By Arnon Puitrakul - 03 พฤษภาคม 2022
รอบก่อนเราเคยรีวิวเคสของ RhinoShield ไปแล้วในรุ่น Mod NX ที่ทำให้เราสามารถ Custom ตัวเคสได้ตามใจเราหมดเลย อยากจะเปลี่ยนฝาหลังวันไหนก็เปลี่ยนเข้ากับสไตล์ของเราในวันนั้น ๆ ได้เลย แต่วันนี้ RhinoShield ออกเคสรุ่นใหม่มาในรุ่น Clear ที่บอกเลยว่า มันเจ๋งมาก ๆ เขาบอกว่า เขาออกแบบมาให้ทนทานต่อการเหลือง ที่น่าจะเป็นปัญหาของคนที่อยากใส่เคสใสเลย ปกป้องโทรศัพท์สุดรักได้ไม่แพ้กับรุ่นอื่น ๆ และ ยังแสดงความเป็นตัวเราได้อีก มาดูกันว่าจะเป็นยังไงกับ RhinoShield Clear
ปล. ผลิตภัณฑ์ที่นำมารีวิวในวันนี้สนับสนุนโดยทาง RhinoShield ขอบคุณทาง RhinoShield มาก ๆ ครับ แต่ ๆๆๆ เราก็ยังจะรีวิวจริง ๆ อยู่ดีนะ อะไรดี คือดีย์ อะไรไม่ดี มีข้อสังเกตก็บอกเหมือนเดิมเด้อ
เมื่อก่อนเราก็เป็นคนที่ชอบใช้เคสใสเหมือนกัน เพราะเรารู้สึกว่า คนออกแบบโทรศัพท์เขาก็ทำมาสวยแล้วนะ เราจะไปปิดมันทำไมเลยซื้อเคสใสมาใส่เลย ปรากฏว่า ปัญหาที่เราเจอเมื่อเราไปใช้ไปนาน ๆ คือ เคสมันเริ่มออกสีเหลืองขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็ขุ่นด้วย ถามว่า มันเกิดจากอะไร
ก่อนอื่น เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า เคสส่วนใหญ่นั้นทำจากพวกพลาสติก TPU หรือ PC เมื่อเราใช้งานไปนาน ๆ โดนแสง โดนเหงื่อ และสารเคมีต่าง ๆ ก็ทำให้มันเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้นอยู่แล้ว โดยเฉพาะแสง UV ที่เป็นอันตรายกับตัวเรา ก็เป็นอันตรายกับเคสด้วยเช่นกัน ทำให้ การที่เคสมันค่อย ๆ เหลือง มันเลยเกิดจากการใช้งานเราซะเยอะ
เท่าที่เราลองสังเกตหลาย ๆ ยี่ห้อเลย เมื่อมันเริ่มเหลือง คุณสมบัติความยืดหยุ่น มันไม่เท่ากับตอนที่เราซื้อมาใหม่ ๆ ทำให้เราไม่มั่นใจเหมือนกันนะว่า ความกันกระแทกมันจะได้เหมือนเดิมมั้ยเหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละ เคสเหลือง คือปัญหายักษ์ของคนที่ใช้เคสใสเลยก็ว่าได้ แต่มันก็จะดีกว่านั้นเยอะ ถ้าทางผู้ผลิตเขาหาเทคนิคที่จะทำให้เคสมันไม่เหลืองเลย หรือ ยืดเวลาก็ย่อมดีกว่าแน่นอน ทำให้ RhinoShield Clear เลยเป็นตัวที่น่าสนใจสำหรับเรามาก
ก่อนที่เราจะไปรีวิวตัว RhinoShield Clear เราอยากจะเล่าถึง Series อื่น ๆ ของ RhinoShield สักหน่อย เราจะได้มองหาเคสรุ่นที่เหมาะกับเรากัน
ใหญ่ ๆ แล้ว RhinoShield เขาจะแบ่งเคสออกมาเป็น 3 รุ่นใหญ่ ๆ ด้วยกันคือ Clear ที่เราเอามารีวิววันนี้, Mod NX ที่ทำให้เราสามารถ Custom Case ได้เยอะมาก ๆ ยันฝาหลังที่เปลี่ยนได้เป็นเอกลักษณ์ที่เราหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว แบบรูปด้านบนเลย และ SolidSuit สำหรับคนที่ต้องการการปกป้องสูงสุดเลย คือมาเป็นชิ้นเดียวเลย ทำให้มั่นใจได้เลยว่า โทรศัพท์ของเราจะได้รับการปกป้องที่ดีที่สุดแน่นอน
อันนี้ก็ขึ้นกับการใช้งานของเราแล้วว่า เราอยากจะใช้งานแบบไหน ถ้าเราบอกว่า เราเป็นคนเบื่อง่าย อยากเปลี่ยนมันทุกอย่างเลย เรื่องของความ Customisable เรายกให้ Mod NX เลยเพราะมันสามารถเปลี่ยนฝาหลังได้ตามการแต่งตัว หรือกิจกรรมที่เราจะต้องไปทำในแต่ละวันได้เลย แต่ถ้ามองหาเคสใส ๆ แล้วเน้นการเปลี่ยน Element เล็ก ๆ สร้าง Detail เราว่า Clear คือโอเคเลยนะ และสุดท้าย อยากจะเอาทน ๆ ตกบ่อย ๆ SolidSuit ดูน่าสนใจเลยละ
RhinoShield Clear เป็นเคสรุ่นใหม่จาก RhinoShield ที่ทำตามชื่อของมันเลยคือ ใส มันเป็นเคสใสที่ออกแบบมาเพื่อคนชอบเคสใสเลย เพราะมันได้รับการรับรองจาก SGS เลยในเครื่องของความทนทานต่อการเหลือง และยังรองรับความทนทานระดับ Military Grade เลย ทำให้เรามั่นใจได้เลยว่า เคสจะปกป้องโทรศัพท์ของเราได้ดีที่สุด แต่ก็ยังทำให้เราสามารถแสดงความเป็นตัวเราได้ ผ่านการ Custom ได้ตั้งแต่ฝาครอบเลนส์, ปุ่ม ยันฝาหลังเราสามารถสั่งลายได้ตามใจชอบเลย อัพโหลดรูปหน้าเราลงไปยังได้ (แต่กล้าใช้มั้ยอีกเรื่องนะ) หรือจะเป็นลายที่ทาง RhinoShield ไป Collab มาก็มีให้เลือกเพียบ เป็นข้อดีที่เราชอบมาก ๆ ของ RhinoShield เลยก็ว่าได้
สำหรับของที่เราจะแกะ บอกเลยว่าเยอะมาก ดูจากในรูปก็น่าจะรู้เลยว่า เยอะส์ มากจริง ๆ เพราะอย่างที่บอกคือ RhinoShield ให้เรา Customise เคสเราได้เยอะมาก ๆ เลยทำให้เวลาแพคมา เขาก็จะแยกเป็นชิ้น ๆ มาให้เราเลย
เริ่มจากตัวกล่องกระดาษก่อนละกัน อันนี้จะไม่เหมือนกับตอน Mod NX เลย ที่ใช้เป็นกล่องพลาสติกใส ทำให้เรารู้ว่ามันคือะไรภายในกล่อง เพราะช่วงนี้หลาย ๆ Brand เขาก็เน้นเรื่องของสิ่งแวดล้อมกัน พยายามลดการใช้พลาสติก RhinoShield ก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน แต่เราก็ชอบนะ Packaging แบบนี้ เพราะเราต้องเข้าใจว่า เคสเอาจริง ๆ เวลาเราเก็บ เราก็ไม่ได้เก็บลงกล่องมันหรอก เราแกะเสร็จเราก็ทิ้งอยู่ดี เป็นกระดาษนี่แหละดีกว่าเยอะ
ตอกย้ำความรักษ์โลกเข้าไปอีกด้วยการที่ด้านข้างพิมพ์มาบอกเลยนะว่า เขาปริ้นด้วย Soy Ink
ด้านหลังก็จะมีสติ๊กเกอร์แปะให้เสร็จเลยนะว่า ในกล่องนี้มันคืออะไร อย่างในกล่องนี้ก็จะเป็น RhinoShield สำหรับ iPhone 13 Pro Max สิ่งที่ดีกว่านั้นอีก และเป็นเรื่องที่ผู้ผลิตหลาย ๆ เจ้าไม่ค่อยบอกคือ การติดตั้ง หรือการใส่เคสนี่แหละ ทำให้โทรศัพท์เป็นรอยกันมาหลายรอบแล้ว แต่อันนี้เขามา QR Code มาให้เราสแกนเข้าไปหาวิธีการใส่เลย
การเปิดกล่องก็ง่ายมาก ๆ เราแค่ดันกล่องข้างในออกมา จุดนี้เราไม่แน่ใจนะว่า มันบังเอิญ หรือ เขาตั้งใจคือ เมื่อเราเลื่อนกล่องออกมา เราจะเจอกับเคสนี่แหละ พอมันใสมันเลยเห็นกระดาษที่เขียนว่า Protect the planet มันจะกลายเป็น Rhinoshield Protect the planet พอดีเลย เราลองเปิดกล่องเคสก็เป็นเหมือนกันหมดเลย
เมื่อเราดึงออกมาแล้ว เราจะเจอกับเคสก่อนเลย ตัวเคสไม่ได้มีการห่ออะไรไว้อีกชั้นเพื่อป้องกันนะ ก็เป็นการลดการใช้พลาสติกด้วย กับ เอาจริง ๆ เคสที่มันควรจะกันกระแทกให้กับโทรศัพท์ได้ การที่มันจะกระทบกับกล่องกระดาษ มันก็ไม่น่าจะสร้างความเสียหายให้กับเคสได้อยู่แล้ว
กับอีกข้อสังเกตที่เห็นเมื่อเปิดกล่องคือ ตัวฝาหลัง มีฟองอากาศอยู่ เพราะทาง RhinoShield เขาก็ยังติดพลาสติกมาเพื่อป้องกันรอยตรงฝาหลังมาให้ด้วย แต่ตอนแปะอาจจะไม่เนียบมากเลยทำให้มีฟองอากาศอยู่
นอกจากนั้น ถ้าเราสั่งเป็นแบบที่มีพิมพ์ตัวพลาสติกมันจะคลุมหมดทั้งด้านหลังเลย จะไม่เหมือนกับแบบใสปกติที่มันจะมีการตัดตรงเลนส์กล้องด้วย แต่สุดท้ายก่อนจะใช้งานเราก็ต้องแกะอยู่ดีแหละ
นอกจากหลังเคสจะมีพลาสติกแล้ว ด้านในเคสเขาก็ติดไว้ด้วยนะ คิดว่าน่าจะกันรอยแหละ แต่ ๆ เราจะบอกว่า ถ้าใครซื้อมาแล้วลองสังเกตดูดี ๆ เราจะเห็นเลยว่ามันมีเหมือนเศษเป็นเส้น ๆ อยู่ในเคสด้วย คิดว่าน่าจะเป็นกระดาษกล่องนี่แหละ ดังนั้นเราแนะนำว่า แกะพลาสติกออก แล้วใช้ผ้าเช็ดออกก่อนจะใส่นะ เราไม่รู้ว่าพวกใยกระดาษพวกนี้มันแข็งขนาดทำให้โทรศัพท์เราเป็นรอยขนแมวมั้ย
สำหรับกล่องอุปกรณ์เสริม เริ่มจากเชือกสำหรับคล้องก่อนละกัน เปิดมาเราก็จะเจอกับเชือกที่ม้วนมาให้เรียบร้อยแน่น ๆ เลย
ถ้าเราเอาขึ้นมาด้านหลังเราจะเห็นมันมีถุงกระดาษอยู่
ด้านในจะเป็นคลิปสำหรับเสียบเข้ากับเคสโทรศัพท์เพื่อร้อยเชือกเข้าไปนั่นเอง โดยเขาจะมีมาให้ทั้งหมด 3 สีเลย เอาแบบที่เราชอบได้เลย
การใส่พวก Clip ตัวนี้คือง่ายมาก ๆ แค่เราเอาโทรศัพท์ออกจากเคส แล้วก็หัน Clip ให้เป็นด้านที่อยู่ในรูปด้านบน แล้วก็ดันเข้าไปในช่องด้านล่างได้เลย แล้วบิด มันก็จะล๊อคเข้าที่เองเลย ไม่หลุดง่าย ๆ แน่นอน
ที่หัวเชือก เราจะเห็นว่า เขามีเป็นเหมือนฝาเกลียวปิดหัวของเชือกทั้งสองด้านเลย เวลาเราจะใส่ ก็หมุนออกได้ง่าย ๆ เลย แล้วดึงออกจากที่เก็บเชือก แล้วสอดเชือกเข้าไปใน Clip โทรศัพท์เราแล้วก็เสียบกลับเข้าไปที่ที่เก็บเชือก แล้วก็หมุนหัวกลับก็เรียบร้อยแล้ว
ออกมาก็จะเป็นลักษณะแบบด้านบนเลย ก็จะทำให้เราสามารถห้อยคอได้เลย โดยความยาวของเชือกแอบยาวมาก ๆ ซึ่งคนที่ส่วนสูงเยอะหน่อย ก็ยังสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย
แต่คนที่ส่วนสูงน้อยหน่อย อาจจะรู้สึกว่ามันยาวไปหน่อย แต่ก็ใช้ตัวเก็บเชือกปรับได้อยู่
และอุปกรณ์เสริมอย่าง ปุ่ม เราก็สามารถเลือกซื้อเป็นสีที่เราต้องการได้เลย หรือถ้าเราเลือกไม่ได้ เราก็เอามันมาทั้งแพคเลย เปลี่ยนได้ไม่เบื่อแน่นอน และ Camera Ring ก็มาใน Packaging ลักษณะเดียวกันเลย
สำหรับตัว Camera Ring แนะนำว่า ให้เช็คดี ๆ นะ เก็บกล่องไว้เลยก็ดี เพราะมันจะใช้กับโทรศัพท์รุ่นอื่นไม่ได้ เขาจะเขียนไว้เลยว่า อันนี้ของรุ่นอะไร อย่างในรูปก็จะสำหรับ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max
เราสามารถเปลี่ยนได้ง่าย ๆ เลย เราจะเห็นว่า มันทำให้ Mood & Tone ของเคสเปลี่ยนไปได้เลย อย่างที่เราบอก มันทำให้มันเข้ากับงานที่เราจะไป อารมณ์ของเรา และการแต่งตัวของเราในวันนั้นได้เลย และ การเปลี่ยนเอาจริง ๆ มันไม่ได้ยากเลย มันใช้เวลาไม่เกิน 1 นาทีในการเปลี่ยนเท่านั้นเอง หรือ จริง ๆ นะ เราอาจจะซื้อไว้ 2 อันก็ได้ แล้วเราก็เปลี่ยนประกอบแบบที่เราต้องการ แล้วก็สลับเอาอะไรแบบนั้นก็ง่ายเหมือนกัน เหมือนที่เราใส่สาย Apple Watch ใหม่ทุกวันแหละ
ตัวเคส จะมาเป็นแบบใส ชิ้นเดียวเลย เรียกว่าใส แบบทั้งชิ้นจริง ๆ ที่ความหนาไม่หนาเท่าไหร่นะ ทำให้ใส่แล้วดูไม่อึดอัดเท่าไหร่ กับความแข็ง มันก็จะไม่ได้แข็งเป็นเคสแข็งแน่น ๆ เลยแต่มันจะมีความยวบอยู่เล็กน้อยเท่านั้น จับแล้วรู้สึกเหมือนจะนุ่มก็ไม่เชิง จะแข็งก็ไม่ใช่สักเท่าไหร่ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการซับแรงกระแทก
แต่ถ้าเป็นแบบพิมพ์ เราบอกเลยว่า สวยมากกกก อารมณ์มันจะไม่เหมือนกับพวกที่เป็นทึบ ๆ แล้วถ้าเครื่องสีมันสวยอยู่แล้วด้วย มันจะยิ่งดีเข้าไปใหญ่เลย แต่เราจับ ๆ ตรงที่พิมพ์ลายดู เราไม่แน่ใจเรื่องความคงทนเท่าไหร่ ถ้าสมมุติว่า มันโดนขูดแรง ๆ ตรงที่พิมพ์มันจะเป็นยังไง แต่ถ้าเอาเรื่องของการใช้งานทั่ว ๆ ไป เรามองว่า ยากที่เราจะขูดจนที่พิมพ์เสียหายได้
หนึ่งข้อสังเกตสำหรับเหล่า iPhone คือ มันไม่รองรับ Magsafe นะ เพราะพวกนี้มันจะต้องมีพวกแม่เหล็กอยู่ที่เคสด้วยอะไรแบบนั้น ก็ถ้าใครจะอุปกรณ์ Magsafe เคสในรุ่นนี้อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ แต่ในเรื่องของการชาร์จแบบไร้สาย อันนี้ยังทำได้ปกติอยู่นะ ลองกับแท่นชาร์จหลายตัว รวมถึงบนรถด้วยมันก็ใช้งานได้ปกติเลย
ด้านข้างซ้ายก็จะเจาะรูไว้สำหรับ Switch เปิด/ปิด เสียงเรียกเข้าในเครื่อง และที่ ปุ่มเพิ่มลดเสียง ตัวปกติ ก็จะมากับปุ่มใส แต่แน่นอนว่าเราก็สามารถดันปุ่มออกแล้วเปลี่ยนสีใหม่ได้ด้วย
พอเปลี่ยนสี เราจะเห็นเลยว่าสไตล์มันเปลี่ยนไปเลย มันดูเป็นส่วนเล็ก ๆ นะ แต่มันทำให้อารมณ์และ Look มันเปลี่ยนไปเลย ไม่เคยคิดเหมือนกันว่า แค่เปลี่ยนปุ่มแล้วเปลี่ยนได้ขนาดนี้
อีกข้าง ก็จะเป็นปุ่ม Power ที่เราก็เปลี่ยนได้เหมือนกัน ถ้าเราซื้อมา มันก็จะมีปุ่มทุกปุ่มให้เราหมดเลย หรือ ๆ ถ้าเราซื้อหลาย ๆ สีมา อย่างกดมาเป็นแพคเลยเอาจริง ๆ นะ เราสามารถทำปุ่มละสียังดี เฟี้ยว ๆ อยู่นะเอาจริง
และด้านท้ายก็จะเจาะรูไว้สำหรับ ลำโพงและช่องเสียบ Lighting นั่นเองไม่มีอะไร
อันนี้เป็นข้อสังเกตละกันเนอะ คือความใสของเคสเนี่ย มันจะสวยเมื่อมันใสเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเราใช้งานไปนอกจากความเหลือง อีกเรื่องคือ พวกรอยขูดขีดต่าง ๆ เมื่อมันขูดเนี่ย ความใสมันก็จะไม่ใสเท่าเดิม ดังนั้นเวลาใช้งานเราแนะนำว่า ให้ระวังหน่อยเวลาเราจะวางบนพื้นผิวที่มันขรุขระ แต่ที่เหลือ สวย จบนะ ฮ่า ๆ
ด้วยความที่มันเป็นเคสใส ไม่ได้ทึบเหมือนรุ่นอื่น ๆ ทำให้ สีของตัวเครื่องเองก็จะมีผลต่อลายที่เราเลือกด้วย เช่น ถ้าเราเป็นเครื่องสีดำ แล้วเราเลือกลายที่มันดำ ๆ เยอะ ๆ มันก็จะมองเห็นลายยากหน่อย พวกนี้ก็อาจจะไปเหมาะกับเครื่องสีอื่นมากกว่า
เรียกว่าเป็นข้อสังเกต และข้อจำกัดของเคสแบบใสละกัน ซึ่งเอาจริง ๆ ก็จะเป็นทุกรุ่นทุกยี่ห้อแหละ แต่แค่ว่า RhinoShield ลายเขาเยอะมาก ๆ เลยทำให้มันเลือกยากนิดหน่อย อารมณ์เหมือนเราเข้า Netflix เลื่อน ๆ หาหนังไปแล้วก็บายยย ฮ่า ๆ เพราะถึงเวลานอนแล้ว ไม่ก็มาอารมณ์ ไม่รู้จะเอาอันไหนดี กวาดซื้อมันมาให้หมดเลยก็มีเหมือนกัน นี่ก็อารมณ์นั้นเลย
ก่อนหน้านี้ เราสามารถสั่งซื้อผ่านหน้าเว็บของ RhinoShield ได้เลย แต่... หน้ามันเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ไม่ถนัดการใช้ภาษาอังกฤษมากนัก อาจจะพลาดโอกาสในการสั่งมาได้ แต่ ๆๆๆๆ วันนี้ RhinoShield เขาทำหน้าภาษาไทยแล้วนะ เข้าไปได้หน้าเว็บ rhinoshield.co.th แล้วกดสั่งได้เลยเด้อ กับถ้าเราสั่งเกิน 1,400 บาท ส่งฟรีเลยนะ ถ้าสั่งไม่เยอะก็ลองเรียกเพื่อนเลย ใครจะเอาบ้าง แล้วรวม Order ไปเลยก็คุ้มดีนะ หรือที่บ้านเราทำคือ เราก็ถามในบ้านนี่แหละ สั่งไปสั่งมา เกินแน่นอน รอบก่อนกดไปหลายพันเลย สั่งเยอะขนาดนั้น
เคส Clear จาก RhinoShield เราว่ามันยังเป็นเคสที่ยังคงความเป็น Rhinoshield อย่างเต็มที่มาก ๆ โดยเฉพาะในแง่ของการ Customise ได้เรียกว่า เอาแบบที่เรา สบายใจ ได้เลย เลือกลายเคส สีปุ่ม สายคล้องคอ คือเอาเป็นว่า เพียบ !!!! วันไหนอยากเปลี่ยน เปลี่ยนได้เลย เอาให้เข้ากับ Mood & Tone ของเราได้เลย และในเรื่องของความเหลืองที่เป็นปัญหาของเคสใส ก็คือผ่านการรับรองจาก SGS ทำให้มั่นใจได้เลยว่า มันทนต่อการเหลืองมากกว่าเคสทั่ว ๆ ไปแน่ ๆ และยังมาพร้อมกับการป้องกันระดับ Military Grade มั่นใจได้เลยว่า ถ้าตก หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริง ๆ โทรศัพท์เราจะได้รับการปกป้องที่ดีที่สุดแน่นอน เพราะนี่ก็ทำตกบ่อย ฮ่า ๆๆๆๆๆ ก็ยังอยู่รอดนะ
นอกจากเคสโทรศัพท์แล้ว RhinoShield ยังมีเคสสำหรับ Apple Watch และ AirPods Pro ด้วยนะ เพื่อให้เข้ากับเคสที่พิมพ์ลายมา เราสามารถสั่งเคส AirPods ที่พิมพ์ลายใน Collection เดียวกับ Case โทรศัพท์เราได้ด้วยนะ อันนี้เผื่อใครอยากจะได้ให้มันเข้า ๆ กันหน่อย
อีกเรื่องที่เราชอบของเคส AirPods Pro อันนี้คือ เขาใส่ตัวหูสำหรัลคล้องกับกระเป๋ามาให้เราด้วยเวลาใช้งานมันจะได้ง่าย แต่ถ้าเราไปดูหลาย ๆ ยี่ห้อเขาก็จะมีให้แหละ เอาจริง ๆ เลยบางยี่ห้อที่เคยเห็นมา เราบอกเลยว่า หูหิ้วมันทำมาไม่ทนเลย น่าโดนขโมย ไม่ก็หล่นมาก แต่อันนี้จับแล้วรู้สึกแน่นหนาดีชอบเลยละ
นอกจากนั้น RhinoShield ก็ยังคงความเจ๋งของตัวเองในเรื่องของการ Customisation อีกคือ เราสามารถสั่งฝาแยกได้ด้วย เผื่อวันนี้เราบอกว่า โอ๊ะ ฝาที่มากับอันนี้ไม่เข้ากับลุคของเราวันนี้เราก็สามารถเปลี่ยนฝาได้ตามที่เราต้องการเลย เจ๋งมาก ๆ อันนี้
เวลามันผ่านไปเร็วมาก ๆ เรายังจำวันที่ Macbook Pro M1 Max ของเรามาส่งที่บ้านได้อยู่เลยว่า เรารู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ เวลาผ่านไป 3 ปี หมดประกันเรียบร้อยแล้ว วันนี้เราจะมาเล่ากันว่า สภาพตอนนี้มันเป็นอย่างไร และยังจะสามารถใช้ได้อีกนานหรือไม่...
ไหน ๆ Apple Watch เข้าเลขสองหลักกันแล้ว มีหรือเราจะพลาด เพื่อเป็นการฉลองก็เลยจัดมาเลยเรือนนึง เป็น Apple Watch เรือนที่ 3 ของเราละ ผ่านมา 10 Series จะมีอะไรใหม่ ใส่แล้วเป็นอย่างไร วันนี้เราจะมารีวิวเล่าให้อ่านกัน...
จาก Part ที่แล้วเราเล่าไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ยังขาดประเด็นสำคัญนั่นคือ Performance ของ M4 Max ว่า มันเข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงาน หรือทำให้การทำงานของเราเร็วขึ้นได้อย่างไร วันนี้จะเน้น Benchmark และพยายามมาหาสาเหตุกันว่า ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นกัน...
หลังจาก Apple Transition ไปสู่ Apple Silicon มาจนถึงจุดที่การเปลี่ยนผ่านเสร็จสิ้น เราก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับ Apple Silicon อีกเลย จนกระทั่งตอนที่ M4 ออกนี่แหละ ที่เราคิดว่า มันถึงจุดที่ใช่ละ ฤกษ์มันมาแล้ว ก็จัดเลยสิครับ มาดูกันว่าฤกษ์มันจะตรงอย่างที่เราคิดหรือไม่...