Review

รีวิว DevilCase เคส iPhone เทพ ๆ จากไต้หวัน

By Arnon Puitrakul - 12 สิงหาคม 2022

รีวิว DevilCase เคส iPhone เทพ ๆ จากไต้หวัน

วันนี้เรากลับมารีวิวเคสโทรศัพท์กันอีกแล้ว กับ DevilCase Guardian Standard ที่ชื่อมีคำว่า Standard ดูธรรมดา แต่เราได้ลองใช้แล้วเราจะบอกว่า เห้ย มันไม่ธรรมดานะ และแน่นอนว่า รีวิวนี้ได้รับการสนับสนุนจาก DevilCase ด้วย แต่เราก็ไม่อวยถ้าไม่ดีจริงนะ

ปล. ที่เห็นมันเป็นลาย ๆ เหมือนเลอะในรูป Thumbnail เกิดจากฟิล์ม และเคสเก่าของเรานะ ไม่เกี่ยวกับ DevilCase อันนี้สภาพจริงหลังจากใส่ฟิล์มใส กับ Apple Case เข้าไป

Unboxing

ตัวกล่องเคส จริง ๆ เราว่าหลาย ๆ Brand ก็ทำออกมาคล้าย ๆ กันเลยนะ เน้นกล่องขนาดเท่ากับตัวเคสไปเลย จะได้ไม่ต้องใช้กระดาษเยอะ รักษ์โลกหน่อย ที่ด้านหน้าก็มีการเขียนรุ่นไว้เสร็จเลยว่า เป็นรุ่น Guardian Standard พร้อมกับด้านบน มีการเขียนด้วยนะว่า Anti-Yellowing เพราะจุดด้อยใหญ่ ๆ ของเคสใสเลย คือเมื่อเราใช้ไปนาน ๆ มันจะเหลือง ถ้าจำไม่ผิด มันจะเกิดจาก พวกพลาสติกมันได้รับพวก UV และเหงื่อของเราเองนี่แหละ เลยทำให้มันเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา แต่ของ Devilcase เอง ก็บอกว่า เขามีการป้องกันเคสเหลืองด้วยนะ

ด้านหลังจะเป็นพวกคุณสมบัติต่าง ๆ ของเคส เช่น ผ่านมาตรฐานการ Drop Test MIL-STD-810G ที่เขาจะทดสอบโดยการให้อุปกรณ์ที่ใส่เคสนี้แหละ ตกอยู่ 26 ครั้ง โดยแบ่งเป็น ตกให้ขอบโค้ง ๆ หล่นไป 8 ครั้ง, ข้างเครื่องโดนไป 12 ครั้ง และ 6 ครั้งเอาหน้าลง แล้วทำทั้งหมดนี้วน ๆ ไป 5 รอบด้วยกัน ลองเข้าไปหาอ่านได้ เรียกว่า ถ้ามันรอดจากมาตรฐานนี้ได้ เราว่าการใช้ชีวิตประจำวันของเราน่าจะรอดแล้วละ

ด้านข้างกล่อง ก็จะเขียนให้เรียบร้อยเลยว่าเป็นรุ่น Guardian Standard นะ

เรื่องที่เราชอบกับกล่องของ Devilcase มาก ๆ คือการแกะโดยที่เราไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรเลย มันสามารถดึงออกมาได้เลย แล้วเราจะเจอกับเคสของเราเลย

น้องมีการห่อพลาสติกมาอย่างดี โดยเฉพาะตัวหลังเคสที่ติดพลาสติกวนจนไปถึงส่วนที่เราใส่โทรศัพท์เลย เพื่อให้มันไม่เป็นรอยขนแมวระหว่างการขนส่ง แต่ด้านข้าง เขาก็ไม่ได้ใส่อะไรป้องกันมานะ แต่ว่า เท่าที่ดู มันก็ไม่มีรอยอะไรเลย เรียกว่า ก็ปลอดภัยอยู่

DevilCase Guardian Standard

เรามาดูที่ตัวเคสกันดีกว่า หลังจากแกะพลาสติกออกมา จับแล้ว เออ แข็งแรงดีนะ แข็งอยู่ แต่ก็ไม่ได้แข็งจนขยับไม่ได้เลย ด้านที่ใส ก็คือใสจริง ๆ ดูจากในรูปจะเห็นเหมือนมันโปร่ง ๆ นะ แต่จริง ๆ คือ มันใสมาก ๆ

สำหรับเคสตัวนี้เป็นของ iPhone 13 Pro Max ทำให้ Layout ของปุ่มก็จะเป็นของ iPhone 13 Pro Max เนอะ สำหรับคนที่ใช้โทรศัพท์รุ่นอื่นก็จะเป็น Layout ของโทรศัพท์เราเลย ซึ่งเท่าที่ดู การเจาะรู อย่างรูสำหรับ Switch เปิด/ปิดเสียง เราว่าก็ทำมาดีเลยละ กับปุ่มเองเอามือถู ๆ ดูแล้วมันไม่นิ่งเท่าไหร่ น่าจะลั่นปุ่มง่ายพอสมควร

ทาง Devil Case บอกว่า ตัวปุ่มในรุ่น Guardian Standard ที่เราเอามารีวิวในวันนี้ เขาจะเอาจุดโฟมที่ช่วยทำให้แน่นออกเพื่อเพิ่มความสวยงามของเคสใส แต่ถ้าเป็นรุ่น Guardian Pro เขาจะไม่ได้เอาออก ทำให้เวลาเราจับแล้วปุ่มมันจะขยับไม่ได้ ดูแน่นขึ้น

ส่วนตัวเรามองว่า มันก็เป็นปกตินะ แล้วก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้งาน ในกลาย ๆ เคสที่เคยใช้มาแล้วเป็นแบบนี้ ก็ยังไม่เคยเจอปัญหา ปุ่มหลุดออกมาเลย เพราะเวลาเราใช้งานจริง ๆ โทรศัพท์ ก็จะอยู่ในเคส ยังไง ๆ มันก็หลุดออกมาไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลไป เป็นแค่ข้อสังเกตของ Guardian Standard เฉย ๆ ว่า ปุ่มมันไม่นิ่ง เพราะบางคนอาจจะไม่ชอบ

อีกด้านของเคส ก็จะเป็นปุ่มสำหรับเปิด ปิด เครื่องของ iPhone ปกติเลย โล้น ๆ แต่เอาจริง ๆ นะ เราว่าสีที่เราได้มารีวิวคือ สวยนะ มาเป็นรุ้งเลย ถ้าใครชอบเราว่าชอบเลยอะ

ดูในแนวนี้ เราอาจจะเห็นว่า เอ๊ะ เคสเขาผลิตมาไม่ดีรึเปล่า ทำไมมันเบี้ยวขนาดนี้ เราจะบอกว่า มันไม่เป็นไรนะ เพราะว่า ตัวเคสเขาไม่ใช่เคสแข็ง ๆ นะ มันเป็นแบบ TPU กึ่งแข็ง กึ่งนุ่ม บิดงอได้ในระดับหนึ่ง

สุดท้าย ด้านท้ายของเคส เราจะเห็นว่า มันก็จะมีช่องสำหรับเสียบ Lighting และลำโพงออกอยู่ กับอีกส่วนที่เราอยากให้สังเกตคือ ที่มุมของเคส มันจะมีเหมือนชิ้นพลาสติกขึ้นมา อันนี้มันทำมาเพื่อป้องกัน เวลาเราทำเครื่องตกนั่นเอง

เอามาใส่จริง ความรู้สึกแรกที่เราได้หลังจากจับคือ เราว่า เออ มันแน่นดีนะ จับแล้วไม่มีชิ้นส่วนที่ยุกยิ๊กเยอะมาก อาจจะมีแค่พวกปุ่มนี่แหละที่เราว่ามันแอบไม่แน่นนิดหน่อย ซึ่งส่วนตัวเราชอบแบบนี้มากกว่า เพราะส่วนใหญ่พวกที่ปุ่มมันแน่น ๆ เลย หรือปุ่มมันทำมาเป็นเนื้อเดียวกับเคสเลย ส่วนใหญ่มักจะกดยาก แล้วพอใช้งานไปนาน ๆ พวกพลาสติกมันเสื่อมสภาพไปหน่อย พวกความยืดหยุ่นมันหายไปทำให้กดยาก อันนี้มันทำมาคนละชิ้นกัน เลยคิดว่า ปัญหานี้น่าจะไม่มีละ

เราอยากให้ดูที่รูปด้านบนนี้ เราจะเห็นเลยว่า เนื้อเคสมันหนามากเลยนะ เราจะเห็นเลยว่า พอเราใส่เข้าไปแล้ว เราเห็นชั้นของเคสได้ชัดเจนมาก ๆ ว่ามันหนาสุด ๆ ไปเลย เรียกว่า ถ้าตกเราว่า น่าจะไม่เป็นไรเลย ฮา ๆ

ส่วนด้านหลัง ก็จะใส ๆ ตามที่เราคุยกันก่อนหน้านี้เลย โทรศัพท์ของเราเป็น iPhone 13 Pro Max สีดำ ส่วนตัวเราว่า มันก็เข้ากับเคสตัวนี้อยู่นะ สวยดี ยกเว้นแค่เรื่องฟิล์มที่หลังเครื่องเรานี่แหละ พอเราใส่เคสของ Apple นาน ๆ จนฟิล์มมันเป็นรูป Magsafe เลย ตลกดี แนะนำว่า ถ้าใครจะใช้งานเคสใสไหน ๆ เลย เราไม่แนะนำให้ติดฟิล์มที่ด้านหลังนะ คือเราเอาเครื่องใส่เคสแล้วไม่ต้องเอาออกมาแล้ว ใช้ยาว ๆ ไปเลย ตกแล้วก็ไม่เป็นไรหรอก

อีกหนึ่งส่วนที่เป็นปัญหาของโทรศัพท์ใหม่ ๆ คือ กล้อง เป็นส่วนสำคัญ และมีราคาที่แพงอันดับต้น ๆ ของอุปกรณ์ในเครื่องเลยก็ว่าได้ จากรูปเราจะเห็นว่า เขาออกแบบเคสมาให้มันมีจุดที่นูนออกมา เพื่อไม่ให้เวลาเราวางโทรศัพท์เลนส์กล้องมันไปขูดกับพื้นผิวที่เราวาง ซึ่งปกติเคสบางยี่ห้อเขาก็ทำนะ แต่เขาทำมาบางมาก ๆ จนถ้าเกิดว่า เราติดพวก Lens Protector มันจะกลายเป็นว่า Lens Protector นี่แหละหนากว่า Camera Bumper สุดท้าย เคสมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร แต่ DevilCase ตัวนี้คือ เขาทำมาสูงกำลังดีเลย จากในรูปเราใส่ Lens Protector แล้ว มันก็ยังสูงไม่ถึง Bumper นะ ทำให้ Bumper มันปกป้อง Lens Protector ของเราอีกทีได้ด้วย

อีกส่วนที่สำคัญมาก ๆ คือขอบเครื่อง เพราะบางครั้งเวลาเราทำเครื่องตก มันอาจจะเอาหน้าลง ทำให้ ถ้าเคสมันไม่มียื่นออกมา จอเราก็จะลงพื้นไปเลยจ๊ะ เรียกว่าเสี่ยงแตกสูงมาก แต่อันนี้ไม่ เขาทำมาให้มันเลยไปหน่อยเวลาตก จอก็จะไม่โดนพื้น แต่ข้อเสียคือเวลาเราลาก มันจะติดขอบ บางคนจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ อันนี้แล้วแต่คนเลยว่าชอบแบบไหน แต่ในแง่ของ Function ของเคสคือการป้องกัน เราว่ามันโอเคเลย

สำหรับ iPhone เอง แน่นอนว่า เคสใสแบบนี้ เรื่อง Magsafe จบนะ ใช้งานไม่ได้นะ ร้องไห้ TT

AirPods Pro Case

ของอีกหนึ่งชิ้นที่ DevilCase ส่งมาให้เรารีวิวในวันนี้ด้วยนั่นคือ AirPods Case เรามาแกะกันดีกว่า ตัวกล่องเขาทำมาวัสดุสัมผัสอะไรเหมือนกับกล่องเคสเลย

ด้านหลังก็เป็นพวกคุณสมบัติทั้งหลาย เช่นการป้องกันแบคทีเรียได้ด้วย อันนี้เราเดาว่าน่าจะผสมพวกสารอะไรบางอย่างที่มีคุณสมบัตินี้ลงไปในพลาสติกด้วย จริง ๆ ก็ดีนะ เพราะมันเป็นของที่เราใช้เอาออกไปข้างนอก สุขอนามัยเป็นเรื่องสำคัญ

ด้านข้างก็จะเขียนเอาไว้ชัดเลยว่า เป็นเคสของ AirPods Pro นะ เราเตือนก่อนนะว่า ไม่ควรเอาเคสของ AirPods Pro ไปใช้กับรุ่นอื่น ๆ และ หูฟังรุ่นอื่น ๆ ที่ขนาดใกล้ ๆ กันนะ เพราะบางทีมันจะทำให้เราแกะไม่ออก หรือแกะออกแต่พังก็ได้นะ

เปิดกล่องมา เห้ย เราชอบมากเลยนะ มันมีเขียน Pull หรือให้เราดึงตรงนี้จ้าาา อยู่ด้วย ชอบ ๆ อันนี้ให้ผ่านเลย

เมื่อเราดึงออกมา เราก็จะเห็นตัวเคสใส่เข้ามาไว้อย่างสวยงามเลย

ที่ Packaging เขาจะเขียนไว้ชัดเลยนะว่า เอาไว้ใส่กับ AirPods 3 และ Pro เท่านั้นนะ เพราะ AirPods 3 เคสมันขนาดเดียวกับ AirPods Pro เลย ทำให้บางรุ่นมันจะใช้ร่วมกันได้

ด้านข้างเขาจะมีเป็น Accessory สำหรับห้อยได้ด้วยนะ อันนี้แหละ เราว่าเป็น Function ที่สำคัญ และทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะมาก เพราะเราสามารถเอาไปห้อยกับกระเป๋าได้ ทำให้เราไม่ลืมกล่องไว้ที่ไหนอีก เมื่อก่อนเราชอบลืมไว้ในร้านอาหารบ่อยมาก ๆ ตอนนี้เราเอามันห้อยกับกระเป๋า ที่แน่นอนว่า กระเป๋าเราลืมยากแน่ ๆ ชิ้นมันใหญ่ ฮ่า ๆ

อีกส่วนที่เราชอบคือ ด้านใน เขาจะไม่ได้บุพวกยางมา ทำให้เวลาเราแกะ มันจะแกะง่ายกว่ายี่ห้ออื่นมาก ๆ และพวกนี้บอกเลยนะว่า ถึงจะแกะง่าย แต่ความแน่นคือเต็มร้อยนะ ไม่ใช่ว่าแกะง่ายแล้วจะหลุดง่าย

ด้านท้ายของเคส เราก็จะเป็นเป็นรู สำหรับเอาสาย Lighting เสียบเพื่อชาร์จได้ ซึ่งรูที่ทำมา ก็มีการเจียให้มันมีความมลสวยงามแล้ว ไม่มีพวกรอยที่บาด ๆ มือได้ ถือว่าทำมาเนียนเลยละ

ด้านหน้าของชิ้นล่าง เขาก็จะมีการพิมพ์ลายมา ซึ่งลายเราสามารถเลือกได้ตั้งแต่ตอนซื้อเลยนะ เขาจะพิมพ์มา อันนี้เราแอบกลัวนิดหน่อย เพราะการพิมพ์ลายแบบนี้ ถ้าเกิดบริเวณที่พิมพ์ลายมันโดนของที่คม ๆ หน่อยขูด ลายที่พิมพ์มันน่าจะหลุดได้ง่าย เป็นข้อกังวลของเราละกัน แต่เอาเข้าจริงแล้ว โอกาสที่เราจะโดนอะไรแบบนั้นในชีวิตประจำวันทั่ว ๆ ไป เราว่ามันยากมากอยู่แล้ว เว้นแต่เราจะพาน้องขึ้นเขา แล้วขูดกับหินอะไรแบบนั้น

กับอีกส่วนที่เป็นข้อสังเกตมาก ๆ คือเมื่อเราใส่ชิ้นล่างเข้าไปแล้ว มันจะบัง Indicator Light ทำให้เราจะไม่เห็นเลยว่า สถานะของ AirPods Pro เราเป็นอย่างไรบ้าง เช่นกรณีที่เรา Wireless Charge เราจะไม่เห็นเลยนะว่า ที่เราวางไปเนี่ยมันชาร์จหรือยัง หรือบางครั้งเราใช้งานไปแล้วแบตจะหมด เราก็จะไม่รู้จากไฟเลย เราจะต้องดูจากโทรศัพท์เอา ซึ่งเราว่ามันแอบยากไปหน่อย

เมื่อเราใส่ออกมาจริง ๆ แล้วมันก็จะแทบแนบสนิทไปกับตัว AirPods Pro เลย จะเห็นว่ามันจะเหลือพื้นที่ขาว ๆ ระหว่างชิ้นล่าง และ ฝา นิดหน่อยพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วก็จะเจอแบบนี้หมดเป็นเรื่องปกติ โอกาสที่เราจะไปโดนร่องตรงนั้นก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องกังวลเท่าไหร่

ส่วนด้านหลัง ก็จะมีการเหลือพื้นที่สำหรับบานพับเปิดฝาของ AirPods Pro กับระวังเรื่องการใส่ฝานะ เพราะถ้าเราใส่ผิดด้าน เราจะเปิดไม่ได้ฮา ๆ

สรุป

DevilCase Guardian Standard และ AirPods Case เราบอกเลยว่า มันเป็นอุปกรณ์ป้องกันที่คิดว่า คุ้มราคามาก ๆ กับยังให้การป้องกันที่ดีมาก ๆ โดยเฉพาะการออกแบบที่มีการป้องกันเรียกว่า ทุกส่วนของอุปกรณ์เราเลย ทำให้ไม่ว่าเราจะตกท่าไหน โอกาสที่อุปกรณ์ของเราจะเสียหายมันยิ่งน้อยลงด้วย แต่อุปกรณ์ที่ป้องกันเราได้ดี ๆ มักจะมาในรูปลักษณ์ที่อาจจะไม่สวยเท่าไหร่ แต่ DevilCase เองทำมาได้สวยนะ และมีลายให้เราเลือกมากมายเลย

ลองเข้าไปเลือกได้ในเว็บของ DevilCase และสามารถสั่งซื้อได้จากเว็บไซต์ได้เลยเด้อ ของเขาดีจริง ตอนนี้เขามีภาษาไทยแล้วนะ

ขอบคุณทาง DevilCase สำหรับการสนับสนุนอุปกรณ์ในการรีวิวครั้งนี้ด้วยครับ :)

Read Next...

รีวิว Photomator App แต่งรูปรับจบทั้ง macOS, iPad และ iPhone มี AI ด้วยนะ

รีวิว Photomator App แต่งรูปรับจบทั้ง macOS, iPad และ iPhone มี AI ด้วยนะ

หลายปีที่ผ่านมาพยายามหาโปรแกรมอื่นมาแทน Lightroom เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่าย Subscription จนวันนี้เรามาเจอแล้ว ตัวเต่งเข้ามาที่หนึ่งตอนนี้เลย กับ Photomator จะแทนได้มั้ย อ่านได้ในรีวิวนี้เลย...

รีวิว DJI Mic 2 ไมค์สำหรับ Content Creator ที่ดีที่สุดในตอนนี้

รีวิว DJI Mic 2 ไมค์สำหรับ Content Creator ที่ดีที่สุดในตอนนี้

ก่อนหน้านี้เราตามหาระบบอัดเสียงที่เข้ากับการทำงานหลาย ๆ แบบของเรามานานมาก ๆ ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงานสูง ต้องการให้รองรับกับอุปกรณ์หลาย ๆ ชิ้นได้ง่าย วันนี้เราเจอแล้วกับ DJI Mic 2 จะเป็นยังไงไปดูได้ในรีวิวนี้เลย...

รีวิว 2 ปีกับ ORA Good Cat และ Software ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

รีวิว 2 ปีกับ ORA Good Cat และ Software ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

ไม่น่าเชื่อว่า เวลาผ่านไปเร็วขนาดนี้ ตอนนี้น้องไฟท์ หรือรถ ORA Good Cat มาอยู่กับเรา 2 ปีแล้ว วันนี้เราจะมารีวิวให้อ่านกันว่า 2 ปีที่ผ่านมา อะไรที่เป็นปัญหา และ ในรอบปีที่ผ่านมา เราเสียค่าใช้จ่ายไปเท่าไหร่กับรถคันนี้ไปบ้าง เผื่อจะเป็นข้อมูลสำหรับหลาย ๆ คน...

รีวิว Sony ECM-M1 โคตร Shotgun Microphone อเนกประสงค์ ได้หมดจบทุกงาน

รีวิว Sony ECM-M1 โคตร Shotgun Microphone อเนกประสงค์ ได้หมดจบทุกงาน

ก่อนหน้านี้ เราใช้ Wireless Microphone ถ่ายในห้องนอนเล็ก ๆ ของเรา ซึ่งต้องทั้งชาร์จแบต และเสียบเปิด เสียเวลา Setup พอสมควร ทำให้มองหาอะไรที่ง่ายกว่านั้น จนมาเจอกับ Sony ECM-M1 Shotgun Microphone ตัวเด็ดจาก Sony จะเป็นยังไงอ่านได้ในรีวิวนี้เลย...