By Arnon Puitrakul - 14 สิงหาคม 2016
นับว่าเป็นอัพเดทใหญ่ตัวแรกที่ Microsoft ออกให้กับ Windows 10 เพือเป็นการฉลองที่ Windows 10 มีอายุครบ 1 ขวบพอดี เลยตั้งชื่อมันซะเลยว่า Windows 10 Anniversary Update เอางั้นเลย ฮ่าๆๆ
ฉะนั้นวันที่เพือเป็นการฉลองไปด้วยกัน เราจะไปดูกันว่า อัพเดทครบรอบ 1 ขวบนี้จะมีอะไรที่น่าสนใจโผล่มาบ้าง และมีอะไรที่ไม่ดีบ้าง ซึ่งผมก็ได้ใช้ไปแล้วประมาณอาทิตย์หน่อย ๆ บน Surface 3 และบน Macbook Pro ของผม ลองไปดูกันเลย
เราสามารถทำการอัพเดทเป็น Anniversary Update ได้ผ่าน Windows Update ได้โดยตรงเลย ซึ่งจะใช้เวลาไม่นาน ขึ้นอยู่กับอินเตอร์เน็ตของเรา สำหรับใครที่ทำไม่เป็น ก็ให้เข้าไปที่ Settings > Update & security และกด Check for updates ได้เลย เท่านี้เราก็สามารถอัพเดท Windows ของเราให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ได้แล้ว
จุดนี้น่าจะเป็นจุดแรกที่เลย เราน่าจะเอ๊ะใจกัน นั่นก็คือ Lock Screen ที่เมื่อเรากด Enter เพื่อที่จะใส่ Password Wallpaper ไม่ได้เป็นรูปของ Microsoft ที่เปลี่ยนไม่ได้แล้ว กลายเป็นไปใช้ Wallpaper ของ Lock Screen ไปเลย และ Effect ที่ใช้ตอนเราจะกดรหัสก็เปลี่ยน ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ก็ดูดีไปอีกแบบ
และถ้าเราใช้บาง App เช่น Groove Music เมื่อเราเปิดเพลง มันก็จะถูกแสดงอยู่ในหน้า Lock Screen อันนี้ชอบมาก ๆ
แต่ช้าแต่ ไม่ได้แคปหน้าจอมาให้ดู เพราะแคปไม่เป็นฮ่า ๆ
จุดแรกหลังจากอัพเกรด ก็น่าจะเป็น Start Menu ที่เปลี๊ยนไป โดยจะมีปุ่มพวก Settings, Power และที่ชอบที่สุดคือมี ปุ่ม File Explorer ด้วย นอกจากนี้ที่งอกเข้ามาอีกคือ All Apps ที่เมื่อก่อน เราจะต้องกดปุ่มอีกชั้นนึง เพือที่จะเข้า ซึ่งมันยากเกินไป คนเลยไม่ค่อยใช้กัน ตอนนี้เลยถูกเอามาไว้ข้างหน้าเลย สะดวกขึ้นมาก
สำหรับใครที่ใช้ Surface หรือ Windows Tablet ต่าง ๆ จะสามารถเปิดหน้า App Apps ได้ผ่านปุ่มทางด้านซ้ายบน รายชื่อ App ก็จะขึ้นมาตามอักษรเลย
สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจจะไม่ใช่อะไรที่น่าตื่นใจสำหรับใครหลาย ๆ คน แต่สิ่งนี้เราถ้าใช้ไปสักพักน่าจะสะกิดใจได้เลยว่า มันทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นจริง ๆ เพราะมันช่วยลดขั้นตอนในการเปิดโปรแกรมสักตัวที่เราไม่ได้ Pin ไว้บน Start Menu
จริง ๆ มันโผล่มาตั้งแต่ใน Windows 10 ก่อนหน้านี้แล้ว มันทำให้ชีวิตผมดีมาก เพราะชินกับการใช้ Notification ใน OSX ด้วยเลยชอบไปเลย ใน Anniversary Update นี้ Action Centre ได้รับการปรับปรุงในหลาย ๆ จุดเลย
อย่างแรกคือ ตำแหน่งกลายเป็นมาอยู่ทางด้านมุมขวาสุด อันใหญ่ ๆ จะได้สะดุดตา และเมื่อมี การแจ้งเตือน มันก็จะเปลี่ยนเป็น Icon ของ App นั้น ๆ ไปด้วย
ถัดมาคือ หน้าตา ที่ทำออกมาได้ดูดีขึ้น รองรับการแจ้งเตือนแบบเติมพวกรูปภาพลงไปได้แล้ว (แต่ App ที่มีอาจจะน้อย เพราะพึ่งอัพเดทไป) และที่ชอบมาก ๆ คือ เราสามารถตอบแซทในบาง App ผ่าน Action Centre ได้เลย โดยที่ไม่ต้องเปิด App เลย เหมือนกับใน iOS เลยมั้ย
อันนี้แหละ ของเล่นใหม่ที่พึ่งเพิ่มเข้ามา ออกแบบมาเพื่อ Windows Tablet ที่มีปากกาอย่าง Surface มันจะอยู่ตรง Task Bar ทางด้านขวา เมื่อเรากดขึ้นมาก็จะมีเมนูโผล่ขึ้นมา หรือสำหรับใครที่ใช้ Surface สามารถกด 1 ครั้งที่หัวปากกา มันก็จะเด้งขึ้นมาเหมือนกัน
เมื่อขึ้นมา ก็จะมีเมนูที่เป็น App มาให้เราเลือกใช้ เหมือนกับเป็น Starting Point สำหรับการใช้ปากกาอะไรทำนองนั้น ในนั้นก็จะมี
สำหรับใครที่ใช้ Surface ที่ไม่ใช่ Surface Pro 4 อย่างผม สิ่งที่เซ็งมากคือ เมื่อเรากดที่หัวปากกา มันจะเปิด OneNote มาให้เรา และเปลี่ยนไม่ได้ ในขณะที่ Surface Pro 4 เปลี่ยนได้
ความไม่เท่าเทียมกันนี้ถูกแก้ไขแล้ว ในอัพเดทนี้ โดยเราสามารถเข้าไปที่ Settings > Devices > Pen & Windows Ink เพื่อเข้าไปเลือกใช้ได้ตามสบายใจท่านเลย
หลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้จัก หรือไม่กล้าใช้กัน กับ Microsoft Edge ที่เป็น Web Browser ในอัพเดทนี้ ก็ได้เพิ่มฟีเจอร์ที่หลาย ๆ คนเรียกร้องนั่นคือ Extension เหมือนกับที่เราได้ใช้กันใน Web Browser เจ้าอื่น ๆ มาชาติเศษ
ซึ่งตอนนี้ใน Store ก็มี Extension ดัง ๆ หลาย ๆ ตัวเข้ามาให้เราโหลดเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่น AdBlock, Evernote และ Bing Translate เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อย่าง Swipe Navigation ที่คนใช้ Mac น่าจะเคยใช้ Safari ที่เราปาดขวาจะเป็นเหมือนการกด Back ที่จะช่วยให้เราเล่นเว็บได้ง่ายขึ้นมากจริง ๆ จากประสบการณ์กับ Surface การที่เราจะกด Back หรือ Forward ไปข้างนี้นี่เราต้องไปกดปุ่มเล็ก ๆ ข้างบน แต่พอมี Swipe Navigation ทำให้เราให้แค่นิ้วเลื่อนซ้าย ขวาไปมาก็ได้แล้ว สะดวกมาก
และตอนนี้ที่ดีใจมาก ในที่สุด Microsoft Edge ก็รองรับ Web Notification อย่างที่เจ้าอื่นเขาทำมาเป็นชาติแล้ว ส่วนตัวเป็นคนที่ใช้ Web Notification ในการรับข่าวสารเป็นส่วนใหญ่ เลยจะค่อนข้างตื่นเต้นมาก ฮ่า ๆ
ส่วนตัวเป็นมนุษย์ที่ไม่ค่อยใช้ Skype สักเท่าไหร่ เพราะมันเป็น Win32 App ธรรมดาที่ไม่ค่อยจะเหมาะกับ หน้าจอสัมผัส สักเท่าไหร่เลยทำให้ไม่ใช่ แต่มาในอัพเดทนี้มีการพ่วง Skype ที่เป็น Modern App มาให้ด้วย (เป็นตัว Preview) ตอนนี้ก็สามารถทำได้เกือบหมดทุกอย่าง เหมือนที่ Win32 App ตัวเก่าทำได้แล้ว
หลาย ๆ คนน่าจะประสบปัญหาที่จู่ ๆ Windows เกิดทนไม่ไหวอยากอัพเดท เลย Restart ตัวเองเพื่อ Update ซะเลย (เอางั้นเลยทีเดียว) ทำให้หลาย ๆ คนบ่นเลยว่า "อะไรของมัน !!" ในรอบนี้ Microsoft ก็ฟังเสียงจาก User มา
ทำให้ใน Update นี้เราสามารถเลือกเวลาที่เราใช้งานได้ ซึ่ง Windows Update จะไม่ Restart ตัวเองในช่วงเวลาดังกล่าว จงเฉลิมฉลองต่อฟีเจอร์นี้ซะ ฮ่า ๆ
สำหรับ Windows 10 Anniversary Update เป็นการอัพเดทที่ไม่ได้มีอะไรออกมาให้ ตื่นเต้นจนต้องลุกขึ้นหรืออะไร แต่เป็นการอัพเดทเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานให้ดีขึ้นมากกว่า จากที่ได้ลองใช้ทั้งบน Surface และ Macbook แล้วก็พบว่า มันดีขึ้นจริง ๆ ที่ชอบที่สุดคือ ตรงส่วนของ Windows Update ที่จะไม่ Restart เครื่องเรามั่วซั่วนี่ดีมาก ๆ เพราะโดนเป็นประจำ
แต่ด้วยฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาแล้ว บัคก็เช่นกัน หลังจากอัพเดทไปวันเดียว ผมคนเดียวเจอบัคถึง 7 จุดเลยทีเดียว ไม่ต้องถามเลยว่า วันที่ 2 จะเจออีกเท่าไหร่ มหาศาลเลย นี่แค่ใช้งานทั่วไปเอง เลยค่อนข้างผิดหวังมากอยู่ เช่น หลังอัพเดท Pin ที่เราใช้เข้าเครื่องก็ใช้ไม่ได้ ต้องไป Remove ออกแล้วสร้างใหม่ หรือจะเป็น Lock Screen Wallpaper ที่หายไป ต้องหมุนหน้าจอมันถึงจะกลับมาอะไรเทือกนี้ หรือที่น่ากลัวสุดคือทำ Visual Studio ผม Crash ไปเลย เปิดมาอีกที โปรแกรมเปิดได้ แต่ Project เปิดไม่ได้คือระ !!
ฉะนั้นขอสรุปเลยละกันครับ อัพเดทนี้ถือว่าเป็นการวางแนวทางไปได้ไม่เลวเลย ค่อนข้างพอใจมาก แต่อยากให้แก้บัคที่เกิดขึ้นหน่อยละ เพราะเยอะเหลือเกิน นี่ Report จะไม่ทันอยู่แล้ว หลาย ๆ ฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาถึงจะไม่น่าตื่นเต้น แต่ก็ช่วยให้เราทำงานได้ไวขึ้นมากเลย นอกจากฟีเจอร์แล้ว รู้สึกเหมือนว่า มันจะลื่นไหลมากกว่าเดิมนิดหน่อยด้วย
จริง ๆ ยังมีอีกหลาย ๆ ฟีเจอร์ที่ไม่ได้เอามาเขียน ผมเลือกเอามาเฉพาะที่เด่น ๆ ที่คนทั่ว ๆ ไปน่าจะได้ใช้กัน และทั้งหมดนี้คือรีวิว Windows 10 Anniversary Update สามารถอัพเดทได้แล้ว ผ่าน Windows Update ตั้งแต่วันนี้เลย ใช้แล้วเป็นยังไง ก็ลองมาบอกเล่ากันผ่าน Comment ด้านล่างได้เลยนะครับ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ
ไหน ๆ Apple Watch เข้าเลขสองหลักกันแล้ว มีหรือเราจะพลาด เพื่อเป็นการฉลองก็เลยจัดมาเลยเรือนนึง เป็น Apple Watch เรือนที่ 3 ของเราละ ผ่านมา 10 Series จะมีอะไรใหม่ ใส่แล้วเป็นอย่างไร วันนี้เราจะมารีวิวเล่าให้อ่านกัน...
จาก Part ที่แล้วเราเล่าไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ยังขาดประเด็นสำคัญนั่นคือ Performance ของ M4 Max ว่า มันเข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงาน หรือทำให้การทำงานของเราเร็วขึ้นได้อย่างไร วันนี้จะเน้น Benchmark และพยายามมาหาสาเหตุกันว่า ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นกัน...
หลังจาก Apple Transition ไปสู่ Apple Silicon มาจนถึงจุดที่การเปลี่ยนผ่านเสร็จสิ้น เราก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับ Apple Silicon อีกเลย จนกระทั่งตอนที่ M4 ออกนี่แหละ ที่เราคิดว่า มันถึงจุดที่ใช่ละ ฤกษ์มันมาแล้ว ก็จัดเลยสิครับ มาดูกันว่าฤกษ์มันจะตรงอย่างที่เราคิดหรือไม่...
หลังจากผ่านไป 3 ปี ในที่สุดวันที่เรารอคอยกันก็มาถึง iPad Mini ออกรุ่นใหม่แล้วแกร แต่เอ๊ะ หน้าเดิมนิ แล้วมันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง และส่งผลกระทบต่อการใช้งานอย่างไรบ้าง วันนี้เราได้ทดลองใช้แล้วจะมารีวิวให้อ่านกัน...