Review

รีวิว Foreo UFO 2 เครื่องมาร์คหน้าสุดล้ำ มาร์ค 90 วิ เหมือน มาร์ค 85 ครั้ง

By Arnon Puitrakul - 25 ตุลาคม 2020

รีวิว Foreo UFO 2 เครื่องมาร์คหน้าสุดล้ำ มาร์ค 90 วิ เหมือน มาร์ค 85 ครั้ง

Grooming เป็น Trend ที่มาเป็นกระแสอยู่พักใหญ่แล้ว บางคนก็อาจจะไปเข้าสปา หรือ ช่วงนี้ที่เกิดสถานการณ์ COVID-19 ก็ทำให้เราต้องนอนผึ่งพุงอยู่บ้านอย่างเหงาหงอย ออกไปทำสปาไม่ได้ ก็เซง ๆ ไป อยู่บ้าน อยากบำรุงอย่างเร่งด่วน ก็จะจบที่การใช้มาร์คหน้ากัน

ซึ่งการมาร์คหน้าปกติ เราจะต้องไปหาซื้อแผ่นมาร์ค ก็จะมีให้เลือกหลายสูตร มากมายไปหมด ไม่รู้ว่าอันไหนดีหรือไม่ดี ซื้อเสร็จ ก็ถึงคราวเอามาแปะบนใบหน้าของเรา ส่วนใหญ่ก็จะใช้เวลา 15-20 นาที ตามสภาพห้องที่อยู่ในตอนนั้น ระหว่างนั้นก็จะทำอะไรก็ลำบากเนอะ โดยเฉพาะเวลาอยู่กับเพื่อน คือ อีเพื่อนแสนดี ก็คือ ทำให้ขำ มาร์คก็จะหลุดอะไรไปอี๊ก ลำบากมากมาย คือปัญหาเยอะมาก จนทำให้เราไม่ค่อยอยากที่จะมาร์คหน้าเท่าไหร่ แต่วันนี้ปัญหาพวกนี้จะหมดไปด้วย Foreo UFO 2 เครื่องมาร์คหน้าสุดล้ำที่ใช้เวลามาร์คเพียงแค่ 90 วินาที ได้ผลลัพธ์เท่ากับการมาร์คด้วย Mash Sheet ถึง 85 ครั้งกันไปเลย

Unboxing

ตัวกล่องที่เราได้มา จะมีเหมือนกับเป็นผ้าห่อไว้อยู่ เข้าใจว่า น่าจะเป็น Packaging ของ Foreo เอง เพราะตอนที่เราได้ Luna Mini 2 มาก็มาในห่อแบบนี้เช่นกัน โดยที่เวลาเราซื้อมาให้ดูด้วยว่า ซีล Bar Code ด้านขวามือ มันถูกกรีดแล้วหรือยัง

เมื่อเอาซองผ้าออกมา เราจะเจอกับกล่องของ Foreo UFO 2 ที่มีความหรูหราหมาเห่ามาก ๆ เพราะตัวกล่องทำจากพลาสติกแข็ง ๆ ที่ด้านหน้าของตัวกล่อง จะเป็นพวกบอกว่ามันเป็น UFO 2 นะ และ ด้านขวาคือ พระเอกของเราในวันนี้คือ Foreo UFO 2 ที่มาในสีฟ้า รอบ ๆ เครื่องทำมาเป็นลายเหมือนกับตัวเครื่อง ถ้าเราซื้อสีอื่น พวกแผงข้าง ๆ มันก็จะเป็นสีตามตัวเครื่องนะ เท่าที่ดูใน E-Commerce หลาย ๆ เจ้า สีฟ้านี่แหละ มันจะชอบดีดราคากัน

ที่ด้านบน ซ้ายจะเป็นสติ๊กเกอร์ที่ใช้ปิดกล่อง เวลาดูให้ดูตรงนี้ด้วยว่ามันหายไป หรือถูกกรีดเปิดหรือยัง และ ด้านขวา จะเป็นชื่อ Brand Foreo อย่างสวยงาม เรียบง่าย ส่วนใต้กล่อง เราขอไม่ถ่ายให้ดู เพราะมันมีพวก Serial ของตัวเครื่องอยู่ด้วย

ข้างกล่อง จะเป็นการบอกสรรพคุณของเครื่องว่า มันทำอะไรได้บ้าง เช่น ใช้เวลามาร์คเพียง 90 วินาที หรือจะเป็น Technology ที่เขาเคลมมากคือ Hyper Infusion Technology มันคืออะไร เดี๋ยวมาดูกัน

และ ด้านหลังของกล่อง ก็จะเป็นคำเคลม ว่า มันเป็นการมาร์ครูปแบบใหม่ ใช้เวลาแค่ 90 วินาทีเท่านั้นในหลาย ๆ ภาษาว่ากันไป ขอให้สังเกตุที่ขอบทั้ง 4 ด้าน เราจะเห็นว่า มันมีเทปแปะอยู่ เวลาเราซื้อมาให้เราเช็คด้วยว่า มันมีอันไหนหายไป หรือ โดนกรีดบ้างรึเปล่า ถ้ามันไม่สมบูรณ์หรือ โดนกรีดให้กลับไปคุยกับที่ ๆ เราซื้อมาก่อนนะ มันแปลก ๆ ละ

เมื่อเราแกะซีล และ เอาฝาหลังของกล่องออกมา เราจะเห็นว่า สิ่งที่เราเห็นก่อนจะแกะ มันเป็นกระดาษที่เราสามารถเปิดได้เหมือนหนังสือ

เมื่อเรากางออกมา ด้านซ้าย เราจะเจอกับสติ๊กเกอร์พวกรายละเอียดการใช้ไฟอะไรก็ว่าไปของเครื่องอันนี้ไม่รู้ ฮ่า ๆ และ ด้านขวาคือตัวเครื่อง Foreo UFO 2 เราก็เอาตัวเครื่องออกมาได้เลย

ที่ด้านขวาเมื่อกี้ ที่เป็นสีขาว ๆ เมื่อเราแกะออกมา มันเป็นกล่อง สำหรับใส่ของที่แถมมา

ของที่อยู่ในกล่อง จะมีพวก Serum ของ Foreo เอง, Mask สูตร Make My Day, ที่ตั้งเครื่อง, สายชาร์จ และ Paper Work ต่าง ๆ ดังนั้นเวลาเราซื้อเครื่องมา อย่าลืมซื้อแผ่นมาร์คมาด้วยนะ

สำหรับของสำคัญอย่างสายชาร์จนั้น มาเป็นรูปแบบของหัวกลม ทั่ว ๆ ไป และ ปลายอีกด้านเป็น USB-A ที่เราสามารถเสียบเข้ากับตัวเครื่องและ Adapter หรือ เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อชาร์จได้เลย

สำหรับคนที่อาจจะใช้งาน Product ของ Foreo อยู่แล้ว เราอาจจะเอ๊ะว่า ทำไมหัวมันขนาดเท่า ๆ กันเลยนะ ใช่ฮ่ะ ความดีของ Foreo คือ มันใช้ด้วยกันได้ อย่างในรูปด้านซ้ายเป็นสายชาร์จที่มากับ Foreo UFO 2 และ ด้านขวาเป็นสายที่มากับ Foreo Luna Mini 2 สามารถใช้แทนกันได้นะ ทางที่ดีคือ ให้เราใช้เส้นเดียว และ เก็บอีกเส้นสำรองไว้ เผื่อเราทำหายจะได้ไม่ต้องมานั่งหาซื้อใหม่

ของแถมอีกอย่างคือ ที่ตั้งตัวเครื่อง ทำมาดูดีมาก ๆ จับแล้วรู้สึกว่า ไม่กากเลย แข็งแรง ทำจากพลาสติกใส หนาพอตัว และที่ตรงกลางมีการสลักว่า Foreo ไว้รอบ ๆ ก็ทำเป็นจุด ๆ คล้าย ๆ กับลายของหน้าเครื่อง

เวลาเราเอาเครื่องมาตั้ง ก็จะทำให้เครื่องดูสวยขึ้นมาทันที และ เป็นการบอกด้วยว่า อ่อ ก็ชั้นมี UFO 2 อะ จะทำไม สวยค่ะ จบม่ะ !  นอกจากการเอาไว้อวด จริง ๆ แล้วที่เขาทำมาให้เราใช้แบบนี้ เพราะเวลาเราใช้งานเสร็จ เราจะต้องเอาไปล้าง กางเอามาวางแบบนี้ มันทำให้แห้งได้ไวขึ้น และ ที่ด้านหลังของตัวเครื่องมันเป็นแผ่นเรียบ ๆ สำหรับแปะมาร์ค นำความร้อน และ เย็น ถ้าเราเอาไปวางมั่วซั่ว มันอาจจะเกิดรอย และ เชื้อโรค มันก็อาจจะไปอาศัยอยู่ตามรอยนั้นแหละ จะล้างก็ยาก ร่องมันก็เล็กมาก ๆ

Foreo UFO 2

มาดูที่ตัวพระเอกของเรานั่นคือ Foreo UFO 2 กันบ้าง ตัวมันทำมาได้คล้ายกับ UFO รุ่นแรกมาก ๆ ที่ด้านหน้าเครื่อง จะมีการใช้วัสดุที่เป็นโลหะแล้วปั้มลายลงไป ตรงกลางจะมีเขียนว่า Foreo แน่นอนว่า ถ้าตัวเครื่องเป็นแบบนี้ เราคงไม่อยากเอาด้านนี้หันลงที่วางแน่นอน เพราะมันน่าจะเป็นรอยขนแมวได้ง่ายพอตัวเลย

รอบ ๆ ตัวเครื่อง ทำจากซิลิโคนเกรดการแพทย์อย่างดี เหมือนกับพวกเครื่องล้างหน้าในตระกูล Luna ที่มันต้านแบคทีเรียได้ ทำให้เวลาเราใช้ไปเรื่อย ๆ ล้างอะไรไปเรื่อย ๆ มันจะไม่มีแบคทีเรียสะสม ทำให้สุขอนามัยของเรายังดีมาก ๆ อยู่ กับด้วยซิลิโคนเกรดดีขนาดนี้ มันจะทำให้ต่างจากเครื่องล้างหน้าราคาถูกที่เราเห็นได้ตาม E-Commerce ที่อาจจะใช้ซิลิโคนเกรดต่ำกว่า พอใช้ ๆ ไป มันก็อาจจะเนียว ๆ แปลก ๆ ยุ้ยติดมือบ้าง หรือน่ากลัวสุดคือ มีเชื้อรามาอาศัยอยู่

ในรูปด้านบน ที่ด้านนึงของตัวเครื่อง จะเป็นปุ่มสำหรับกด ในรูปอาจจะไม่เห็น เพราะมันแค่บุ๊มลงไปนิดเดียวเท่านั้น ไม่รู้จะถ่ายยังไงให้เห็นเหมือนกัน

และที่ด้านท้ายของมันจะเป็นหัวสำหรับเสียบเพื่อชาร์จแบต โดยที่ทาง Foreo บอกว่า ชาร์จเต็มใน 3 ชั่วโมง แต่สามารถใช้งานในการทำ Treatment ได้ถึง 40 ครั้งเลยทีเดียว ถ้าเราบอกว่า เราทำวันละครั้งเลย เราก็ใช้ได้เดือนกว่า ๆ แล้วนะ ถ้าใช้งานถี่น้อยกว่านั้น ก็จะใช้ได้นานจนลืมชาร์จได้เลยแหละ

มาที่ทีเด็ดของมันคือ ส่วนที่มันใช้ในการทำ Treatment ให้เรากัน โดยที่มันจะเป็นแผ่นโลหะ และตรงกลางมีการสลักชื่อยี่ห้อ Foreo เอาไว้ อย่างที่บอก เราแนะนำให้วางด้านนี้กับที่วางของมันเท่านั้นนะ เพื่อป้องกันไม่ให้มันเป็นรอย และ แห้งสนิท

ถ้าเราสังเกตุดี ๆ ที่รอบ ๆ ของแผ่นโลหะ เราจะเห็นเหมือนเป็นวงแหวนอยู่ ที่ด้านบนของตัวตรง เราจะเห็นว่า มันทำมาเป็นร่อง สำหรับให้เราเอานิ้วดึงวงแหวนออกมาได้ สำหรับการใส่ และ ยึด Mask กับตัวเครื่อง

ตัววงแหวนจะเป็นพลาสติกใส ๆ ธรรมดา ที่ทำมาได้ดูแข็งแรง งอไม่ได้นะ อย่าไปงอเล่น และ ห้ามทำหายด้วย ถ้าทำหายคือ จอบอ ทันที เพราะเราจะล๊อคตัวแผ่นมาร์ค กับตัวเครื่องไม่ได้เลย เวลาเราใช้งาน ให้เราเอาด้านที่มันมีร่องอกมา จากในรูปคือ ด้านบนซ้ายนิด ๆ วางด้านที่มีคำว่า Foreo อยู่ลงไปที่ ด้านที่มีแง่งสำหรับวางบนตัวเครื่องแล้วกดลงไปก็จะเรียบร้อย

ถ้าเราแกะวงแหวนออกมา เราจะเห็นว่าด้านข้าง ๆ แถบโลหะ เราจะเห็นเหมือนเป็นอะไรขุ่น ๆ ตรงนั้นคือ วงที่เป็นหลอด LED ที่จะเปร่งแสงในสีต่าง ๆ เพื่อบำรุงหน้าเราในหลาย ๆ ปัญหาได้ เดี๋ยวมาเล่าในการใช้งาน หลัก ๆ ตัวเครื่องทำมาได้ค่อนข้าง Minimal มาก ๆ ปุ่มควบคุมก็คือมีอยู่ปุ่มเดียว เพื่อให้เรา Pair มันเข้ากับโทรศัพท์ของเรา และ อาจจะใช้ในการเลือกโปรแกรมการ Treatment เมื่อเราไม่ได้ใช้โทรศัพท์ได้แค่นั้นเอง

การชาร์จ

เมื่อเราแกะกล่อง ก่อนการใช้งานครั้งแรก เราแนะนำให้ชาร์จให้เต็มก่อนการใช้งาน จะได้ใช้ไปยาว ๆ เลย โดยการเสียบสายชาร์จ เข้ากับที่ตัวเครื่องได้เลย ข้อสังเกตุคือ หัวของสายชาร์จ มันไม่สามารถเสียบเข้าไปได้ทั้งหมด ตอนแรกคิดว่ามันมีอะไรติดรึเปล่า จริง ๆ คือ เปล่า ถูกแล้วนะ อย่าไปดันมันละ อาจจะพังได้

เมื่อเราเสียบสายเข้าแล้ว ที่ตัวเครื่องมันจะมีไฟ ขึ้นมาบอกว่า เรากำลังชาร์จนะ เราก็เอาวางไว้บนที่วาง และ ไปทำอย่างอื่นได้เลย เพราะ Foreo บอกว่าใช้เวลาชาร์จประมาณ 3 ชั่วโมง ส่วนการชาร์จครั้งอื่น ๆ เราแนะนำว่า ก่อนจะชาร์จ ให้ทิ้งตัวเครื่องไว้ให้แห้งก่อน

โดยที่เราจะใช้วิธีว่า อาจจะใช้งานตอนกลางคืน แล้วทิ้งไว้ทั้งคืน จนเช้าก่อนจะออกไปข้างนอก เราก็เสียบชาร์จทิ้งไว้ และ พอกลับมา มันก็ควรจะเต็มแล้วละ เพราะก่อนหน้านี้ ตัว Luna Mini 2 ที่เราใช้ เคยเจออาการเครื่องรวน เราว่า มันน่าจะเกิดจากที่ตอนเราเสียบสายแล้ว หัวชาร์จมันยังไม่แห้งสนิท แล้วอาจจะทำให้วงจรมันช๊อต จนทำให้เครื่องมีปัญหาได้

4 เทคโนโลยีสุดล้ำจาก Foreo ที่ทำให้การมาร์คหน้าเปลี่ยนไป

หนึ่งในความลับที่ทำให้ Foreo UFO 2 มีความน่าสนใจมาก ๆ คือ เทคโนโลยีที่อยู่ในตัวเครื่อง คือ การใช้ความร้อน, การใช้ความเย็น และการบำบัดด้วยแสง LED

เริ่มจาก การใช้ความร้อนก่อน Foreo เรียกว่า Thermo-Therapy ตัวเครื่อง Foreo UFO 2 สามารถปล่อยความร้อนออกมา เพื่อเปิดรูขุมขนของเราให้สารบำรุงที่อยู่ในแผ่น Mask ลงไปในชั้นผิวได้ลึกขึ้น สิ่งที่ UFO 2 ทำได้ดีกว่าในรุ่นแรกคือ มันสามารถทำความร้อนได้เร็วกว่ารุ่นแรกถึง 5 เท่ากันเลย

ความลับอย่างที่ 2 คือ การใช้ความเย็น หรือที่ Foreo เรียกว่า Cryo-Therapy ที่จะปล่อยความเย็นออกมา เพื่อปิดรูขุมขนเรา เพื่อล๊อคซีลสารบำรุงให้อยู่ในผิวของเรา นอกจากนั้น มันยังสามารถช่วยลดอาการบวม และ การอักเสบของผิว พร้อมกับ ยกกระชับผิวของเราได้อีกด้วย

อย่างที่ 3 คือการใช้การสั่นแบบ T-Sonic ที่เป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Foreo เอง ที่เราเห็นได้จากเครื่องล้างหน้าของ Foreo ตัวเดียวกันเลย แต่พอมันมาอยู่ในเครื่องมาร์คหน้า Foreo บอกว่า มันสามารถช่วยทำให้พลักสารบำรุงจากตัวแผ่นมาร์คเข้าไปที่ผิวเราได้มากขึ้น พร้อมกับช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อบนใบหน้าของเราได้

และสุดท้ายคือ การบำบัดด้วยแสง LED หรือ Foreo เรียกว่า LED Therapy คือ การใช้แสงเพื่อแก้ปัญหาผิวของเรา โดยที่ใน UFO 2 มีการพัฒนาตัว LED ให้เก่งขึ้นอีกขั้นด้วยแสงสีที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นแรก ในรุ่นแรกมันสามารถเปร่งออกมาได้เพียงแค่ 3 สีเท่านั้นคือ แดง น้ำเงิน และ เขียว ในรุ่น 2 มาพร้อมกับ Full-Length LED ที่เราจะใช้ถึง 8 สีกันเลย

  • สีแดง ช่วยเรื่องการกระตุ้นการสร้าง Collagen ใต้ผิวของเรา ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น และ ช่วยเรื่องรอยเหี่ยวย่นได้
  • สีน้ำเงิน ช่วยเรื่องการกำจัดเชื้อ P. Acne ที่เป็นต้นเหตุของสิว คืนสมดุลการสร้างน้ำมันบนผิว และ ลดการอักเสบของสิวได้ รวม ๆ คือ เป็นสีที่ดีสำหรับคนมีปัญหาสิวเลย
  • สีเขียว ช่วยเรื่องรอยต่าง ๆ และ ทำให้ผิวของเรามีความกระจ่างใสได้อย่างดี
  • สีขาว ช่วยให้ผิวกระชับ ลดการอักเสบของผิว และ กระตุ้นการสร้างผิวใหม่ได้
  • สีม่วง คือ แสงน้ำเงิน บวกกับ แดง ช่วยเรื่องการกำจัดสารพิษต่าง ๆ เพิ่มความกระจ่างใส ลดการอักเสบ และ กระตุ้นกระบวนการรักษาผิว
  • สีส้ม ช่วยเรื่อง การบรรเทาอาการผิวไหม้จากแดด และ ฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
  • สีเหลือง ช่วยปลอบประโลมผิวของเรา ลดการบวม และ ทำให้ Skin Tone ดีขึ้น
  • สีฟ้า ช่วยในการ ลดการอักเสบของผิว พร้อมกับช่วยให้กระบวนการรักษาผิวต่าง ๆ ทำได้ดีขึ้น

หลัก ๆ แล้วทั้ง 8 สีนี้ มันจะมีอยู่ไม่กี่ Keyword คือ ความยืดหยุ่น, ลดเชื้อสิว, ลดรอย, ยกกระชับ และ ปลอบประโลมผิว ซึ่งเป็นปัญหาที่เราพบได้ในผิวของคนทั่ว ๆ ไปเลย ส่วนตัวเรา เรื่องของการบำบัดด้วย LED เราค่อนข้างโอเคกับมันนะ เพราะเราไปหาอ่านงานวิจัย มันก็มีงานวิจัยที่ออกมารองรับเยอะ และ คลินิกบางทีก็มีการใช้การบำบัดด้วยแสงเช่นกัน

แผ่นมาร์ค อีกหนึ่งความลับของ Foreo UFO

นอกจากตัวเครื่องที่ทำได้หลายอย่างมาก ๆ แล้ว อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้เลยคือ แผ่นมาร์ค นั่นเอง โดยที่เครื่อง Foreo UFO 2 จะต้องใช้กับแผ่นมาร์คของ Foreo เท่านั้น เพราะเขาจะตัดมาให้พอดีแล้ว โดยที่ Mask ของ Foreo เองก็มีมาให้เราใช้งานกันหลายสูตร ตามปัญหาผิวที่เรากังวลเลย หลัก ๆ ถ้าเราไปหาซื้อ เราจะแบ่งได้ออกมาเป็น 3 Series ใหญ่ ๆ ด้วยกัน

ตัวแรก เราเรียกว่าเป็นตัวธรรมดาละกัน พวกนี้จะเป็น Mask ที่เรียกได้ว่าเป็น Standard สูตรปกติของเขาเลย โดยที่จะมีอยู่สองสูตรคือ Make My Day สำหรับใช้ในตอนกลางวัน ที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid และ สารสกัดจากสาหร่ายแดง ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น และ ปกป้องผิวของเราจากมลภาวะที่เราจะออกไปเจอข้างนอก Call it a night ที่ใช้ในช่วงกลางคืน ที่มีส่วนผสมของโสม และนำ้มันมะกอก ที่ช่วยถนอม และ ฟื้นฟูผิวของเราหลังจากที่เราออกไปเจอมลภาวะมา เราใช้ไปแล้วเห็นเลยว่า ตื่นมาคือผิวมีความมีน้ำมีนวล ชุ่มชื้นมาก ๆ

อีก Series ที่จะแพงขึ้นมาอีกคือ Advanced Collection ที่เขาจะมีมาให้ถึง 5 สูตรตามปัญหาของผิวเลย สำหรับการรีวิวในวันนี้เราซื้อมาลอง 2 สูตรคือ Matte Maniac ที่มาพร้อมกับ Charcoal ที่จะช่วยดึงสิ่งสกปรกที่อยู่บนผิวของเราออก เพื่อให้ผิวของเราสะอาด และ มีสุขภาพดี พร้อมกับวิตามินต่าง ๆ เพื่อให้ผิวนุ่มเนียน ดูสดชื่น ไม่เหมือน Zombie อันนี้เราใช้แล้วเราประทับใจมาก ใช้ออกมาแล้วผิวเรียบ นิ่ม และ เนื้อ Serum มันซึมแบบหายไปเลย หลังจากใช้เสร็จทิ้งไว้ไม่นาน พร้อมให้เราลงบำรุงผิวอย่างอื่นต่อได้เลย และอีกสูตรคือ Glow Addict ที่อัดสารสกัดจากไข่มุข เพื่อให้ผิวที่ดูหมองคล้ำ กลับมาดูมีสุขภาพดีได้ กับทำให้ผิวชุ่มชื้น และ ดูแข็งแรงขึ้น นอกจากนั้นอีก 3 สูตรลองไปหาดูใน Store ต่าง ๆ ได้

และ Series สุดท้าย คือ From Farm to Face จะเป็นพวกสารจากธรรมชาติเลย โดยจะมีให้เราเลือกถึง 6 สูตรเลย คือ Manuka Honey, Achi Berry, Bugarian Rose, Green Tea, Coconut Oil และ Cannabis Seed Oil อ่านเจอคำว่า Cannabis อาจจะคุ้นเคย มันก็คือ กัญชา ในภาษาไทยนั่นเอง ฮ่า ๆ

ความพิเศษมากกว่านั้นอีกคือ ใน Mask แต่ละสูตร มันก็จะจับคู่โปรแกรม Treatment ที่แตกต่างกัน เช่น สูตร Call it a night ก็จะใช้ความร้อนคู่กับแสงสีแดง หรือ Matte Maniac ก็จะใช้แสงสีฟ้า แสงสีม่วง พร้อมกับ การใช้ความร้อน ความเย็นในการทำ Treatment

ส่งผลให้ Mask บางตัว อาจจะใช้งานในเครื่องที่เป็นรุ่น Mini ไม่ได้ เวลาเราซื้อให้เราสังเกตุที่ข้างกล่อง มันจะมีเขียนอยู่ว่า ใช้กับเครื่องรุ่นไหนได้ แต่ถ้าเราใช้ UFO 2 ตัวที่เราเอามารีวิววันนี้ ก็คือ ใช้ได้ทุกสูตรเลย เพราะรุ่น Mini มันจะไม่มี Cyro-Therapy นั่นเอง

การใช้งาน

สำหรับการใช้งาน เราจะต้องใช้คู่กับ App Foreo ที่เราสามารถโหลดผ่าน App Store บน iOS หรือ Play Store สำหรับ Android ได้เลย ในการใช้งานครั้งแรก มันก็จะมีขั้นตอนของการ Pair เครื่องเข้ากับโทรศัพท์ของเรา

เมื่อเราจะเริ่มใช้งาน ตัว App มันจะให้เราสแกนซองของแผ่นมาร์ค เพื่อให้เครื่องมันรู้ว่า มันต้องทำโปรแกรมไหน จากนั้นเครื่องมันจะบอกขั้นตอนให้เราว่า เราจะต้อง เอาแผ่นมาร์คใส่ลงไป และล๊อคด้วยวงแหวน เป็นเสียงให้เราทำตามได้เลย

ระหว่างการทำ Treatment ก็จะมีเพลงเพื่อให้เราผ่อนคลาย พร้อมกับมีเสียงบอกว่า มันกำลังทำอะไรอยู่ สิ่งที่มันทำอยู่มันช่วยอะไรบ้าง ช่วงเวลานี้ก็คือ หายใจเข้าลึก ๆ ผ่อนคลายกับการบำรุง 90 วินาทีได้เลย เราอยากจะบอกว่า มันโคตรสบาย สบายมาก ๆ ช่วงที่มันมีความร้อนออกมาก็คืออุ่น ๆ ฟิน ๆ ไป และตอนที่มันเย็นก็สบายไปอีกแบบ

หลังจากหมด 90 วินาทีก็จะสิ้นสุดโปรแกรม Treatment แต่อันความงกของเราที่เห็น Serum ที่เหลืออยู่ในซอง เราก็เลยบีบมันใส่เครื่องและเริ่มโปรแกรมใหม่อีกรอบ สุดท้ายถ้าเราไม่ทำต่อแล้วมันก็จะให้เราถอดแผ่นมาร์คออก และเอาตัวเครื่องไปล้างน้ำทำความสะอาดได้เลย เป็นอันจบขั้นตอนการบำรุง เราจะบอกว่า ตัวเครื่องกันน้ำ 100% นะ เราสามารถเอาไปผ่านน้ำก๊อกได้เลย ไม่ต้องกลัวพัง แต่ไม่เอาพวกสายฉีดอัดเข้าหัวชาร์จนะ อันนั้นเสี่ยงไปหน่อย แค่ผ่านน้ำก็พอแล้ว

Experience จากการใช้งาน

หลังจากการใช้งานมา 7 วัน เราสามารถบอกได้เลยว่า มันทำให้การมาร์คหน้าสะดวกขึ้นมากทำให้เราอยากที่จะมาร์คหน้าทุกวันเลย และเวลาเราทำ Treatment อยู่ต้องบอกเลยว่า มันโคตรสบาย แบบ สบายมาก ๆ เป็น 90 วินาที ที่ผ่านไปไวเหมือนโกหกเลย

ด้วยความที่เราต้องถูวน ๆ ไปที่หน้าของเรา ตอนแรกเราคิดว่า แผ่นมาร์คจะมีความสาก ๆ หน่อยเหมือนกับแผ่นมาร์คทั่ว ๆ ไป ไม่เลย มันไม่เป็นแบบนั้นเลย มันนิ่มมาก ๆ ถูไปไม่มีสาก หรือทำร้ายผิวของเราเลย

หลังจากใช้เสร็จ พวก Serum ที่เหลืออยู่บนผิวของเรา ที่มันทำให้หน้าเราเหนียว มันมีน้อยกว่าการใช้แผ่นมาร์คทั่ว ๆ ไปอีกมาก บางสูตรคือซึมเข้าผิวหายไปเลย แต่เมื่อเราดูปริมาณ Serum ที่ใส่เข้ามา มันใกล้เคียงกับแผ่นมาร์คทั่ว ๆ ไปมาก แปลว่า ตัวเครื่องมันช่วยผลัก Serum เข้าสู่ผิวเราได้เยอะจริง ๆ แหละ

ความที่มันใช้เวลาเพียงแค่ 90 นาที ถ้าเรารวมเวลาในการใส่แผ่นมาร์ค ถอดแผ่นมาร์ค และ กด App ล้างเครื่องทั้งหมดเลย มันจะตกอยู่ที่ไม่เกิน 5 นาทีเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่า 20 นาทีที่ใช้กับแผ่นมาร์คทั่ว ๆ ไปมา ทำให้เราสามารถมาร์คตอนเช้าก่อนออกไปทำงานได้ เพื่อให้เวลาที่เราแต่งหน้า เครื่องสำอางมันติดได้ดี ติดทนนานมากขึ้นนั่นเอง

ความแปลกของการใช้งานนี้คือ เวลาเราใช้งาน เราต้องใช้งานคู่กับโทรศัพท์ นั่นแปลว่า เวลาเราใช้จริง ๆ เราต้องเอาโทรศัพท์เข้าไปในห้องน้ำด้วย และ ตอนที่เราใส่แผ่นมาร์คลงไปที่ตัวเครื่อง มันไม่ได้ทำได้ด้วยมือเดียว นั่นคือ มือมันก็จะเปื้อนสารบำรุง และเราต้องจิ้มที่โทรศัพท์เพื่อเริ่มโปรแกรมอีก มันแอบยากไปหน่อย

เรื่องนึงที่เรากังวลในการใช้แผ่นมาร์คมาก ๆ คือ สิ่งแวดล้อม เพราะแผ่นมาร์คมันใช้ครั้งเดียวและทิ้ง มันเป็นการสร้างขยะจำนวนมหาศาลเลย แต่แผ่นของ Foreo มันทำมามีขนาดที่เล็กกว่าแผ่นมาร์คทั่ว ๆ ไปมาก ทำให้เราคิดว่ามันก็ช่วยลดปริมาณขยะที่เป็นแผ่นมาร์คได้พอตัวเลย

สรุป : Foreo UFO 2 เครื่องมาร์คสุดล้ำ มีงบก็กดมาเถอะ ของเขาดีจริงไม่สตอ

Foreo UFO 2 เครื่องมาร์คสุดล้ำที่ผสาน 4 เทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ทั้งการใช้ความร้อน ความเย็น การสั่น และ การบำบัดด้วยแสง เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ของผิวเราได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และใช้เวลาเพียงแค่ 90 วินาที ก็ทำให้ผิวของเราดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมทั้งระเบิดความเครียดให้ออกจากตัวเราด้วยความสบายระหว่างการทำ เราแนะนำเลย ในค่าตัวราคาเต็มที่ 10,000 บาท แต่เราแนะนำให้ไปหาตาม E-Commerce ต่าง ๆ (ระวังของปลอมด้วย) มันจะถูกกว่า และ ยิ่งถ้าเป็นพวก 10.10 หรือพวกเทศกาล Sale เราได้ Code คืน Coin มาอีก 1,000 เลยยิ่งคุ้มเข้าไปใหญ่ หรือถ้าใครที่งบน้อยลงมาหน่อยก็อาจจะไปสอยตัวที่เป็น Mini มาใช้งานก็ได้ Feature หลัก ๆ จะเหมือนกันเลยแต่ตัดเรื่อง Cyro-Therapy ออกไปเท่านั้นเอง ส่วนถ้างบไม่พร้อมตอนนี้ถามว่าจำเป็นมั้ย เราก็บอกว่า ใช้แผ่นมาร์คทั่วไปได้อยู่ ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น ไว้มีงบค่อยกดก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อน

สำหรับคนที่ถามเรื่องว่า รุ่นแรกกับรุ่น 2 มันต่างกันยังไง หลัก ๆ จะมี 2 เรื่องคือ รุ่น 2 จะสามารถทำความร้อนได้เร็วกว่ารุ่นแรกถึง 5 เท่า และ ตัวแสง LED จากเดิมที่เปร่งออกมาได้แค่ 3 สีในรุ่นแรก รุ่น 2 สามารถเปร่งได้แบบ Full-Range เหมือนไฟ RGB ที่เราชอบเล่นกันเลย แค่นั้นเลย

Read Next...

รีวิว Apple Watch Series 10 ในที่สุด ก็ได้กลับมาใส่ Titanium อีกครั้ง

รีวิว Apple Watch Series 10 ในที่สุด ก็ได้กลับมาใส่ Titanium อีกครั้ง

ไหน ๆ Apple Watch เข้าเลขสองหลักกันแล้ว มีหรือเราจะพลาด เพื่อเป็นการฉลองก็เลยจัดมาเลยเรือนนึง เป็น Apple Watch เรือนที่ 3 ของเราละ ผ่านมา 10 Series จะมีอะไรใหม่ ใส่แล้วเป็นอย่างไร วันนี้เราจะมารีวิวเล่าให้อ่านกัน...

รีวิว Macbook Pro 14-inch M4 Max ไปให้สุดหยุดที่หมดตัว v2 (Part Performance Analysis)

รีวิว Macbook Pro 14-inch M4 Max ไปให้สุดหยุดที่หมดตัว v2 (Part Performance Analysis)

จาก Part ที่แล้วเราเล่าไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ยังขาดประเด็นสำคัญนั่นคือ Performance ของ M4 Max ว่า มันเข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงาน หรือทำให้การทำงานของเราเร็วขึ้นได้อย่างไร วันนี้จะเน้น Benchmark และพยายามมาหาสาเหตุกันว่า ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นกัน...

รีวิว Macbook Pro 14-inch M4 Max ไปให้สุดหยุดที่หมดตัว v2 (Part 1)

รีวิว Macbook Pro 14-inch M4 Max ไปให้สุดหยุดที่หมดตัว v2 (Part 1)

หลังจาก Apple Transition ไปสู่ Apple Silicon มาจนถึงจุดที่การเปลี่ยนผ่านเสร็จสิ้น เราก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับ Apple Silicon อีกเลย จนกระทั่งตอนที่ M4 ออกนี่แหละ ที่เราคิดว่า มันถึงจุดที่ใช่ละ ฤกษ์มันมาแล้ว ก็จัดเลยสิครับ มาดูกันว่าฤกษ์มันจะตรงอย่างที่เราคิดหรือไม่...

รีวิว iPad Mini Gen 7 หน้าเดิม แรงขึ้นรองรับ Apple Intelligence แล้วนะ

รีวิว iPad Mini Gen 7 หน้าเดิม แรงขึ้นรองรับ Apple Intelligence แล้วนะ

หลังจากผ่านไป 3 ปี ในที่สุดวันที่เรารอคอยกันก็มาถึง iPad Mini ออกรุ่นใหม่แล้วแกร แต่เอ๊ะ หน้าเดิมนิ แล้วมันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง และส่งผลกระทบต่อการใช้งานอย่างไรบ้าง วันนี้เราได้ทดลองใช้แล้วจะมารีวิวให้อ่านกัน...