By Arnon Puitrakul - 09 ตุลาคม 2023
วันนี้กลับมาพร้อมกับเคสยี่ห้อโปรดของเราอย่าง RhinoShield กับของเล่นใหม่สุดกับ เคสที่เรารักกันดีอย่าง RhinoShield Clear ที่เป็นเคสใส รอบนี้เขามาใหม่กับการเพิ่ม MagSafe และอุปกรณ์เสริมที่เราว่า ไม่น่าจะมีใครเหมือนเช่น กระติกน้ำ AquaStand ใช่ครับ กระติกน้ำ ! มาดูกันดีกว่าว่า มันจะเป็นยังไง อ่านได้ในรีวิวนี้เลย
ปล. ผลิตภัณฑ์ที่นำมารีวิวในวันนี้สนับสนุน ขอบคุณทาง RhinoShield มาก ๆ ครับ แต่ ๆๆๆ เราก็ยังจะรีวิวจริง ๆ อยู่ดีนะ อะไรดี คือดีย์ อะไรไม่ดี มีข้อสังเกตก็บอกเหมือนเดิมเด้อ
Feature นึงที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ บน iPhone ทั้งหลายหนีไม่พ้น MagSafe อย่างแน่นอน มันเป็นแม่เหล็กซ่อนอยู่บริเวณฝาหลังของเครื่อง ทำให้เราสามารถ ติดตั้งอุปกรณ์เสริมได้ เช่น กระเป๋าใส่บัตร, ที่จับโทรศัพท์ และ อื่น ๆ อีกมากมาย แต่ปัญหาเริ่มเกิด เมื่อ เราใส่เคส ถ้าเกิดเคสนั้นไม่มีตัวชิ้นแม่เหล็ก MagSafe ด้วยเช่นกัน ทำให้เราไม่สามารถใช้อุปกรณ์ MagSafe ทั้งหลายได้หมด
ดังนั้น ถ้าเราจะใช้งานอุปกรณ์ MagSafe ทั้งหลาย และต้องการใส่เคสด้วย เราจำเป็นที่ต้องใช้ เคสที่รองรับ MagSafe ด้วยเช่นกัน ซึ่งเขามีการใส่ชิ้นแม่เหล็กไว้ที่เคสด้วย เราจะเห็นจากเคสหลาย ๆ ยี่ห้อเริ่มทำกันมากขึ้น แต่ เราบอกเลยว่าคุณภาพมันวัดกันที่คุณภาพของแม่เหล็ก ทำให้เราสามารถยึดติดอุปกรณ์ได้แน่นหนาแค่ไหน
และถ้าจะมีแต่เคสที่รองรับ MagSafe อย่างเดียวมันไม่ได้สิ มันต้องมาให้ครบ ใช่แล้ว RhinoShield เขามาเป็น MagSafe Ecosystem นอกจากเคสที่รองรับแล้ว ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ อีกเช่น ที่จับโทรศัพท์ และ กระติกน้ำ เพื่อให้การใช้งาน MagSafe ของเรามีความหลากหลายมากขึ้นแน่นอน
เรามาเริ่มแกะกล่องกันดีกว่า ตัวกล่องจะเหมือนกับเคสรุ่นที่ผ่าน ๆ มาของ RhinoShield ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เลยมาในกล่องที่ทำจากกระดาษ ซึ่งพูดตรง ๆ เรามองว่า มันดีมาก เพราะส่วนใหญ่ เคสอันนึง เราใช้กันจนกว่าโทรศัพท์จะหาไม่ ทำให้เราไม่ได้อยากเก็บกล่องเคสไว้แน่ ๆ ถ้าเป็นพลาสติก ทิ้งกันยับ ๆ แบบนี้มันไม่ดีเท่าไหร่ แต่พอเป็นกระดาษมันย่อยสลายได้เร็วกว่า ดีต่อโลกมากกว่าแน่นอน
พูดถึงความรักษ์โลก นอกจากที่จะใช้กล่องกระดาษที่ย่อยสลายง่ายแล้ว เขายังใช้หมึกที่เราเรียกว่า Soy Ink หรือภาษาไทยเรียกว่า หมึกพิมพ์ถั่วเหลือง แทนที่น้ำหมึกเราจะทำจาก ปิโตรเลียม ที่เป็นกลุ่ม Inorganic มีผลต่อสิ่งแวดล้อมพอสมควร เลยทำให้เกิดการใช้หมึกที่ทำจากน้ำมันถั่วเหลืองขึ้นมาแทนเพื่อแก้ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมนั่นเอง ดังนั้น การที่ใช้หมึก Soy Ink พิมพ์ใน Packaging เรียกว่าดีมาก ๆ เลยละ
ด้านหลังไม่มีอะไรมากนอกจากรายละเอียดต่าง ๆ ของตัวเคส
ถ้าเราเข้าไปอ่านใกล้ ๆ เราจะเห็นว่า มันเป็นรุ่นไหน เพราะตัว RhinoShield มีเคสให้เราเลือกเยอะมาก ๆ โดยเฉพาะการ Custom ต่าง ๆ ทำได้ล้านอย่างสุด ๆ เลือกได้ตั้งแต่ลาย ยันลายหน้าตัวเองก็ทำได้เหมือนกัน แต่ที่สำคัญคือ ถ้าเป็นตัวที่รองรับ MagSafe เขาจะเขียนต่อท้ายข้างหลังว่า รองรับ MagSafe ถ้าเราไปซื้อมา ก่อนจะรับเราลองเช็คก่อนนะว่า มันเป็นตัวที่เราสั่งหรือไม่ เขาไม่ได้พลาดอะไรนะ แค่เผื่อไว้ก่อน
เปิดกล่องออกมา เราจะพบกับตัวเคสวางอยู่อย่างสวยงาม แต่รอบนี้เอ๊ะ มันแปลก ๆ นะ คือเขาเอาปุ่มใส่ซองมาให้ ไม่ได้ใส่มาให้เหมือนก่อนหน้านี้ เราเดาว่า น่าจะได้ Feedback จากลูกค้าหรือไม่ว่า ซื้อมาแล้ว เราอยากเปลี่ยนสี จะได้ไม่เสียเวลาแกะ เอาอันที่อยากได้ใส่เข้าไปเลย
นอกจากนั้น RhinoShield ยังคง Concept ตัวเองแบบสุด ๆ ด้วยการที่มีลายเคสให้เราเลือกเยอะมาก ๆ ตั้งแต่เคสใสทั่ว ๆ ไปแบบที่เราเอามาแกะ และ แบบพิมพ์ลาย และลายเขาไม่ได้มาให้เลือกน้อย ๆ เรียกว่า เยอะจนเลือกไม่ถูกเลย หรือถ้ายังเลือกไม่ถูกอีกนี่ Upload รูปไปให้เขาปริ้นออกมาเป็นหน้าเรายังได้เลย แค่ลายเคสก็สนุกแล้วบอกเลย
ตัวเคส เขามาในความใสที่เรียกว่า ใสจริง ๆ ตามชื่อรุ่น Clear เลย รอบนี้เปลี่ยนแปลงคือ มีการเพิ่ม MagSafe เข้ามาทำให้เราสามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริม MagSafe ได้ โดยเขาจะใส่แม่เหล็กมาเป็นสีขาว
ปัญหาหนึ่งที่หลาย ๆ คนกังวลกับการใช้เคสใส คือ เมื่อใช้งานไปเรื่อย ๆ มันจะค่อย ๆ ขุ่น และ สีจากใส ๆ มันจะกลายเป็นอมเหลืองขึ้นไปเรื่อย ๆ อันนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะวัสดุที่ทำมาจาก TPU หรือ PC เมื่อเราใช้งานไปเรื่อย ๆ โดนเหงื่อจากมือเรา มันจะค่อย ๆ เหลืองตามธรรมชาติของมัน โดยเฉพาะ เมื่อมันได้รับรังสี UV นาน ๆ เข้ามัน ทำให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
แต่ ๆๆ ทาง RhinoShield รุ่น Clear เขาได้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน SGS ผ่านการฉายแสง UV การอยู่ในอุณหภูมิสูง และ อยู่ในน้ำเป็นเวลากว่า 168 ชั่วโมง หลังการทดสอบเขาพบว่า เคสยังมีความใสเหมือนเดิม ทำให้เขาเคลมว่า กว่าเคสมันจะเหลืองมันต้องใช้ไปได้สัก 5 ปีเลย ซึ่งแน่นอนว่า น่าจะเลยอายุของโทรศัพท์ไปแล้วละ ดังนั้น เราไม่ต้องกลัวเลยว่า ในระหว่างอายุการใช้งาน เคสมันจะเหลืองทำให้โทรศัพท์ดูเก่าซะก่อน
ส่วนความแข็งของวัสดุ ถ้าเราไม่ได้เอาไปครูดอะไร มีแค่เช็ด เท่าที่สัมผัสมากับตัวเราไม่เจอพวกรอยขนแมวมากเท่าไหร่ ดังนั้นความแข็งสำหรับการใช้งานเราคิดว่าผ่านละ แต่ถ้าเราทำตก เราเคยทำตกใส่พื้นคอนกรีต มันเกิดรอยนิด ๆ หน่อย ๆ บริเวณมุมที่ตกแค่นั้นไม่ได้ทำให้มันแตก หรือราว ทำให้เห็นว่า วัสดุมันมีความเหนียวอยู่บ้าง น่าจะรับแรงกระแทกได้ดีเลยละ
จากการใช้งานของเราเองในตัวก่อนที่เราเอามารีวิวสภาพตอนนี้เราบอกเลยว่า ไม่มีความเหลืองเลย ผ่านมา 1 ปีใช้งานแบบปกติทั่ว ๆ ไป ไม่ได้เอาไปลุยถ่ายกลางแดดอะไรขนาดนั้นนะ มันยังปกติทุกอย่างไม่ได้มีอาการเหลือง หรือขุ่นอะไรให้เราเห็นเลย ยังเหมือนใหม่เทียบกับในรูปที่เรารีวิวไปไม่ต่าง (โอเค มีรอยนิดหน่อย เพราะทำตก แบบสูงอยู่ TT)
อีกหนึ่งจุดที่เราชอบเคสของ RhinoShield คือ ความขอบมลของเคสเขา ปกติถ้าเราไปซื้อเคสบางครั้ง เคสเขาจะออกแบบให้เคสมันฟิตกับตัวเครื่อง ขอบมันจะล้อไปกับตัวเครื่องอาจจะแค่ใหญ่กว่าเท่านั้น ทำให้การจับถือมันไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่ RhinoShield เวลาเราถือ เราชอบความขอบมลที่พอดีของมันมาก ๆ เราจับแล้ว มันไม่รู้สึกเป็นขอบ ๆ แต่ในขณะเดียวกัน มันยังทำให้เราจับถือได้กระชับกว่าด้วย ประทับใจมาก ๆ และ เท่าที่ลองใช้ยี่ห้ออื่นมา RhinoShield เข้ามือเราสุดแล้ว (ขึ้นกับขนาดมือของแต่ละคนเนอะว่า เล็กใหญ่ขนาดไหน แนะนำให้ไปหาลองก่อน)
ด้านมุมของเคส รุ่น Clear จะไม่ได้เสริมพวกวัสดุซับแรงกระแทกเพิ่มเข้ามา ทำมาเป็นเนื้อเดียวกัน เขาบอกว่ามันเป็นโครงสร้างพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ของ RhinoShield ทำให้มันดูออกมาสวยงาม ไม่ออกแนว Tank สักเท่าไหร่ แต่ถามว่า มันแข็งแรงมั้ย เราต้องบอกเลยว่า เท่าที่ได้ทำตกมาเองกับตัว ยังรู้สึกว่า มันแข็งแรงเพียงพอกับการใช้งานในชีวิตประจำวันแน่นอน ทนทานกับการตกไม่ได้สูงมากสัก 3.5 เมตร
อีกข้อสังเกตคือ ถ้าเราดูที่ขอบจอ เราจะเห็นว่า เคสมันกินเข้ามานิดนึง เพื่อป้องกันหน้าจอเวลาเราคว่ำเครื่อง แต่มันอาจจะมีปัญหากับคนที่ใส่พวกกระจกนิรภัยแบบโค้งรับหน้าจอ เราไม่แน่ใจว่า เวลาใส่ไป ขอบบริเวณนั้นมันจะดันกระจกให้หลุดออกมาหรือไม่ อันนี้ไม่ชัวร์เหมือนกัน ต้องลองไปถามคนที่ใช้กระจกนิรภัยลักษณะนั้น แต่ ๆๆ ถ้าเราอยากเอาชัวร์ ทาง RhinoShield เขามีขายกระจกนิรภัยสำหรับติด อันนั้นไม่มีปัญหากับเคสแน่นอน
การตัดขอบปุ่มต่าง ๆ ต้องบอกเลยว่า ทำได้เนียบมาก ๆ เราเคยเจอเคสบางอัน เวลาเขาตัดออกมามันจะคม ๆ ไม่เนียบ อันนี้ตัดมาได้ดีมาก ๆ เข้ากับขนาดของปุ่มเป๊ะ ๆ และมีการขัดให้เรียบเนียน ไม่บาดมือเรา
เมื่อเราใส่ปุ่มเข้าไป ตัวปุ่มจะล้ำออกมาจากตัวเคสนิดหน่อย เพียงพอที่จะให้เรากดได้สะดวก เพราะเคสบางตัว เขาเลือกที่จะไม่เจาะ แต่ทำลักษณะของการนูนขึ้นมาเพื่อให้ บริเวณปุ่มเป็นเนื้อเดียวกับตัวเคส ข้อดีคือ มันกันน้ำเข้าจากบริเวณปุ่มได้ 100% เพราะไม่มีรูเลย แต่ข้อเสียคือ ความนิ่มแข็งในการกดขึ้นกับวัสดุที่เอามาทำบริเวณนั้น ส่วนใหญ่จะออกแนวแข็งกดได้ยากมาก แต่ฝั่ง RhinoShield เขาทำมาเป็นลักษณะที่เราสามารถเปลี่ยนปุ่มได้ ดังนั้น ตัวปุ่มจะเป็นวัสดุอะไรก็ได้ เราไม่แน่ใจว่าเขาเลือกอะไรมา แต่เมื่อเวลาเราสัมผัส เราจะรู้สึกได้ นอกจากความนูน แต่ ความสากมันไม่เท่ากัน ตัวเคสมันจะเรียบหนืด แต่ปุ่มจะสากกว่า ลื่นกว่า เวลาเรากำลังยกขึ้นมากดมันหาปุ่มง่ายกว่า
นอกจากนั้น ตัวปุ่มพอเขาทำมาเป็นลักษณะการใส่เข้าไปในร่องปุ่ม ทำให้เวลาเรากดปุ่ม มัน Sensitive กว่าการทำให้เป็นเนื้อเดียวกันมาก ๆ กดได้ง่ายกว่า แต่ไม่ได้ง่ายจนเกินไป จนอยู่ ๆ มันลั่น การหาจุดลงตัวตรงกลางนี้ เราคิดว่าเป็นเรื่องยาก แต่ RhinoShield ทำได้ดีมาก เข้ามือเรามาก ๆ เป็นจุดเล็ก ๆ แต่มันใช้งานทุกวัน เราว่าต้องรู้สึกกันบ้างไม่มากก็น้อย
ด้านข้างที่มีปุ่มล๊อคปลดล๊อค เขาจะมีการกดไว้ที่ด้านในเป็น Logo และชื่อ Brand RhinoShield ด้วยเด้อ เรียกว่า สวยมาก ๆ มันจะพีคมาก ถ้าในรุ่นหน้าเขาเปิดให้เราสามารถ Custom ข้อความตรงนี้ได้ เช่นทำเป็นชื่อเราเอง น่าจะดีมาก ๆ
เรื่องสุดท้ายคือ ลายนิ้วมือ ด้วยวัสดุที่เรียบมัน ๆ ทำให้พวกน้ำมัน หรือเหงื่อจากมือเรามันเกาะได้มากขึ้น นั่นตามมาด้วยลายนิ้วมือมหาศาลมาก ๆ โดยเฉพาะ ถ้าเราเหงื่อออกแล้วมาจับ มันจะเป็นคราบเหงื่อเลยละ แต่แก้ปัญหาไม่ยาก เมื่อเกิด เราสามารถเช็ดออกได้อย่างง่ายดาย
นอกจากลายเคสแสนล้านอย่างแล้ว เรายังสามารถเปลี่ยนองค์ประกอบในเคสได้อีก อย่างแรกคือ ขอบกล้อง เราสามารถเลือกสั่งเป็นสีที่เราต้องการได้ โดยเขาจะเริ่มต้นให้มาเป็นสีดำ แล้วถ้าเราสั่งสีอื่นเพิ่ม เขาจะแพคมาให้เพิ่ม แน่นอนว่า เราสามารถสั่งกี่สีก็ได้ เอาที่เราชอบเลย เช่น วันนี้เราอาจจะอยากได้สีเหลือง สีฟ้า สีเขียวอะไรก็สามารถเปลี่ยนได้ตาม Mood & Tone ในแต่ละวันเลย
การเปลี่ยนนั้นทำได้ง่ายมาก ๆ แค่เราค่อย ๆ ดันทีละด้านออกมา แล้วใส่อันใหม่เข้าไป มันจะมีช่องของมันอยู่แล้ว เราแค่ใส่ตามช่องที่เขาทำมาแล้วได้เลย ใช้เวลาไม่เกิน 1 นาทีเท่านั้นแหละ ดังนั้น เราสามารถเปลี่ยนได้ทุกวัน ตามงานที่เราจะไป หรือ การแต่งตัวของเราได้แบบ ไม่มี Limit เลย
อีกส่วนที่เปลี่ยนได้ แล้วสนุกมาก ๆ คือ ปุ่ม ค่าเริ่มต้น เขาจะมาพร้อมกับปุ่มแบบใสก่อน ถ้าเราไม่ชอบ เราสามารถเลือกสีปุ่มเปลี่ยนได้อีก 27 สี เอาว่า เลือกกันจุก ๆ ไปเลย ถ้าเราเลือกเพิ่ม เราจะเสียเงินเพิ่มอีกนิดหน่อย แล้วเขาจะมีซองปุ่มให้เราอีกห่ออยู่ในกล่องเลย ซองเขามองผ่าน ๆ เหมือนพลาสติกมากนะ แต่มาแกะ เอ๊ะ กระดาษนิหว่า เกือบจะบ่นออกมาแล้วนะว่าไหนบอกรักษ์โลก อ่อ กระดาษแล้วไป.... ฮ่า ๆ
เมื่อแกะซองออกมา จะพบกับปุ่ม 5 อันด้วยกัน แต่สำหรับ iPhone เราใช้แค่ 3 อันเท่านั้น เดาว่า เขาน่าจะแพคไว้ทีเดียวสำหรับหลาย ๆ รุ่นละมั้ง ถ้าเราลองสังเกตมันจะมีมาทั้งหมด 3 ขนาด อันยาว อันนั้น เดาไม่ยากคือ ปุ่มสำหรับปุ่มปลดล๊อค มีมาอันเดียว แต่อีก 2 คู่ ขนาดมันใกล้เคียงกันมาก ๆ วิธีคือให้เราเอามาทาบกับร่องปุ่มของเรา อันไหนพอดีเอาอันนั้นเสียบได้เลย
การใส่ง่ายมาก ๆ แค่เราดันปุ่มลงไปในช่อง ก็เรียบร้อย ไม่น่าเกิน 10 วินาทีเท่านั้นเอง เร็วมาก ๆ ดังนั้นเมื่อรวมกับการเปลี่ยน Camera Ring จริง ๆ มันไม่นานเลยนะ ทำให้เราสามารถ Custom ตามการใช้งานในแต่ละวันได้ง่าย ไม่เสียเวลาเยอะมากเท่าไหร่
หรือถ้าเราบอกว่า อ่อ สีเดียวมันง่ายไปหน่อย เราขอแนะนำให้กดมันมาทุกสีเลย งานนี้แหละ เลือกกันอร่อยเลย
จะบอกว่า มันไม่ได้มาน้อย มันมาเยอะมากจริง ๆ เยอะจนตกใจ น่าจะมาครบทุกสีแล้วมั้งเนี่ยเยอะมากนะ แค่สีขาว มันไม่ได้มีแค่ขาว มันมีออกเทา ๆ หรืออมฟ้านิด ๆ เขาเรียกสีฟ้ากราเซียร์ เยอะมากให้เราเลือกเล่นเปลี่ยนได้สนุก ๆ
ถ้าเรากดแบบนี้มา ความสนุกมากขึ้นคือ ใน 1 เคส เราไม่จำเป็นต้องใช้สีเดียวก็ได้ เช่น อันกลาง เราใส่สีเหลืองกับฟ้าไว้ด้วยกัน หรืออีกด้านปุ่มปลดล๊อค เราสามารถใส่อีกสีก็ยังได้ ทำให้มันสามารถ Mix & Match ได้สนุกขึ้นเยอะขึ้น ไม่ต้องกลัวซ้ำกับใครเลย ถึงจะเป็นเคสใสไม่มีลาย ก็ทำให้เคสเราโดดเด่นไม่เหมือนใครได้แล้ว
เราสงสัยมาก ๆ เลยลองมาคิดขำ ๆ ว่า ถ้าเราคิดแค่เคสใสปกติ ๆ โอกาสที่เราจะถือเคสหน้าตาเหมือนกันเป๊ะ ๆ มันจะมีสักเท่าไหร่กันเชียว คิดกันขำ ๆ ปุ่มมีทั้งหมด 27 สี และ Camera Ring มีทั้งหมด 16 สี ถ้าเราใช้ปุ่มสีเดียวกันเป๊ะ ๆ เราจะมีทั้งหมด 432 แบบ และถ้าเกิดเราคิดเคสที่ปุ่มสีไม่เหมือนกันเลยละ มันจะอยู่ที่ 314,928 แบบแล้วนะ โอกาสที่เราจะไปซ้ำกับเพื่อน หรือใครก็ตามน้อยมากแล้ว และยังไม่นับว่า เคสสามารถพิมพ์ลายได้อีก เราไม่เคยนับนะว่าเขามีกี่ลาย เดาว่า เฉียด ๆ 100 ตีกว่า 100 ละกัน แปลว่า ถ้านับลายเคสที่แตกต่างกันอีก เรากำลังคุยถึงเลขหลัก 31 ล้านแบบ ไม่ต้องกลัวแล้วละว่าจะเหมือนใคร แค่คิดก็เยอะแล้ว น่าจะกลัวเลือกไม่ถูกดีกว่า แต่ไม่ยาก ซื้อมันให้หมด ฮ่า ๆ
ตอนที่เราเลือกลายของเคส โดยเฉพาะรุ่น Clear ที่มี MagSafe เขาจะใส่แม่เหล็ก MagSafe มาให้เราเห็น ถ้าเป็นแบบไม่พิมพ์ลายมัน Classic ปกติไป แต่แบบที่พิมพ์ลาย พอมันมีแม่เหล็ก MagSafe เข้ามา ทำให้เราสามารถให้ลายมันสามารถเล่นกับแม่เหล็ก MagSafe ได้ด้วย
ลายที่เราเลือกมารีวิวทั้ง 3 แบบ เป็นตัวอย่างที่ดีเลย เริ่มจากตัวกลางเป็นตัวใสปกติ อย่างที่บอกคือมัน Classic ดี แต่ถ้าเรามาดู 2 แบบซ้าย และขวา เราจะเห็นว่า เราพยายามเลือกให้ลาย มันเล่นไปกับ วงกลมแม่เหล็ก MagSafe ตัวอย่างที่ชัดเจนมาก ๆ คือ อันขวา มันจะกลายเป็นว่าเหมือนกับ Other side of the moon เลย หรือลาย Bugcat Capoo มันจะเล่นกับส่วนของแม่เหล็ก MagSafe เรียกว่าเป็นสีสันอันนึงของเคสแบบนี้ที่เราสามารถเลือกลายที่มันล้อกับ MagSafe ได้ละกัน แต่ถ้าเราสั่งเป็นรุ่นอื่น ๆ แผ่นหลังเขาจะไม่ได้ใส ดังนั้น เราสามารถเล่นลายอะไรก็ได้ละ
อีกข้อสังเกตสำหรับการเลือกลายคือ บริเวณที่มีการพิมพ์ลายเข้าไปพื้นผิวมันจะไม่เหมือนกับตัวเคสเลย มันจะออกลื่น ๆ กว่า โดนเหงื่อบนมือแล้วลื่นได้ง่ายกว่า ดังนั้น ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นคนเหงื่อออกเยอะ โดยเฉพาะบริเวณมือ เราไม่แนะนำให้เลือกเคสที่มีการพิมพ์เยอะมากนัก เรียกว่า ลดความเสี่ยงที่มือถือเราจะลื่นจากเหงื่อของเราเอง
จุดเด่นของเคส RhinoShield ที่มาพร้อมกับ MagSafe สำหรับเราคือ ตัวแม่เหล็ก MagSafe ที่แน่นมาก ๆ ถ้าคิดว่า เคสใสของ Apple แน่นแล้ว อันนี้คือ อีกขั้นเลย จากเดิมที่เราใส่ MagSafe Wallet ของ Apple เอง เวลาเราแกะมันแกะง่ายมาก ๆ ง่ายจนบางครั้งเวลามันสไลด์ก็หลุดได้แล้ว แต่เคสของ RhinoShield เราบอกเลยว่า มันไม่สไลด์แล้วหลุดแน่นอน แน่นจนน่าตกใจมาก
ปกติเวลาเราขับรถ เราจะเอาโทรศัพท์ Mount กับ ตัว Mount ติดกระจก ถ้ารถมันกระเทือนมาก ๆ มันหลุดได้เลย แต่... อันนี้มันดูไม่มีวี่แววเลยว่าจะหลุด ความแข็งแกร่งนี้ต้องขอบคุณแม่เหล็กคุณภาพดี ๆ ที่ RhinoShield ใส่มาให้ในเคส
สำหรับคนที่กังวลว่า เอ๋ ถ้าแม่เหล็กมันไม่เหมือนของ Apple มันจะทำให้เราใช้งาน Feature บางอย่าง เช่น Night Stand Mode ที่พึ่งมาใน iOS 17 หรือ การชาร์จผ่าน MagSafe จะทำไม่ได้มั้ย คำตอบคือ ได้เหมือนเดิมทุกอย่าง ดังนั้น เราได้ทั้งความยึดติดที่ดีขึ้น และยังได้การใช้งานเหมือนเดิมทุกประการ มีแต่ได้กับได้จริง ๆ
ผลิตภัณฑ์ใหม่จาก RhinoShield หนึ่งใน MagSafe Ecosystem คือ กระบอกน้ำ อ่านไม่ผิดครับตามนั้นเลย ครั้งแรกที่เราอ่านเจอคือ งง ว่า เอ๊ะ คนเรามันจะอยากได้กระบอกน้ำติด MagSafe ไปทำไม จนมาใช้งานเอง อ่อ เออ มันเจ๋งมาก ๆ เราชอบมากเลย เราลองมาดูกัน
เริ่มจากการแกะกล่องกันก่อน ตอนแรกที่เราดูในหน้าเว็บ คิดว่าขนาดไม่น่าเกิน 500ml เล็ก ๆ ไม่ใหญ่มาก จนพัสดุมาส่ง โอ้โห้ ใหญ่เหมือนกันนิหว่า ภายในการเลือกอยู่ 2 อย่างด้วยกันคือ วัสดุตัวกระบอกน้ำ ถ้าเลือกเป็น Tritan เขาจะเป็นคล้าย ๆ กับพลาสติกกึ่งใส ทำให้เราสามารถเห็นปริมาณน้ำที่ยังเหลืออยู่ได้ แต่มันไม่เก็บอุณหภูมิ ถ้าเราต้องการกระบอกน้ำที่เก็บอุณหภูมิได้ จะต้องเลือกเป็น Stainless Steel สุดท้ายเฉพาะตัว Stainless Steel เราสามารถเลือกได้อีกว่า เราต้องการหลอดดูดด้วยมั้ย แต่สำหรับ Tritan เขามีหลอดดูดมาให้เราเลย ตัวที่เราเอามารีวิววันนี้เป็นรุ่น Stainless Steel สีดำ พร้อมหลอด เราจะเห็นเขาแปะรูปไว้อยู่ด้านหน้าเลย
ด้านข้าง เขามีเขียนปริมาตรของขวดมาให้เราด้วย อ่านปุ๊บ เข้าใจแล้วว่า ทำไมมันถึงใหญ่ได้ขนาดนั้น ตอนแรกเข้าใจว่า 450-500ml อ่อไม่ 700ml หรือ 0.7L แล้วนะ ไม่แปลกเท่าไหร่ที่จะใหญ่ได้ขนาดนี้
เมื่อเราเปิดกล่องออกมา เราจะพบกับกล่องย่อย ๆ อีก 2 กล่องด้วยกัน เราชอบการออกแบบ Packaging ที่มีการ Label ส่วนต่าง ๆ ไว้อย่างชัดเจนมาก ๆ ในที่นี้มี Lid คือฝา และ Bottle คือตัวกระบอกน้ำ เราว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาเลือกใช้วิธีแบบนี้คือ เพื่อความง่ายในการ Custom เขาออกแบบกล่องใหญ่ทีเดียว เวลาจะแพค เขาแค่เอากล่องย่อย ฝา และ ขวด ตาม Order ใส่เข้าไป
เมื่อเราเปิดกล่องฝาออกมา เราจะเจอฝาที่วางอยู่ในกล่องอย่างเรียบร้อย ถือว่าดีมาก เพราะยี่ห้ออื่น ๆ เราจะเห็นเขาชอบห่อด้วยพลาสติกมาอีกที อันนี้เรียกว่ารักษ์โลกละกันเลยไม่ใส่มา
ส่วนกล่องขวด เปิดมาอาจจะ งง ๆ ทำไมขาว เราสั่งดำ จริง ๆ คือ เขาหุ้มถุงมาให้เรา
เป็นถุงผ้าสำหรับเวลาเราเอาไปใช้เดินทางต่าง ๆ ได้ จะได้ไม่ไปครูดกับของต่าง ๆ ทำให้กระบอกน้ำเป็นรอยได้ ตัวถุงเป็นผ้า ๆ กึ่ง ๆ คล้าย ๆ กับกระดาษเลย มีการใส่ Logo และชื่อ Rhinoshield เข้าไป ดูผ่าน ๆ เราว่าสวยดีอยู่ พร้อมกับด้านบน มีเชือกทำมาเป็นลักษณะของการผูกเก็บได้ด้วย
เปิดออกมาอีก เราจะพบกับคู่มือการใช้งาน เป็นคู่มือที่เราชอบมาก เพราะเขาทำมาเป็นรูปการ์ตูน ไม่ต้องอ่าน มันพอจะเข้าใจได้ง่ายมาก น่ารักดี
ถัดไปด้านล่างสุด เราจะพบกับกล่องที่เขียนว่า Straw หรือ หลอดนั่นเองสำหรับคนที่สั่งหลอดมาด้วย
ด้านในเขาจะมีตัวหลอดสำหรับใส่เข้าไปในกระบอกน้ำ และ อีกอันด้านล่าง อาจจะ งง ว่ามันคืออะไร แต่จริง ๆ มันคือ แปรงสำหรับทำความสะอาดหลอด
เขาทำมาพอดีสำหรับที่เราเอาแปรงสอดเข้าไปในหลอด เพื่อทำความสะอาดได้ เผื่อเราเอาไปใช้ดื่มเครื่องดื่มที่อาจจะต้องทำความสะอาดเยอะหน่อยเช่นพวกนม หรือเครื่องดื่มที่อาจจะเสีย หรือ บูดได้
เรากลับมาดูฝากัน ตัวฝาทำจากพลาสติก มีการกดเป็นลายและโลโก้ Rhinoshield โดยรวมเราคิดว่า วัสดุ การประกอบ ทำออกมาได้ดี แน่นหนา Solid มาก ๆ
ด้านหน้าเป็นปุ่มสำหรับเปิดฝากระบอกน้ำ เราสามารถกดเพื่อเปิดได้
แต่น่าจะกลัวมือเราเผลอไปโดนปุ่มเปิด เขาเลยทำกลไกสำหรับล๊อคฝามาให้เราด้วย จุดนี้เป็นเรื่องดีมาก ๆ วันนี้ลองไม่ล๊อคแล้วใช้ดู ไม่น่าเชื่อ พูดยังไม่ทันขาดคำ เรียบร้อย น้ำหกเลอะเสื้อ ดังนั้นเราพิสูจน์แล้วเนอะ เวลาเราใช้เสร็จ เราจะเดินทาง เราปิดล๊อคสักหน่อยก็เรียบร้อย
พวกงานขอบต่าง ๆ มีการซีลขอบยางมาให้เราอย่างดี เพื่อป้องกันน้ำหกออกมา เราลองใส่น้ำคว่ำ ๆ เขย่า ๆ ไม่มีน้ำออกมาเลย ถือว่า ซีลยางทำมาดีมาก ๆ เรื่องนี้ขอชม เพราะบางครั้งซื้อกระบอกน้ำมา แล้วซีลยางเขาทำมาไม่แนบสนิท ทำให้มีน้ำซึมออกมาตามจุดต่าง ๆ เมื่อเรามีการเขย่า หรือคว่ำจากการเดินทาง
ส่วนด้านบนของฝา เป็น Highlight ของ AquaStand เลยคือ แม่เหล็กสำหรับการเอาโทรศัพท์ที่รองรับ MagSafe มาวางได้ เดี๋ยวเรามาดูกันว่ามันใช้งานอะไรได้บ้าง
มาดูที่ตัวกระบอกน้ำกันบ้าง อันนี้เราสั่งมาเป็น Stainless Steel สีดำเลยออกมาเป็นอย่างที่เห็นในรูปด้านบน ผิวสัมผัสเขาทำมาเป็นลายทราย ๆ (Sand Finishing) ทำให้เมื่อผิวมันเปียก เราจับ โอกาสที่จะลื่นน้อยลงมาก ๆ จับได้อย่างมั่นคงมากขึ้นมาก ๆ แน่นอนว่า ความเป็น RhinoShield ณ วันที่เขียน เขามีลายให้เราเลือกเยอะประมาณนึงเลย แต่ยังไม่เห็นตัวเลือกในการเอาหน้าตัวเองใส่เข้าไป ถ้าทำได้ น่าจะแปลก ๆ เหมือนกัน เวลาไป Fitness มั่นใจเลยว่า ไม่มีใครหยิบกระบอกน้ำเราไปแน่นอน หน้าเราโชว์หราอยู่บนกระบอกน้ำ เฟี้ยว ๆ อยู่
ส่วนใต้ของกระบอกน้ำ เราชอบเจอปัญหาเวลาเราวาง ๆ ไปบางทีมันลื่นบ้างอะไรบ้าง แต่กระบอกน้ำนี้ ข้างใต้ เขาทำมาเป็นยาง นั่นทำให้เวลาเราวาง มันจะไม่ลื่นได้เลย นอกจากเราจะกลิ้งนั่นอีกเรื่องเนอะ ฮ่า ๆ
ก่อนใช้ ระวังด้วย เขาใส่ซองกันชื้นมาในกระบอกน้ำ เราเกือบเอาไปล้างน้ำแล้ว...
เมื่อประกอบร่างแล้ว เราจะได้เป็นลักษณะนี้เลย อาจจะเห็นว่า ทำไมสีฝา กับสีตัวกระบอกมันไม่เหมือนกันเลย คิดว่าน่าจะเพราะเจอแสงด้วยละ การใช้งานปกติเวลาเรามอง เราเห็นเป็นสีคล้าย ๆ กันมาก ๆ นะ
มาถึง Climax ของกระบอกน้ำตัวนี้กันคือ การที่ด้านบนของมันมี MagSafe มาให้เราด้วย เราจะเห็นว่า เราสามารถเอาโทรศัพท์มา Mount ติดได้ง่าย ๆ เลย ในรูปด้านบนนี้ เรายังไม่ได้เติมน้ำเข้าไปด้วยซ้ำ เราสามารถที่จะ Mount โทรศัพท์โดยที่ขวดไม่คว่ำได้
ถามว่า มันแน่นขนาดไหน เราลองเอามันสะบัด ๆ เห้ย ไม่หลุด แน่นจริงอะไรจริง แต่ใช้งานจริง เราไม่น่าจะเอาไปสะบัดเล่นแน่นอน หรือทำหว่า.... ไม่หรอกเนอะ เอาเป็นว่า วางยังไงมันไม่น่าจะหลุดแน่นอน ตีลังกามันไม่หลุดเลย
นอกจากนั้น เรายังสามารถปรับระดับความเอียงได้ด้วย ตามการใช้งานของเราได้เลย
สารภาพว่า ครั้งแรกที่ได้ยินว่า กระบอกน้ำมี MagSafe ยังแอบ งง ว่า มันมีทำไม แต่พอมาใช้จริง ๆ เราคิดว่า การใช้งานที่น่าสนใจคือ การเอาไปใช้เวลาออกกำลังกายเช่น เราอาจจะดูพวก Apple Fitness คลิปพี่เบเบ้ โดยการติดกับกระบอกน้ำไว้ แล้วเราดูท่าจากโทรศัพท์ แต่เราที่เป็นมนุษย์ผู้ออกกำลังกายหน้าเตาหมูกะทะนั้น การใช้งานที่เราใช้คือ เราชอบเอาโทรศัพท์มาติด แล้ววางบนโต๊ะนั่ง Video Conference ได้มุมดี ๆ พอเลย กับเราว่า ถ้าเอามาถ่าย Tiktok น่าจะพอดีมาก ๆ หรือกระทั่งเวลาเรานั่งทำงานบนโต๊ะ เราชอบเอามาติดไว้แล้วบางที เปิด Youtube ไปนั่งทำงานไปเพลิน ๆ ได้ เรามองกระบอกน้ำตลอดเวลา เราจะได้ไม่ลืมดื่มน้ำด้วย
โดยรวม เรารู้สึกว่าเป็นของแปลกใหม่สำหรับเรามาก ๆ เราไม่เคยคิดว่า เราจำเป็นต้องมีกระบอกน้ำติด MagSafe ได้ แต่พอมาใช้จริง เออ มันดีจริง ๆ แฮะ เพราะกระบอกน้ำ เป็นของที่เราพกติดตัวอยู่แล้ว การที่มันมี MagSafe ทำให้เราสามารถใช้กระบอกน้ำเป็นขาตั้งโทรศัพท์สำหรับทำอะไรหลาย ๆ อย่างได้ กลายเป็นอ้าว ชอบเฉยเลย Concept ดี ใช้จริงได้อีก ยิ่งดีเข้าไปใหญ่เลย ใครไม่เคยลองอยากให้ลองจริง มันแปลกแต่ดีกว่าที่คิดไปไกลมาก
RhinoShield Clear Case รอบนี้ยังคงคุณภาพวัสดุและการป้องกันตามมาตรฐาน Military Grade ได้เหมือนเดิม สามารถเลือกลาย สีปุ่ม และ สี Camera Ring ได้เยอะแยะมากมาย ตรงกับการแต่งตัว และ บุคลิกของเราได้เข้ามาก ๆ วันไหนอยากสีอะไร เราสามารถแกะเปลี่ยนได้อย่างอิสระ นี่แหละคือ ข้อดีที่ทำให้เราชอบ RhinoShield มาก ๆ มันเยอะจน ใช้เวลาแค่การเลือกสีปุ่มได้เป็นชั่วโมง ๆ ก็สนุกแล้ว แต่รอบนี้ปิดจุดอ่อนด้วยการเติม MagSafe เข้ามา ทำให้เราสามารถใช้อุปกรณ์เสริมได้มหาศาล และยังเปิดตัวกระบอกน้ำ AquaStand เข้ามาเป็นหนึ่งใน MagSafe Ecosystem ด้วย ทำให้มันยิ่งสมบูรณ์เข้าไปอีก เราว่า ถ้าใครอยากได้เคสโทรศัพท์ดี ๆ Customise ได้แทบจะไร้ขีดจำกัด RhinoShield เป็นตัวเลือกที่ดีตัวนึงเลยละ สนใจ สามารถเข้าไปสั่งซื้อได้ในเว็บของ RhinoShield ได้โดยตรงเลย
เวลามันผ่านไปเร็วมาก ๆ เรายังจำวันที่ Macbook Pro M1 Max ของเรามาส่งที่บ้านได้อยู่เลยว่า เรารู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ เวลาผ่านไป 3 ปี หมดประกันเรียบร้อยแล้ว วันนี้เราจะมาเล่ากันว่า สภาพตอนนี้มันเป็นอย่างไร และยังจะสามารถใช้ได้อีกนานหรือไม่...
ไหน ๆ Apple Watch เข้าเลขสองหลักกันแล้ว มีหรือเราจะพลาด เพื่อเป็นการฉลองก็เลยจัดมาเลยเรือนนึง เป็น Apple Watch เรือนที่ 3 ของเราละ ผ่านมา 10 Series จะมีอะไรใหม่ ใส่แล้วเป็นอย่างไร วันนี้เราจะมารีวิวเล่าให้อ่านกัน...
จาก Part ที่แล้วเราเล่าไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ยังขาดประเด็นสำคัญนั่นคือ Performance ของ M4 Max ว่า มันเข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงาน หรือทำให้การทำงานของเราเร็วขึ้นได้อย่างไร วันนี้จะเน้น Benchmark และพยายามมาหาสาเหตุกันว่า ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นกัน...
หลังจาก Apple Transition ไปสู่ Apple Silicon มาจนถึงจุดที่การเปลี่ยนผ่านเสร็จสิ้น เราก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับ Apple Silicon อีกเลย จนกระทั่งตอนที่ M4 ออกนี่แหละ ที่เราคิดว่า มันถึงจุดที่ใช่ละ ฤกษ์มันมาแล้ว ก็จัดเลยสิครับ มาดูกันว่าฤกษ์มันจะตรงอย่างที่เราคิดหรือไม่...