Review

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

By Arnon Puitrakul - 30 มิถุนายน 2023

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

รถ BEV อีกคันนึง ที่เราจะมารีวิวในเว็บของเราวันนี้ คือ รถที่เรียกว่า ได้เสียงได้แสง หนักมาก ๆ เป็นรถในฝันที่หลาย ๆ คนอยากได้กันเลยทีเดียว คือ Tesla Model 3 Long Range วันนี้เราจะมารีวิวกันอย่างละเอียด กันในบทความนี้กันเลย

ปล. อย่าดราม่ากันนะ เรารีวิวของ เราเชื่อว่า ของทุกอย่าง มันมี Design Purpose ของมัน ถ้ามันออกแบบมาแล้วตอบโจทย์ที่ต้องการ เราว่ามันก็จบเป็นของที่ดี ยิ่งตอบโจทย์ได้ดีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี แต่ถ้ามันออกแบบมาแล้วตอบโจทย์ไม่ได้สักอย่าง มันคือ Design ที่ห่วยแตก มีอาจารย์เราเคยบอกว่า "Design for everyone is a design for no one" และ Tesla Model 3 Long Range คือตัวอย่างที่ดีมาก ๆ ว่า มึงทำอะไรมาวะเนี่ย !!!!

การสั่งซื้อ

ต้องบอกเลยว่า วิธีการสั่งซื้อ รถ Tesla เป็นเรื่องประหลาดมาก ๆ สำหรับเรา หรือ คนไทยทั่ว ๆ ไปเลย ปกติ เวลาเราจะซื้อรถสักคันนึง เราจะเดินไปศูนย์ แล้วคุยกับ Sale อะ ดีลราคาเรียบร้อย ก็คุยพวกเรื่อง การกู้ ไฟแนนซ์ ต่าง ๆ (ถ้าจะกู้ซื้อผ่อนเอาอะนะ) เวลาต้องการเอกสาร หรือดีลอะไร Sale ของเราก็จะทำหน้าที่จัดการให้ จนถึงวันรับรถ ก็แล้วแต่ Brand ละว่า จะดูแลลูกค้าอะไรยังไง บางศูนย์ ถ้าเอาเสลียงมาอุ้มได้ เขาทำแล้วจริง ๆ

แต่ Tesla บอก มั่ย ! ทำแบบนั้น มันไร้ประสิทธิภาพ จุดเริ่มต้นคือ เราจะต้องเข้าไปทำการเลือก Spec ต่าง ๆ บนเว็บของ Tesla เอง สำหรับตัว Model 3 ก็จะให้เราเลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อยคือ RWD, Long Range และ Performance พวกเรื่องความต่างอะไร ไปหาดูเอาได้ในรีวิวเจ้าอื่นเลยเด้อ

โดยสีที่มากับตัวรถ มันจะเป็นสีดำ ถ้าบอกว่า อยากได้สีอื่น เราก็ต้องเพิ่มเงินเข้าไปอีก 50,000 บาท และ 80,000 บาทสำหรับสีแดง ก็คือ อะ โอเคนะ เพราะรถหลายเจ้าก็มีเพิ่มราคา ถ้าเราเลือกบางสีพิเศษ แต่สำหรับรถราคาเริ่มต้นประมาณ 1.8M เราว่า ราคาเพิ่มสีขนาดนี้โหดไปหน่อยนะ เอาจริง ๆ ถ้าจะเพิ่มขนาดนั้น 50,000 บาท เอาเงินบวกนิดหน่อยไปลง PPF สีที่เราต้องการน่าจะดีกว่า ได้เรื่อง Protection ด้วย​ (บางคนบอกว่า ถ้าเอาสีดำ จะได้รถเร็วกว่าด้วยนะ ไม่รู้นะอันนี้ ได้ยินเขามาอีกทีนึงเหมือนกัน) แต่ถ้าบางคน แอบกลัวเรื่อง PPF การจ่าย 50-80k บาท เพื่อให้ได้สีที่ต้องการมาเลย มันก็จบกว่าจริงแหละ

หลังจากที่กดไปแล้ว เราก็จะต้องจ่ายเงินค่าจอง 4,000 บาทวันนั้นเลย ก็จะจ่ายผ่านบัตรอะไรก็ว่ากันไป แล้วก็เงียบไปเลย แบบ หลายเดือนเลยแหละ สำหรับเรา มองว่า เห้ย มันแอบประหลาดมาก ๆ เลยนะ คือ เราจ่ายเงินจองไปแล้วอะ แต่เราคือ ไม่รู้อะไรเพิ่มเลยสักอย่างเดียว ใครจะเป็นคนดูแลเรา ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้น เราจะถามใคร คือ ไม่มีเลยเจ้าค่ะ ไม่ให้ Contact อะไรเลย จนไปหามาเอง เมล์ไปไม่ตอบอี๊กกกก อยากขายจริงปะเนี่ย !

เวลาผ่านไป นานมาก ๆ เอาจริงนะ เริ่มคิดแล้วว่า หรือว่าจ่ายเงินให้พวก Scam วะ แต่เมล์ยืนยันมันก็มาจาก tesla.com นะ แต่ทำไมมันเงียบนานขนาดนี้ ก็คิดนะว่า เออ ตอนนั้นคิวอาจจะยาว แล้วก็ต้องรอหน่อยแหละ

วันดีคืนดี แมร่งก็ SMS มาบอกว่า เออ ให้เรากรอกข้อมูลต่อได้แล้วนะ แล้วก็บอกวิธีการเป็นข้อ ๆ มาให้ แล้วก็เอ่อออ มี Deadline ให้ด้วย โดยบอกว่า เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า ก็คือ ถ้าแกไม่กรอกตามเวลาที่กำหนด แกจะได้รถช้านะอะไรแบบนั้น ซึ่งอะ โอเค มันก็จะให้เรากรอกพวกข้อมูลการจดทะเบียนรถ กับ การจ่ายเงินว่า เราจะจ่ายสด หรือ จะจัดไฟแนนซ์ อะไรก็ว่าไป อะ แล้วมันก็เงียบไปอีก

ความเงียบนี้พีคมาก เพราะ แม่เราเลือกเป็นให้จัดไฟแนนซ์ แล้วมันผ่านไปเป็นเดือนแล้ว ปรากฏว่า ธนาคารอะไรยังไม่ติดต่ออะไรมาทั้งสิ้น ก็เลยขอเปลี่ยนเป็นจ่ายสดไปนั่นนี่ ยุ่งยากไปหมด

จนไปถึงบอกว่าให้เราไป Schedule Delivery Date พอเข้าไปเพื่อจะเลือก ก็คือ แมร่ง เหลือ Slot ให้น้อยมาก เอาว่า ถ้าเราเป็นคนนั่งทำงานที่ทำงาน เราจะต้องลางานไปเพื่อเอารถ เราว่า มันก็ไม่ใช่เรื่องเท่าไหร่เหมือนกันนะ

วันรับรถ อะ เราว่า ขั้นตอนอะไรมันก็ไม่ยากเท่าไหร่นะ คือ มีเจ้าหน้าที่รออยู่ที่ออฟฟิศ แล้วก็เซ็นต์ชื่อเอาเอกสาร แล้วก็ลงไปที่ลานจอดรถ ไม่ต้องมีดอกไม้ โบว์รถถ่ายรูปอะไร เออดี แล้วก็เช็ครถนั่นนี่ โชคดีที่ไม่มีปัญหาอะไรนะ เราเห็นเพื่อน ๆ ใน Youtube บางคนคือ เจอว่ารถมี Defect ต้องรับไปก่อน แล้วเอากลับมาซ่อมทีหลัง เศร้าเลยนะ จากนั้น เขาก็จะเริ่มสอนการใช้รถนั่นนี่ ที่ Amazing คือ เขาใช้ RF Transmitter Boardcast ไปในช่องที่เตรียมไว้ รถก็จะ Tune ช่องนั้นไว้เลย พอเราขึ้นรถ เขาเริ่มสอน ก็จะไม่ต้องกดอะไร เสียงก็ออกเลย เจ๋ง ๆ

Overall ประสบการณ์ซื้อรถเราว่า สำหรับคนไทยทั่ว ๆ ไป และ เราเอง ถือว่า แย่มากนะ ฟิล ๆ แบบ เหมือนเราไปขอรถเขาฟรี ๆ อะ แบบไม่อยากขายให้ โดยเฉพาะช่วงที่เราจ่ายเงินค่าจองไปแล้ว แล้วเรารอถึงเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วก็จะต้องทำอะไรยังไงไม่รู้เลย ได้รับขั้นตอนเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น แล้วเมื่อมันมา มันก็เสือกรีบอีก คือเหมือนเราจะต้องนั่งเฝ้ามันอะ ซึ่งเราว่า เป็นประสบการณ์ที่แย่มาก ๆ โอเคแหละ ถ้าใครที่มองว่า ซื้อรถ มันก็รอบเดียวแหละ หลังจากนั้น ก็ไม่มีแล้ว ก็แล้วแต่ละกัน แต่เราว่า การที่เราเสียเงิน 2 ล้าน มันก็อยากได้ประสบการณ์ดี ๆ ความทรงจำดี ๆ สักหน่อยเนอะ

การออกแบบภายนอก

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

เหมือนเดิม ขอเริ่มจากการออกแบบภายนอกก่อน ตัว Model 3 หลัก ๆ มันออกแบบมาให้เป็นรถซีดาน ทำให้มันก็จะแนว ๆ เตี้ย ๆ เน้นลู่ลมหน่อยอะเนอะ โดยด้านหน้าของตัวรถ เราว่า Tesla น่าจะเป็นเจ้าที่บุกเบิกด้านการลบพวกช่องลมขนาดใหญ่ ๆ ออกไปจาก Design รถ เพราะเป็น Brand แรก ๆ ที่ทำรถไฟฟ้า

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

แต่เหลือแค่ช่องลมเล็ก ๆ อยู่ด้านล่างเท่านั้น ถ้าเรามองเข้าไป เราก็จะเห็นหม้อน้ำ 2 ตัว เข้าใจว่า น่าจะเอามาระบายความร้อนให้ แอร์, แบต และ มอเตอร์

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

ไฟหน้าของ Model 3 เราว่า เขาออกแบบมาให้คม ๆ หน่อย หน้าแบบคมไปเลย ใช้ระบบ LED เต็มตัวเลยนะ โดยโคมด้านบน จะเป็นพวก Daytime Running Light, ไฟหน้า และ ไฟสูงเวลากลางคืน เวลาเปิด มันยิ่งเพิ่มความเฉียวให้ตัวรถใช้ได้เลยละ

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

ด้านล่างก็จะเป็นพวกชุดไฟเลี้ยว เรื่องนี้ เรา Comment ไปกับรถหลาย ๆ คัน คือ การที่เอาไฟเลี้ยวไว้ที่ด้านล่างของรถ แทนที่จะเป็นโคมหลัก มันมีโอกาสที่รถคันหน้า มองผ่านจากกระจกหลัง บางที เขาอาจจะไม่เห็นว่าเราจะเลี้ยวมันก็ทำให้น่ากลัวได้อยู่เหมือนกัน แต่ ด้านหน้ามันเรื่องเล็กแหละ ต่างจาก ORA Good Cat ที่ทำแบบนี้ด้านหลัง

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

อีกจุดที่ยินดีกับน้องเราด้วยคือ คุณยังได้ Sensor สำหรับช่วยถอยอะไรอยู่นะ เพราะเห็นว่าในต่างประเทศ Tesla เริ่มจะเอาออกแล้วไปใช้การกะระยะด้วยกล้อง หรือที่เรียกว่า Tesla Vision แล้ว แต่เอาเข้าจริง การใช้ AI Model + กล้อง ในการกะระยะเทียบกับ Sensor กะระยะ ยังไง Sensor ก็ต้องดีกว่าแหละ อันนี้ เราไม่สนับสนุนให้เอาออกเลยจริง ๆ

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

มองขึ้นมา เราจะเจอกับกระจกหน้า และ หลังคากระจก อันนี้เขาจะเป็นกระจกแยกชิ้นกันนะ ต่างจากพวก Model X ที่จะใช้กระจกแบบแผ่นอลังการมาก ๆ เกิดอะไรขึ้นมา ต้องเปลี่ยน กระจกชิ้นเล็กกว่า ราคามันก็ถูกลงด้วยเช่นกัน

พอมันเป็นหลังคากระจก คนถามว่า มันไม่ร้อนเหรอ ก็ต้องบอกเลยนะว่า ร้อน ฮ่า ๆ อยากสวยก็ต้องอดทนค่ะ คือ เราได้ขับตอนออกรถมาแบบไม่มีฟิล์มเลย ก็ถือว่าร้อน แต่มันไม่เท่ากับกระจกเพียว ๆ นะ Tesla บอกว่า ตรงหลังคาเขามีการเคลือบพวกสารกัน UV กับลดความร้อนมาแล้ว แล้วอันนี้ติดฟิล์มของ SolarGuard ที่คิดว่ามันช่วยได้เยอะแล้วนะ ถามว่า ขับ ๆ ไป มีร้อนหัวมั้ย ก็บอกเลยว่า อุ่น ๆ เลยแหละ ยิ่งถ้าขับหลาย ๆ ชั่วโมงออกต่างจังหวัด เรียกว่า หัวร้อนจากไอ้พวกรถแช่ขวาไม่พอ ยังร้อนจากแดดอี๊ก ประกอบกับ ในรถ เขาไม่ได้มีม่าน เหมือนกับการบังคับเรารับแสงตลอดเวลานั่นเอง ก็บางคนอาจจะไปซื้อม่านมาติดอะไรก็ได้นะ เข้าใจนะว่า มันสวย และ เหมาะกับประเทศที่เย็น ๆ กว่าอย่าง USA แต่พอเอามาขายใน Thailand ที่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมากกว่า คือ ตุยเย่

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

ที่ปัดน้ำฝน มันไม่ได้พิเศษอะไรเลย คือดีนะ เพราะถ้าเกิดเราใช้งานไปแล้ว ยางมันเสื่อม เราสามารถหาเปลี่ยนได้ง่ายมาก ๆ Adapter ตัวเดียวกับที่ใช้บน ORA Good Cat เลย แต่แน่นอนว่า ความยาวไม่เท่ากัน น่าจะหาไม่ยากเท่าไหร่นะ

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

ด้านหน้าเปิดขึ้นมาเป็น Frunk สำหรับเก็บของ ความลึกไม่ได้ลึกมากเท่าไหร่ ใช้ของจุ๊ก ๆ จิ๊ก ๆ ได้อยู่ ดีกว่าไม่มี และ เอาจริง ๆ เลย Tesla นี่แหละ เป็น Brand ที่ Set Standard ให้กับเราเลยนะว่า รถ EV มันควรมีช่องเก็บของด้านหน้าแบบนี้

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

แน่นอนว่า ก็จะมาพร้อมกับประแจ ที่เราก็ยังไม่รู้ว่า มันเอาไปทำอะไร ฮ่า ๆ

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

ด้านบน เขาก็จะมีช่องสำหรับเติมน้ำทำความสะอาดกระจก บ้านเราง่ายหน่อย ไม่ได้หนาว ทำให้เราไม่ต้องมานั่งเปลี่ยนน้ำออก ใช้น้ำเดิมทั้งปีได้เลย

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

จุดที่ต้องระวังมาก ๆ คือ คนคุ้นเคยกับการปิดฝาหน้าแบบ ยกสูงนิดนึง แล้วทิ้งลงไปเลย แต่พอมาเป็น Frunk เก็บของ Tesla ทำมาเป็นโช้คนะ ดังนั้นคือ เราต้องค่อย ๆ ปิด แล้วกดลงไปอีกทีนึง

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

กดลงไปมันจะมีปุ่มยางที่ทำหน้าที่หดเวลาเราออกแรงกด ดังนั้น อย่า ทำเหมือนรถทั่ว ๆ ไปนะ หรือ ๆๆๆ พอมันเป็นโช้ค มันก็มีร้านที่รับทำเป็นประตูไฟฟ้าเลยก็มี ก็ลองไปหาดูกันได้

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

มาที่ด้านข้างกันบ้าง เป็นมุมที่ทำให้เห็นจุดใหญ่ ๆ ที่เราไม่ชอบมาก ๆ คือแนว Slope ของตัวรถ เราจะเห็นว่า รถมันจะแบ่ง Slope ด้านหน้าด้วยมุมที่แคบมาก ๆ ทำให้ทัศนวิสัยการมอง เราแอบไม่ชอบเท่าไหร่ เหมือนเรามองผ่านกระจกเฉียง ๆ หน่อย แล้วด้านหลังที่ Slope ลงเร็วมาก ทำให้ Headroom น่าจะแคบหน่อย ๆ นะ ส่วนพวกเส้นสาย เส้นออกชัดมาก ๆ เน้นความเป็น Sport มาก ๆ เราว่า ก็ออกแบบมาตามพิมพ์นิยมเมื่อสัก 4-5 ปีก่อน ไม่ได้แปลกอะไรเท่าไหร่

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

โดยตัวล้อที่ได้มา เราจะเลือกเปลี่ยนไม่ได้นะ ตัว Long Range จะได้เป็นล้อขนาด 19 นิ้ว แบบ Sport จาก Tesla เลย ซึ่งส่วนตัวเรานะคิดว่ามันดูธรรมดาไปหน่อย แต่ถ้าเราเทียบกับรุ่นย่อยอื่น ๆ เช่น RWD เราจะได้ล้อ Aero 18 นิ้ว และ Performance ได้ Uberturbine ขนาด 20 นิ้ว มันจะได้ออกมาเป็นล้อดำ ถ้ารถเรามาสีเทา หรือ สีเข้ม ๆ หน่อย เราว่า การได้ล้อสีขาว มันก็ทำให้เวลาถ่ายรูปออกมา ล้อมันไม่จมหายไปเลย แล้วล้อนี้คือ เราแอบชอบตรงที่เขาเลือกที่จะ ขาว อย่างเดียว ไม่ต้องเอาเงิน ๆ เงา ๆ อะไรมาตัดให้มันฟิลรถบรรทุกซิ่ง

ประกอบกับ ขนาดยาง เราว่า เป็นขนาดที่กำลังดีมาในขนาด 235/40R19 แค่ว่าโอเค อาจจะดูบางไปหน่อย เรากังวลว่าถ้ามันเบียดขอบถนนอะไรแบบนั้นมันน่าจะเสียวพอสมควรเลยทีเดียว แต่ขนาด 19 นิ้วกำลังดี ในแง่ของการขับขี่ และ ค่าเปลี่ยนในอนาคต มันไม่ได้ใหญ่โตระดับ 20 นิ้วเปลี่ยนที สยิ้วกิ้ว และไม่ได้เล็กแบบ 18 นิ้ว มันอยู่กลาง ๆ กำลังดี แล้วยางที่ได้เป็นของ Hankook Vennus S1 evo3 ก็ถือว่าเป็น Global Brand ที่ไม่แย่เลย

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

มองจากด้านข้าง เราอาจจะเห็นชิ้นดำ ๆ อยู่ที่ตัวถัง อาจจะเข้าใจว่ามันเป็นไฟเลี้ยว แต่ถ้าเรามามองใกล้ ๆ กันดี ๆ เราจะเห็นว่า มันเป็นกล้อง ใช่แล้ว Tesla เขาขึ้นชื่อเรื่องระบบคอมพิวเตอร์รอบคันอยู่แล้ว เลยจะต้องมีกล้องด้านข้างด้วย

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

ไม่ใช่แค่นั้น บริเวณเสาบี ก็จะมีกล้องอีกด้านละตัว เรียกว่า เป็นด้านละ 2 ตัว เป็น 4 แล้วรวมกับกล้องหน้าและหลังอีก เป็น 6 ตัวจุก ๆ ไปเลย และตรงเสาบี ก็พิเศษเหมือนกัน เพราะในนั้นเขาจะมีเครื่องอ่าน Keycard สำหรับคนที่จะใช้ Keycard ในการปลดล๊อคขึ้นลงรถ

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

มาที่อีมือจับประตูในตำนาน เราลองขับไปรับเพื่อนที่ไม่เคยใช้ Tesla มาก่อน 4 ใน 5 คนคือ ถามหมดเลยนะว่า เปิดยังไง มันดู งง กับการใช้งานมาก ๆ และบอกเลยว่าโคตรไม่ถนัดเลย ปกติ เวลาเราจะเปิดประตูรถ เราจะทำแค่ 2 ขั้นตอนคือ เอามือแหย่เข้าเบ้าที่จับประตู แล้วดึงก็ได้แล้ว แต่อันนี้คือเอานิ้วโป้งกดที่ด้านใหญ่ ๆ แล้วคันด้านเล็กมันจะออกมาให้เราดึงเพื่อเปิด มันจะเป็น 3 ชั้นตอน แล้วขั้นตอนแรกมันไม่ได้ว่า เรากดตรงไหนก็ได้ด้วย เลยทำให้เราต้องเล็งนิดนึง ถึงเราจะใช้จนชินแล้ว แต่ขั้นตอนมันก็ยังถือว่าเยอะกว่าแบบปกติเยอะ เราเป็นห่วง ในกรณีฉุกเฉิน ที่เราจะต้องรีบขึ้นรถไม่ว่าจะอะไรก็ตาม มันทำให้ยุ่งยากกว่าเดิมเยอะส่วนนึงที่ออกแบบให้มันแนบกับตัวถังเลย ก็เพราะ Aerodynamic เพราะ EV เราจริงจังกับเรื่องนี้มาก ๆ แต่ Brand อื่น เขาก็เลือกที่จะทำพวกมอเตอร์ พอเราปลดล๊อค มันก็เลื่อนออกมาอะไรแบบนั้น โอเคแหละ อนาคตมา เราก็ไม่รู้ว่ามันจะเสียเมื่อไหร่ การทำแบบนี้ใช้ยากทุกวัน แต่การันตีว่า เราจะได้ Aerodynamic ดี ๆ และไม่ต้องกลัวว่า Motor ที่พลักคันเปิดประตูจะพังเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อาจจะคุ้มกว่าในมุมมองของ Tesla

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

ไปที่ตรูดส์ ของ Model 3 Long Range กันบ้างออกแนวเรียบหน่อย ๆ เราแอบไม่ชอบทรงด้านหลังมันนิดหน่อย แอบแปลก ๆ แต่มันน่าจะออกมาให้ดู Sport แหละ

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

ไฟท้ายเอง เออมันเป็นเอกลักษณ์จริง ๆ นะ เวลาเรามองไปในถนน โดยเฉพาะกลางคืน เราเห็นไฟท้าย เออ นี่ Tesla มันชัดมาก มันต่างจากพวก Lightbar ที่แมร่งรถยุโรปเริ่ม และตอนนี้คือ เกลื่อน เพราะรถจีนแมร่งดูด Design มาทำด้วย อันนี้ยังบอกเลยว่า ถึงจะเป็น Design เก่ามาก ๆ ของ Tesla แต่มันก็ยังดูดีและมีเอกลักษณ์ ในปี 2023 อยู่

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

ตรงกลางก็จะเป็น Badge ของ Tesla มาเป็นสีเงินเงา ๆ สวยใช้ได้เลย

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

พร้อมกับ Badge Dual Motor อันนี้จะทำให้เราเห็นได้ชัดเลยว่า มันเป็นรุ่นย่อยตัวไหน ถ้าเราขับไปตามถนน มองหา Dual Motor ก่อนเลย ถ้าไม่เจอแปลว่าเป็นรุ่น RWD ปกติ แต่ถ้ามี Dual Motor เฉย ๆ คือเป็นรุ่น Long Range และถ้ามี Badge Dual Motor และมีเส้นแดงขีดเส้นใต้อยู่ด้วยนั่นคือ Performance

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

พวกการเปิดฝาท้าย เราสามารถกดได้จากปุ่มที่อยู่ด้านหลังเลย หรือจะเปิดจากในรถก็ได้ โดยเราจะเห็นว่า ข้าง ๆ ปุ่มกด ก็จะเป็นกล้องมองหลัง

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

ที่เก็บของบอกเลยว่า ลึกมาก แบบ ลึกจริง ๆ น่าจะเก็บของได้เยอะมาก ๆ เลยแหละ และ ด้านข้าง ๆ มันจะเป็นหลุมลงไปอีก คือ เราสามารถเอาอะไรไปยัดไว้ในหลุมนั่นได้อีก

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

ยังไม่หมด แผ่นด้านหลัง เราสามารถเปิดขึ้นมาเป็นหลุมสำหรับเก็บของเข้าไปได้อีก ทำให้มันเป็นรถไฟฟ้าที่ สามารถเก็บของได้เยอะมาก ๆ คันนึงเลย ถ้านับว่าเป็นซีดานนะ เรื่องนี้เราอยากให้ทุกคนโฟกัสมาก ๆ นะ เพราะเราใช้ ORA Good Cat ที่เก็บของน้อย ๆ เดินทางกันเต็มคัน แมร่งเก็บของไม่พอ อันนี้ เราเดาว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ใส่กระเป๋าเสื้อผ้าสำหรับ 4 คน นอนกัน 3 คืนได้เลยแหละ

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

แล้วประตูท้าย เขาไม่ได้มาแบบ เปิดมือนะ เขามาเป็นแบบไฟฟ้า คือ เราสามารถกดปุ่มที่ฝาท้าย หรือกดจากในรถ ขาปิด เขาจะมีปุ่มอยู่ที่ฝาท้ายให้เรากดเพื่อปิดได้ด้วย เราลองเอาตัวไปขัดตอนมันปิด มันก็หยุดนะ ดังนั้น มันไม่น่าจะหนีบแรงมากเท่าไหร่

การออกแบบภายใน

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

การออกแบบภายในของ Tesla เอง เราต้องบอกเลยว่า นางยืนหนึ่ง ในความ Simple สุด ๆ คือ ไม่มีอะไรเลย เรากล้าพูดเลยนะว่า ถ้าไม่ใช่ Tesla ทำแบบนี้ แมร่งโดนด่ายับแน่นอน คือ เขาจะเน้นให้ไม่มีอะไรทั้งนั้น เพื่อให้คนขับ Focus กับถนนแหละ น่าจะเป็นเจ้าแรก ๆ เลยมั้งที่เอาปุ่มควบคุมออกไปให้หมดแล้วไปกดทุกอย่างบนหน้าจอแทน จนหลาย ๆ ค่ายก็เริ่มตอบรับกับ Design แบบนี้เรื่อย ๆ แล้วแหละ แต่ต้องบอกเลยว่า กึ๊น ของพวกบริษัทรถยนต์ทั่ว ๆ ไปแมร่งยังไม่ถึง เพราะยังเทียบชั้นเรื่อง Software Design ได้ไม่เท่า Tesla จริง ๆ

ดูผ่าน ๆ แล้วอาจจะสงสัยว่า แอร์ไปไหน จริง ๆ คือ เขาทำมาเป็นช่องอยู่นี่แหละ แต่มันไม่มีที่ปรับนะ เราจะต้องเข้าไปปรับที่หน้าจอ และเราคิดว่า มันลำบากมาก ๆ คือมันเป็นของที่เราต้องปรับเยอะ แต่เราต้องเข้าไปในหน้าจอ แล้วหน้าจอคือ แสดงผล กับ ลมที่ออกจริง ๆ มันเข้าใจยากไปหน่อยใช้จินตนาการเยอะไป

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

เริ่มจากด้านบนกันก่อน ตรงกลางชัด ๆ เลยคือ ปุ่มไฟฉุกเฉิน อยู่ด้านบน ก็แปลก ๆ หน่อยแหละ โอเคแหละ เดี๋ยวก็ชิน เราแอบไม่ชอบอะ เพราะเวลาด่วน ๆ ฉุกเฉินจริง ๆ เช่นคันหน้าเบรกกะทันหัน แล้วเราจะเปิดไฟฉุกเฉินบอกคันหลังว่า เราเบรกกะทันหันนะ การที่ต้องเอื้อมขึ้นไปเปิด เราว่า มันช้าไปหน่อย อันตรายมาก ๆ และด้านข้างทั้งสอง จะเป็นไฟ แล้วปุ่มเปิดอยู่ไหนละ ก็คือ อยู่ในไฟเลย เรากดที่ไฟเพื่อเปิดและ ปิดได้เลย

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

ส่วนกระจกมองหลัง ก็มาเป็นแบบ ตัดแสงอัตโนมัติเลย อะดี ๆ แต่เราว่ามันเล็กไปหน่อย เหมือนเดิมแหละ เท่ดี แค่มันเล็ก

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

Console กลางกันบ้าง ก็จะมีที่วางแก้วน้ำให้ 2 แก้วไปเลย เราลองเอาแก้ว Starbuck ขนาด Venti ไปวาง ก็ยังไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่เราแอบไม่ชอบคือ มันไม่มีเขี้ยวล๊อค ถ้าเกิด เราเอาแก้วที่เล็ก ๆ หน่อยไปวาง โดยเฉพาะพวกแก้วเก็บความเย็น เวลาเราเลี้ยว ๆ มันจะกระทบไปมา กับพอมันเป็นช่อง ๆ แบบนี้ เราแนะนำให้หาพวกที่ครอบใส่เข้าไปหน่อย เพราะการจะเอาผ้าเข้าไปเช็ดทำความสะอาดแน่น ๆ เลย มันแอบเสียเวลาไปหน่อย สู้เราเอาที่ครอบออก ล้างน้ำ รอให้แห้ง แล้วเสียบกลับเร็วกว่าเยอะ

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

ช่องเก็บของที่ Console กลาง ก็เรียกว่า ลึก ใช้ได้เลยแหละ เก็บของได้เยอะมาก ๆ การเปิดปิด มันก็ดีด้วยนะ คือ มันเป็น Soft Close ด้วย น่ารักเลยแหละ

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

แล้วจุดที่ดีมาก ๆ คือ กลางคืน ถ้าเราเปิดช่องเก็บของ เขาจะมีไฟด้วยนะ ทำให้เวลาเก็บของ หยิบของมืด ๆ ทำได้ง่ายขึ้นมาก ๆ อันนี้ชอบมาก

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

กับถ้าถามว่า แล้วมันไม่มีช่อง 12V เหรอ คำตอบคือ มี แต่อยู่ในช่องของที่วางแขน ซ่อนอยู่ เราว่า เออ มันก็เป็น Design ที่แปลกดีนะ แต่เราชอบมากเลย เพราะพวกนี้ ถ้าเราจะเสียบอะไรพวกนี้ มันก็ดี ที่ซ่อนไว้ภายใน

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

เหนือขึ้นมาอีกหน่อย ก็จะเป็น Wireless Charger ชาร์จพร้อมกันได้ 2 เครื่องสำหรับ คนขับ กับผู้โดยสารแถวหน้าได้เลย แต่ขนาดของมันจะค่อนข้างใหญ่เลยแหละ อันนี้ เราใช้ iPhone 14 Pro ที่แอบเล็กไปหน่อย ทำให้เวลาเราวาง บางที มันอาจจะไม่เข้าตำแหน่งของมัน ทำให้อาจจะต้องหา ๆ หน่อย ลำบากในการใช้พอสมควรเลยแหละ การแก้ปัญหา อาจจะเปลี่ยนโทรศัพท์เป็นเครื่องที่ใหญ่ ๆ หน่อย อย่าง iPhone 14 Pro Max น่าจะแก้ปัญหาพวกนี้ได้ ฮ่า ๆ

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

มาที่ข้างคนขับ ปกติจะต้องมีช่องให้เราเปิดเพื่อใส่ของได้ แต่ Tesla ไม่ ๆๆ เราไม่ทำแบบนั้น คือ เขาไม่ให้เราเปิดเองได้ง่าย ๆ เราจะต้องเข้าไปที่หน้าจอเพื่อเปิด

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

ขนาดของ Grovebox เราว่า ก็เฉย ๆ นะ ไม่ได้ใหญ่เป็นพิเศษอะไร ส่วนใหญ่พวกนี้ เราใช้ในการใส่พวกเอกสารสำคัญของรถอยู่แล้ว เราไม่ค่อยได้ใช้งานกันเท่าไหร่หรอก แต่สำหรับ Tesla ที่ต้องให้เราเปิดทางหน้าจอ เพราะในนั้นจะมี Flash Drive สำหรับเก็บวีดีโอที่เก็บภาพรอบคันเอาไว้ ก็น่าจะเพราะกันขโมยหลักฐานแหละ เลยไม่ให้เปิด กันขโมยทุบแล้วเอา Flash Drive เก็บหลักฐานไป

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

ขึ้นมาที่หน้าจอ ที่เรียกว่า ใหญ่มาก ๆ สำหรับรถสักคันนึง การควบคุม การแสดงผลทุกอย่างอยู่ในหน้าจอนี้ทั้งหมด เท่าที่ลองใช้มา เราต้องบอกเลยว่า มันเป็นหน้าจอที่ดีมาก ๆ มันสู้แสง มันเจอแดดแล้วมันก็ยังมองเห็นอยู่ดีเลย พวกการตอบสนองกับนิ้วเราก็ถือว่า ดีมาก ๆ เอาว่า ไม่ต่างจากพวกโทรศัพท์เราเลยนะ มันดีมาก ๆ ไม่ต้องมีที่รองมือเลย เพราะกดปุ๊บไปปั๊บเลย ไม่ต้องมารองมือรอมันทำงาน

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

พวงมาลัยกันบ้าง อื้มมมมมม โอเค Design ขัดกับโลกมาก ๆ ทั้งโลก มันพยายามจะไปหาพวงมาลัย Multifunction กัน อันนี้บอกว่า โอเค กูไม่เอา อยากได้อะไรที่ Simple หน่อย อะ ๆ ไม่ว่ากัน ฟิลลิ่งของการจับ เรารู้สึกว่า ดีกว่า Honda City คันเก่า เราหน่อยนึง ไม่ได้ Solid มากเท่าไหร่ แต่ถ้าบอกว่า รถคันนี้ราคา 2 ล้านโอเค ไม่ผ่านละฮ่า ๆ ตรงกลาง เราจะเห็นลูกกลิ้ง ด้านซ้าย จะเป็นเรื่องการปรับเสียง และ ด้านขวาจะเป็นพวกการปรับเกี่ยวกับ Autopilot เราแอบชอบการออกแบบโดยการใช้ลูกกลิ้งนิด ๆ นะ แต่มันก็ยังต้องมีปุ่มหน่อยอะ โล้นไป ใช้งานยากอยู่ กับพลาสติกที่อยู่รอบ ๆ ลูกกลิ้ง เลวมาก จับแล้วแมร่งโคตร Cheap เลย เป็นเงา ๆ นิ้วมือเพียบแน่นอน แล้วมันเป็น Touch Point ด้วย เละแน่นอน ดังนั้น เช็ด ๆ กันหน่อยนะ

กับเราจะสังเกตว่า รถคันนี้มันไม่มี HUD หรือหน้าจอที่อยู่หน้าพวงมาลัยด้วยนะ มันอาจจะแปลก ๆ หน่อย โดยเฉพาะคนที่มาลองขับแรก ๆ ว่า เมื่อก่อน เราจะดูความเร็ว เราจะก้มมามองได้เลย แต่อันนี้คือ เราจะต้องมองลงเฉียงหน่อย เราว่า เป็นตำแหน่งที่ไม่ดีเท่าไหร่ แต่เราเข้าใจว่านะ คือ เขาจะบอกว่า เราไม่ต้องดูก็ได้ ให้เราโฟกัสกับถนนปะ แต่.... หน้าจอการขับขี่ก็มี Animation ที่ประมวลผลจากกล้องแสดง แล้วมันเอาให้ใครดูวะ แล้วมันขยับเร็ว และตลอดเวลา ทำให้เราเสียสมาธิกว่าเดิม เลยเริ่ม งง ว่า เอ๊ะ การไม่มี HUD ของ Tesla มันทำให้เราโฟกัสกับถนนมากขึ้นจริงปะ

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

มาที่ตัวเบาะกันบ้าง ก็คือ ปรับไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าทั้ง 2 ที่เลย อันนี้ถือว่า Standard สำหรับความคาดหวังของเราต่อรถราคา 2 ล้าน แต่ ๆๆๆๆๆ อันที่มันพาเหนือคือ Software ของ Tesla ที่ทำให้เราสามารถตั้ง Profile ไว้ได้ หนึ่งในนั้นคือเป็น Seat Profile นี่แหละ แล้วมันไม่ได้เหมือนพวก Memory Seat รถยุโรปโง่ ๆ แล้วนะ (EQS ก็เริ่มฉลาดทำเหมือนกันแล้วนิ) มันไปผูกกับ Driving Profile เลย ทำให้เราสามารถเพิ่มกี่ Profile ก็ได้ตามที่เราต้องการเลย

ตัวเบาะ เอาจริง ๆ คือ เราว่า มันนิ่มดีอะ ฮ่า ๆ แบบ เอานิ้วกดเล่น ๆ สัมผัสกับความนิ่มแอบชอบ กับลงไปนั่ง มันก็โอเคเลยนะ สบายอยู่ แต่พอรถเริ่มทำความเร็ว เริ่มเลี้ยว เราว่า มันก็เก็บตัวได้ดี แต่แอบแปลก ๆ ไปนิด เราว่าไม่ชินมากกว่า แหละ

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

มาที่ข้างประตู สู่ประตูเจ้าปัญหา ที่ขาเข้าก็แปลกแล้ว ขาออกก็ไม่ต่างกัน จากเดิมทั่ว ๆ ไป มันก็จะเป็นสลักให้เราดึงเพื่อเปิดได้ แต่ความที่ Tesla เนอะ เขาทำมาเป็นปุ่มแทนให้เรากดแล้วประตูจะเปิด เพราะเป็นกระจกแบบ Frameless พอกด กระจกมันจะเลื่อนลงนิดนึงแล้วค่อยเปิดประตูแหละ แต่ถ้าระบบนี้เกิดมีปัญหาขึ้นมา เขาก็มีสลักสำหรับเปิดฉุกเฉินอยู่ที่ประตูด้วยนะไม่ต้องเป็นห่วง

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

มาที่ผู้โดยสารตอนหลังกันบ้าง อย่างแรกที่เราสังเกตกันเลย คือ พอมันเป็นรถไฟฟ้า มันเลยไม่มีจุดที่ต้องเอาพวกเพลาลากผ่าน ทำให้พื้นมันเรียบไปหมด เวลานั่งมันก็จะสะดวกมากกว่า อันนี้เรียกว่าเป็นข้อดีของรถไฟฟ้าเลยทีเดียว แต่กลับกัน ตัว Tesla Model 3 มันเอาแบตเข้าไปไว้ในรถ ทำให้เวลานั่ง เราต้องชันขา คิดว่า ถ้าคนแก่ ๆ นั่ง อาจจะไม่ถูกใจสิ่งนี้เท่าไหร่

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

โอเค ถึงขาจะนั่งไม่สบาย แต่เหมือนเดิม เบาะหลัง ไม่ต่างจากเบาะหน้า มันนิ่มดี แค่ว่าถ้ามันอยู่ในรถคันอื่น Setup แบบอื่นอาจจะนั่งสบายกว่านี้เยอะเลย และ แน่นอนว่า สำหรับรถระดับนี้ คุณพ่อลูกอ่อนไม่ต้องกังวลเลย เพราะเขามีตัวยึด ISOFIX มาด้วยนะ เรายัดเข้าไปได้เลย แต่เราไม่รู้นะว่า มันยาก หรือง่ายยังไง เพราะแน่นอนว่า เราไม่มีลูกเนอะ ฮ่า ๆ

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

กับยังมีเป็นช่องเก็บของสำหรับผู้โดยสารแถวหลังมาให้ด้วย ถือว่า โอเคเลย ทำจากหนัง จับแล้วฟิลไม่แย่เลยนะ ใช้ได้อยู่ แต่คิดว่าอาจจะต้องใช้งานระวังนิดนึง ส่วนเรื่องของการเก็บของคิดว่า เก็บได้เยอะพอสมควร ไม่ต่างจากรถคันอื่น ๆ ที่มีช่องเก็บเท่าไหร่ และ แน่นอนว่า เขามีมาให้ทั้ง 2 ข้างเลยนะ ไม่ต้องมานั่งแย่งกัน

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

อีกจุดที่สำคัญ และอาจเป็น Deal Breaker ของหลาย ๆ คนคือ การมีแอร์หลัง เราไม่ค่อยเห็นเขาชอบทำแอร์หลังเท่าไหร่ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกัน แต่ Tesla เขาใส่มาให้ ถือว่ายอดเยี่ยมเลย และก็ยังมีช่องเสียบชาร์จแบบ USB-C ติดมาให้ทั้งหมด 2 ช่องด้วย ก็คือไม่ต้องแย่งกันเลย

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

ด้านประตูเอง ก็ปกติเลย คือมีที่วางของใส่ขวดน้ำได้ แต่ใส่ขวดน้ำเล็ก ๆ ได้ กับคิดว่าขนาดสัก 500-600 ml ได้เลย กับเราจะเห็นกลม ๆ เป็นรูลำโพงเด้อ ไหน ๆ พูดถึงลำโพงแล้ว พูดถึงเครื่องเสียงเลยละกัน ส่วนตัวเราคิดว่า เครื่องเสียงอยู่ในเรทที่ใช้ได้เลยนะ ไม่แย่เท่าไหร่ กลาง ๆ สำหรับรถราคาเท่านี้ เสียงเบส มาเป็นลูก ๆ กลม ๆ หน่อย ไม่ดุดันมาก ไปกินเสียงกลางนิดหน่อย แต่ไม่แย่ กับช่วงสูงหน่อยก็ไม่ถึง แต่แกกกกก จะเอาอะไรกับเครื่องเสียงรถราคาเท่านี้ ถ้าบอกว่า Burmester เสียงเหี้ย นั่นอีกเรื่อง ถถถถถถ

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

กับสิ่งที่เราชอบแล้วเราคิดว่า มันดีมาก ๆ คือไฟกลางรถ ที่เวลาเราเปิดประตูแล้วไฟจะติด เมื่อก่อน เราก็รู้สึกเฉย ๆ นะ จนกระทั่ง ORA Good Cat ไม่มี แล้วทำให้เราเห็นความสำคัญกับไฟนี่มาก ๆ พอใน Tesla Model 3 มี เราก็เลยเอ๋ออออออ มีอะดีแล้วจริง ๆ แต่พอมาใช้จริง เราว่ามันแอบเล็กไปหน่อย โดยเฉพาะกลางคืนที่เราจะหาของ สุดท้าย เราก็เปิด Flash อยู่ดี มันไม่เหมือนรถญี่ปุ่นที่ทำมาดวงใหญ่ ๆ สว่าง ๆ เลย เปิดที หาของเจอแน่นอน เลยสุดท้ายแล้วไม่แน่ใจว่า เอ๊ะ อี Tesla ถ้ามีแล้วมันจะดวงแค่นี้ มันควรมีมั้ย หรือ เออ ดีแล้ว อย่างน้อยมันเป็นสัญญาณที่ดีว่า รถทุกคันควรมีนะ

กับการออกแบบที่เราชอบมากจริง ๆ คือ มันใช้เป็น Sensor สัมผัสเอา เขาไม่ต้องทำ พวก Switch งอกออกมา ให้เสียความเรียบ ๆ เลย ก็ยัด Switch มันเข้าไปในไฟซะเลยสิ เออ ฉลาดมากจริง ๆ นะ

Autopilot

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

จุดที่ทำให้ Tesla มันบูมขึ้นมานอกจากการที่ทำ BEV ออกมาเป็นเจ้าแรก ๆ แล้วคือ ระบบ Autopilot ของมันนี่แหละ โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว รถ Tesla ทุกคัน เขาจะมาพร้อมกับ Basic Autopilot

โดยตัว Basic Autopilot คิดง่าย ๆ เหมือนกับรถทั่ว ๆ ไปเลย ที่มี Adaptive Cruise Control กับ ระบบรักษารถให้อยู่กลางเลน โดย Tesla เรียกว่า Traffic-Aware Cruise Control และ Autosteer ก็เป็น ชื่อทางการค้าไปละกันมั้ง

แต่ถ้าเราจ่ายเงินอีก 122,000 บาท เราก็จะได้เป็น Enhanced Autopilot (EAP) ที่มี Feature เดิมจาก Autopilot ทุกอย่าง แต่เพิ่มพวกการเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ (Auto Lane Change), ระบบถอยจอดอัตโนมัติ (Autopark), Summon และ Smart Summon ที่จะเรียกหรือเลื่อนรถออกมาจากช่องจอดได้ และสุดท้ายคือ Navigate on Autopilot คือ ถ้าเราสั่งเปิด รถมันจะเปลี่ยนเลน เพื่อให้ออกจากพวก Highway ได้ถูกต้อง

และแบบ Ultimate เลยคือ ถ้าเราจ่ายเงินเพิ่ม 244,000 บาท เราก็จะได้เป็น Full Self-Driving (FSD) คือ เราจะได้ Feature เหมือนกับ EAP ทั้งหมด แต่เพิ่มระบบการหยุดรถตามสัญญาณไฟและป้ายจราจร (Traffic and Stop Sign Control) และมี Autosteer นอก Highway แต่ Feature พวกนี้ ต้องยอมรับว่ามันยังเป็น Beta ใน US อยู่ และในไทย เรา ณ วันที่เขียนก็ยังใช้ไม่ได้เลยเหมือนกัน

ซึ่งรถที่เราจิ๊กน้องมาขับ ก็คือซื้อเป็น EAP มา เราได้ทดลองใช้พวก Navigate on Autopilot ไปเลย เรารู้สึกว่า มันโอเคนะ คือมันก็ไม่ต่างจากพวก ACC + LKS บนรถธรรมดาเท่าไหร่ เพิ่มการเปลี่ยนเลน เพื่อให้เราสามารถออกจากทางหลวง หรือทางด่วนได้ แต่สิ่งที่เรารู้สึกว่ามันต่างคือ Interface ในการแสดงผล มันมีผล ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยมากกว่าเดิมเยอะมาก เพราะรถมันแสดงให้เราเห็นว่า รถมันเห็นรถคันที่อยู่ข้าง ๆ เรา หรือข้างหลังเรานะ เราคิดว่า ส่วนใหญ่ที่เสียว ๆ กัน เพราะ เราไม่รู้ว่ารถเห็นอะไรไม่เห็นอะไรบ้าง กับเรื่องของการขับ ๆ เลย คิดว่า มันควบคุมความเร็วได้ ดีเลย เวลามันโดนรถแทรกเข้ามา มันก็ไม่เบรกกะทันหันมาก มันจะค่อย ๆ ลดความเร็ว แต่ถ้ากะทันหันจริง ๆ มันถึงจะเริ่มใช้เบรกละ

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

ส่วนระบบถอยจอดด้วยตัวเองหรือ Autopark การใช้งานคือ แค่เราขับช้ามาก ๆ ผ่านช่องจอดไป มันจะถามเราว่า เราจะจอดช่องตรงนี้มั้ย ถ้าเราโอเค เราก็เข้าเกียร์ถอยหลัง แล้วกด Start Autopark เราก็จะพูดเหมือนที่เราพูดกับ Good Cat เลยว่า ระบบพวกนี้ มันเน้นความ Gimmick มาก ๆ เพราะเวลาหน้างานจริง เช่นเวลา เราไปจอดรถในห้าง เราก็จะไม่ขับช้าขนาดให้รถหาเจอแน่ ๆ หรือ เราเจอช่องจอดแล้ว ส่วนใหญ่ รถก็จะหาไม่เจอ หรือถ้าเจอ แล้วกดจอดได้ แน่นอนว่า คันหลังเราแมร่งก็คือ เปิดไฟด่าบุพการีกับโคตรเง้าเราแล้วแหละ ทำให้เอาเข้าจริง มันเลยไม่ได้ใช้หรอก

แต่ระบบที่เรารู้สึกว่า แมร่งดีมาก ๆ คือ Summon คือ เราสามารถกดให้รถเดินหน้าหรือถอยหลังได้จาก App บนโทรศัพท์ของเราเลย ประโยชน์ของมันคือ เวลาเราเอารถเข้าไปจอดในที่แคบมาก ๆ แทนที่เราจะจอดแล้วเราต้องเปิดประตูเสี่ยงให้สร้างลักยิ้มคันข้าง ๆ กับ รถเราเป็นรอย เราก็สามารถที่จะเดินลงก่อนได้ แล้วกดถอยรถเข้าไป หรือกลับกัน เราสามารถให้รถเดินหน้าออกมาก่อน แล้วเราค่อยขึ้นก็ได้เหมือนกัน นอกจากนั้น ยังมาพร้อมกับ Smart Summon ให้เราคิดภาพว่า รถจอดอยู่แล้ว เราเดินออกจากห้าง ในวันที่ฝนตก การจะเดินลุยฝนไปรถมันก็ไม่โอเคเท่าไหร่ เราก็สามารถกดใน App ให้รถมันวิ่งมาหาเราได้ แต่เอาเข้าจริง อันนั้นเราว่า มันไม่ค่อย Works เท่าไหร่ มันน่ากลัวไปอะ

โดยรวมแล้ว ถ้าใครที่กำลังจะกดรถ Tesla เราแนะนำว่า ให้กดอย่างมาก ก็แค่ EAP พอ จ่ายเพิ่มอีกแสนนึงพอ เพราะตัว FSD ในประเทศไทย ณ วันที่เขียน มันยังใช้อะไรไม่ได้เลย และ ไม่รู้ว่าจะใช้ได้เมื่อไหร่กัน และเท่าที่เรารู้มาคือ เมื่อซื้อแล้วเราเปลี่ยนรถ มันไม่ไปด้วยกันนะ มันติดกับเลข VIN ของรถเลย ถ้าเกิดวันที่ Tesla ประเทศไทยเปิดใช้ เราก็อาจจะจ่ายเงินเพิ่ม แล้วจ่ายเงินส่วนต่าง Upgrade ทีหลังก็ได้

การขับขี่

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

ส่วนของการขับขี่ เราขอบอกก่อนเลยว่า สิ่งที่เรากำลังจะ Comment อาจจะไม่ถูกใจ Tesla Fanboy เท่าไหร่ เพราะเราต้องบอกเลยว่า เราไม่ถูกใจมาก ๆ

ในเรื่องของ Performance Tesla Model 3 Long Range มาพร้อมกับ Motor คู่ รวมกันอยู่ที่ 441 แรงม้า และแรงบิด 493 nm เหยียบ 0-100 km/hr ใน 4.4 วินาที ความเร็วสูงสุดตามสเปกได้ 230 km/hr ผ่าน Battery แบบ NMC ขนาด 75 kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 602 km ตามมาตรฐาน NEDC

ต้องบอกเลยว่า เรื่อง กำลังของ Tesla Model 3 Long Range เทียบกับราคาของมัน ไม่มีที่กังขาเลย เราคิดว่า ไม่น่าจะหารถราคา 2 ล้านที่มีอัตราเร่ง เหยียบแล้วมา ๆ เท่ากับคันนี้อีกแล้ว ไม่งั้นต้องไปเล่นพวก Super Car หรือรถแข่งบางคันได้เลย เป็นเอกลักษณ์ของ BEV ที่เหยียบแล้วมาทันที เห็นเลข 441 แรงม้า ถ้าเทียบกับรถบางคัน อาจจะรู้สึกว่าน้อย แต่อย่าลืมว่านี่ BEV 441 แรงม้า คือมาตั้งแต่เราเหยียบครั้งแรกเลยนะ เรียกว่า หลังติดเบาะได้เลยแหละ

กับอีกเรื่องที่เราคิดว่า ไม่น่าจะมีใครกังขากับ Tesla มากแล้วแหละคือ อายุการใช้งานของ Battery ที่มีข้อมูลการใช้งานมาเยอะมาก ๆ แล้วในฝั่ง US และ EU แต่อาจจะมีข้อโต้แย้งได้ว่า ฝั่งโน้นอากาศเขาเย็นกว่าเรา ทำให้อายุมันยืนกว่าแน่ ๆ ซึ่งก็จริงแหละ แต่ถ้าเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ ที่พึ่งกระโดดลงมาเล่น เราว่า Battery และ ระบบการจัดการ Battery ของ Tesla น่าจะมีความหวังมากที่สุดแล้ว (ส่วน Leaf น่ะ มีข้อมูลเยอะพอกัน แต่..... อย่างที่รู้กันเนอะ)

ช่วงล่างมาพร้อมกับ ช่วงล่างด้านหน้าแบบ Double Wishbone เทียบกับราคาสิ่งที่ได้ ถือว่าโอเคไม่แย่เลย เพราะช่วงล่างลักษณะนี้ เราจะเจอในรถที่ราคาสูงหน่อย กับส่วนใหญ่ ควรจะได้ความรู้สึกที่นุ่ม ๆ หน่อย กับช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบ Multilink ที่ทำให้ Tesla สามารถจูนได้ในแบบที่เขาต้องการ

แต่สิ่งที่เราได้ประสบมาคือ ช่วงล่างที่แข็งมาก ๆ เหมือนนั่งบนหิน แต่เราไม่แน่ใจว่า มันเกิดจากรถพึ่งออกมาแล้วพวกชิ้นส่วนสปริงมันอาจจะยังไม่เข้าที่หรือไม่ อันนี้ เราไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะเราคิดว่า Double Wishbone ไม่น่าจะแข็งได้ขนาดนี้เลย เป็นครั้งแรกเลย เจอรอยต่อถนนคือ ชัด ๆ มาเต็ม ๆ เน้น ๆ Connected with the road ของจริงเลย

กับด้านหลังที่ลองนั่งเองทีหลัง ก็คือ โยนสุด ๆ นั่งหลัง แล้วหักพวงมาลัยหน่อย คือ แทบอ้วกได้เลย แต่ก็พอเข้าใจได้แหละ คือ Multilink มันเป็นช่วงล่างที่ให้อิสระกับการจูนสูงมาก ๆ ทำให้ ถ้าเราเจอรถที่บอกว่า ได้แบบ Multilink มา ก็ไม่ได้การันตีนะว่า มันจะดีตามโจทย์ที่มันออกแบบมา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Tesla Model 3 Long Range นี่แหละ ทำให้รู้เลยนะว่า Automotive Engineering Tesla แมร่งแย่มากโดยเฉพาะเรื่องช่วงล่าง ไม่ก็ เขาคิดว่า เท่านี้มันดีกับถนนบ้านเขาแล้วมั้ง แต่พอเอามาขายในประเทศที่ไม่พัฒนาอย่างไทย ถนนมันจะไม่เรียบ หรือยางมะตอยที่รู ๆ เยอะ ๆ ฟิลมันมาเต็ม

เป็นช่วงล่างรถที่เรา งง มาก ๆ เพราะ มันทั้งแข็ง แล้วก็โยน ออกอาการได้ง่ายมาก ๆ เราเหยียบไปเร็วประมาณนึงเลย ก็คือ รู้เลยว่า Performance มันไปได้อีกนะ แต่ช่วงล่างทำให้เรารู้สึกไม่ปลอดภัย ช่วงล่างมันไม่ไปด้วยกัน คือ ชิบหาย รถแรง แต่ใช้ไม่ได้

ยังไม่นับ เรื่องพวงมาลัยที่ เราว่ามันแปลก ๆ ส่วนนึงคือ มันหนัก อันนี้เราเดาว่า เป็นเพราะเราขับรถจีนที่ชอบทำพวงมาลัยเบา ๆ มา พอมาเจอรถที่พวงมาลัยหนักหน่อยก็จะไม่ชอบเท่าไหร่ เรื่องน้ำหนักอะ ไม่เป็นไร

มาที่เรื่องเก็บเสียงกันบ้าง สำหรับเรา รถในราคาขนาดนี้ เราคิดว่าจะจัดการเก็บเสียงได้ดีกว่านี้ ตอนที่ขับไปทางเส้น Motorway เจอรถบรรทุกข้าง ๆ คือ หูดับ ฮ่า ๆ รู้สึกเลยว่า กระจก กับตัวถังรถมันสั่นจากเสียงนี่แหละ เห้ยยยย กระจก 2 ชั้นนะเว้ย กับถ้าเราวิ่งอยู่ใน กทม ติดไฟแดง เรายังได้ยินเสียงเครื่องรถคันข้าง ๆ เข้ามาเยอะอยู่ กับพวกเสียงมอไซต์ที่จอดข้าง ๆ คุยกัน เด่วนะ มึง รถ ราคา 2 ล้านจริงปะเนี่ย ! เอาไปวิ่งบนถนนถ้าเราเอาไปวิ่งบนถนนปูนเรียบ ๆ เราว่า เขาเก็บมาดีมากนะ พวกเสียงจากล้อบดถนน หรืออะไรพวกนั้นหายไปเยอะมาก แต่พอเจอถนนประเทศไทยทั่ว ๆ ไปก็คือ ตึงตังมาก ๆ เลยเดาว่า ตอนที่ออกแบบ ก็น่าจะคิดว่า เออถนน US ส่วนใหญ่มันดีมั้ง เลยทำมาแค่นี้ พอเอามาขายในไทยคือเกมเลย อันนี้แก้ปัญหาได้ด้วยการเอาไป Damp หรือติดวัสดุซับเสียงเพิ่มเติมได้ (เราเอา Good Cat ไปทำมา แมร่งเงียบจริงมาก ๆ)

Overall ในเรื่องของการขับขี่ ก็คือ โคตรไม่ประทับใจ จากพวงมาลัยที่ไม่คมมากเท่าไหร่ เบรกคันเร่ง แอบน่ากลัวมาก ๆ เหยียบไปครึ่งกว่า ๆ แล้วพึ่งเริ่มเบรก ถ้าเราเบรกกะทันหันไม่ชนแล้วเหรอ กับช่วงล่างที่ งง ๆ แข็งก็แข็ง แล้วยังโยนอีก นั่งแล้วเหนื่อยไม่มีความสบายเท่าไหร่ รอยต่อถนนมาเต็ม ๆ เราว่ากับรถราคานี้ถือว่าห่วยมาก ๆ แต่เรื่องที่ขอชมมาก ๆ เลยคือ Performance มันทำได้ดีมาก เร่งแซงอะไรได้หมด แค่จะเสียว ๆ ตอนหักพวงมาลัยแค่นั้นแหละ กลัวรถคว่ำ ไม่น่าจะมีรถในราคา 2 ล้านนิด ๆ ที่ม้า และ แรงบิดเยอะขนาดนี้เลย

Tesla Supercharger

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

มาที่ Tesla Supercharger กันบ้าง เราคิดว่าเป็นส่วนใหญ่ ๆ เลยที่ทำให้ฝั่ง US ยังติดใจ Tesla เมื่อก่อน เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่พอได้มาใช้จริง ๆ คือ เรารู้สึกว่า เออ เข้าใจเลยว่า ทำไมคน US ชอบมันมาก ๆ ทั้งในเรื่องของความถมแบบ โหด ๆ มาก ๆ ซึ่งลักษณะของการถม สำหรับ Tesla ยอมรับเลยว่า มันไม่เหมือนกับผู้ให้บริการแท่นชาร์จคนอื่น ๆ เลย คือ Tesla เน้นทำที่ยังไม่เยอะมาก แต่ด้วยสถาปัตยกรรม ของการออกแบบเครื่องชาร์จ มันเลยทำให้ แต่ละสถานีก็คือ มีหลายหัวเลยแหละ บางที่อาจจะถึง 6-7 หัวเลย เทียบกับผู้ให้บริการเจ้าอื่น ๆ ในประเทศไทย ณ วันที่เขียน คือ ปั้มนึง อาจจะมีแค่หัวเดียว อย่างมาก ปตท บางปั้ม อาจจะมี 4 เอง เทียบกับ Tesla ที่มาเยอะกว่ามาก ๆ

นอกจากนั้น ตู้ของ Tesla ในประเทศไทย ณ วันที่เขียนก็คือเป็น V3 Supercharger ที่ให้กำลังได้สูงสุด 250 kW ไปเลย แต่นั่นก็คือ SoC เราจะต้องเหลือน้อย ๆ แบตของเราได้ทำการ Preconditioning มาพร้อม และ ไม่มีคนแชร์ตู้ชาร์จกับเรา ก็น่าจะทำให้เราได้เต็มความเร็วได้ไม่ยาก สำหรับ Model 3 LR ขึ้นไป (และชาร์จ AC ได้สูงสุด 11 kW) แต่สำหรับรุ่น RWD กำลังสูงสุดจะอยู่แค่ 170 kW เท่านั้น (และชาร์จ AC ได้สูงสุด 7 kW)

ถ้าเราอยากจะให้รถมันทำ Preconditioning ณ วันนี้ เราจะต้องกด Navigate ไปที่ Supercharger แล้วรถมันจะเลือกเวลาในการเตรียมความพร้อมอะไรก็ว่ากันไป แต่ถ้าเราไปชาร์จที่ตู้สาธารณะที่อื่น มันก็จะใช้ไม่ได้นะ

รีวิว Tesla Model 3 Long Range รถโคตรแรง แต่ที่เหลือมันไม่ไหว...

แต่เรื่องที่ทำให้เราชอบมาก ๆๆ กอไก่ล้านตัวเลยคือ การใช้งานตู้นี่มันง่ายมาก ๆ คือ Plug and Play เท่านั้นเอง คือ เพียงแค่เราเสียบ รถมันก็จะเริ่มชาร์จ แล้วพอเราถอดมันก็จะเก็บเงินเราเอง คือมันตัดพวก Pain Point ของผู้ให้บริการอื่น ๆ ที่เราจะต้อง Scan QR Code อะสแกนไป แมร่ง Server คุยกับเครื่องชาร์จได้บ้างไม่ได้บ้าง สารพัดปัญหา แต่อันนี้คือ เขาน่าจะใช้ Vehicle ID เพื่อ Authenticate กับระบบได้เลย ทำให้ง่ายมาก ๆ ซึ่งถามว่า ในไทยมีตู้ไหนทำได้บ้าง ก็คือ PEA Volta พอมาลองใช้มันก็จะง่ายมาก ๆ แค่เสียบแล้วชาร์จเลย ไม่ต้องทำอะไรอีก เราเลยชอบมาก ๆ

สรุป

Tesla Model 3 Long Range มันไม่ใช่รถสำหรับเราแน่นอน ถึง Performance และ Software จะไม่มีที่กังขาเลย ถือว่าเป็น Gold Standard สำหรับรถไฟฟ้าเลย แต่จากประสบการณ์ที่เราได้คือ เหมือนซื้อกับขับรถของเล่นมากกว่า

รถที่เราจะให้มันโอเคจริง ๆ คือ รถที่ตอบจุดประสงค์ที่มันออกมาแก้ เช่น เราบอกว่า อันนี้เป็นรถครอบครัว แล้วจะออกแบบช่วงล่างมาให้โยน ๆ แต่นิ่ม เราโอเคเลยนะ คิดดูนะ ถ้าเรามีลูก เอาครอบครัวไปเที่ยว กล้าปะละ ขับสัก 250 km/h ใช่มะ แต่ถ้าช่วงล่างมันเก็บรอยต่อ ความไม่เรียบได้หมด ลูกนอนหลับสบายในรถ ตัดปัญหาเรื่องความชิบหายไปได้ล้านแปด ตั้งแต่ พ่อฮ่ะ ๆ นี่อะไรเหรอ พ่อฮ่ะ จะฉี่ ! หรือจะบอกว่า รถออกแบบมาให้ Sport แต่ทำช่วงล่าง อ่อนย้วย เอาไปทำความเร็ว ก็ทำไม่ได้หรอก คนขับเสียวหัวใจวายตายก่อน แต่ Tesla Model 3 Long Range อันนี้ทำออกมาได้ งง มาก ๆ Performance แรง อะ หรือว่าจะ Sport แต่พวงมาลัย เบรก ไม่ได้เลย ไหนจะช่วงล่างที่โยน เจอความเร็วสูง ๆ มันเสียวมาก หรือรถครอบครัว เอ่อออ ก็ไม่น่า แมร่งโยนขนาดนี้นั่งหลังมีอ้วก เลยงงว่าโจทย์ หรือปัญหาที่ Tesla ต้องการจะตอบคืออะไรกันแน่ กับพวกวัสดุที่ได้ ถ้าบอกว่า รถนี้ราคาประมาณ 1-1.5 ล้าน อะ เราจะบอกว่าโอเคนะ แต่ถ้าบอกว่า 2 ล้าน เราไม่โอเคเท่าไหร่ มันควรจะดีกว่านี้

ดังนั้น รถคันนี้เราให้อยู่ไม่เกิน 6/10 ได้แค่นั้น จาก Software และ Performance ที่ดีมาก แบบ คืด งงมากว่า เห้ย บริษัทรถมึงไม่มีกึ๊นในการทำ Software ที่ดีขนาดนี้ได้เลยเหรอ ไม่มี UX/UI Design เลยเหรอ ทำ Interface แปลก ๆ เหมือนนั่งเทียนออกแบบ กับ เขียนโปรแกรมออกมา Tesla ทำเรื่องพวกนี้ได้ดีมาก ๆ แต่ขอหักที่เหลือทั้งหมด เราแนะนำว่า ถ้าอยากจะได้รถดี ๆ คือซื้อ Model 3 Long Range มาแล้ว รื้อ คันเร่ง แป้นเบรก พวงมาลัย เบรก และ ช่วงล่างเปลี่ยนให้หมด น่าจะคุณภาพชีวิตดีกว่านี้เยอะ สำหรับโจทย์ของรถคันนี้เราเลยมองว่า จริง ๆ น่าจะเหมาะกับคนที่ อยากได้ Gadget เน้นการเป็น Gadget ที่ดีมากกว่า รถที่ดีมาก ๆ ถ้าใครมีโจทย์การซื้อรถลักษณะนี้ แล้วเงินถึง ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ

Read Next...

รีวิว iPad Mini Gen 7 หน้าเดิม แรงขึ้นรองรับ Apple Intelligence แล้วนะ

รีวิว iPad Mini Gen 7 หน้าเดิม แรงขึ้นรองรับ Apple Intelligence แล้วนะ

หลังจากผ่านไป 3 ปี ในที่สุดวันที่เรารอคอยกันก็มาถึง iPad Mini ออกรุ่นใหม่แล้วแกร แต่เอ๊ะ หน้าเดิมนิ แล้วมันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง และส่งผลกระทบต่อการใช้งานอย่างไรบ้าง วันนี้เราได้ทดลองใช้แล้วจะมารีวิวให้อ่านกัน...

รีวิว Apple Password Manager จากเรื่องง่าย ทำให้ทุกอย่างยาก

รีวิว Apple Password Manager จากเรื่องง่าย ทำให้ทุกอย่างยาก

หนึ่งใน Feature ใหม่ที่เปิดออกมาทั้งใน macOS Sequoia, iPadOS 18 และ iOS 18 คือ App ที่ชื่อว่า Password เป็น Password Manager ของ Apple วันนี้เราได้ทดลองใช้งานมันมาประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว จะมาเล่าให้อ่านกันว่าอาการมันเป็นยังไง มันทำให้ชีวิตเราเหนื่อยขึ้นได้อย่างไร...

รีวิว macOS Sequoia การอัพเดทที่ทำให้ Ecosystem แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

รีวิว macOS Sequoia การอัพเดทที่ทำให้ Ecosystem แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เป็นประจำในทุก ๆ ปีที่ Apple จะเปิดตัว macOS Version ใหม่ออกมาให้ผู้ใช้ Mac ได้ Upgrade กัน ในปีนี้เอง Crack Marketing Team ก็ทำหน้าที่ของตัวเองในการออกไปหาชื่อใหม่ให้กับ macOS ในปีนี้ชื่อว่า macOS Sequoia จะมี Feature อะไรเด็ด ๆ บาง วันนี้เรารวมเอามาเล่าให้อ่านกัน...

รีวิว iOS 18 การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแต่ยิ่งใหญ่

รีวิว iOS 18 การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแต่ยิ่งใหญ่

หลังจาก Apple เปิดตัว iOS18 และ iPadOS18 วันนี้เราจะมาเล่าพวก Feature ต่าง ๆ ที่เราได้ทดลองใช้งานมาหลายวันพร้อมกับบอก Use Case การใช้งานต่าง ๆ ว่ามันเอามาทำอะไรได้บ้าง...