By Arnon Puitrakul - 26 มิถุนายน 2023
แบตสำรองเป็นไอเท็มที่หลาย ๆ คนพกกันเยอะมาก แต่สำหรับเราเอง เมื่อก่อนใช้ iPhone 13 Pro Max เรื่องแบตไม่ใช่ปัญหาเลย แต่พอมาใช้ iPhone 14 แบตไหลเป็นน้ำเลยค่าา และยิ่งถ้าเราต้องออกไปเที่ยวที่ไม่มีโอกาสได้เสียบชาร์จระหว่างวัน ก็อาจจะไม่พอ เลยมองหาพวกแบตสำรองขนาดเล็ก ๆ น้ำหนักเบา ๆ ไม่ต้องอะไรมาก เลยมาเจอ ORSEN EW50 ที่วันนี้เราจะเอามารีวิวให้ทุกคนได้ดูกันในวันนี้
เริ่มจากการแกะกล่องกันก่อนละกัน ของที่ดูเด่นขึ้นมาเลยนะคือ สติ๊กเกอร์ มอก. สำคัญมาก ๆ นะ ของแท้เขาจะต้องมีสติ๊กเกอร์ มอก. นะ พวกของปลอมมันเยอะมาก จะซื้อต้องระวังมาก ๆ
ตัว ORSEN EW50 เขาจะมีทั้งหมด 3 สีอย่างที่เห็นในรูปด้านบน เวลาไปซื้อให้ดูที่หน้ากล่องได้เลย จะมีรูปที่มีสีของตัวแบตให้เราเรียบร้อย ด้านบนมีการพิมพ์ว่า เป็น แบตสำรองแบบไร้สายสำหรับ iPhone 12 และ 13 แน่นอนว่า เพราะมันรองรับ Magsafe นั่นเอง
ด้านหลังของกล่อง มันก็จะเป็นพวกสเปกต่าง ๆ ของตัวแบต ถ้าเราอ่านขำ ๆ เราจะเห็นว่า แบตมันขนาดแค่ 4,200 mAh เท่านั้น ถือว่า ไม่ได้เยอะอะไรมากมายเลยนะ ชาร์จ iPhone ได้สักครั้งนิด ๆ ก็หมดแล้วละ กับพวก Input/Output Power ก็ไม่ได้สูงอะไรมากมาย 15W เท่านั้นเอง แต่แลกมากับน้ำหนักหลังกล่องเคลมไว้ที่ 86 กรัมเท่านั้น
ด้านข้าง เขาก็จะมีรูปของตัวแบตกับโทรศัพท์ให้เรา อย่างในรูปด้านบน จะเป็นกล่องของแบตสีเทา ถ้าเป็นสีอื่น เขาก็จะเปลี่ยนไปตามสีแบตในกล่องนั้น ๆ ด้วยนะ เป็นเรื่องที่เราไม่คิดว่า คนที่ทำของราคาไม่เท่าไหร่ เขาจะใสใจกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
อีกข้าง ก็จะเป็น Barcode บอกพวกเลข Model และสี พร้อมกับมีสติ๊กเกอร์บอกสี ที่เห็นเป็นขาว ๆ กลม ๆ อยู่ข้าง ๆ ถ้าเป็นสีอื่นก็จะเป็นสีตามแบตเลย เนี่ย ปกติผู้ผลิตทั่ว ๆ ไป เขาก็ทำแค่นี้แหละ ใช้สติ๊กเกอร์แปะให้รู้แค่นี้ แต่ไม่คิดว่าเขาจะทำรูปกล่องที่แตกต่างกันเลย
กล่องมาเป็นกลไกง่าย ๆ แบบกล่องสินค้าสมัยใหม่คือ การยกเพื่อเปิด ด้วยความที่แบตมันไม่หนักมาก ทำให้อาจจะเปิดยากไปหน่อยมันดูดแรง เมื่อเปิดออกมา เราจะพบกับ แบตที่ใส่อยู่ในถุงอย่างดีป้องกันพวกรอยจากการขนส่งที่อาจจะเกิดขึ้น
เอาแบตออกมา เห๋ ตอนแรกคิดว่า หรือเพราะเราใช้กล่องกลับหัวหว่า พลิก ๆ ดู ไม่กลับนี่หว่า ก่อนหน้านี้ที่บอกว่า ชอบในการลงรายละเอียด มาเจอเลยครับ เล็ก ๆ น้อย ๆ เนอะ โอเคมันเป็นกล่องสำหรับใส่พวกอุปกรณ์เสริมที่แถมให้กับพวก Paperworks ต่าง ๆ
ของที่เราจะได้เพิ่มมาอีกจากซ้ายไปขวา คือถุงผ้าสำหรับใส่ Battery เวลาเราเดินทาง มันจะได้ไม่ไปกระทบกับของชิ้นอื่นจนเป็นรอย สาย USB-C to Lighting สำหรับเสียบจากแบตไปที่โทรศัพท์เผื่อ เราต้องการชาร์จเร็วก็ใช้สายแทนได้ และสุดท้ายสาย USB-C to USB-A สำหรับการชาร์จไฟกลับเข้า Powerbank
เราบอกเลยว่า เราแอบชอบสาย USB-C to Lighting มาก ๆ มันสั้น ๆ ออกมายาวให้พอดีกับที่ต้องใช้เป๊ะ ๆ ไม่เกะกะเวลาใช้งานเลย ส่วนเรื่องคุณภาพอะอีกเรื่อง เราคิดว่ามันไม่ได้คุณภาพดีอะไรมาก มันก็ตามราคา ถามว่าใช้ได้มั้ย ได้เลย ไม่มีปัญหา แต่ในระยะยาวคือ หลาย ๆ ปี เราว่า เราก็น่าจะเปลี่ยน Powerbank ก่อนแล้วมั้ง
กับสาย USB-C to USB-A พวกงานวัสดุอะไรเหมือนกับสายเส้นก่อนหน้าเลย แต่พอมันยาว ๆ ไม่รู้นะ จับแล้วรู้สึก Cheap แปลก ๆ แต่เอาเถอะช่างมัน กับ การที่ให้เป็น USB-A เราว่ามันแอบล้าสมัยไปหน่อย เพราะ iPhone เดี๋ยวนี้เขาจะได้ Adapter เป็น USB-C มาหมดแล้วละ การมีสาย USB-A เราว่ามันทำให้ยุ่งยากไปหน่อย แต่เรื่องที่เราชอบคือ พลาสติกตามหัวตรงที่เราขับ มันทำมาให้จับแล้วรู้สึกแข็งแรงดีมาก ๆ ไม่น่าจะพังง่าย ๆ แน่
กับถุงใส่ เราว่าเป็นมาตรฐานของ ORSEN อยู่ละ ถุงเหมือนกันหมด อาจจะต่างที่เรื่องของขนาดอะไรก็ว่าไป เป็นเหมือนใยสังเคราะห์จับ ๆ แล้วฟิลมันจะเหมือนแผ่นพลาสติกหน่อย ๆ กับมีการสกรีนคำว่า ORSEN และ eloop ด้วย ใช่แล้ว ORSEN คือ Brand จาก eloop ที่ผลิต Powerbank คุณภาพดีอยู่แล้ว ดังนั้น เรื่องคุณภาพเราไม่ต้องห่วงเลย
ถ้าเราเอาพวกแบตกับสายใส่เข้าไป เขาก็จะมีเชือกรูดปิดกันมันหล่นออกจากถุงให้ด้วยนะ เรียกว่า เป็นถุงที่ใช้งานจริงได้แบบสบาย ๆ แถมสียังเรียบ ๆ ไปกับของได้ง่ายมาก ๆ ถูกใจ
เราสามารถเอาของทั้งหมดใส่ลงไปในถุงได้เลย โดยที่ไม่ต้องยัดเลยนะ
เรามาเริ่มแกะพระเอกของเรากัน อ้าว ไม่ได้ติดอะไรมาเลย แค่ใส่ลงไปในถุงเฉย ๆ โอเคแหละ ไม่ได้มีปัญหาอะไร
อันที่เราแกะในรอบนี้ เป็นสีน้ำเงิน ดูดีมาก ๆ ด้านหน้าที่เราเห็นจากในรูป จับแล้วมันฟิลดีมาก ๆ มันไม่ได้เป็นพลาสติกเฉย ๆ นะ เราไม่รู้มันคืออะไร แต่มันมีความยาง ๆ นิด ๆ มันไม่ได้เหนียว ๆ และมันไม่ได้ลื่นปรืดนะ มัน Firm Grip มาก ๆ จับแล้วดีมาก กับมีการพิมพ์ Brand ORSEN ลงไป อันนี้ที่เราแอบกังวลนิดหน่อย เราว่า ถ้าใช้ ๆ ไป ตัว Brand มันจะลอกได้ แล้วมันจะไม่สวยเท่าไหร่
ด้านหลัง จะเปลี่ยนจากวัสดุยาง ๆ ลื่น ๆ นิด ๆ มาเป็นพลาสติกเงาเต็มที่เลย ทำให้เราค่อนข้างกังวล เรื่องรอยขนแมวมาก ๆ แต่ถามว่า เดือดร้อนมั้ยก็ไม่นะ เพราะส่วนนี้เวลาเราใช้งาน มันจะถูกติดเข้ากับโทรศัพท์จากแม่เหล็ก Magsafe ที่เป็นวงสีเทา ๆ และ ด้านล่างก็จะเป็นพวกรายละเอียด Specification ของตัว Power Bank นี้ สำคัญนะ ต้องมี มอก.
แบตก้อนนี้คือ เราถ่ายตอนที่เราแกะพร้อม ๆ กับตอนที่เขียนรีวิวนี้เลยนะ เอาออกมาจากถุง มันมีเหมือนเทปใสติดอยู่ที่ตัวแบต อันนี้เราว่า น่าจะเกิดจากความไม่ละเอียดของโรงงานที่ปล่อยให้มันติดมา ก็ดึงออกไป แต่สิ่งที่ทำให้เห็นคือ เราว่า จาก Process ที่โรงงานไม่ได้มี การ QC วัสดุที่ติดมาอย่างมีประสิทธิภาพเท่าไหร่
ด้านบน จะมีการยิง วันที่ผลิต ดูจากวันที่แล้ว ถือว่าไม่แย่เลยละ เพราะว่า วันที่เราแกะคือเดือน 5 ของปี 2023 แล้วแบตนี้ผลิตในเดือน 1 ของปีเดียวกัน อาจจะเพราะว่า แบตตัวนี้มันขายดีด้วยแหละ เลยทำให้ของมันวนค่อนข้างเร็ว เราเลยได้แบตก้อนที่ค่อนข้างใหม่มาก ๆ นั่นเอง
และด้านล่าง ก็จะเป็นช่องสำหรับเสียบชาร์จตัวแบต หรือจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ก็ได้เหมือนกัน เป็น USB-C ด้วยนะ ด้านซ้ายของ Port จะเป็นปุ่มสำหรับกดเปิดด้วย อันนี้คือ เราชอบมาก เพราะปกติ เวลาเราใช้แบตที่ชาร์จ Wireless ได้ มันชอบไม่มีปุ่มเปิดปิด วางปุ๊บชาร์จเลย บางทีเราไม่ต้องการอะไรแบบนั้นเท่าไหร่ การมีปุ่มช่วยได้เยอะ และ ด้านขวาสุดก็จะเป็นไฟแสดงปริมาณไฟที่เหลือในแบต
เรามาเริ่มกันเรอะ เราใช้งานกับ iPhone 14 Pro ไม่ Max นะ ขนาดของแบตกับตัวเครื่องเรียกว่า พอดีใช้ได้เลยละ ถ้าเทียบ เราว่าน่าจะพอ ๆ กับ Card Holder ของ Apple เลย โดยรวมใส่กับเครื่อง เราว่าอย่างสวยเลยนะ แล้วมันติดแน่นด้วยนะ ส่วนนึงเป็นเพราะเคส Magsafe ด้วย กับ ที่มุมของด้านที่แปะกับโทรศัพท์เรา เขาใส่ยางไว้ด้วย ทำให้โอกาสท่ีมันจะลื่นไหลก็น้อยลงไปอีก
ตัวแบต มันก็ไม่ได้หนามาก ทำให้เรายังสามารถที่จะ จับโทรศัพท์ตามปกติได้เลย โดยที่เรายังสามารถใช้งานโทรศัพท์ได้ถนัดเหมือนเดิม แต่ถ้าเราไปใช้พวก Pro Max ที่เครื่องใหญ่ ๆ อาจจะทำให้ใช้งานยากนิดนึง เพราะเดิมที่เครื่องมันใหญ่อยู่แล้ว แล้วโดนระยะแบตเข้าไปอีก แหละ แต่สำหรับเรา เราโอเคเลย
ส่วนถ้าเราต้องการ ความเร็วในการชาร์จที่สูงขึ้น เราสามารถเสียบสายได้ โดยใช้สายที่เขาให้มาเส้นสั้น ๆ นั่นแหละ เสียบเข้าไปได้ ทำให้เราสามารถชาร์จได้ 12W ไปเลย
เราชอบสายเส้นนี้มาก เพราะมันทำมาพอดีกับการเอามาเสียบแล้วมันไม่รกรุงรังเลย ชอบมาก ๆ
ในแง่ของการชาร์จเข้าโทรศัพท์ มันรองรับการชาร์จผ่าน Magsafe ได้ 7.5W ตามมาตรฐานของ Magsafe เอง หรือถ้าเราใช้โทรศัพท์ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่รองรับ Qi Wireless Charge จะชาร์จได้สูงสุด 15W เลย แต่ ๆ ถ้าเราใช้ iPhone แล้วเราอยากจะชาร์จได้ 12W ก็ถือว่าไม่ได้เร็วมากเท่าไหร่ เน้นการเสียบทิ้งไว้นาน ๆ เลย เพราะอย่าง iPhone 14 Pro เอง มันชาร์จได้เร็วสุดที่ 30W แต่อันนี้ได้ 12W ยังไม่ถึงครึ่งเลย
สำหรับการชาร์จเข้า เราสามารถเสียบผ่าน USB-C ช่องเดิมนี่แหละ โดยจะรับกำลังได้สูงสุดที่ 13.5W ด้วยกัน ถามว่าช้ามั้ย ก็ช้าแหละ แต่อย่าลืมว่า แบตเขามีแค่ 4,200 mAh เท่านั้น ดังนั้นมันน่าจะใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่เหมือนกัน
ถามว่า แบตขนาด 4,200 mAh มันชาร์จ iPhone 14 Pro ของเราได้กี่รอบ ถ้าดูจากตัวเลขเลย ก็น่าจะชาร์จได้ประมาณรอบกว่า ๆ เท่านั้นเอง หัก ๆ พวก Loss หลาย ๆ อย่าง คร่าว ๆ ก็น่าจะทำให้เราชาร์จได้แค่รอบเดียวเท่านั้นเอง ซึ่ง น่าจะเพียงพอต่อการใช้งานใน 1 วันแล้วละ
หรือ ถ้าเราใช้ iPhone 14 Pro Max แบตมันเลขไป 4,323 mAh เลย ซึ่งเกินความจุของ EW50 ไปหน่อยแล้วละ ทำให้มันก็จะชาร์จได้ไม่ถึงครั้งเท่านั้นเอง
เมื่อเราเอามาใช้งานจริง ๆ แล้ว กับ iPhone 14 Pro เราไม่ได้วัดนะว่ามันงอกขึ้นมาเท่าไหร่ เพราะมันขึ้นกับการใช้งาน ณ ตอนที่เราเสียบชาร์จด้วย แต่สิ่งที่เรารู้สึกคือ เหมือนแบตมันน้อยมาก ๆ กว่าที่เราคำนวณไว้เยอะมาก ๆ ส่วนนึงคือ เมื่อเราชาร์จไป ไม่ว่า เราจะเสียบชาร์จกับโทรศัพท์ หรือ เราเสียบชาร์จกลับเข้าไป มันจะร้อนมาก ๆ แต่ตัวแบตไม่ได้ร้อนนะ แต่เราว่ามันน่าจะร้อนที่ภาคจ่ายไฟ ก็แอบไม่น่ารักเท่าไหร่เหมือนกัน ขนาดเราเอาไปใช้ที่ญี่ปุ่นอุณหภูมิประมาณ 16 องศา ใช้ ๆ ไปจับแล้วยังมีอุ่น ๆ เลย กลัวว่าใช้ที่ไทย น่าจะมีร้อนมากแน่ ๆ
ORSEN EW50 เป็น Powerbank หรือแบตสำรองที่เน้นความคล่องตัวในการใช้งานสูงมาก ๆ ด้วยน้ำหนักที่ 86 กรัมเท่านั้นเอง ขนาดที่เล็กพอ ๆ กับ Card Holder เท่านั้นเอง และยังรองรับการชาร์จไร้สายทั้ง Magsafe และ Qi Wireless แต่ทั้งหมดนี้ ก็แลกมากับ ความจุ และ กำลังในการชาร์จที่ต่ำมาก ทำให้มันเหมาะกับการชาร์จโทรศัพท์สักรอบนึงในวันนึง น่าจะเป็นแบตที่เราจะต้องชาร์จทุกวันพร้อมกับโทรศัพท์เลย ทั้งหมดนี้ เรากำลังพูดถึงราคา 3 หลักเท่านั้น เลยทำให้เป็นตัวที่น่าเล่นมาก ๆ สำหรับคนที่ใช้ iPhone
เวลามันผ่านไปเร็วมาก ๆ เรายังจำวันที่ Macbook Pro M1 Max ของเรามาส่งที่บ้านได้อยู่เลยว่า เรารู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ เวลาผ่านไป 3 ปี หมดประกันเรียบร้อยแล้ว วันนี้เราจะมาเล่ากันว่า สภาพตอนนี้มันเป็นอย่างไร และยังจะสามารถใช้ได้อีกนานหรือไม่...
ไหน ๆ Apple Watch เข้าเลขสองหลักกันแล้ว มีหรือเราจะพลาด เพื่อเป็นการฉลองก็เลยจัดมาเลยเรือนนึง เป็น Apple Watch เรือนที่ 3 ของเราละ ผ่านมา 10 Series จะมีอะไรใหม่ ใส่แล้วเป็นอย่างไร วันนี้เราจะมารีวิวเล่าให้อ่านกัน...
จาก Part ที่แล้วเราเล่าไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ยังขาดประเด็นสำคัญนั่นคือ Performance ของ M4 Max ว่า มันเข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงาน หรือทำให้การทำงานของเราเร็วขึ้นได้อย่างไร วันนี้จะเน้น Benchmark และพยายามมาหาสาเหตุกันว่า ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นกัน...
หลังจาก Apple Transition ไปสู่ Apple Silicon มาจนถึงจุดที่การเปลี่ยนผ่านเสร็จสิ้น เราก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับ Apple Silicon อีกเลย จนกระทั่งตอนที่ M4 ออกนี่แหละ ที่เราคิดว่า มันถึงจุดที่ใช่ละ ฤกษ์มันมาแล้ว ก็จัดเลยสิครับ มาดูกันว่าฤกษ์มันจะตรงอย่างที่เราคิดหรือไม่...