่านสูงมีความสะอาด ชัดใสมากขึ้น
โดยมาในรุ่นนี้ Sony ได้มีการลดขนาดของของตัวขับไปกว่า 30% แต่ยังคงคุณภาพเสียงไว้คงเดิม ทำให้ตัวหูฟังมันไม่ยื่นออกมา ทำให้เรารำคาญเลย
แต่ในรูปเอามาเสียบกับ iPad Pro เพื่อความเท่ ฮ่า ๆ
ก็แน่นอนว่า ของใหม่ ผมก็ต้องเห่อเป็นธรรมดา ช่วงนี้เลยทำให้ได้เอาไปฟังเสียงหลาย ๆ แนวมาก โดยส่วนมาก ผมจะใช้ต่อกับโทรศัพท์ Sony Xperia X Compact ที่ตัวมันเองก็เป็น Hi-Res เหมือนกัน ก็น่าจะช่วยขับประสิทธิภาพของหูฟังออกมาได้มากที่สุด
มาที่เรื่องความเงียบกันก่อน เพราะเป็นปัจจัยนึงที่ทำให้ผมติดหูฟังเลย คือมันทำได้ดีมาก ๆ น่าจะเพราะจุกที่ได้รับการออกแบบมา ทำให้ตัดเสียงรอบข้างได้ดียิ่งขึ้น อย่างที่บอกไปเลยว่า เงียบเกือบจะเท่ากับมี NC เลย ถ้าจะใส่เพื่อหนีความโลกแห่งความเป็นจริงละก็ ใช้ได้เลย!! เรียกได้เลยว่า แทบจะถูกตัดออกจากโลกภายนอกไปเลย
เรื่องของเสียงก็บอกเลยว่า สมราคา สมน้ำ สมเนื้อ ด้วยเนื้อเสียงที่อาจจะไม่เหมือนกับ h.ear in NC ตัวเก่าของผมที่ มาในตัวนี้เสียงโดยรวมแล้ว เนื้อเสียงจะแน่นกว่า เบสที่ลงลึก โปร่ง อิ่มและสบายมากขึ้น แต่ไม่บาดหู เสียงช่วงกลางที่อิ่มและนุ่มมากขึ้น ทำให้เสียงช่วงกลางมันดูเด่นมากกว่าเดิม (ฟิลเหมือนเรากดเพิ่ม Saturation ในภาพเลย มันดู Colourful ขึ้นมาทันตา 🌈) กับช่วงแหลมที่สะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เรื่องของรายละเอียดของเสียงก็ทำออกมาได้ดีมาก ๆ รู้สึกได้ถึงรายละเอียดที่แน่นมาก ๆ ส่วนเรื่องของ มิติของเสียง จัดว่าดีกว่าตัวเก่าหลายขุมเลย (ก็ราคาต่างกันขนาดนั้น) แบบทิ้งฝุ่นหายไปเลยดีกว่า โดยรวมให้มิติเสียงที่กว้าง แต่รู้สึกสบาย ชอบมากถ้าเอามาฟังกับเพลงมีการเล่นมิติของเสียงมาก ๆ มันทำให้เรารู้สึกสนุกกับมันไปโดยบริยายเลย
เพลงที่มันน่าจะเข้าก็น่าจะเป็นเพลงสาย Pop ที่ฟังสนุกได้เรื่อย ๆ เพราะอารมณ์ของ XBA-N1AP มันจะเป็นหูฟังที่เน้นฟังสนุกซะมากกว่า นี่ก็ลองเอามาดูหนังพบว่า มันไม่สบอารมณ์เท่ากับตัวเก่าเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะมิติของเสียงที่มากขึ้นรึเปล่าไม่รู้ แต่รู้สึกไม่ถูกใจเท่ากับตัวเก่า แต่ถ้าเอามาฟังเพลงมันก็เป็นอีกเรื่องไปเลยไง
Sony XBA-N1AP เป็นหูฟังแบบ Hybrid ที่น่าสนใจตัวนึงเลย เพราะมันมาพร้อมกับ Dynamic Driver ขนาด 9 มม. ที่ให้เสียงย่านต่ำและกลางได้อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมกับ Balanced Armature Driver ที่ให้เสียงย่านกลางค่อนสูงได้ใสได้ดีมาก เน้นฟังสนุกสามารถเอาไปใช้ฟังกับเพลงได้หลายแนวมาก พร้อมกับจุกหูฟังแบบใหม่ที่ลดเสียงรบกวนจากภายนอก ใส่นาน ๆ แล้วไม่รู้สึกว่าปวดหูแต่อย่างใด น้ำหนักเบา และยังจุกยางสามารถล้างน้ำได้อีกด้วย (ตัวหูฟังไม่ได้กันน้ำนะ แค่ถอดจุกไปล้างน้ำได้) ที่สำคัญนำ้หนักยังเบามาก ๆ ทำให้พกไปไหน หรือใส่แล้วก็ไม่รู้สึกว่ามันไปขัดการใช้ชีวิตประจำวันแต่อย่างใด พร้อมกับสายที่ถอดเปลี่ยนได้ เผื่อใครที่เป็นคนที่เล่นพวกสาย หรือสายขาด !! 😱 ก็สามารถเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย จะติดอย่างเดียวก็เรื่องเคสนี่แหละ ที่มันดูธรรมดาไปหน่อย และเก็บกับเอาออกมาใช้ค่อนข้างยากกว่าเคสของหูฟังอันเก่า
เวลามันผ่านไปเร็วมาก ๆ เรายังจำวันที่ Macbook Pro M1 Max ของเรามาส่งที่บ้านได้อยู่เลยว่า เรารู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ เวลาผ่านไป 3 ปี หมดประกันเรียบร้อยแล้ว วันนี้เราจะมาเล่ากันว่า สภาพตอนนี้มันเป็นอย่างไร และยังจะสามารถใช้ได้อีกนานหรือไม่...
ไหน ๆ Apple Watch เข้าเลขสองหลักกันแล้ว มีหรือเราจะพลาด เพื่อเป็นการฉลองก็เลยจัดมาเลยเรือนนึง เป็น Apple Watch เรือนที่ 3 ของเราละ ผ่านมา 10 Series จะมีอะไรใหม่ ใส่แล้วเป็นอย่างไร วันนี้เราจะมารีวิวเล่าให้อ่านกัน...
จาก Part ที่แล้วเราเล่าไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ยังขาดประเด็นสำคัญนั่นคือ Performance ของ M4 Max ว่า มันเข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงาน หรือทำให้การทำงานของเราเร็วขึ้นได้อย่างไร วันนี้จะเน้น Benchmark และพยายามมาหาสาเหตุกันว่า ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นกัน...
หลังจาก Apple Transition ไปสู่ Apple Silicon มาจนถึงจุดที่การเปลี่ยนผ่านเสร็จสิ้น เราก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับ Apple Silicon อีกเลย จนกระทั่งตอนที่ M4 ออกนี่แหละ ที่เราคิดว่า มันถึงจุดที่ใช่ละ ฤกษ์มันมาแล้ว ก็จัดเลยสิครับ มาดูกันว่าฤกษ์มันจะตรงอย่างที่เราคิดหรือไม่...