By Arnon Puitrakul - 11 กรกฎาคม 2019
บอกก่อนเลยนะว่า บทความนี้ Setapp เขาจ่าย แต่เราจะไม่อวยใด ๆ ทั้งสิ้น จริง ๆ เราเห็น Setapp มานานมากแล้ว แล้วเราก็อยากที่จะร่วมงานด้วยมานนานแล้วเหมือนกัน เพราะเราชอบ Model แบบ Subscription Base ที่เหมือนกับ Netflix ที่เราจ่ายในราคานึง แล้วเราก็ดูหนังเรื่องใหม่ ๆ ได้ตลอด เลยอยากให้มีแบบนี้กับโปรแกรมบ้าง ก็ไม่ได้เจอที่ถูกใจสักที จนมาเจอ Setapp นี่แหละ เลยติดต่อไปว่า ให้ความสนใจและอยากนำมารีวิว วันนี้เราได้มาแล้ว มาดูกัน ~~
Setapp เป็นบริการ Software Subscription จากบริษัทชื่อดังอย่าง MacPaw ที่เป็นคนเขียนตัว CleanMyMac ที่หลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินกัน หรืออาจจะเคยใช้มา โดยจะเป็นบริการที่จะให้เราจ่ายเงินเป็นรายเดือน เพื่อแลกกับบริการ Software ต่าง ๆ บน macOS หลายตัวมาก ๆ พร้อมทั้งสามารถ ใช้ Feature ได้ทั้งหมดโดยที่เราไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มสักบาทเลย นอกจากนั้น โปรแกรมที่อยู่ใน Subscription นี้ก็ไม่ได้จบเท่านั้นนะ คือมันก็มีโปรแกรมใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ เลย
สำหรับใครที่ยังไม่เคยรู้จักกับ MacPaw มาก่อน เขาเป็นบริษัท ที่เป็นคนทำ CleanMyMac สำหรับการจัดการเครื่อง ที่เป็นที่นิยมใช้กันนี่แหละ
ถ้าถามเรา เราบอกเลยว่าคุ้มมาก คุ้มจนเรา งง มากว่า ไปดีลมาได้ยังไง บอกราคาก่อนเลยละกัน ราคานางจะเริ่มต้นที่ 9.99 USD สำหรับ 2 เครื่อง หรือราว ๆ 307 บาท ต่อเดือนเท่านั้น หรือถ้าเราซื้อเป็นปีเลย ก็จะตกอยู่เดือนละ 8.99 USD หรือ 277 บาท เท่านั้น หรือเอาให้คุ้มกว่าเดิมอีก ซื้อเป็น Family Pack มันจะลงได้ 5 เครื่อง กับ 3 User ก็จะอยู่ที่ 19.99 USD หรือ 615 กว่าบาท ถ้าหาร 3 ก็จะอยู่ที่ 200 บาทกว่า ๆ เท่านั้นเองคุ้มมาก
เอาให้คุ้มกว่านั้นอีก หากคิดว่า ราคานั้นแพงแล้ว ถ้าเราเป็นนักศึกษา เราสามารถใช้อีเมล์ของสถาบันเรา ที่เป็น .edu ก็จะได้ส่วนลดอีก 50% ถ้าเราซื้อปีนึงอะ จาก 8.99 USD มันจะเหลืออยู่ 4.496 USD หรือ 138 บาทกว่า ๆ เท่านั้นเอง มันโคตรจะคุ้ม ยัง ๆ ไม่คิดว่าคุ้มใช่ม่ะ ลองไปดูรายชื่อโปรแกรมมันก่อนเถอะ แต่ละอัน ถ้าไปซื้อเองนี่จ่ายอ้วกอะบอกเลย
ถ้ายังไม่แน่ใจ เขาก็มีทดลองใช้ 7 วัน ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ ก็สามารถไปทดลองใช้ได้ก่อน ถ้าถูกใจ ก็กดสั่งซื้อไปได้เลย หลังจากที่เราสมัครไปแล้ว การที่เราจะโหลด App ต่าง ๆ เราจะต้องเข้าไปโหลด โปรแกรมของมันมาก่อน ผ่านหน้าเว็บได้เลย
การติดตั้งไม่ได้ยากเลย เพียงแค่กด Install แล้วก็รอมันติดตั้ง ก็พร้อมใช้ได้เลย
เมื่อเข้ามาที่โปรแกรม เราก็จะเจอหน้าที่เหมือนกับ App Store เลย มี App หลาย ๆ App อยู่ และแน่นอนว่า เราจ่ายแบบนี้ มันเป็นของเราทั้งหมด !!! มีความรู้สึก สะใจแบบบอกไม่ถูกเลย ฮ่า ๆ
เมื่อเรากดเข้าไปที่สักโปรแกรมนึง มันจะแสดงรายละเอียดพร้อมกับ Screenshot มาให้เราดู หลัก ๆ เราว่ามันเหมือนกับ App Store นี่แหละ จากนั้น ถ้าเราชอบ เราก็กด Install ได้เลย และก็รอมันโหลด หลังจากโหลด และ ติดตั้งเสร็จมันก็จะเปิด App ขึ้นมาให้เรา เห็นม่ะ ง่ายมาก ๆ
การเอา App ใน macOS ออก ถ้าไม่ได้เป็น App จาก App Store น่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไปแน่ ๆ เพราะการที่แค่กดลบตัว App ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะหายไปหมด Setapp ทำให้การใช้งานมันง่ายขึ้นไปอีก ด้วยการที่ มีปุ่มสำหรับกด Uninstall โปรแกรมออกให้เลย มันดีย์มาก
แล้ว App ที่อยู่ในนี้ ถ้าใครคิดว่า จ่ายไม่แพง App น่าจะเป็น App โนเนม บอกเลยว่า ไม่ !!! App แต่ละตัวคือ มันเด็ด ๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น CleanMyMac สำหรับจัดการเครื่อง และ Gemini ที่ไว้ใช้จัดการกับ ไฟล์ซ้ำ มันยังมีอีกหลาย App ที่เสียเงิน แล้วเด็ด ๆ อย่างที่เราชอบคือ Ulysses ที่เรากำลังใช้เขียน Blog อยู่ตอนนี้เลย
หลาย ๆ คนที่อ่านมาถึงตอนนี้ อาจจะยังไม่เข้าใจว่า มันคุ้มยังไง เราบอกก่อนเลยนะว่า เราน่าจะเป็นคนที่ใช้ App น้อยมาก ๆ คนนึงแล้วนะ เราเจอคนที่ใช้เยอะกว่านี้มาแล้ว อันนั้นคือ โคตรคุ้ม ไปดูกันเลยว่า เราใช้อะไรใน Setapp บ้าง
App แรกเลย มันเป็น App ที่ทำให้เราสนใจเจ้า Setapp ขึ้นมา นั่นคือ Ulysses มันเป็น App สำหรับเขียน โดยใช้ Markdown ที่มันเก่งกว่า App คู่แข่งหลาย ๆ ตัวมาก ๆ โดยเฉพาะเรื่องของการจัดระเบียบไฟล์ที่เป็นประเภทก็ได้ หรือจะตาม Tag ที่เราเซ็ต Rule เองได้อย่างละเอียดมาก ๆ แถมยังสามารถ Export ออกมาเป็นไฟล์ได้หลายสกุลตามการใช้งาน อย่างเช่น PDF และ HTML หรือถ้าเราใช้ Wordpress หรือ Medium ในการเขียน Blog อยู่แล้ว มันสามารถที่จะสั่ง Export ไปเป็น Draft Article ในเว็บ Blog ของเราได้เลย นอกจากนี้ Ulysses มันยังมีใน iOS ถ้าเราใช้ Setapp เราก็จะสามารถใช้ทั้งบนคอม และบน iOS ได้ด้วยนะ ตอนรู้ครั้งแรกยิ่งเหมือนโดนดูดให้ซื้อเข้าไปอีก ส่วนราคา ถ้าเราไม่ได้ซื้อผ่าน Setapp ก็จะตกปีละ 1000 บาท
ถัดไปเป็น Numi เครื่องคิดเลข เราบอกเลยว่า เราไม่ชอบเครื่องคิดเลขของ macOS เลย ไม่สิ ทั้งของ macOS และ Windows เลยที่ หน้าตามันอยากให้เราใช้เมาส์คลิก ๆ มากกว่า มันไม่เข้ากับการเป็น PC สักเท่าไหร่ และความสามารถมันก็ทำได้แค่ บวก ลบ คูณ หาร ธรรมดาอะไรแบบนั้น ถ้าเราอยากจะแปลงหน่วยมันก็ไม่ได้ (ถ้าเป็น macOS มันสามารถทำได้ผ่าน Spotlight) แต่ Numi ทำได้ ด้วยหน้าตาที่เป็นมิตรกับเรามาก การทำงานของมันเหมือนกระดาษ ที่เราสามารถบันทึก Session เก็บไว้ได้หมด ชอบตรงบันทึกเก็บไว้ได้นี่แหละ เพราะ Spotlight มันก็ถูกออกแบบมา Search เข้าใจได้แหละ ราคาของมันก็คือ ฟรี
Bartender น่าจะเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนใช้ Mac ที่มันเป็น App สำหรับซ่อน Icon ใน Status Bar หุบขยาย ทำได้ดั่งใจเลย เราชอบเพราะในเครื่องเรามันมีหลาย ๆ App รันอยู่ใน Background แล้ว มันก็จะขึ้นอยู่บน Status Bar รู้สึกว่ามันรกมาก จนเรามาเจอ Bartender นี่แหละ มันตัดรำคาญของเราได้อยู่หมัด บาง App ที่ทำได้เหมือนกันมันก็แค่ซ่อนหายไปเลย แต่บางทีเราก็ต้องกาารเรียกมันขึ้นมาไง Bartender เวลามันซ่อน มันก็จะมีปุ่มนึงงอกออกมาเพื่อให้เรากดมันขึ้นมาได้ หรือจะตั้งเงื่อนไขการซ่อนได้เยอะมาก ๆ คือมันดีย์มาก ๆ อันนี้ถ้าเราซื้อเอง จะเป็นซื้อขาดแบบ Upgrade ไม่ได้อยู่ที่ 489 บาท
Setapp เป็นของ MacPaw เราจะไม่พูดถึงโปรแกรมที่มีชื่อเสียงของเขาได้ไง กับ CleanMyMac ที่เป็นโปรแกรมสำหรับจัดการเครื่องครบวงจร ตั้งแต่การจัดการไฟล์ขยะเพียงคลิกเดียว การเอาโปรแกรมออก จนไปถึงการลบไฟล์อย่างปลอดภัย และอื่น ๆ อีกมากมายเลย ถือว่าเป็น App ที่ตัวเดียวจบ ครบเครื่อง เรื่องการดูแลเครื่อง ควรมีติดเครื่องไว้เลย ถ้าเราไปซื้อเองก็อยู่ที่ ปีละ 34.95 USD ต่อเครื่องหรือพันกว่าบาท แต่ถ้าเราอยากซื้อขาดเลย ก็ 89.95 USD ต่อเครื่อง หรือ 2700 กว่า ๆ บาท แบบไม่ได้ Upgrade (ถ้าจะ Upgrade ต้องซื้อเพิ่ม)
อีก App ที่ฮิตมาก ๆ ในหมู่คนใช้ Mac ก็น่าจะเป็น iStat Menus ที่เป็น App สำหรับแสดงค่าต่าง ๆ ในเครื่องเราบน Status Bar ได้เลย คือบางคน อย่างเรา ก็ชอบดูไงว่าเครื่องเรามันเป็นยังไงบ้าง เช่น CPU วิ่งเท่าไหร่, RAM เราโดนไปเท่าไหร่แล้ว หรือ, Internet ตอนนี้เราใช้เท่าไหร่อยู่ และอื่น ๆ อีกมากมาย แล้วในแต่ละอย่าง เราก็สามารถ Custom ให้เข้ากับเราได้อย่างดีเลย ถ้าใช้คู่กับ Bartender ก็คือ เป็น Perfect Combination เลยก็ว่าได้นะ ฮ่า ๆ ถ้าเราไปซื้อเองมันจะเป็นการซื้อขาดแบบ Upgrade ไม่ได้อยู่ที่ 11.99 USD หรือ 369 บาท ต่อเครื่อง
เราเป็นคนนึงที่เบื่อ Wallpaper เครื่องตัวเองง่ายมาก แต่ก็ไม่รู้จะหาจากไหน เราก็จะหาจากรูปที่ตัวเองถ่ายเองนี่แหละ พอไม่ได้ไปเที่ยวบ่อย ๆ รูปมันก็มีน้อย เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก็ซ้ำแล้ว เบื่อมาก ไปหามาคุณภาพไฟล์มันก็ไม่ดี อยากจะเปลี่ยนทุกวันก็ไม่ไหว เสียเวลานั่งหาตายเลย Wallpaper Wizard นี่แหละ ที่จะมาช่วยเราแก้ปัญหานี้ได้ เพราะมันมาพร้อมกับ Wallpaper สวย ๆ คุณภาพสูงระดับ 4K Retina ให้เราเลือกสรรเยอะมาก นอกจากนั้น มันยังสามารถเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ได้เหมือนใน Windows ถ้าเราเซ็ตไว้ว่า จะให้มันเปลี่ยนภาพไหนบ้าง เมื่อไหร่ อันนี้ทำได้เหมือนกันเลย แต่แค่ มันมีภาพมาให้แล้ว เราก็แค่เลือกเลยว่า ช่วงนี้เราอยากได้ Mood ประมาณนี้ เราก็เลือกแล้ว Wallpaper มันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้เราเบื่อและไม่ต้องกลัวว่า ใช้ ๆ ไป มันจะกลับมาซ้ำ เพราะมันมีเยอะมากอยู่แล้ว และยังมีการอัพเดทอันใหม่มาเรื่อย ๆ ด้วย สำหรับโปรแกรมนี้ ถ้าเราไปซื้อมาเอง มันก็จะอยู่ที่ 9.95 USD หรือ 306 กว่าบาท
นอกจากนี้ เรายังมีอีกหลายโปรแกรมที่เราใช้อย่าง Paw ที่เป็น REST API Client ที่เจ๋งมาก ๆ แต่ราคามันก็เจ๋งเหมือนกัน อยู่ที่ 49.99 USD หรือ 1500 กว่าบาทไปแล้ว หรือจะเป็น Canary Mail เป็น Mail Client ที่เก่งมากในเรื่องของการเข้ารหัสข้อความผ่าน PGP มันทำให้การส่งพวก Encrypted Message เป็นเรื่องง่ายมาก ๆ แม้แต่เราจะไม่รู้เรื่อง PGP เลย แค่ App นี้ก็อยู่ที่ 19.99 USD หรือ 615 กว่าบาท
ลองมาบวกเลขกันว่า ถ้าเราใช้โปรแกรมพวกนี้ เราจะต้องเสียเงินเท่าไหร่ ก็จะเป็น 1000 + 489 + 1000 + 369 + 306 + 1500 + 615 = 5279 บาทเข้าไปแล้ว
ถ้าเราซื้อผ่าน Setapp เราก็จะจ่ายอยู่ที่ 277 บาทต่อเดือน ก็จะเป็น 3324 บาทต่อปี หรือถ้าเราใช้แบบราคานักศึกษาลดไป 50% ก็จะอยู่ที่ปีละ 1662 บาทเท่าน้ันเอง แถมยังได้ Update และ Upgrade เมื่อออก Version ใหม่ด้วย
อะ ๆ โอเค บางโปรแกรมมันก็ซื้อขาดได้เลย แต่อย่าลืมว่า ถ้าเราซื้อขาดแล้วมันออก Version ใหม่มา เราก็ Update ไม่ได้ ทำให้เราคิดว่า การซื้อผ่าน Setapp น่าจะเป็นอะไรที่คุ้มค่ากว่ากันเยอะเลย นี่แหละข้อดีของ Subscription Model
เราโดนผู้ใหญ่หลายคนบอกมาเยอะมาก เวลาเราจะให้ซื้อโปรแกรม ว่า ซื้อทำไม ไม่ค่อยได้ใช้ก็โหลดฟรีไปสิ หรือจะเป็น ของปลอมมันก็ใช้งานได้เหมือนกัน โหลดให้ป้าหน่อยสิ นี่คือแบบ ได้เหรออออ แบบนี้เนี่ยห๊ะ !! เราก็เลยมักจะตอบกลับพวกผู้ใหญ่เหล่านี้บ้างว่า ก็ถ้ายังเชื่อเรื่องบุญ กรรม ก็ระวังกรรมจะตามทันนะ
การใช้ Software ละเมิดลิขสิทธิ์แบบนี้ มันก็ไม่ต่างจากการ ขโมย เลยแม้แต่นิดเดียว โปรแกรมที่คนคิด คิดแทบได้ กว่าจะเขียนออกมาได้ มันใช้ น้ำแรง และ ทรัพยากร มากขนาดไหน มันก็ไม่ต่างจากธุรกิจสินค้าและบริการอื่น ๆ แหละ กว่ามันจะออกมาให้เราใช้งานได้ มันก็ต้องผ่านทั้งการลงทุนอะไรมากมาย
เราเองก็เคยเป็น Developer มาก่อน เราเลยรู้ดีว่า การที่โปรแกรม มันถูกเอาไปใช้เถื่อนมันรู้สึกยังไง เงินที่เราควรจะได้มาเลี้ยงดูครอบครัว เลี้ยงดูตัวเอง กลับหายไปหมด จากคนพวกนี้ที่นิยมโหลดเถื่อน เพียงเพราะ หลายเหตุผลอย่าง ก็ไม่ได้ใช้บ่อย หรือจะเป็น ไม่มีเงิน
สิ่งที่เราอยากจะฝากไว้กับรีวิวนี้คือ เลิกใช้ Software ละเมิดสิขสิทธิ์เถอะนะ แล้วหันมาทำให้มันถูกกันเถอะ เพราะปลอดภัยจากภัยคุกคามต่าง ๆ และ คนสร้างโปรแกรม ก็มีกำลังใจที่จะ Update และ สร้างโปรแกรมใหม่ ๆ ออกมาให้เราใช้กัน
Setapp ก็ถือเป็นบริการให้เช่า Software ตัวนึงที่ราคาไม่ได้แพงเลย แม้ว่าเราจะไม่ได้ใช้บ่อย ๆ เพียงเดือนละไม่กี่ร้อย เเต่ก็ได้โปรแกรมดีๆ มาใช้ และเราก็สามารถช่วยให้โปรแกรมเมอร์สร้างโปรแกรมเจ๋ง ๆ มาให้เราใช้ต่อในอนาคตอีกด้วย
จริง ๆ มันก็ยังมีอีกหลายโปรแกรมเลยนะ ที่เอา Subscription Model มาใช้ อย่าง Office หรือ Adobe เอง เราจะเห็นว่า มันไม่ได้แพงเลยนะ ถ้าเราเอามาใช้งานจริง ๆ หรือถ้าเราไม่ค่อยได้ใช้งาน เราก็กดมาเฉพาะตอนเราจะใช้ เมื่อเราใช้เสร็จ เราก็แค่ไม่ต้องต่ออายุมัน พอจะใช้ก็กดใหม่เท่านี้เอง มันไม่ได้เสียเงินเยอะอะไรเลย
Setapp เป็นบริการให้เช่า Software ตัวนึง ที่เราว่ามันคุ้มค่าที่จะซื้อติดไว้มาก เพียงเดือนละไม่กี่ร้อย (ยิ่งถ้าเป็นนักศึกษา ก็ Game เลย ราคามันถูกมาก ไม่ถึง 200 บาทต่อเดือนเท่านั้น) แต่มันมากับ App มากมาย ที่น่าจะครอบคลุมการใช้งานได้เยอะมาก ๆ ไม่ว่าเราจะเป็นคนทั่ว ๆ ไป หรือทำงานเฉพาะทางบางอย่างและ App ก็ไม่ได้มีเท่านี้นะ มันก็ยังมีอัพเดทเข้ามาให้เราได้ใช้เรื่อย ๆ เลย ดีกว่าการที่เราไปโหลดเถื่อนเยอะเลยเนอะ ก็แนะนำให้ลองเลย
สุดท้ายก็ขอขอบคุณ Setapp สำหรับการสนับสนุนบทความนี้ด้วย ดีใจมากๆ ที่ได้มาเป็นสปอนกับบล็อค arnondora ครับ
หลังจากผ่านไป 3 ปี ในที่สุดวันที่เรารอคอยกันก็มาถึง iPad Mini ออกรุ่นใหม่แล้วแกร แต่เอ๊ะ หน้าเดิมนิ แล้วมันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง และส่งผลกระทบต่อการใช้งานอย่างไรบ้าง วันนี้เราได้ทดลองใช้แล้วจะมารีวิวให้อ่านกัน...
หนึ่งใน Feature ใหม่ที่เปิดออกมาทั้งใน macOS Sequoia, iPadOS 18 และ iOS 18 คือ App ที่ชื่อว่า Password เป็น Password Manager ของ Apple วันนี้เราได้ทดลองใช้งานมันมาประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว จะมาเล่าให้อ่านกันว่าอาการมันเป็นยังไง มันทำให้ชีวิตเราเหนื่อยขึ้นได้อย่างไร...
เป็นประจำในทุก ๆ ปีที่ Apple จะเปิดตัว macOS Version ใหม่ออกมาให้ผู้ใช้ Mac ได้ Upgrade กัน ในปีนี้เอง Crack Marketing Team ก็ทำหน้าที่ของตัวเองในการออกไปหาชื่อใหม่ให้กับ macOS ในปีนี้ชื่อว่า macOS Sequoia จะมี Feature อะไรเด็ด ๆ บาง วันนี้เรารวมเอามาเล่าให้อ่านกัน...
หลังจาก Apple เปิดตัว iOS18 และ iPadOS18 วันนี้เราจะมาเล่าพวก Feature ต่าง ๆ ที่เราได้ทดลองใช้งานมาหลายวันพร้อมกับบอก Use Case การใช้งานต่าง ๆ ว่ามันเอามาทำอะไรได้บ้าง...