By Arnon Puitrakul - 20 พฤศจิกายน 2023
อีกหนึ่งไอเท็มสำหรับแม่บ้านสมัยใหม่น่าจะหนีไม่พ้น เครื่องปริ้นฉลาก มันเข้ามาช่วยเราได้ดีในการช่วยทำให้เราสามารถหาของได้ง่ายขึ้น เก็บของได้ง่ายขึ้น วันนี้เรามาแนะนำเครื่องปริ้นฉลากขนาดเล็ก ราคาไม่แพงอย่าง Niimbot D11 กัน
ตัวกล่องมาเป็นกล่องกระดาษสีขาวง่าย ๆ พร้อมหุ้มพลาสติกมา อันนี้เราสั่ง Online จากร้านของ Niimbot เลย มาถึงเรา พลาสติกที่หุ้มยังอยู่ในสภาพที่ดีมาก ๆ เรียกว่า มีการแพคและขนส่งมาโอเคใช้ได้เลย ประกอบกับด้านหน้าจะมีการพิมพ์เลขรุ่นไว้คือ D11 ซึ่งดู ๆ ไปมันเรียบสวยโอเคอยู่แหละ
ด้านข้างของกล้องไม่มีอะไรพิมพ์ไว้เลย นอกจากมีสติ๊กเกอร์แปะ QR Code เดาว่าน่าจะเป็นเลขรุ่น สำหรับจัดการ Stock แหละมั้ง
ด้านหลังเป็นรายละเอียดของตัวเครื่อง บอกเลยว่ามันคือรุ่น D11 ซึ่งในนั้นมี Battery อยู่ด้วยขนาด 1,500 mAh เลยดังนั้นเราไม่ต้องเสียบไฟตอนใช้ แล้วก็พกพาได้ด้วย ถัดลงมาจะเป็น App Niimbot ที่เราจะต้องโหลดมาเพื่อใช้งานคู่กับตัวเครื่อง ผ่านการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth
ด้านบนมีการพิมพ์ Logo ของ Niimbot เอง อาจจะเห็นว่า เอ๊ะ มันมีภาษาจีน ใช่แล้วฮะ เขาเป็น Brand จากฝั่งประเทศจีน โดยที่เขาเกิดมาเพื่อเป็นบริษัทสำหรับการผลิตเครื่องพิมพ์ฉลากโดยเฉพาะ ทำให้เรามั่นใจได้ว่า เครื่องพิมพ์ฉลากที่มาจากบริษัทผลิตเครื่องทำฉลากโดยเฉพาะ คุณภาพมันน่าจะไม่แย่มากเท่าไหร่ละมั้งนะ
เปิดกล่องออกมา เราจะพบกับตัวเครื่องนอนอยู่ในกล่องอย่างดีเลย แต่เรื่องแรกที่เรารู้สึกคือ ถุงมันเหมือนห่อมาใหญ่ไปไม่ค่อยฟิตกับตัวเครื่องเท่าไหร่ กับสาย Micro-USB มันแล๊บออกมา ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่
เมื่อเอาเครื่องออกมา เราจะพบคู่มือการใช้งานสำหรับตัวเครื่อง แน่นอนว่า เราไม่อ่าน กลัวเกินโควต้า ขอข้ามไป
อย่างที่เห็นกัน ในกล่องมีสาย USB ซึ่งเป็น Micro-USB ไปเป็น USB-A ตัวสายที่ให้มา เราคิดว่าคุณภาพอาจจะไม่ได้ดีมาก ใช้ไปในระยะยาวอาจจะมีอาการเสื่อมคล้ายกับสายของ Apple ได้ แต่การใช้งานตอนนี้เราไม่เจอปัญหาอะไรนะ แค่กังวลว่าใช้ไปนาน ๆ มันเสื่อมไวเท่านั้นแหละ แต่ถามว่าถ้ามันเสื่อมมีปัญหามั้ย ก็ไม่ สาย Micro-USB มันไม่ได้หายากขนาดนั้น ในกล่องมีเท่านี้เลย มีแค่ตัวเครื่อง, สายสำหรับชาร์จ และ คู่มือเท่านั้นเลย
เมื่อแกะกล่องมาตัวเครื่องถูกหุ้มด้วยพลาสติก เหมือนที่เราเห็นตอนแกะกล่องก่อนหน้านี้
ตัวเครื่องทำจากพลาสติก จับดูแล้วรู้สึกว่า สมราคาโอเค แข็งแรงพอใช้ได้เลยละ โดยที่ด้านบน เราจะเห็นว่าตรงกลางของเครื่อง เราเห็นเป็นเส้นใส ๆ อยู่ ถ้าเรามองใกล้ ๆ เราจะเห็นว่ามีขีดแดง ๆ อยู่ เป็น Indicator ให้เรามองเวลาเราโหลดกระดาษเข้าไปว่า มันใช้ไปเท่าไหร่แล้ว
มาที่ด้านหลังกันบ้าง จะเป็นส่วนที่บอกพวกรายละเอียดของตัวเครื่อง ตัวกำลังไฟที่เราสามารถชาร์จเข้าได้จะอยู่ที่ 5V/1A ตามการจ่ายไฟมาตรฐานของ USB เบื้องต้น ทำให้เราไม่จำเป็นต้องใช้ Adapter ที่จ่ายไฟได้สูง ๆ เลย
ด้านข้างหนึ่งของตัวเครื่องจะเป็นสายคล้องข้อมือ โดยจะทำจากยาง เอาจริง ๆ เราไม่แน่ใจว่าเอาไว้คล้องข้อมือหรือไม่จริง ๆ นะ เราไม่เคยใช้มันทำแบบนั้นเลย แต่เห็นจะมีประโยชน์จริง ๆ น่าจะเป็นการห้อยกับที่แขวนแล้วเราก็สั่งปริ้นมันออกมาเรื่อย ๆ เราจะได้ไม่ต้องมาก้ม ๆ วาง ๆ เครื่องเวลาเราต้องปริ้นฉลากติดในที่สูง ๆ
อีกข้างเริ่มจากด้านบนสุดก่อน จะเป็นช่องที่กระดาษปริ้นออกมา ถ้ามองดูดี ๆ เราจะเห็นเหมือนเป็นฟันหนูเล็ก ๆ อยู่สำหรับให้เราฉีกตัวกระดาษได้ง่าย ๆ เลื่อนลงมาอีก เราจะเห็นจุดดำ ๆ อันนี้จะเป็นไฟแสดงสถานะ และ สุดท้ายถัดลงมา เป็นปุ่มสำหรับเปิดและปิด โดยเราสามารถกดค้างไว้ เพื่อเปิดและปิดได้
ด้านใต้จะเป็นช่องเสียบ Micro-USB สำหรับการชาร์จ
ด้านบน จะมี Switch สำหรับล๊อคฝาอยู่ หากเราเลื่อน ฝามันจะปลดล๊อคและเปิดออกมาได้
เมื่อเราเปิดฝาออกมา เราจะพบกับ กระดาษที่เขาโหลดไว้ให้เราแล้ว สำหรับการใช้งานครั้งแรก โดยจะเป็น สติ๊กเกอร์ฉลากขนาดมาตรฐานสีขาว
เวลาเราจะโหลดกระดาษทำได้ง่ายมากคือ เราเอาม้วนกระดาษไว้เข้าไปในเครื่อง ที่ม้วนเขาจะติดเทปเอาไว้ด้านนึงที่เขียนว่า Open Here เราแค่ดึงออกแล้วดึงกระดาษออกมาให้ขอบอยู่บริเวณฟันหนูเท่านั้น ก็พร้อมใช้งานแล้ว
เราไม่สามารถใช้กระดาษทั่ว ๆ ไปในการพิมพ์จากเครื่องนี้นะ เพราะมันใช้หลักการพวก Thermal Transfer คล้ายกับเครื่องพิมพ์ใบเสร็จที่เราได้มา คือมันเป็นการส่งความร้อน เมื่อกระดาษพิเศษได้รับความร้อน มันจะมีสีออกมาแค่นั้นเลย ทำให้เราไม่สามารถใช้กระดาษทั่ว ๆ ไปได้ ต้องใช้ของเขา กับ การปริ้นฉลากนั้นจะทำได้แค่ขาวดำเท่านั้น
โดยทาง Niimbot มีให้เราเลือกเยอะมาก ตั้งแต่ฉลากปกติ ฉลากใส หรือเป็นพวกฉลากสำหรับแปะสาย มีให้เราเลือกเยอะมาก ๆ กับที่เราตกใจมากคือราคามันไม่กี่บาทต่อม้วนเท่านั้น ปกติเราเจอเครื่องถูก ๆ กระดาษจะแพงมาก ๆ แต่อันนี้คือ ไม่แพงมากทั้งสองส่วนเลย
ที่เจ๋งกว่านั้นคือ การที่ในม้วนกระดาษเราคิดว่า มันใส่พวก NFC หรือ RF Chip บางอย่างเพื่อให้เครื่องสามารถอ่านแล้วรู้ว่ามันคือกระดาษแบบไหนใน App ได้ด้วย
เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมา ไฟจะกลายเป็นสีฟ้า เพื่อบอกสถานะการเปิดเครื่องและการเชื่อมต่อ ให้เราเอาโทรศัพท์ขึ้นมา และโหลด App Niimbot
เมื่อเราติดตั้ง App เรียบร้อย มันจะให้เราเชื่อมต่อกับตัวเครื่องปริ้นผ่าน Bluetooth ซึ่งขั้นตอนก็ทำได้ง่าย ๆ ไม่เจอปัญหาอะไรเลย หลังจากเราทำการเชื่อมต่อ และใส่ประดาษเข้าไปแล้ว มันจะแสดงผลเลยว่า เราโหลดกระดาษแบบไหนอยู่ มันดีมาก ๆ โดยเฉพาะเมื่อเราไม่ได้ใช้เครื่องนาน ๆ เราอาจจะลืมด้วยซ้ำว่า เราโหลดกระดาษแบบไหนอยู่
เพื่อความสนุก เราจะใช้มันในการทำฉลากสำหรับติดสายแลนที่อยู่ในบ้านของเรา ก่อนหน้านี้เราไม่มีเครื่องพวกนี้ ทำให้เราจะต้องใช้เทปกาวกระดาษแปะ แล้วเอาปากกาเขียนเอาไว้ แต่แน่นอนว่า พอเราใช้ไปนาน ๆ อยู่กับอุปกรณ์ที่ร้อนตลอดเวลา กาวมันจะเหนียวติดมือมาก ๆ ทำให้มีอุปสรรค์กับการจัดการตู้แบบสุด ๆ
การใช้งานนั้นง่ายแสนง่ายเลยแหละ เราแค่ใช้งาน App Niimbot ในการเข้าไป Design ว่าเราต้องการจะพิมพ์อะไรเข้าไปบ้าง พร้อมกับมีความสามารถในการสร้างพวก Barcode, QR Code หรือกระทั่ง เราสามารถเขียน Excel File แล้ว Upload เข้ากับ Niimbot Cloud เพื่อดึงออกมาเป็นแต่ละ Column มาปริ้นเป็น Template เดียวกันได้
อันนี้คือผลงานหลังจากที่เราทำเสร็จแล้ว สายเป็นระเบียบขึ้นเยอะมาก ๆ เวลาจะไล่สายอะไรมันก็ง่ายกว่าเดิม
Niimbot D11 เป็นเครื่องปริ้นฉลากขนาดเล็กที่ทำให้เราสามารถปริ้นฉลากได้สะดวกมาก ๆ เพียงแค่เราออกแบบได้ในโทรศัพท์ พร้อมกับ Feature ในการทำ ฉลากได้อย่างอิสระมาก ๆ เรียกว่า Drag & Drop ได้เลยทีเดียว กับยังสามารถทำพวก Template เพื่อสั่งพิมพ์ใหม่ในครั้งหน้าได้ นอกจากนั้นยังมีกระดาษฉลากให้เราเลือกหลายแบบตามความต้องการของเรา มีทั้งสีขาว สีอื่น ๆ และใส ๆ เลยก็มี แต่ทั้งหมดที่เราว่ามา ทั้งกระดาษและตัวเครื่องอยู่ในหลักร้อยเท่านั้น เรียกว่า หากใครต้องการหาเครื่องปริ้นฉลากที่สะดวกใช้งานง่าย ไม่ต้อง Maintenance อะไรเลย
ไหน ๆ Apple Watch เข้าเลขสองหลักกันแล้ว มีหรือเราจะพลาด เพื่อเป็นการฉลองก็เลยจัดมาเลยเรือนนึง เป็น Apple Watch เรือนที่ 3 ของเราละ ผ่านมา 10 Series จะมีอะไรใหม่ ใส่แล้วเป็นอย่างไร วันนี้เราจะมารีวิวเล่าให้อ่านกัน...
จาก Part ที่แล้วเราเล่าไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ยังขาดประเด็นสำคัญนั่นคือ Performance ของ M4 Max ว่า มันเข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงาน หรือทำให้การทำงานของเราเร็วขึ้นได้อย่างไร วันนี้จะเน้น Benchmark และพยายามมาหาสาเหตุกันว่า ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นกัน...
หลังจาก Apple Transition ไปสู่ Apple Silicon มาจนถึงจุดที่การเปลี่ยนผ่านเสร็จสิ้น เราก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับ Apple Silicon อีกเลย จนกระทั่งตอนที่ M4 ออกนี่แหละ ที่เราคิดว่า มันถึงจุดที่ใช่ละ ฤกษ์มันมาแล้ว ก็จัดเลยสิครับ มาดูกันว่าฤกษ์มันจะตรงอย่างที่เราคิดหรือไม่...
หลังจากผ่านไป 3 ปี ในที่สุดวันที่เรารอคอยกันก็มาถึง iPad Mini ออกรุ่นใหม่แล้วแกร แต่เอ๊ะ หน้าเดิมนิ แล้วมันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง และส่งผลกระทบต่อการใช้งานอย่างไรบ้าง วันนี้เราได้ทดลองใช้แล้วจะมารีวิวให้อ่านกัน...