By Arnon Puitrakul - 01 เมษายน 2020
รอบก่อนเราได้รีวิว LED Strip จาก Yeelight ไป วันนี้เรากลับมาด้วย Product ของ Yeelight เหมือนกัน แต่เป็น หลอดไฟแทน ในรุ่น Yeelight Smart LED Bulb ที่บอกเลยว่า ราคาถือว่าถูกอีกแล้ว เมื่อเทียบกับหลอดไฟที่เป็น IoT และ เปลี่ยนสีได้
ตัวกล่องมาเป็นกล่องกระดาศ ขนาดเท่ากับกล่องหลอดไฟทั่ว ๆ ไป ที่ด้านหน้าจะมีบอกหน้าตา พร้อมกับสรรพคุณต่าง ๆ ของหลอด ครั้งแรกที่เห็นคือความสว่างถึง 800 Lumen เลย สว่างกว่าหลอด Ikea เราถึง 200 Lumen เลย
ด้านข้างของกล่อง จะบอกสรรพคุณในเรื่องของการเชื่อมต่อ Application Yeelight ที่ทำให้เราสามารถควบคุมสี และ Function การทำงานต่าง ๆ ของหลอดได้ เหมือนกับ Strip ที่รีวิวไปก่อนหน้านี้
ด้านข้างอีกข้าง เป็น Function การทำงาน เช่น เปลี่ยนสีได้ ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่จำเป็นต้องใช้ Hub ในการควบคุม มันสามารถทำงานด้วยตัวเองได้ ผ่านการต่อ WiFi
ด้านหลังเรื่องของรายละเอียดเชิงลึกต่าง ๆ พร้อมทั้งอัตราการประหยัดพลังงานต่าง ๆ
ด้านบนจะเป็นโลโก้ของ Yeelight หมดละ เราก็เปิดกล่องออกมาได้เลย
เมื่อเปิดกล่องออกมา เราจะเจอกับ Packaging ที่เราว่าทำได้ดี ให้ประสบการณ์ที่ดีกว่าการแกะหลอดไฟปกติเยอะ โดยที่ด้านในจะมีหลอดไฟใส่อยู่
และด้านในกล่อง จะมีแค่คู่มือการใช้งานมาให้เราแค่นั้นเลย หมดกล่องแล้ว
ตัวหลอดเอง ก็ถูกห่อมาด้วยพลาสติกอย่างดี ไม่ได้มีเทปปิดนะะ ดังนั้นเวลาเอาออกมาระวังมันหล่นนิดนึง
ตัวหลอดเอง ต้องยอมรับเลยว่า สัมผัสแรกที่เอาออกมาจากห่อคือ หนัก กว่าหลอดทั่วไปเยอะ แหงแหละ เพราะมันมีวงจรสำหรับการเชื่อมต่อ WiFi และ Controller อีก สิ่งที่ชื่นชมคือ ตัวหลอดทำมาได้ดูมีราคามาก ๆ ด้านล่างเป็นพลาสติกที่ทำร่องให้ดู Modern พร้อมกับมีการพิมพ์ Logo ของ Yeelight ไว้ ส่วนตัวหลอดเป็นพลาสติก ไม่ต้องกลัวหล่นแตก
ขั้วของหลอด เป็นขั้วปกติ ที่เราใช้กันเลย เป็นขนาด E27 ซึ่งเป็นไซส์ทั่ว ๆ ไปเวลาเราไปซื้อหยอดไฟเลย
ด้านหลังหลอด มีการพิมพ์ข้อมูลต่าง ๆ ของหลอด เช่นพวก รุ่น และ ไฟ Input ต่าง ๆ เอาไว้
ลองเอามาเทียบกับหลอดไฟธรรมดาของ IKEA จะเห็นได้ว่า ขนาด ต่างกันมาก ยาวกว่า กว้างกว่า คือ ใหญ่กว่าในทุกมิติเลย
การติดตั้งเหมือนกับหลอดปกติเลย คือเราปิดไฟ แล้วหมุนเข้าไปที่ขั้วของมันก็จะเข้าเกลียวตามปกติ ไม่ได้ต่างจากการติดตั้งหลอดไฟทั่ว ๆ ไปเลย ตัวอย่างนี้คือ เราติดตั้งลงไปในโคมไฟตั้งโต๊ะของ IKEA ธรรมดาเลย
ส่วนการเชื่อมต่อเข้ากับ App Yeelight ก็ทำได้ง่ายเช่นกัน สามารถเปิด App มาทำตามได้ตามปกติเลย สิ่งที่แปลกใจคือ การ Reset มันจะแปลก ๆ หน่อย ด้วยความที่มันไม่มีปุ่ม เราต้องเปิดปิดมัน 5 ครั้ง แล้วมันจะ Reset ตัวเอง ปัญหาคือ เราเอาไปใส่โคมไฟที่ไม่มี Switch เปิดปิด มันต้องดึงปลั๊กเข้าออกอยู่นั่นแหละ จะดูตลก และ อันตรายไปหน่อย แต่สำหรับใส่ตามโคมไฟ หรือ โคมที่มากับบ้าน ซึ่งมี Switch ทั่ว ๆ ไป เราว่าไม่มีปัญหาเรื่องนี้เท่าไหร่
การใช้งาน ต้องบอกเลยว่า มันดีมากเลยนะ เมื่อเทียบกับหลอดเก่า ส่วนนึงคือ มันสว่างกว่า และ อีกส่วนคือมันเปลี่ยนสีได้นี่แหละ เวลาเราอ่านหนังสือ ถ้าเราปรับสีให้มันเข้ากับบรรยากาศของห้องมากขึ้น ช่วยลดอาการปวดตาของเราได้ดี
หรือจะเป็นเรื่องของการสร้างบรรยากาศ เปลี่ยนสี Sync กับ LED Strip ที่ทำให้ห้องมันเป็นอีกอารมณ์เลย เวลาเรานอน ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม
ที่สำคัญที่สุดคือ มันเป็นหลอด LED ดังนั้น ระยะเวลาในการใช้งานย่อมนานอยู่แล้ว โดยที่หลอดนี้ถูกเคลมไว้ว่าใช้ได้ราว 22.8 ปี ถ้าเราเปิดวันละ 3 ชั่วโมง คูณกันออกมาก็จะได้ 24k ชั่วโมงเลยทีเดียว ดังนั้นไม่ต้องกลัวเรื่องจะต้องเปลี่ยนในระยะเวลาอันสั้นเหมือนหลอดอันอื่น นอกจากนั้น ยังกินพลังงานน้อยมากเพียงแค่ 10 Watts
นอกจากนั้น หลอดไฟตัวนี้ยังสามารถทำงานแบบ Standalone ได้เลย โดยที่ไม่ต้องผ่าน Hub แต่ใช้ WiFi เชื่อมต่อโดยตรงแทน ทำให้ตัดปัญหาเรื่องของการวาง Hub ในบ้านได้เลย แต่ข้อเสียของระบบแบบนี้คือ ถ้าเรามีเยอะ ๆ เข้า แล้ว Router บ้านเราเอาไม่อยู่ นั่นก็อีกเรื่องนะ
Yeelight Smart LED Bulb ถือว่าเป็นหลอดไฟที่ถือว่าตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการสร้างบรรยากาศในบ้านได้เป็นอย่างดี สามารถเข้ากับระบบไฟเก่าของบ้านได้ทันที โดยที่เราไม่ต้องต่อเติม หรือเปลี่ยนระบบไฟบ้านเลย เพียงแค่เราหมุนมันเข้ากับโคมเก่าก็ใช้งานได้เลย ที่สำคัญ ใช้ได้นาน กินไฟต่ำ และ ราคาถูกมาก เราซื้อมา 400 กว่าบาทเท่านั้นเอง ถึงจะแพงกว่าหลอดไฟทั่ว ๆ ไปเยอะ แต่ถ้าเทียบกับหลอด LED ที่เปลี่ยนสีได้หลาย ๆ ตัวถือว่าถูกมาก และ บางตัวต้องใช้ Hub อีก ยุ่งยากเข้าไปใหญ่ รวม ๆ คือ ประทับใจ มาก ๆ
หลังจากผ่านไป 3 ปี ในที่สุดวันที่เรารอคอยกันก็มาถึง iPad Mini ออกรุ่นใหม่แล้วแกร แต่เอ๊ะ หน้าเดิมนิ แล้วมันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง และส่งผลกระทบต่อการใช้งานอย่างไรบ้าง วันนี้เราได้ทดลองใช้แล้วจะมารีวิวให้อ่านกัน...
หนึ่งใน Feature ใหม่ที่เปิดออกมาทั้งใน macOS Sequoia, iPadOS 18 และ iOS 18 คือ App ที่ชื่อว่า Password เป็น Password Manager ของ Apple วันนี้เราได้ทดลองใช้งานมันมาประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว จะมาเล่าให้อ่านกันว่าอาการมันเป็นยังไง มันทำให้ชีวิตเราเหนื่อยขึ้นได้อย่างไร...
เป็นประจำในทุก ๆ ปีที่ Apple จะเปิดตัว macOS Version ใหม่ออกมาให้ผู้ใช้ Mac ได้ Upgrade กัน ในปีนี้เอง Crack Marketing Team ก็ทำหน้าที่ของตัวเองในการออกไปหาชื่อใหม่ให้กับ macOS ในปีนี้ชื่อว่า macOS Sequoia จะมี Feature อะไรเด็ด ๆ บาง วันนี้เรารวมเอามาเล่าให้อ่านกัน...
หลังจาก Apple เปิดตัว iOS18 และ iPadOS18 วันนี้เราจะมาเล่าพวก Feature ต่าง ๆ ที่เราได้ทดลองใช้งานมาหลายวันพร้อมกับบอก Use Case การใช้งานต่าง ๆ ว่ามันเอามาทำอะไรได้บ้าง...