Review

รีวิว Apple TV 4K 3rd Gen ออกชาตินี้ ขายชาติหน้าตอนเย็น ๆ

By Arnon Puitrakul - 25 มีนาคม 2023

รีวิว Apple TV 4K 3rd Gen ออกชาตินี้ ขายชาติหน้าตอนเย็น ๆ

เรียกว่ารอคอยกันมาอย่างยาวนาน นั่งมองฝั่งอเมริกาตาปริบ ๆ กับ Apple TV 4K 3rd Generation ออกรีวิว จนใช้กันหมดละ แต่ในที่สุดการรอคอยนี้ก็สิ้นสุดสักที เพราะ Apple ประเทศไทยเอามาขายแล้วค่าาาาาาาาา สักทีนะอี🌼

Apple TV Generation นี้มีรุ่นไหนบ้าง

Apple TV Generation นี้ เราว่าเลือกซื้อกันได้ง่าย ๆ เลย เขามี 2 รุ่นออกมาให้เราตามราคาจะเริ่มต้นที่ 5,290 บาท สำหรับรุ่น WiFi พร้อมกับความจุ 64 GB และ อีกรุ่นคือ WiFi + Ethernet พร้อมความจุ 128GB ราคา 5,990 บาท กับทั้งสองรุ่น เราสามารถซื้อ AppleCare+ ได้ในราคา 990 บาท ถ้าใครไม่ได้เอาไปไหนอยู่แล้วก็ไม่ต้องเพิ่มก็ได้

ถ้าถามเรา เรามองว่า ไหน ๆ ส่วนต่างมันอยู่ที่ 700 บาทเอง ถ้าจะเล่นจริง ๆ ไปเอารุ่น WiFi + Ethernet เลยดีกว่า เพราะนอกจากจะเพิ่มความจุ ทำให้เราลง App หรือ Game ได้มากกว่าแล้ว มันยังเพิ่มตัวเลือกในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย โดยเฉพาะถ้าใครวางแผนว่าจะทำ Smart Home บน Apple Ecosystem การมี Ethernet คือ ทำให้ชีวิตดีขึ้นเยอะมาก ๆ ก่อนหน้านี้เคยเอา Apple TV แล้วต่อ WiFi มาทำ Home Hub ก็คือได้ Notification เด้ง ๆ ทั้งวัน เดี๋ยว Home Hub Disconnected เดี๋ยวกับกลับมา งง ไปหมด

แกะกล่อง

ตัวกล่องของ Apple TV ใน Generation นี้ต้องบอกเลยนะว่า Apple งก เห้ย รักษ์โลกมากขึ้น โดยการลดขนาด Packaging จากเดิมขนาดความกว้างมันจะมากกว่านี้ ตัว Remote มันจะอยู่ข้าง ๆ อันนี้ลดขนาดกล่อง เลยต้องเอา Remote มาวางไว้ด้านหน้าของตัว Apple TV เออ ดี ๆ

ด้านข้างกล่องจะมีการเขียนไว้ด้วยว่า Apple TV 4K และสำหรับรุ่นที่เราจะเอามารีวิวในวันนี้จะเป็น WiFi + Ethernet เขาเลยมีการเขียนระบุไว้ให้ด้วย จากรุ่นก่อนที่ไม่มี Variance พวกนี้เลยไม่มีเขียน

ใต้กล่องก็จะเขียนพวก รายละเอียดต่าง ๆ ในตัวนี้ มันก็จะบอกเลยว่า มันมาพร้อมกับความจุ 128GB มี WiFi และ Ethernet

ด้านหลังก็จะเป็นการบรรยายสรรคุณต่าง ๆ แต่เอาเถอะ อีกสุดที่น่าสนใจคือ รอบนี้ Apple ทำกล่องได้ดีขึ้นอีกแล้ว จากเดิม Apple TV รุ่นก่อน เขาจะ Wrap Plastics มาแล้วการเปิดกล่องเราก็ดึงกล่องเหมือนกล่อง iPhone เมื่อก่อน รอบนี้ปรับมาใช้กลไกเหมือน Product อื่น ๆ แล้วคือ เป็นการดึงแถบกาวแทน ซึ่งอันนี้ ก็ให้เราดึงทั้งหมด 2 อันบนล่าง

อย่างที่เราบอกทุกครั้งเลย ว่าเราชอบการทำ Packaging แบบนี้มาก เราไม่ได้แคร์เรื่องรักษ์โลกอะไรนะ แต่เวลาเราแกะ เราไม่ต้องไปหาคัตเตอร์ หรือกรรไกรอะไรมาเพื่อเปิด มันเป็นแบบ Tooless เลย เราใช้มือดึงได้เลย

เมื่อเราเปิดกล่องออกมา เราจะพบกับ Apple TV นอนอยู่ในกล่องอย่างสวยงาม แต่เราจะสังเกตว่า มันไม่มีอะไรห่อหุ้มตัวเครื่องมาเลยนะ คือ Apple มั่นหน้ามั่นโหนกมากว่า กล่องเขาออกแบบมา Fitting พอดีให้ตัวเครื่องไม่มีรอยระหว่างการขนส่งแน่ ๆ กับเราจะเห็นเลยว่า ความกว้างของกล่องมันจะพอดี ๆ เลย ในรุ่นก่อน กล่องมันกว้างพอที่จะเอา Remote มาไว้ข้าง ๆ อันนี้ไม่ได้แล้ว

เอาตัวเครื่องออกไป อ้าว หมดแล้วเหรอ ยัง ๆ มันจะมีแถบสำหรับดึงชิ้นที่รองรับเครื่องออกมา

เราก็จะพบกับส่วนของอุปกรณ์นั่นเอง จะมีสายไฟ และ Remote

อย่างแรกคือ Remote รอบนี้เหมือนเดิมเลยคือ มีการห่อกระดาษมา และยังคิดได้ละเอียดเหมือนเดิมคือ มีการทำแถบสำหรับดึงด้วย เพราะมัน Fit กับความกว้างของกล่องเลย การมีแถบดึงก็ทำให้เราเอา Remote ออกมาได้ง่ายขึ้นเยอะเลย

ของอีกอย่างคือสายไฟ ก็มีการม้วนไว้ในกล่องเล็กให้เราอีกที

สายไฟ ก็คือเหมือนเดิมเลย เป็นเส้นดำ แล้วก็หัวทุกอย่าง เหมือนรุ่นก่อนหน้าเป๊ะ ๆ เลย เรียกว่า ใช้แทนกันได้เลยแหละ ปลั๊กก็จะเป็นหัวกลมด้วยนะ ความยาวของสาย เราไม่ได้วัดนะ แต่ว่า จากการใช้งาน มันก็วาง Setup น่าจะได้ทุกแบบแล้วละ ไม่น่ามีปัญหาในการใช้งานแน่ ๆ

เมื่อเราเอากล่องสายไฟออกมา เราก็จะพบกับคู่มือ เล่มเล็กมาก ฟิล ๆ ว่า มีให้รู้ว่ามีอะ แต่ไม่มีสติ๊กเกอร์มาให้นะ ถ้าใครหวังก็อดไปนะจ๊ะ

หลัก ๆ ในกล่องของ Apple ก็จะมีเท่านี้เลย ตัว Apple TV, สายไฟ, Remote และคู่มือการใช้งานเบื้องต้น ไม่มีอะไรเยอะตามสไตล์ของ Apple เขาแหละ

Apple TV 4K 3rd Generation

มาดูที่ตัวเครื่องกัน รอบนี้บอกเลยว่า มาแหวกกว่ารุ่นก่อน ๆ ไปเลย จากเดิมที่ด้านบน จะเป็น Logo Apple และมีคำว่า TV อันนี้เปลี่ยนใหม่ไปเป็น Logo Apple เฉย ๆ เรียบ ๆ เราว่าฟิล Mac Mini ย่อส่วนเลย ไหน ๆ พูดถึงขนาดแล้ว มันเล็กลงกว่าเดิมเยอะมาก ๆ ทำให้เราไป Fitting ซ่อน ๆ อยู่ตามซอกเพื่อไม่ให้เห็นง่ายขึ้นเยอะ

ด้านหลังเครื่องแกะออกมาครั้งแรก เขาจะมีการเอากระดาษกาวมาปิดไว้อยู่กันรอยแหละ

เมื่อแกะออกมา มันจะเป็นพวกรายละเอียด แต่ส่วนที่เราแกะกระดาษออกมา มันจะเป็นเหมือนยาง ๆ หน่อยกันลื่น สำหรับใครที่เอามาวางบนโต๊ะ ก็จะได้วางแบบมั่นคงหน่อย ไม่ลื่นไปลื่นมาบนโต๊ะของเรา แต่สำหรับเรา ซ่อนหลังทีวีอยู่แล้ว เลยไม่ได้สนใจอะไร

ส่วนด้านข้าง ก็มีการพันกระดาษมาเหมือนเดิมเลย สำหรับกันรอย เพราะด้านข้างมันเป็นผิวเรียบ ไม่กันมามีโอกาสสูงที่จะมาพร้อมกับรอยขนแมวได้

สำหรับ Port การเชื่อมต่อ อย่างที่บอกว่า เราเอารุ่นที่เป็น WiFi + Ethernet มา ดังนั้น Port ที่ให้มาด้านหลังจะมี 3 ช่องเหมือนกับรุ่นก่อน เรียงจากซ้ายไปขวาคือ ช่องเสียบสาย Power, Ethernet และ HDMI

โดยที่ Ethernet นี้จะเป็นแบบ Gigabit Ethernet หมายความว่าสามารถรองรับ Bandwidth สูงสุดได้ที่ 1 Gbps ก็เพียงพอกับการ Stream Content หนัก ๆ แน่นอน อย่างมาก Stream Blu-Ray เลยพวกนี้ก็ไม่น่าเกิน 1-2 ใน 10 ของ 1 Gbps เท่านั้นเอง ไม่ต้องห่วง ส่วน HDMI รองรับทุกมาตรฐาน HDR ตั้งแต่ HDR10 ยัน Dolby Vision บนความละเอียดสูงสุดที่ 4K 60FPS ไปเลย ก็คือ ถ้าเราเอามาดู Content ไม่ต้องห่วงเลยนะว่า จะไม่สุด มันสุด ๆ แล้วค่าาาา

ตัว Remote เป็นแบบที่เราชอบมาก ๆ ตัวกดลูกศรขึ้นลงซ้ายขวา เขาจะเป็น Sensor แบบสัมผัสได้ด้วยคือ แทนที่เราจะต้องกดลงไปเหมือนกับ Remote อื่น ๆ อันนี้เราเอานิ้วเราไถ ๆ ไปได้เหมือน Trackpad บน Laptop เลย แล้วมันเจ๋งมาก ๆ เพราะทำให้เรา Navigate ไปตามเมนูได้เร็วขึ้นแบบจริง ๆ จัง ๆ เลย แอบชอบมาก และปุ่มอื่น ๆ พวก Back, Menu, Play/Pause, Mute กับเพิ่มลดเสียง อันนี้เหมือนเดิม

ช่องชาร์จของ Remote ตัวนี้แหละ ที่ต่างจากรุ่นก่อน และ เราก็ต้องบอกเลยว่า สักทีนะอีนัง Tim !!!! เขาเปลี่ยนมาใช้ Port USB-C สำหรับชาร์จ Remote แล้วจากเดิมที่เป็น Lighting แต่เขาก็คาดหวังอีกแล้วว่า เราจะต้องมีสายแล้วนะ ไม่แถมสายมาให้แล้วนะ ก็.... เปลี่ยนเป็น USB-C ให้แล้วอะนะ ก็ไปหาสายมากันเองนะ แหม่ตัวเธอ

ด้านข้างของ Remote จะมีปุ่มที่เป็นรูป Microphone สำหรับเรียก Siri สั่งผ่าน Remote ได้เลย เหมือนกับพวก Smart TV รุ่นใหม่ ๆ แต่เราแนะนำเลยว่า เวลาใช้จริง ปิด Feautre นี้ซะ บางที ดูหนังอยู่แล้วจะหยิบ Remote มาเพิ่มเสียง คว้าปุ๊บ แมร่งโดนปุ่มกด ออก App กรูอี๊กกกกกก

สำหรับใครที่ใช้รุ่นก่อนมา ก็บอกเลยว่า เหมือนเดิมทุกอย่าง แค่เปลี่ยนช่องชาร์จเท่านั้นแหละ

Apple TV 4K 2nd vs 3rd Generation

ไหน ๆ เราใช้งานรุ่นก่อนหน้าอยู่ด้วย เอามาลองทาบ ๆ ดู เราจะเห็นเลยว่า ขนาดของรุ่นใหม่เล็กกว่าเดิมเยอะมาก ๆ เยอะแบบ เยอะจริง ๆ นอกจากขนาดที่เราเห็นแล้ว ด้านใน SoC ก็ได้รุ่นใหม่อย่าง A15 Bionic จากรุ่นเดิมที่เป็น A12 Bionic ทำให้ Performance แรงขึ้นแบบก้าวกระโดดถึง 50% ถ้าเราเอามาเล่นเกมใน Apple Arcade มันก็น่าจะพอเห็นผลบ้างงงง นิดหน่อย แต่ถ้าเอามา Stream Content ก็ไม่ต่างหรอก กับ การกินไฟพอมาเป็น A15 Bionic เรื่องการกินไฟได้รับการพัฒนาไปเยอะอยู่ ก็น่าจะทำให้กินไฟน้อยลงเหมือนกัน

ถามว่าเยอะขนาดไหน เราก็ลองเทียบจาก Power Sensor เลย รุ่นก่อนหน้าตอน Idle กินอยู่ 16.6 - 17.6 W แต่ในรุ่นใหม่กินอยู่ที่ 12.4 - 13.5W เรียกว่า ต่างกันอยู่พอสมควรเลยนะ แต่ถามว่า มัน Significant กับการกินไฟในบ้านมั้ย เราก็บอกเลยว่า ไม่ขนาดน้านนน ไม่ต้องหาเปลี่ยนเพราะมันกินไฟน้อยกว่านะ กราบละ

กลับที่ขนาดกันต่อ รุ่นใหม่ด้านขวา ก็บางกว่ารุ่นเก่าอยู่นิดหน่อย ซึ่งเราว่ารุ่นนี้ ถ้าใครที่เอาไป Setup แบบไว้ใต้ทีวีบนโต๊ะ การที่มันบางลง ก็ทำให้เราสอดมันไว้ใต้ทีวีได้ง่ายขึ้นเยอะ

Port การเชื่อมต่อ อย่างที่เราบอกเลยว่า มันเหมือนกันเลย แต่มี 2 จุดที่แตกต่างกัน อย่างแรกคือ รุ่นเก่า เขาจะมีการ Label บอกว่า แต่ละ Port คืออะไรผ่านตัวหนังสือ แต่รุ่นใหม่ไม่มีนะ กับอีกส่วน เราจะเห็นว่า การเรียง Port มันต่างนิดนึง ตรง Ethernet และ HDMI ส่วนตัวเราคิดว่า มันเป็นเพราะเรื่องที่เขาขาย 2 Variance แหละถ้าเอา Ethernet ไว้ตรงกลาง เวลาที่ทำรุ่น WiFi อย่างเดียวมันจะแหว่ง งั้นก็ทำตรงกลางไป แล้วรุ่น WiFi ปิดทึบตรงกลางมันก็เรียบสวย สมดุลซ้ายขวาจาก Power และ HDMI

สำหรับ Remote เรียกว่า หน้าตาเหมือนกันเป๊ะ ๆ เลยดีกว่า ไม่ว่าจะด้านไหน Feature การใช้งานเหมือนเดิมทุกอย่าง ถ้าเราชินกับอันเก่าแล้ว อันใหม่ก็เหมือนคนเดิม ฟิล แฟนเก่าหน้าเดิม แบบนั้นเลย จะมีความต่างก็อย่างที่บอกคือ Port การชาร์จเปลี่ยนจาก Lighting เป็น USB-C แค่นั้นเลย

เขายังมี Remote ขายแยกด้วยนะ สำหรับใครที่ใช้ Generation เก่า แล้วอยากจะเปลี่ยนมาใช้ Remote ที่มีช่องชาร์จเป็นแบบ USB-C ก็เชิญเสียเงินซื้อไปงอกที่บ้านได้เลย

การ Setup และ ใช้งาน

สำหรับเรื่อง Setup และ ใช้งาน เราไม่ขอพูดเยอะละกัน เพราะมันเหมือนเดิมทุกอย่าง แบบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย มันเป็น Software ชุดเดียวกันทั้งหมดคือ tvOS อะไรที่เราเคยใช้ในรุ่นเดิม เราก็จะใช้ได้เหมือนเดิมทุกอย่าง แบบทุกอย่างจริง ๆ

รีวิว Apple TV 4K 2021 กล่องที่ไม่ได้ดีที่ทีวี แต่ดีที่อื่น
หลังจากรอมานานในที่สุด Apple TV 4K 2021 ก็ขายในไทยสักที วันนี้เรามาดูกันว่า หลังจาก Apple TV รุ่นก่อนออกมาในปี 2017 Apple ปรับอะไรบ้างในรุ่นปี 2021 นี้ จะคุ้มค่ากับการรอคอยของเราหรือไม่

สำหรับคนที่ไม่เคยใช้งานมาก่อน ก็กลับไปอ่านบทความรีวิว Apple TV รุ่นก่อนของเราได้เลย การใช้งานเหมือนกันทุกประการ เราไม่ขอเขียนซ้ำละกัน

สรุป Apple TV 4K 3rd Generation : ขี้กลิ่นเดิม เพิ่มเติมคือขายชาติหน้า

โดยสรุปแล้ว Apple TV ใน Generation นี้ก็ยังเป็นกล่องสำหรับการดูทีวีที่โอเคเหมือนเดิม การใช้งานที่ลื่นไหล แต่ก็ไมได้ต่างจากรุ่นเดิม รองรับมาตรฐานเดิม ๆ ที่เพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานทั่ว ๆ ไป รองรับการทำเป็น Smart Home Hub รองรับพวก Thread สำหรับการควบคุมอุปกรณ์ Smart Home เหมือนเดิม ต่างจากรุ่นเดิมแค่อย่างเดียวคือ เปลี่ยน SoC ที่ Performance สูงขึ้น แน่นอนว่า ถ้าเราไม่ได้เล่นเกมหนัก ๆ ก็ไม่เห็นผลเลยด้วยซ้ำ กับขนาดที่เล็กลง เรียกว่า อะไรที่เป็นปัญหา ก็อยู่เหมือนเดิมขี้กลิ่นเดิม กับเรื่องที่ยังเคืองไม่หายคือ ถ้าพี่ไม่ขาย แล้วพี่จะรีบออกมาทำไม กว่าจะขายได้ รอจนแห้งอะค่ะ

เห็นเราด่าขนาดนี้ แต่ถ้าใครมองหากล่องดูทีวีที่ให้ประสบการณ์ที่โอเค ลื่นไหล เข้ากับ Apple Ecosystem เป็นเครื่องเล่นเกมขำ ๆ ในห้องนั่งเล่น เล่นเกมกันตอนเพื่อนมา หรือเล่นในครอบครัว เป็น Smart Home Hub เราก็มองว่า Apple TV 4K 3rd Generation ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน อ้าว แนะนำเฉย ถถถถ

Read Next...

รีวิว Foreo Luna 3 Plus เครื่องล้างหน้าสามัญประจำบ้าน จำเป็นต้องซื้อมั้ย

รีวิว Foreo Luna 3 Plus เครื่องล้างหน้าสามัญประจำบ้าน จำเป็นต้องซื้อมั้ย

หลังจากรีวิวอุปกรณ์หลาย ๆ ตัวของ Foreo ไปแล้ว แต่ทำไมเราลืมของเด็ดอันเลื่องชื่อของ Foreo ไปซะได้ เห็นได้จากชื่อหัวเรื่องกันแล้วเนอะ วันนี้เราจะมา รีวิวเครื่องล้างหน้าจาก Foreo กัน เป็นรุ่น Luna 3 Plus จะเป็นยังไงไปอ่านได้ในรีวิวนี้เลย...

รีวิว Yubikey C Bio ตัวใหม่ มีลายนิ้วมือแล้วนะ

รีวิว Yubikey C Bio ตัวใหม่ มีลายนิ้วมือแล้วนะ

หลังจากรอบก่อน เราซื้อ Yubikey มา เวลาผ่านไป ตอนนี้เขามีรุ่นใหม่ออกมาแล้ว บอกเลยว่า ตอนที่เห็น คืออยากได้มาก ๆ จนเวลาผ่านไปชาติเศษ ในที่สุด เราได้มันมาแล้ว กับ Yubikey C Bio จะมีอะไรใหม่ อะไรสนุก ๆ พิเศษกว่าตัวอื่นอย่างไร วันนี้เราจะมารีวิวให้ได้อ่านกัน...

รีวิว Photomator App แต่งรูปรับจบทั้ง macOS, iPad และ iPhone มี AI ด้วยนะ

รีวิว Photomator App แต่งรูปรับจบทั้ง macOS, iPad และ iPhone มี AI ด้วยนะ

หลายปีที่ผ่านมาพยายามหาโปรแกรมอื่นมาแทน Lightroom เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่าย Subscription จนวันนี้เรามาเจอแล้ว ตัวเต่งเข้ามาที่หนึ่งตอนนี้เลย กับ Photomator จะแทนได้มั้ย อ่านได้ในรีวิวนี้เลย...

รีวิว DJI Mic 2 ไมค์สำหรับ Content Creator ที่ดีที่สุดในตอนนี้

รีวิว DJI Mic 2 ไมค์สำหรับ Content Creator ที่ดีที่สุดในตอนนี้

ก่อนหน้านี้เราตามหาระบบอัดเสียงที่เข้ากับการทำงานหลาย ๆ แบบของเรามานานมาก ๆ ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงานสูง ต้องการให้รองรับกับอุปกรณ์หลาย ๆ ชิ้นได้ง่าย วันนี้เราเจอแล้วกับ DJI Mic 2 จะเป็นยังไงไปดูได้ในรีวิวนี้เลย...