By Arnon Puitrakul - 29 ธันวาคม 2021
ตั้งแต่เราใช้ M1 มาจนตอนนี้ขยับมาเล่น M1 Max แล้ว เราเปลี่ยน Web Browser หลักจาก Google Chrome กลับมาเป็น Safari เพราะตอนนั้น เรื่องการ Optimisation ต้องยอมรับเลยว่า Safari ทำได้ดีกว่ามาก ๆ
แต่พอเราทำงานที่เป็น Web Development ตัว Safari มันจะไม่ตอบโจทย์ทันที ต้องลง Google Chrome ไว้เพื่อทำงานอย่างเดียว เลยรู้สึกว่า เอ๊ะ มันจะมี Web Browser ไหนนะ ที่จะทำให้เราใช้ตัวเดียวจบได้จริง ๆ วันนี้เราได้ไปลองมาหมดแล้วกับ Safari, Google Chrome และ ตัวที่เราให้โอกาสมันมาก ๆ อย่าง Microsoft Edge (ออกตัวก่อนเลยนะว่า เรามีความหลังฝังใจกับ Product ของบริษัทนี้มาก ๆ อาจจะมี Bias ได้ แยกกันด้วยเด้อออ)
เริ่มจาก Web Browser ที่มากับตัว macOS กันก่อนอย่าง Safari ข้อดีที่ทำให้เราอยู่กับมันเลยจริง ๆ จัง ๆ คือ เรื่องของ Ecosystem ในการทำงานของมัน เช่นเราสามารถใช้ Hand-off เพื่อเปิดหน้าเว็บจากที่เราทำงานบนอุปกรณ์อื่น ๆ ของ Apple ได้เลย เช่น เราอาจจะเข้าเว็บอยู่บน iPad แล้วเราต้องการเข้ามาทำงานต่อบน macOS เราก็สามารถกดเปิดขึ้นมาได้เลย มันก็จะทำงานต่อกันเลย หรือจะเป็นเรื่องของการ Sync พวก History ด้วย Apple ID หมดเลย ทำให้เวลาเราเข้าเว็บบนอุปกรณ์ไหนที่ทำงานอยู่บน Apple ID เดียวกัน มันก็จะวิ่งหากันได้หมดเลย แล้วบน iPhone และ iPad เราก็ใช้ Safari เป็นหลัก
แต่เรื่องที่ทำให้มันเกิดบทความนี้ขึ้น เพราะเราไม่ค่อยชอบหน้าตาของ DevTool เท่าไหร่ ส่วนนึงเพราะเราอาจจะไม่ชิน เมื่อก่อนเราก็ใช้ Google Chrome มาตลอด ถ้าเอาเรื่องของ Feature ที่เห็นได้ชัด ๆ ว่า Safari ไม่มี แต่ Google Chrome มีคือ พวกการแสดงผลบนพวก Target Device ต่าง ๆ เช่น ถ้ามันแสดงผลบน iPhone มันจะออกมาหน้าตายังไง ซึ่งพวกนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาเว็บในสมัยนี้เลยก็ว่าได้
นอกจากนั้น Safari เราบอกเลยว่า รันอยู่บน WebKit เหมือนกัน แต่มันกำลังเป็น The Next IE ในไม่ช้า เพราะพวก Feature หลาย ๆ อย่างที่ผู้ใช้ทั่ว ๆ ไปอาจจะไม่เห็น แต่ Feature บางตัวที่ใช้ในการพัฒนาเว็บ Safari ไม่ Support ซะงั้น ทำให้เราจะต้องเขียน Fallback บางอย่างดักเอาไว้ เผื่อผู้ใช้เราใช้งานผ่าน Safari แต่ถามว่า มันมีปัญหาอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ ก็ตอบได้เลยว่า ถ้าเป็นหน้าเว็บธรรมดานิ่ง ๆ ดูปกติทั่ว ๆ ไป มันก็ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ อาจจะเจออาการ Content เกยขอบบ้างอะไรบ้าง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ใช้งานไม่ได้เลย มันก็ใช้งานได้แหละ
พูดถึง Google Chrome เราว่าหลาย ๆ คนน่าจะต้องรู้จักอยู่แล้ว เพราะในโลกนี้ มันเป็น Web Browser ที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ไม่รู้ว่ามากที่สุดมั้ย แต่คนส่วนใหญ่ก็อยู่บน Google Chrome กันหมด อาจจะเพราะตอนที่ Google ออก Google Chrome ออกมาตอนนั้น Internet Explore (ขอย่อว่า IE นะ) มันล่อแล่แล้วละ ช่วงนั้นน่าประมาณ Windows XP กำลังได้รับความนิยมเลยละมั้ง แล้ว IE ที่ Microsoft ยัดมากับ Windows มันก็แหม่ ห่วยแตกเหลือเกิน ทั้งในเรื่องของ Performance ที่ช้า และกิน Resource เยอะ มีอาการค้างบ่อย ๆ ถ้าใครจำได้คือมันหนักจริงอะไรจริง และ พวก Feature ใหม่ ๆ ของการพัฒนาเว็บมันก็ไม่ค่อย Support ด้วย จน Google ออก Google Chrome ออกมา ตอนนั้นคือ คนก็เริ่มขยับไปใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้มันก็ยังอยู่
สิ่งที่มันดีคือ พอคนมันใช้เยอะ ทำให้นักพัฒนาเว็บส่วนใหญ่ก็ใช้ Google Chrome เป็นตัวทดสอบซะเยอะ ทำให้เว็บส่วนใหญ่เขียนออกมารองรับ และทดสอบผ่าน Google Chrome ซะเยอะ ทำให้คนที่ใช้ Google Chrome จะเจออะไรแปลก ๆ ยากกว่า Web Browser อื่น ๆ เยอะมากอยู่เหมือนกัน นอกจากนั้น พวก Feature ต่าง ๆ ของการพัฒนาเว็บ Google เองก็เพิ่มเข้าไปได้อย่างรวดเร็วอยู่เหมือนกัน ทำให้มันเป็นมิตรกับนักพัฒนามาก ๆ เลยทีเดียว
อีกเรื่องดีของมันคือ มัน Sync กับ Google Service ทั้งหลาย ทำให้มันค่อนข้างเป็นมิตรกับคนในหลาย ๆ กลุ่มสุด ๆ เช่น คนที่ใช้ Android ก็จะได้รับประโยชน์มาก ๆ เพราะพวก Browsing History มันก็จะถูก Sync ผ่าน Google Account ทำให้เราเข้าเว็บบนเครื่องไหน เราก็สามารถเปิดประวัติการเข้าแล้วเข้าซ้ำได้เลย หรือกระทั่งการเชื่อมเข้ากับ Product ที่ทำให้ Google เป็น Google คือ Search Engine ถ้าเราค้นหาอะไร มันก็จะ Sync กันอยู่ในนั้นเลย ทุกอย่างวางบนที่เดียวกันหมด ทำให้เวลาเราจะหาอะไรมันก็หาง่าย เลยทำให้หลาย ๆ คนชอบ
แต่ข้อเสียที่สำคัญมาก ๆ ที่ทำให้หลาย ๆ คนก็แขยง Chrome มาก ๆ คือ เรื่องของการกินทรัพยากร ที่โหดมาก ๆ โดยเฉพาะ RAM คือถ้าเครื่องสเปกน้อย ๆ คือข้าม Chrome ไปเลย มันกินดุจริงอะไรจริง ส่วนนึง เราว่ามันเกิดจากพวก Feature ความปลอดภัยเช่น Sandboxing ด้วยทำให้มันกินดุได้ขนาดนั้น และ Feature อื่น ๆ อย่างพวก Extension ที่เยอะมาก ๆ อีก คือมันมีหลายปัจจัยมาก ๆ ที่ทำให้มันกิน RAM มหาศาลได้ขนาดนั้น กินจุกินจิบมาก ๆ
และอีกตัวที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในช่วงนี้คือ Microsoft Edge ที่ Microsoft ออกมาแก้เกมที่ IE มันแย่มาก ๆ ด้วยการยกเครื่องใหม่ทั้งหมด ทิ้ง Base เก่าจาก IE ไปเลย แล้วหันมาซบ Chromium แทน (ซึ่งก็คือ Engine ที่ Google Chrome ใช้ มันเป็น Open Source ใครจะเอามา Implement เป็น Web Browser ของตัวเองได้) เลยทำให้ Basic Function ของมันจะเหมือนกัน Chrome เป๊ะ ๆ เลย ก็มันคือตัวเดียวกัน จะไม่เหมือนได้ยังไง ถ้าให้มองง่าย ๆ มันจะเหมือนกับ เอา Google Chrome แก้ผ้า แล้วเปลี่ยนเสื้อข้างนอก
การที่ Base มันเป็นตัวเดียวกันแล้ว ทำให้พวก Extension มันย้ายตามมาได้หมดเลย หรือถ้าใครที่ใช้ Google Chrome แล้วจะย้ายมา Edge เราบอกเลยว่า มันเป็นการย้ายที่ Seamless มากที่สุดแล้ว มันมาได้หมด 100% ของที่มีใน Browser เลย ถือว่าดีสุด ๆ ไปเลย
ตอนที่เราไปถามเพื่อนหลาย ๆ คนที่ทำงานพวก Web Development เราก็นึกว่าจะใช้ Google Chrome กัน แต่ที่ไหนได้ดันกลายเป็น Microsoft Edge ซะงั้น ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไม แต่สิ่งที่เราไม่รู้ว่าจะเรียกข้อดี หรือข้อเสียดี ขึ้นกับการใช้งานของเราคือการที่มัน Sync กับ Microsoft Account คนที่ใช้ Microsoft Account ในการ Sync ทุกอย่างอยู่แล้วอาจจะชอบเลยแหละ แต่เราเอง เราไม่ได้ใช้ เราใช้ Apple ID กับ Google Account เป็นหลัก เลยทำให้เราไม่อินเท่าไหร่
ในเรื่องของ Performance เอง ถึงจะใช้ Base เดียวกันกับ Google Chrome ก็ไม่ได้ทำให้ มันกิน RAM มากเท่า Google Chrome น่าจะเป็นเพราะเรื่องการทำ Optimisation ที่ดีกว่า กับพอ Benchmark ออกมาจากหลาย ๆ เจ้าก็พบว่า Microsoft Edge ได้ Performance ดีกว่า Google Chrome อยู่พอตัว เผลอ ๆ จะแย่สุดในวงของ Microsoft Edge, Google Chrome และ Firefox ซะอีก
โดยรวมแล้ว มันเป็น Chrome ในเวอร์ชั่นที่ดีกว่ามาก ๆ ทั้งในเรื่องของ Performance และการใช้งาน ทำให้เราว่า ถ้าใครที่กำลังมองหา Edge น่าจะเป็นตัวที่น่าสนใจพอตัวเลยละ แต่สำหรับเรา มันอาจจะไม่ใช่เลย เพราะการ Sync แค่นั้นเลย
กลับมาที่คำถามเริ่มต้นเลยว่า เราจะไปใช้ Web Browser ตัวไหนละ จะอยู่ที่ Safari เหมือนเดิม หรือจะเปลี่ยน คำตอบของเราหลังจากการลองไปใช้ Web Browser หลาย ๆ ตัวมา เราก็ยังเลือกที่จะใช้ Google Chrome เหมือนเดิม ถึงมันจะกิน RAM เยอะ แต่เครื่องเราไม่มีปัญหาเรื่องนี้เลย และ Performance มันก็ไม่ได้แย่ขนาดที่ทำให้เราใช้งานไม่ได้เลย นอกจากนั้น Base ของมันก็ยังเป็น Chromium ทำให้ Feature หลาย ๆ อย่าง และ คนก็ทำเว็บมา Support ค่อนข้างเยอะมาก ๆ ลดโอกาสที่จะเจอความหัวร้อนจาก Interface ของเว็บแปลก ๆ ที่แตกกระจาย เพราะ CCS Styling ที่ไม่ลงตัว แค่ถามว่า Edge ดีมั้ยก็ดี แต่แค่ไม่เข้ากับเรามากกว่าแค่นั้นเอง
อาจจะเกิดคำถามว่า Firefox ก็เป็นที่นิยมอยู่เหมือนกันนะ ทำไมเราไม่เอามาเป็นหนึ่งในตัวเลือกของเราเลย นั่นเป็นเพราะ Firefox เขาทำ Engine ของตัวเองที่ชื่อว่า Quantum ซึ่งเราไม่แน่ใจว่า มันจะมีปัญหาเรื่องของ Compatibility หรือไม่เมื่อเทียบกับ Google Chrome และ Microsoft Edge ที่ใช้ Chromium เหมือนกัน เราไม่ได้บอกว่า อย่าใช้นะ แต่เราอย่างจะมั่นใจว่า สิ่งที่เราเห็นมันเป็นสิ่งเดียวกับที่คนจำนวนมากเห็น
มองในมุมของ Web Developer เราก็อยากจะเขียนเว็บ เพื่อ Serve คนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้น Market Share และความนิยมของ Web Browser จึงเป็นอีกเรื่องที่เอามาคิดด้วยเหมือนกัน จากสถิติของหลาย ๆ เจ้าในปี 2021 Firefox มี Market Share อยู่ที่ 3% กว่า ๆ เท่านั้นเมื่อเทียบกับ Google Chrome ที่กินไป 66% กว่าทำให้ ยังไงถ้าเราพูดถึงความนิยม Google Chrome ตอบโจทย์กว่าแน่นอน ทำให้เราตัด Firefox ออกจากกองมรดกทันที โดยไม่ต้องคิดเลย
หลังจากเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน Apple ออก Mac รัว ๆ ตั้งแต่ Mac Mini, iMac และ Macbook Pro ที่ใช้ M4 กันไปแล้ว มีหลายคนถามเราเข้ามาว่า เราควรจะเลือก M4 ตัวไหนดีถึงจะเหมาะกับเรา...
จากตอนก่อน เราเล่าเรื่องการ Host Website จากบ้านของเราอย่างปลอดภัยด้วย Cloudflare Tunnel ไปแล้ว แต่ Product ด้าน Zero-Trust ของนางยังไม่หมด วันนี้เราจะมาเล่าอีกหนึ่งขาที่จะช่วยปกป้อง Infrastructure และ Application ต่าง ๆ ของเราด้วย Cloudflare Access กัน...
ทุกคนเคยได้ยินคำว่า Mainframe Computer กันมั้ย เคยสงสัยกันมั้ยว่า มันต่างจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งานกันทั่ว ๆ ไปอย่างไรละ และ Mainframe ยังจำเป็นอยู่มั้ย มันได้ตายจากโลกนี้ไปหรือยัง วันนี้เรามาหาคำตอบไปด้วยกันเลย...
เคยมั้ยเวลา Deploy โปรแกรมสักตัว เราจะต้องมานั่ง Provision Infrastructure ไหนจะ VM และ Settings อื่น ๆ อีกมากมาย มันจะดีกว่ามั้ยถ้าเรามีเครื่องมือบางอย่างที่จะ Automate งานที่น่าเบื่อเหล่านี้ออกไป และลดความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Infrastructure as Code กัน...