By Arnon Puitrakul - 23 ตุลาคม 2015
มาถึงตอนนี้แล้ว หลาย ๆ คนน่าเคยได้ยินเรื่องของ Node.js กันมาบ้างแล้ว วันนี้เราจะมาดูกันว่า มันคืออะไร แล้วมันเอาไปใช้งานกับอะไรบ้าง
นิยามของมันจริง ๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ เอาเป็นว่า มันคือการเอาภาษาที่เป็น Client Side Script ยอดนิยมอย่าง Javascript เอามาเขียนเพื่อรันเป็นภาษาฝั่ง Server แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อเราโหลดตัว Node.js มาลง มันจะ Install ตัว Environment สำหรับการทำงานมาให้หมดเลย และสามารถติดตั้งอะไรได้เพิ่มเติมได้เยอะมาก ๆ เลยจนเราเรียกมันว่า มันเป็นอีกหนึ่ง Platform ไปซะแล้ว และตัว Node.js ก็ขึ้นชื่อมากในเรื่องของความเร็วในการประมวลผล เพราะว่า Node.js ใช้ V8 ซึ่งเป็น Javascript Compiler จาก Google ที่มันเร็วมาก ๆ
โดยสรุปคือ การเขียนโปรแกรมด้วย Javascript ที่ฝั่ง Server แทนที่มันควรจะเป็นฝั่ง Client โดยมันทำได้ทุกอย่างจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการประมวลผลต่าง ๆ มากมายกายกองเยอะมากจริง ๆ
ถ้าใครหลาย ๆ คนที่เคยใช้ Node.js แล้วบอกว่ามันเร็วมากเลย เหมือนกับมันรันเหมือนกับมันทำหลาย ๆ คำสั่งไปพร้อม ๆ กันเลย แต่จริง ๆ แล้ว ไม่เลย มันก็เป็น Single Thread ตามปกติเลย มันหลอกตาเรา ด้วยการประมวลผลแบบเรียงคิวกัยซึ่งแน่นอนว่า มันเร็วมาก ๆ ทำให้มันหลอกตาเราว่า มันเร็วมากนั่นเอง (เอาจริง ๆ มันก็เร็วจริง ๆ นะไม่ได้ล้อเล่น)
เยอะมาก ๆ เลย แต่ส่วนใหญ่ เราจะเอามันไปใช้กับงานที่เป็นเบื้องหลังซะเป็นส่วนใหญ่เช่น ทำหน้าที่เป็น HTTP Server เพื่อเอาหน้าเว็บส่งไปให้ User หรือจะเป็นการทำเว็บแบบ Live เช่นพวก Chat อะไรแบบนี้ก็ได้เหมือนกัน
อันด้วยเพราะว่า Node.js นั้นทำงานเป็นแบบ Event-Driven จากเมื่อก่อนตอนที่เราเขียนพวก Java, PHP, หรือ C เวลาโค๊ตมันทำงาน มันก็จะทำงานไปทีล่ะบรรทัด แล้วเอาผลของมันไปทำงานในบรรทัดต่อไป แต่กลับตัว Node.js นั่นไม่ใช่เลย เพราะว่ามันถูกให้ทำงานตาม Event ที่เกิดขึ้น ดังนั้นเราก็ต้องพยายามมองว่าโปรแกรมของเรามันอยู่ตรง State ไหน แล้วดังจับผลลัพธ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีเพื่อนำไปทำงานต่อไป
การออกแบบโปรแกรมใน Node.js ก็เหมือนเราออกแบบ Digital Circuit เลย เราจะต้องคำนึงว่า โปรแกรมของเราตอนนี้จะอยู่ใน State ไหน ตราบใดที่ไม่มีอะไรไปกระตุ้นมันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งเราป้อนข้อมูลเข้าไปโปรแกรมก็จะทำงาน เป็น State ไปเรื่อย ในที่นี้คือ Event เช่น เรามี 4 Event อยู่ในโปรแกรมเรา แล้วเราไปกระตุ้น Event ที่ 2 ทำให้มันทำงานและส่งผลลัพธ์ไปที่ Event ที่ 2 ก็ได้ อย่างที่บอกไปว่า โค๊ตบรรทัดแรก ไม่ใช่โค๊ตที่จะรันก่อนเสมอ เวลาเราออกแบบให้เรานึกถึง State Diagram ให้ดี จะทำให้การออกแบบโปรแกรมโดยใช้ Node.js เป็นไปได้ง่ายขึ้นเยอะเลย
โดยสรุปแล้ว การมาเริ่มหัดใช้ Node.js ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีมาก เพราะว่า หลายเว็บหรือหลาย ๆ งานส่วนใหญ่ตอนนี้เริ่ม ไม่สิ ได้เอาตัว Node.js มาใช้กันหมด แล้วเพราะว่ามัน เร็ว และง่ายมาก ตัวมันถือว่าเป็น Platform ตัวนึงเลยก็ว่าได้ เพราะว่ามี Package อะไรให้เราเล่นเยอะไปหมดเลย และมันก็ฟรีด้วย ทำให้เราไม่จำเป็นต้องมานั่งโค๊ตอะไรเยอะแยะอีกแล้ว โดย Package เราก็สามารถติดตั้งได้ง่าย ๆ ผ่านทาง NPM ที่ในโอกาสหน้า เราจะมาพูดถึงกัน เพราะว่าวันนี้เขียนเยอะแล้ว กลัวยาวไปไม่อ่าน สำหรับวันนี้ก็สวัสดีครับ !
พรุ่งนี้จะแข่ง IEEEXtreme แล้วตื่นเต้นจุง เดี๋ยวจะกลับมาเขียนเล่าให้อ่านว่ามันเป็นยังไง !
หลังจากเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน Apple ออก Mac รัว ๆ ตั้งแต่ Mac Mini, iMac และ Macbook Pro ที่ใช้ M4 กันไปแล้ว มีหลายคนถามเราเข้ามาว่า เราควรจะเลือก M4 ตัวไหนดีถึงจะเหมาะกับเรา...
จากตอนก่อน เราเล่าเรื่องการ Host Website จากบ้านของเราอย่างปลอดภัยด้วย Cloudflare Tunnel ไปแล้ว แต่ Product ด้าน Zero-Trust ของนางยังไม่หมด วันนี้เราจะมาเล่าอีกหนึ่งขาที่จะช่วยปกป้อง Infrastructure และ Application ต่าง ๆ ของเราด้วย Cloudflare Access กัน...
ทุกคนเคยได้ยินคำว่า Mainframe Computer กันมั้ย เคยสงสัยกันมั้ยว่า มันต่างจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งานกันทั่ว ๆ ไปอย่างไรละ และ Mainframe ยังจำเป็นอยู่มั้ย มันได้ตายจากโลกนี้ไปหรือยัง วันนี้เรามาหาคำตอบไปด้วยกันเลย...
เคยมั้ยเวลา Deploy โปรแกรมสักตัว เราจะต้องมานั่ง Provision Infrastructure ไหนจะ VM และ Settings อื่น ๆ อีกมากมาย มันจะดีกว่ามั้ยถ้าเรามีเครื่องมือบางอย่างที่จะ Automate งานที่น่าเบื่อเหล่านี้ออกไป และลดความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Infrastructure as Code กัน...