By Arnon Puitrakul - 24 กันยายน 2019
เมื่อหลายเดือนก่อน Apple ได้เปิดตัวหลายบริการด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือ Apple Arcade ที่เปิดวีดีโอออกมาแล้วมันน่าโดนซะเหลือเกิน เกมแต่ละเกมที่เอามาโชว์ให้ดูนั้นคือ น่าเล่นมาก !! วันนี้ Apple Arcade ได้เปิดให้เราลองเล่นแล้ว และเราก็ได้ลองเล่นแล้ว วันนี้จะมารีวิวให้อ่านกัน
Apple Aracde เป็นบริการเกมแบบ Subscription จาก Apple ที่จะทำให้เราโหลดเกมใน Apple Arcade ได้ไม่จำกัด โดยจ่ายเงินเพียงแค่เดือนละ 99 บาท เท่านั้น แถมยังใช้ Family Share ได้สูงสุด 6 Users ไปเลย (เดือนนึง ตกคนละ 16.5 บาทเท่านั้น)
ในราคา 99 บาทต่อเดือนที่จ่ายกัน Apple ยังบอกอีกว่า แต่ละเกมในนั้น จะไม่มีการขาย In-App Purchase อะไรเลย หรือก็คือ เราจะได้เล่นเกมตัวเต็มแบบไม่มีอะไรซื้อเพิ่มแล้วนั่นเอง
นอกจากนั้น เกมที่อยู่บน Apple Arcade เราสามารถเล่นผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ของ Apple ได้ทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็น Mac, iPhone, iPad และ Apple TV แน่นอนว่า ความ Apple ก็ทำให้เราสามารถ Sync เซฟเกมไปมาระหว่างอุปกรณ์ได้ พอเราเล่นในบ้านผ่าน Apple TV เสร็จ ออกไปนอกบ้าน เราก็สามารถหยิบ iPhone ขึ้นมาเล่นเกมเดิมต่อจากที่เล่นในบ้านต่อได้ทันที
การที่เราจะเล่นเกมใน Apple Arcade ได้นั้นอุปกรณ์ของเราจะต้องลง iOS 13, iPad OS หรือ macOS Catalina ถึงจะเล่นได้ เครื่องที่เราเอามาลองเล่นเพื่อมารีวิว เป็น iPad Pro 11-inch ที่ลง iPad OS Public Beta ก็อาจจะยังดึงประสิทธิภาพของเกมออกมาได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่นัก
สำหรับการโหลดตัวเกมมาเล่นนั้น เราสามารถเข้าไปโหลดได้จาก App Store ในเครื่องเราได้เลย ถ้าเรา Upgrade OS เครื่องเราแล้ว มันจะมี Tab Arcade ขึ้นมา ถ้าเรา Subscribe ไปแล้ว มันก็จะให้เรากดโหลดเกมได้เลย
พอเราเข้าไปที่ตัวเกมแล้ว มันจะบอกพวกรายละเอียด และ Screenshot ของเกมนั้น ๆ แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือ มันยังบอกรายละเอียดพวกเรื่องของการรองรับ Controller หรือแม้กระทั่ง เกมนี้เล่นได้กี่คน เพราะบางเกม มันก็เล่นหลายคนได้
หลังจากที่เราโหลดเกมมาแล้ว มันก็จะเป็นเหมือน App ทั่ว ๆ ไปในเครื่องเรานั่นแหละ เราก็สามารถกดเข้าไปเล่นได้ตามปกติ
ก่อนที่จะมารีวิวให้ทุกคนได้อ่านกัน เราก็ได้ไปลองดูเกมที่อยู่ใน Apple Arcade คร่าว ๆ และได้ลองเล่นจริงจังอยู่ 4-5 เกมด้วยกัน
เกมแรกที่ไม่น่าจะรอดจากการรีวิวได้คือ Sayonara Wild Hearts หลาย ๆ คนที่ได้ดู Promo Video แล้วน่าจะได้เห็นเกมนี้กันมาบ้าง มันเป็นเกมเพลงแบบนึงที่ให้เรากดไปตามเพลง แต่ที่เราว่ามันพิเศษมาก ๆ สำหรับเกมนี้คือ Storytelling และ Gameplay ของเกม ที่ทำออกมาดีมาก Graphics ที่ออกแบบมาแล้วรู้สึกว่า มันดีย์มากกกกก เล่นแล้วมันรู้สึกอินไปกับเกมได้ง่ายมาก ถึงแม้ว่าตัวเกมมันจะแอบควบคุมยากไปหน่อย แต่รวม ๆ บอกเลยว่า ต้องเล่น !!!!!!!!!!!!
เกมต่อไปคือ Frogger เกมนี้ไม่ได้มาจากนักพัฒนาเล็ก ๆ เลย เพราะเกมนี้มาจากเจ้าใหญ่อย่าง Konami กันเลย ถ้าใครเคยเล่น Frogger อยู่แล้วก็น่าจะเข้าใจแนวเกมเลยล่ะ สำหรับใครที่ไม่เคยเล่น ตัวเกมมันจะให้เรารับบทเป็น กบ และต้องกระโดดหลบสิ่งกีดขวางเพื่อไปถึงที่หมาย แต่สิ่งที่เรารู้สึกว่ามันเจ๋งมากของ Frogger อันนี้คือ Graphic ที่โหดสาดดดดด เทียบเท่า Console ได้เลยมั่ง เหมาะกับเป็นเกมที่เล่นแก้เบื่อได้เป็นอย่างดี ทั้งเล่นง่าย เข้าถึงได้ง่าย และภาพสวยด้วย
ไปที่เกม Puzzle ใช้สมองกันอย่าง Assemble with Care ที่เป็นเกมแก้เบื่อของเราเวลาเดินทางได้เลย เพราะมันเป็นเกม Puzzle ที่เออ มันมีเนื้อเรื่องด้วยแฮะ อีกส่วนที่เราว่าสนุกคือตัว Puzzle เลย มันจะมาเหมือนให้เราซ่อมของอะไรแบบนั้น แล้วมันเป็น 3 มิติ ทำให้มันต้องคิดเยอะมาก ทำให้เรานึกถึง Resident Evil เลย ที่มันจะมี Puzzle ที่ต้องหมุน ๆ ของเพื่อให้มันเป็นเงาตามที่มันต้องการ เพื่อจะเปิดประตูบางอย่างได้ พอมาเล่นในเกมนี้แล้วรู้สึกชอบมาก ๆ
อันนี้ ตัวจี๊ดเลยกับ Oceanhorn 2 ถ้าใครที่เล่นภาคแรกมาน่าจะรู้จักดี แต่เราไม่เคย ฮ่า ๆ เราพึ่งมาเล่นภาคนี้แหละ ที่เล่นเพราะเราบังเอิญไปเห็นว่ามันรองรับ Controller พอดี เราเลยลองเอามาเล่นดูว่า การเล่นคู่กับ Controller มันจะเป็นยังไง พอได้เข้ามาเล่นจริงเราบอกเลยว่า เราโคตรรรรรรร ประทับใจ Graphic เลย ถึงมันจะไม่ได้เท่า Next-Gen อะไร (คือ ได้ก็บ้าละ) แต่ถือว่า สวยมาก ๆ เมื่อเทียบกับความเป็น Mobile Game เลย แสง เงา รายละเอียดถือว่า ทำออกมาได้ดีเลย มีแค่เรื่อง FPS แหละ ที่ทางเกมอาจจะไม่ได้เปิด 60 FPS ให้เราเล่น
และเกมสุดท้ายคือ Hot Lava เกมนี้ก็อยู่ใน Promo Video เหมือนกัน ตอนแรกที่ดูมันก็ไม่มีอะไรเลย เพียงให้เราโดดไปตามเครื่องกีดขวาง แล้วด้านล่างก็มีลาวาร้อน ๆ ไปเรื่อย ๆ แต่พอมาเล่นจริง ๆ แล้ว เฮ้ย มันสนุกนะ สิ่งที่เราว่ามันทำมาดีคือ เรื่องของการหมุนมุมกล้อง ปกติ เวลาเราเล่นเกมพวกนี้ มันให้เราหมุนกล้องด้วยการลากที่จออะไรแบบนั้น แต่ในเกมนี้ เราจะหมุนมุมกล้องด้วย การหมุนตัวเครื่องจริง ๆ ทำให้เวลาเรากระโดดเร็ว ๆ มันทำได้สนุกขึ้น และด้วยมุมกล้องแบบ First Person เองก็ทำให้ตัวเกม มันพีคเข้าไปอีก แนะนำว่า ถ้าใครเป็น Motion Sickness ให้เลี่ยงเกมนี้เถอะ น่าจะอ้วกได้เลย ฮ่า ๆ แต่ถ้าใครเล่นได้ แนะนำให้ลอง
และนี่ก็คือ เกมที่เราได้ลองเล่นไปแล้ว จริง ๆ โหลดมาอีกหลายเกมเลย แต่ยังไม่ได้ลองเล่นเลย ไว้ลองแล้วจะมารีวิวเพิ่มละกัน หรือถ้าอยากให้เรารีวิวเกมไหนเป็นพิเศษก็บอกมาได้เลย จะได้ลองเล่น
หลาย ๆ ครั้ง เกมที่ออกมาให้เราเล่นกัน มันต้องผ่านการคิดอะไรเยอะมากว่าจะออกมาได้ สิ่งนึงที่ต้องคิดคือ มันจะขายได้มั้ย จนบางทีค่ายเกมที่ไม่ได้มีเงินเยอะพอที่จะลอง หรือทำสิ่งที่อยากทำได้ก็หันไปทำเกมที่ขายได้ออกมาแทน สุดท้ายก็ไม่ได้ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ออกมาสู่สายตาคนเล่นเลย
เราว่าบริการนี้นอกจากที่จะทำให้คนเล่นวิน ๆ ด้วยราคาที่แสนถูกแล้ว นักพัฒนาเกมเอง ก็น่าจะลังเลน้อยลงในการที่จะลองอะไรใหม่ ๆ นั่นแหละ เลยทำให้เราเห็นจากเกมหลาย ๆ เกมใน Apple Arcade ค่อนข้างที่จะมีความคิดสร้างสรรค์ และสนุกมาก ๆ
ฝั่งคนเล่นเองก็วินมาก ๆ เพราะได้เล่นเกมตัวเต็ม แบบที่ไม่มีอะไรคั่นเลย คล้าย ๆ กับเราซื้อเกมเต็มอะไรแบบนั้นเลย แต่เราจ่ายทุกเดือนแค่นั้นเอง นอกจากนั้น มันก็ยังมีเกมใหม่ ๆ เข้ามาเรื่อย ๆ อีก แล้วเราก็สามารถเล่นเกมเหล่านั้นโดยที่เราไม่ได้เสียเงินเพิ่มจากที่เสียทุกเดือนแล้วเลย
นอกจากนั้น เกมที่อยู่ในบริการนี้ ก็ยังสามารถเล่นในแทบทุก Apple Device เช่น iPad, iPhone, Mac และ Apple TV ได้เลย แถมยัง Sync เซฟต่อกันได้อีก ทำให้การเล่นเกมมันเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ เราเล่นอยู่ในบ้าน พอออกมาข้างนอก เราก็สามารถได้รับประสบการณ์เดียวกันอย่างต่อเนื่องได้เลย
ด้วยความที่มันเล่นเกมดเดียวกันได้ในหลาย ๆ Device ทำให้การ Optimise ตัวเกม เพื่อให้เข้ากับ Device ต่าง ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ด้วยความที่ Hardware อย่าง CPU และ GPU ของ Apple มันดีอยู่แล้ว มันเป็นอันดับต้น ๆ ในพวกอุปกรณ์เคลื่อนที่เลย ทำให้การสร้างเกมที่รองรับอุปกรณ์ทั้งหมด สามารถทำได้อย่างลื่นไหลมาก ๆ แถมยังสามารถใส่ Graphic ระดับสูงได้อีก บางเกม เราเล่นแล้วยังตกใจเลยว่า นี่มัน iPad จริงเหรอ นึกว่า Console ไปแล้ว
เมื่อก่อน ตอนที่เราใช้ iPad Pro 10.5-inch เราก็เคยสงสัยว่า Apple มันจะทำ CPU และ GPU ออกมาเร็ว ๆ ขนาดนั้นทำไม ตอนนี้เหมือนเราจะได้คำตอบแล้ว ขนาดตอนนี้ iPad Pro 10.5-inch ที่ออกมาหลายปีแล้ว ก็เล่นเกมระดับนี้ได้อยู่เลย แบบลื่น ๆ ด้วยนะ
แถมใน iOS 13 ก็ยังรองรับการเชื่อมต่อ Controller ที่ทำให้เพิ่มความยืดหยุ่นในการพัฒนาเกมสำหรับนักพัฒนาให้ไปอีกขั้น จากเดิมที่จำกัดแค่การใช้หน้าจอสัมผัสเท่านั้น นั่นทำให้แนวเกมที่ออกมา มีความเยอะขึ้น ยืดหยุ่นขึ้นไปอีก
เรื่องนึงที่ iOS 13 ทำได้คือ การต่อพวก Controller ไม่ว่าจะเป็นของ Playstation และ Xbox ก็ได้หมด เราว่ามันคือการปลดล๊อคการสร้างสรรค์เกมขึ้นไปอีกขั้นเลยก็ว่าได้
ใน Apple Arcade ก็มีเกมอยู่หลายเกมเลยที่รองรับการใช้ Controller (ไม่ใช่ทุกเกมที่รองรับ) เวลาเราจะดูว่ามันรองรับมั้ย ให้เราเข้าไปดูตอนที่เราจะโหลด ถ้ารองรับ มันจะมีรูป Controller อยู่ ก็คือ มันรองรับนั่นเอง
อันที่เราจะเอามาเล่า เราเล่นผ่าน Controller ของ PS4 มันดีมากจริง ๆ การเชื่อมต่อนั้นก็ง่ายแสนง่าย ด้วยการกดปุ่ม Share กับ ปุ่มรูป PS ค้างไว้ ให้ไฟกระพริบ แล้วเราก็เข้าไปที่ Bluetooth แล้วมันจะมีอุปกรณ์ชื่อ Dualshock อะไรนี่แหละขึ้นมา เราก็กดเพื่อ Pair ได้เลย ก็เป็นอันเสร็จ ง่ายนิดเดียว
สำหรับการเล่นเกม ต้องยอมรับว่า เกมที่รองรับ Controller มันก็ต้องรองรับคนที่ไม่มี Controller ด้วยเช่นกัน ลำพังจะให้มันเล่นได้ลื่นปรืดเหมือนกับเกมที่รองรับ Controller อย่างเดียวมันก็ไม่ได้ มันไม่เหมือนกัน แต่ประสบการณ์ที่ได้รับจากการเล่นกับ Apple Arcade พบว่า บางเกม ก็ยังไม่สามารถควบคุมสมดุลเกม (ความยากง่าย) สำหรับผู้เล่นจาก Touch Screen และ Controller ได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่เรื่องการควบคุมถือว่าทำได้ค่อนข้างดีเลย
Apple Arcade เป็นบริการที่เราว่าน่าสนใจมาก ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คอเกม แต่เราว่ามันก็ยังน่าสนใจอยู่ดี ในนั้น มันมีเกมหลายแนวให้เราเล่นเยอะมาก ๆ ตั้งแต่เกม Causal ง่าย ๆ จนไปถึงเกมที่เล่นยาก ๆ หน่อยก็มีให้หมดเลยตามความชอบของเรา นอกจากนั้น มันก็ยังมาในราคาที่ถูกเหลือเชื่อคือ 99 บาทต่อเดือน แถมยังใช้ Family Share ได้ถึง 6 คนอีก เดือนนึง ตกคนละ 16.50 บาท เท่านั้นเอง มันถูกมาก ๆ ทำให้เขาถึงได้ง่ายมาก ๆ และ Apple Arcade เปิดให้บริการแล้วในวันที่ 19 กันยายนนี้
เวลามันผ่านไปเร็วมาก ๆ เรายังจำวันที่ Macbook Pro M1 Max ของเรามาส่งที่บ้านได้อยู่เลยว่า เรารู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ เวลาผ่านไป 3 ปี หมดประกันเรียบร้อยแล้ว วันนี้เราจะมาเล่ากันว่า สภาพตอนนี้มันเป็นอย่างไร และยังจะสามารถใช้ได้อีกนานหรือไม่...
ไหน ๆ Apple Watch เข้าเลขสองหลักกันแล้ว มีหรือเราจะพลาด เพื่อเป็นการฉลองก็เลยจัดมาเลยเรือนนึง เป็น Apple Watch เรือนที่ 3 ของเราละ ผ่านมา 10 Series จะมีอะไรใหม่ ใส่แล้วเป็นอย่างไร วันนี้เราจะมารีวิวเล่าให้อ่านกัน...
จาก Part ที่แล้วเราเล่าไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ยังขาดประเด็นสำคัญนั่นคือ Performance ของ M4 Max ว่า มันเข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงาน หรือทำให้การทำงานของเราเร็วขึ้นได้อย่างไร วันนี้จะเน้น Benchmark และพยายามมาหาสาเหตุกันว่า ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นกัน...
หลังจาก Apple Transition ไปสู่ Apple Silicon มาจนถึงจุดที่การเปลี่ยนผ่านเสร็จสิ้น เราก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับ Apple Silicon อีกเลย จนกระทั่งตอนที่ M4 ออกนี่แหละ ที่เราคิดว่า มันถึงจุดที่ใช่ละ ฤกษ์มันมาแล้ว ก็จัดเลยสิครับ มาดูกันว่าฤกษ์มันจะตรงอย่างที่เราคิดหรือไม่...