Review

1 ปีกับ Macbook Pro 14-inch M1 Max ยังน่าใช้อยู่มั้ยในปี 2023

By Arnon Puitrakul - 16 มกราคม 2023

1 ปีกับ Macbook Pro 14-inch M1 Max ยังน่าใช้อยู่มั้ยในปี 2023

หลังจากเรารีวิว Macbook Pro 14-inch M1 Max ไปเมื่อปีก่อน ตอนนี้ก็ผ่านมาปีนิด ๆ ละ ผ่านการใช้งานมาสักพัก เรียกว่า เอามาทำงานจริงจังเลยละ วันนี้เรามาเล่าประสบการณ์ดีกว่า ว่า ใช้มาปีนึงแล้ว เครื่องยังไหวอยู่มั้ย และ ถ้าจะซื้อมาใช้ในปีนี้ มันจะยังน่าสนใจอยู่มั้ย

สภาพพพพพพพ

เรายอมรับเลยว่า เครื่องนี้เราใช้มันโหดมาก ๆ แบบ โหดอะ ไม่ได้ติดพวก Protection อะไรเลย เครื่องเก่า เราจะเอาสติ๊กเกอร์มาติดที่โลโก้ Apple ทำให้มันไม่เป็นรอยขนแมวเลย แต่รอบนี้บอกเลยว่า เพียว ๆ ไม่มีอะไรกันแล้วจ้าาา

ก็คือที่โลโก้ Apple เราว่าหลาย ๆ คนก็เป็นคือ เป็นรอยขนแมวเต็มไปหมด

กับกระเป๋าที่เราใช้มันแอบพอดีกับตัวเครื่องเลย ทำให้บางทีมันก็ไปครูดกับซิบด้วย เลยทำให้เครื่องมีรอยนิดหน่อย ก็แอบเซง ๆ อยู่เหมือนกัน

Macbook Pro Keyboard

แต่เรื่องที่เราว่าแย่มาก ๆ คือ ใน Keyboard ของ Apple รุ่นใหม่ ๆ ก็คือเหมือนลดต้นทุนเลย คือ เขาใช้พลาสติกคุณภาพต่ำมาก ๆ พอเวลาเราใช้ ๆ ไปจากด้าน ๆ มันกลายเป็นเงา ๆ เลย แล้วเป็นแค่ปุ่มที่เราใช้บ่อยด้วยไง เลยทำให้มันน่าเกลียดมาก ๆ อันนี้เราไม่โอเคมาก ๆ วิธีเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้คือ การเปลี่ยน Top Case ซึ่งมันก็คือ พร้อมกับ Battery เลย แบบ เหยยย อะไรวะเนี่ย

แต่มีของอย่างนึงบนเครื่องที่เรามั่นใจว่ามันสภาพดีมาก ๆ คือ Magsafe ยอมรับเลยว่า ผ่านมาปีกว่า ๆ แล้ว น้องยังซิงอยู่นะ ยังไม่เคยเสียบชาร์จด้วย Magsafe สักครั้ง กับ สายยังไม่แกะเลย อยู่ในกล่องทั้งหมด

ทำให้โดยรวม สำหรับเรานะ เครื่องนี้คือใช้แบบดูเละมาก ๆ เพราะเครื่องก่อนหน้าคือ Macbook Air M1 ของเรา มันก็ยังเจอปัญหา Keyboard นะ แต่ตัวเครื่องมันก็ไม่มีรอยเลย แค่รอย 1-2 จุดก็ทำให้เราที่เป็น OCD ก็คือ กำหมัดได้แล้ว

Software Compatibility

เรื่องที่เราว่า Apple ทำได้ดีมาก ๆ คือ การเปลี่ยนผ่านระหว่าง x86 อย่าง Intel CPU ทั้งหลาย ไปสู่ ARM64 คือ Apple Silicon ที่มี Rosetta เป็น Compatibility Layer คั่น โดย Application ที่เราทำงาน บางอย่างถึงจะผ่านมา 2 ปีแล้วหลังจากที่ Apple เปิดว่าจะก้าวไปสู่ Apple Silicon เต็มตัว Application บางตัว ก็ยังไม่รอบรับการทำงานแบบ Natvie ซะทีเดียว แต่ส่วนใหญ่ก็รองรับการทำงานผ่าน Rosetta ซึ่งยอมรับเลยว่า หลาย ๆ โปรแกรมที่เราใช้ผ่าน Rosetta เราไม่รู้สึกถึงความแตกต่างมากเท่าไหร่เลย หรือโปรแกรมพวกนั้นอาจจะไม่ได้ต้องการพลังการประมวลผลเยอะด้วยมั้ง แต่การใช้งานทั่ว ๆ ไปไม่มีปัญหาเลย

ถามว่า เวลาผ่านไป 2 ปี Software มันรองรับการทำงานแบบ Native ARM64 เยอะขึ้นมั้ย เราก็ต้องบอกว่า จากประสบการณ์เรา โปรแกรมที่เราใช้ 99% รองรับ ARM64 ในช่วง 3-4 เดือนแรก ๆ ที่เราใช้งานเลย ฟิลมันจะแบบ ถ้าไม่รองรับในตอนนั้นก็ไม่ทำแล้วอะไรแบบนั้นอะ แต่ก็ยังรันผ่าน Rosetta ได้ก็เลยไม่ได้อะไรมาก

Application ที่เราไม่ได้หวังเลยนะ ก็คือพวกเกมทั้งหลาย ตอนนี้เท่าที่เราเล่นเองในเครื่อง อย่าง Cities Skyline, Two Point Hospital และ Plague Inc ก็ยังไม่ได้รองรับ Native ARM64 นะ และเราก็ไม่หวังแล้ว อะ ที่มันน่าจะใช้เต็ม ๆ ก็น่าจะหนีไม่พ้น Resident Evil Village ที่เราว่า Apple ก็ทุ่มอยู่นะ เอามาเป็นเกมที่ใช้ Promote Metel 3 เลยนะ อันนั้นรองรับแน่นอน

แต่สำหรับคนที่ใช้ทั่ว ๆ ไป เรื่องของการรองรับต่าง ๆ เราว่าไม่ได้เป็นปัญหาเท่าไหร่เลย โปรแกรมส่วนใหญ่ที่เราใช้งานกัน เผลอ ๆ รองรับแบบ Native หมดแล้ว มันจะมีที่อาจจะต้องเช็คคือคนที่ใช้โปรแกรมเฉพาะอะไรแบบนั้น อาจจะต้องไปเช็คกับผู้ผลิตแล้วว่าเขารองรับ Apple Silicon หรือไม่

Performance

สำหรับงานที่เราทำพวก Software Development, Machine Learning และ Video Editing อะไรเทือก ๆ นั้น ก็เรียกว่า No Compromise ไปเลย งานที่เราทำทุกอย่างมันทำงานได้อย่างรวดเร็วแบบ ไม่ เกรง ใจ ใคร ไม่มีคำว่าสะดุดเลย

Macbook Pro with Final Cut Pro X

เราว่างานที่หนักสุด และมันต้องใช้เวลากับมันคือ งานพวกวีดีโอทั้งหลาย และเป็นงานที่เราว่า Apple ให้ความสำคัญสูงมาก ๆในการออกแบบ SoC อย่าง M-Series ทั้งหลายเลยก็ว่าได้ ส่วนตัวเราทำงาน เราก็ทำพวก Course Video ที่ ใช้ความละเอียดแค่ 4K จากกล้อง Sony A7IV หรือ A6400 เท่านั้น ไม่ได้ใช้ Bitrate โหดอะไรมาก เราว่าทั้งหมดมันน่าจะ Offload ไปที่พวก Media Engine หมดแล้ว กับการใส่ Overlay กับ Colour Grading บนวีดีโอพวกนี้ไม่ได้ทำให้ M1 Max เราสะดุดแม้แต่น้อยเลย มีแค่ถ้าเราใส่ Noise Reduction อาจจะต้องเปิดพวก Background Rendering ให้มัน Render ก่อน Realtime Playback มันไม่น่าไหว ยิ่งเรา Colour Grade ทับอีก ทำให้ถ้าลองคิดต่อจริง ๆ เราว่า งาน Video Workflow ระดับ 8K เลย ก็ยังเอาอยู่

Machine Learning with Tensorflow in Macbook Pro

อีกงานที่หนักไม่แพ้กันคือ การทำงานกับพวก Deep Learning Model ตัวงานของเราจะทำงานบน Tensorflow และพวก In-House Library ที่เราทำขึ้นเอง ต้องยอมรับเลยว่า ตั้งแต่เราได้เครื่องมาปีก่อน จนตอนนี้ตัว Tensorflow สำหรับการทำงานบน GPU ของพวก Apple Silicon มันดีขึ้นมาก ๆ แบบก้าวกระโดดเลย จากเดิมที่ติดตั้งพวก Tensorflow ยาก ๆ ตอนนี้เผลอ ๆ ติดตั้งง่ายกว่าพวก Nvidia GPU อีก และถึงจะเข้าถึงพวก Neural Engine ไม่ได้บ้าง แต่ Performance เราว่า มันก็เร็วมาก ๆ แล้วสำหรับ Laptop สักเครื่อง เร็วพอที่จะทำให้เราทดลอง Train Model ขนาดใหญ่ ๆ บน Epoch ต่ำ ๆ ได้ และ Unified Memory ทำให้เราสามารถกด Batch Size โหด ๆ ได้ โดยที่ไม่ต้องกลัว GPU Memory เต็มเลย

ขนาดงานที่โหดขนาดนั้น ยังทำงานได้เร็วมาก ๆ พวกงานที่เหลืออย่างการเข้าเว็บ หรือการเขียนบทความนี้ก็ตาม เราว่ามันเป็นเรื่องจิ๊บ ๆ ไปเลย อันนั้นพวก M1 หรือ M2 ยังไงก็เอาอยู่สบาย ๆ เอาจริง ๆ เลยนะ เราว่างานที่เราทำเลยอะ ถ้าเราเอา M1 มาใส่พัดลม ก็เอาอยู่ ไม่ต้องไป M1 Max ก็ได้ แต่ก็นะ กิเลส แหละ ห้ามได้ที่ไหน

Desktop Replacement Machine

Macbook Pro Desktop Replacement Mode

จาก Performance ที่ดุดัน ไม่เกรงใจใคร มันเลยทำให้เราเอามาเป็น Desktop Replacement ได้เลย Port อย่าง Thunderbolt 4 ที่ทำให้เราสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ข้างนอกบนความเร็วสูง ๆ ได้ ทำให้เราทำงานสะดวกมาก ๆ เวลาเราอยู่โต๊ะทำงาน เราก็แค่เสียบสายเส้นนึงเข้ากับ Thunderbolt Dock แล้วทำงานได้เลย บน 2 จอ กับอุปกรณ์ต่ออีกเพียบ เหมือนกับเราทำงานบน Desktop Computer ทุกประการ

อันความเป็น M1 Max มันทำให้เราสามารถเสียบจอได้มากกว่า 1 จอด้วยกัน ทำให้เราทำงานได้สะดวกมากขึ้นจริง ๆ อย่างที่เราบอกไปว่า เราใช้ Macbook Pro 14 นิ้ว ยอมรับนะว่า มันเล็กมาก ๆ เวลาเราทำงานหลาย ๆ อย่าง เช่น การตัดวีดีโอมันไม่สะดวกเลย แต่ถ้าจะให้เราไปใช้ 16 นิ้ว เราก็เสีย Mobility ที่เราให้ความสำคัญไป (โดน Macbook Air เครื่องเก่า Spoil ไว้แหละ) ดังนั้นการต่อจอได้เลยเป็นอะไรที่ทำให้เราทำงานง่ายมาก ๆ งานไหนเราทำนอกบ้าน เราก็จะทำงานทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าต้องทำงานละเอียด ๆ ต้องใช้หน้าจอใหญ่ ๆ ก็เอามาทำบนโต๊ะทำงานไป

สรุป: Macbook Pro 14-inch M1 Max ยังน่าซื้อมาเล่นในปี 2023 หรีอไม่

Macbook Pro 14-inch M1 Max Outdoor

ถ้าถามเรา เรามองว่า ตัวเครื่องมันออกมาปีกว่า ๆ แล้ว ถ้าเราจะบอกว่า เราจะซื้อมาเล่นตอนนี้เลย เราว่า ถ้ารอได้ก็รอก่อนดีกว่า เพราะ M2 Pro และ Max ยังไงเราว่าน่าจะต้องออกภายในปีนี้แหละ ไม่งั้นมันจะออกเมื่อไหร่วะ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังเรื่อง Performance เยอะนะ เพราะ M1 กับ M2 มันห่างกันไม่เยอะ แล้วงานส่วนใหญ่ที่ทำยังไงก็ไหวอีกยาว ๆ แต่เราคาดหวังเรื่อง ราคามากกว่า เพราะเมื่อ M2 Pro, Max ออกมาเมื่อไหร่ เราว่าคนน่าจะปล่อยกันเยอะ เพื่อไปเอา M2 ทำให้ในตลาดมือสอง จะมี M1 Pro, Max เต็มไปหมด ทำให้มันเล่นราคาได้ยาก เราเลยว่า ตอนนั้นแหละ ที่ M2 Pro, Max ออก เป็นเวลาที่จะสอย M1 Max เลย ทำให้ถามว่า ควรซื้อตอนนี้มั้ย เราก็มองว่า ไม่ แต่รอ M2 ตัวโปร ๆ ออกนี่แหละ น่าสอย M1 Max มาก ๆ ยังไง M1 Series เราว่า ความคุ้มค่า ก็คือ The BEST

Read Next...

รีวิว DJI Mic 2 Camera Adapter หมดยุคเสียบสาย เสียบจุ่มอัด

รีวิว DJI Mic 2 Camera Adapter หมดยุคเสียบสาย เสียบจุ่มอัด

ก่อนหน้านี้ เรารีวิว DJI Mic 2 ไปแล้วว่ามันเป็น Wireless Microphone ที่โคตรดี แต่ DJI ไม่หยุดแค่นั้น อยู่ ๆ ออก Camera Adapter มาสำหรับกล้อง Sony ที่ทำให้เราเสียบไมค์ตรงเข้ากับกล้องผ่าน Mi Shoe สั่งไปกว่าเดือนพึ่งได้ของ เราจะมาดูกันว่า มันทำให้การทำงานง่ายขึ้นอย่างไร...

รีวิว Foreo Luna 3 Plus เครื่องล้างหน้าสามัญประจำบ้าน จำเป็นต้องซื้อมั้ย

รีวิว Foreo Luna 3 Plus เครื่องล้างหน้าสามัญประจำบ้าน จำเป็นต้องซื้อมั้ย

หลังจากรีวิวอุปกรณ์หลาย ๆ ตัวของ Foreo ไปแล้ว แต่ทำไมเราลืมของเด็ดอันเลื่องชื่อของ Foreo ไปซะได้ เห็นได้จากชื่อหัวเรื่องกันแล้วเนอะ วันนี้เราจะมา รีวิวเครื่องล้างหน้าจาก Foreo กัน เป็นรุ่น Luna 3 Plus จะเป็นยังไงไปอ่านได้ในรีวิวนี้เลย...

รีวิว Yubikey C Bio ตัวใหม่ มีลายนิ้วมือแล้วนะ

รีวิว Yubikey C Bio ตัวใหม่ มีลายนิ้วมือแล้วนะ

หลังจากรอบก่อน เราซื้อ Yubikey มา เวลาผ่านไป ตอนนี้เขามีรุ่นใหม่ออกมาแล้ว บอกเลยว่า ตอนที่เห็น คืออยากได้มาก ๆ จนเวลาผ่านไปชาติเศษ ในที่สุด เราได้มันมาแล้ว กับ Yubikey C Bio จะมีอะไรใหม่ อะไรสนุก ๆ พิเศษกว่าตัวอื่นอย่างไร วันนี้เราจะมารีวิวให้ได้อ่านกัน...

รีวิว Photomator App แต่งรูปรับจบทั้ง macOS, iPad และ iPhone มี AI ด้วยนะ

รีวิว Photomator App แต่งรูปรับจบทั้ง macOS, iPad และ iPhone มี AI ด้วยนะ

หลายปีที่ผ่านมาพยายามหาโปรแกรมอื่นมาแทน Lightroom เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่าย Subscription จนวันนี้เรามาเจอแล้ว ตัวเต่งเข้ามาที่หนึ่งตอนนี้เลย กับ Photomator จะแทนได้มั้ย อ่านได้ในรีวิวนี้เลย...