By Arnon Puitrakul - 09 มกราคม 2019
จริง ๆ รีวิวของ Mi Power Bank Pro จะออกนานและ แต่ไม่มีเวลามานั่งเขียนสักที จนได้ข่าวว่า Xiaomi ออก Mi Power Bank 3 มาเท่านั้นแหละ ชิบหาย หลังหักไปอี๊ก เพราะมันสามารถชาร์จ Macbook Pro ได้เลย เข้ !!! ที่ตรูอุตส่าห์ซื้อตัว Pro มาแต่แรก ก็เพราะ Fast Charge นี่แหละ ออกรุ่นใหม่มาที ใจสลาย.... 💔
มาเริ่มแกะกล่องกันเลย กล่องมันก็มาแบบเรียบง่ายมาก ไม่ใหญ่เกินไป บอกได้เลยว่าตัว Power Bank มันบางขนาดไหน
พลิกกลับไปด้านหลัง เราก็จะพบกับ สติ๊กเกอร์ที่ถ้าดึงออกมามันจะมีรหัสเพื่อให้เราเอาไปเช็คกับเว็บของ Xiaomi ได้ว่า อันที่เราซื้อมาเป็นของจริง โดยเลขตัวนี้ถ้าจำไม่ผิด ถ้าเรากดเช็คไปแล้วครั้งนึง มันจะเช็คไม่ได้แล้ว เพื่อป้องกันการคัดลอกนั่นเอง ดังนั้น เวลาซื้อมาก็ควรจะเช็คทุกครั้งนะ เพื่อให้เรามั่นใจได้ว่า เป็นของแท้ และ จัดการกับพวกขี้ก๊อปด้วย ส่วนด้านล่างก็จะเป็นสเปกต่าง ๆ ที่เป็นภาษาจีน อ่านไม่ออกโว้ยยย
เปิดกล่องมา อย่างแรก เราจะเจอกับคู่มือ ที่ เป็น ภาษา จีน อ่าน ไม่ ออก โว้ยยย ก็เลยช่างมันไป เหอะ ๆ ดูคราว ๆ แล้วมันก็น่าจะเป็นวิธีใช้ต่าง ๆ นั้นแหละ แต่ด้วยความที่ Power Bank การใช้งานมันไม่น่ายากอยู่ละ ก็ข้าม ๆ ไป พยายามอ่านเดี๋ยวเกิน 8 บรรทัดขึ้นมาทำยังไงฮ่ะ !!
มาถึงพระเอกกันแล้วนั่นคือ ตัว Power Bank นั่นเอง ตัวของมันจะทำจากอะลูมิเนียมขัดสีทำ ให้สัมผัสเวลาเราจับจะเหมือนกับ Macbook เลย ลื่น ๆ เย็น ๆ ดูเรียบหรูใช้ได้เลย ด้านหน้าก็จะมีโลโก้ของ Xiaomi อยู่อันเดียวแค่นั้นเลย
ด้านหลังก็ไม่มีอะไรเลย นอกจาก mi.com อยู่ด้านล่างเท่านั้นเลย จัดเป็นงานออกแบบที่เรียบโคตร ๆ
สำหรับด้านล่าง ก็จะบอก Specification ต่าง ๆ จากเจ้าแบตเตอรี่ตัวนี้ เช่น มีความจุทั้งหมด 10000 mAh และ Input & Output เท่าไหร่อะไรประมาณนั้น แน่นอนว่า มันเป็นภาษาจีน แงงง ก็ผ่านไป ฮ่า ๆ
มันจะมีรอยหน่อยนะ เราทำตก แงงงง TT
Port การเชื่อมต่อ จากซ้ายไปขวาเลยนะ ก็จะมีปุ่มสำหรับเช็คปริมาณไฟที่เหลือ โดยจะแสดงผลผ่านไฟ LED 4 จุด ถัดไปเป็น USB-C สำหรับชาร์จไฟเข้า และสุดท้ายคือ USB-A สำหรับเอาไฟออกให้อุปกรณ์
สุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลย นั่นคือ สายชาร์จ ยี่ห้อนี้ใจดีแถมสายชาร์จมาให้ด้วย โดยจะเป็นสายสั้น ๆ สีขาว ราว ๆ 30 cm ได้มั่งนะ โดยหัวมันจะเป็น USB-A เป็น Micro-USB ถ้าดูดี ๆ มันคือ USB-C นิ ใช่ฮ่ะ เขาแถมหัวแปลง USB-C มาให้ต่างหาก ที่เราชอบของมันคือ หัวแปลงเขาทำมาดีมาก เพราะมันมียางกันหาย คืิอ มันจะมียางอยู่ที่ข้อของสาย แล้วเชื่อมกับหัวแปลง พอเวลาเราจะใช้ Micro-USB เราก็ดึงหัวแปลงออกมา แล้วห้อยไว้กันก็ไม่หายแน่นอน ชอบอันนี้มาก ๆ ดูคิดมา ส่วนการเชืี่อมต่อ ทำมาค่อนข้างดีเลยละ แน่นหนาใช้ได้ ไม่มีหลวมหลุดกลางทางแน่นอน
มาดูสเปกของเจ้าตัวนี้กันเลยดีกว่า Mi Power Bank Pro มาพร้อมกับความจุขนาด 10000 mAh ถ้าถามว่ามันคือขนาดไหนก็ อย่างเราใช้ Samsung Galaxy Note 9 ที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4000 mAh ก็ชาร์จได้ 2 รอบกว่า ๆ เลย หรือ iPhone XS ที่น่าจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 2658 mAh ก็ชาร์จได้มากกว่านั้นอีก ดังนั้นก็สบายใจหายห่วงได้ ถ้าเอามาใช้กับโทรศัพท์ ชาร์จได้เกิน 2 รอบแน่นอน
ส่วนชาร์จกับ Tablet นั่นก็อีกเรื่องนึง อย่าง iPad Pro 10.5 inch ที่เราใช้อยู่ก็มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 8134 mAh กันเลย ทำให้ Power Bank ตัวนี้ชาร์จได้รอบกว่า ๆ ก็ไม่รอดแล้ว
ไปที่เรื่องของไฟเข้าและออกกันบ้าง อันเนื่องมาจาก เราอ่านภาษาจีนที่อยู่บนตัว Power Bank ไม่ออก เราก็ไปเปิดเว็บของ Xiaomi มาให้ละกัน ตัวนี้ ทั้งไฟเข้าและออกใช้สเปกเท่ากันคือ 12V 1.5A, 9V 2A, 5V 2A นั่นคือ 18 Watts (รองรับที่ 12V 1.5A และ 5V 2A) และ 10 Watts ตามลำดับ ก็เอามาชาร์จ iPad ได้สบาย ๆ เลย แต่ก็ยังไม่ได้ Fast Charge ของ iPad จริง ๆ นะ เพราะอันนั้นมันต้องใช้ทั้งหมด 30 Watts กับสาย USB-C ด้วย แต่กับ Note 9 ก็น่าจะได้นะ เพราะ Adapter ที่มาพร้อมกับเครื่องก็มีความสามารถราว ๆ 15 Watts แต่อันนี้ได้ 18 Watts เวลาเสียบมันก็ขึ้น Fast Charge นะ ได้อยู่
ระหว่างการใช้ ความร้อนก็ไม่มากเลยนะ ขนาดเอามาชาร์จ iPad Pro 10.5 inch ก็ไม่มีอาการร้อนแต่อย่างใด มันแค่อุ่นแบบนิ๊ดเดียวเท่านั้น คือ แทบไม่รู้สึกเลยถ้าเอามันมาวางนอกกระเป๋า แต่ถ้าใส่แล้วชาร์จไว้ในกระเป๋า เวยลามาจับก็แอบมีอุ่นนิด ๆ เท่านั้นไม่ได้ร้อนเลย ดังนั้นไม่ต้องกลัวเรื่องความร้อนเลย
อ๋อ ลืมเลย เรื่องขนาด ถือว่าไม่ได้เล็กมาก ไม่ได้ใหญ่มาก จากรูป จะเห็นว่า กว้างเท่า Note 9 แต่สั้นกว่า Note 9 หน่อย น้ำหนักอยู่ที่ 223 กรัมเท่านั้น ไม่ได้หนักเลย สัมผัสที่จับก็รู้สึกว่างานประกอบดี แน่นหนาไม่มีชิ้นส่วนไหนขยับเลย แม้แต่ Port ที่ใช้มาหลายเดือนแล้วก็ไม่มีหลวมหรือขยับเลย งานดีมาก ๆ
บอกเลยว่า มันเป็น Power Bank ที่เราว่าคุณภาพมันดี คุ้มราคามาก ๆ ด้วยวัสดุที่เป็นอะลูมิเนียม CNC เลยมั่ง ทำให้มันเรียบหรู ในขณะเดียวกัน ก็คงทน และ ระบายความร้อนได้ดีมาก การใช้งานก็ดีมาก ๆ เพราะมันจบด้วยตัวของมัน
ตัวมันมาพร้อมกับสาย USB-A to Micro-USB ที่มีหัวแปลง USB-C มาให้ ทำให้เวลาเราใช้งานมันรู้สึกว่าง่ายมาก ๆ เพราะสายที่ให้มามันจบ พอจะเสียบเข้าโทรศัพท์ก็เอา ด้าน USB-A เสียบเข้า Power Bank และเอาด้าน USB-C เสียบเข้าโทรศัพท์ เวลาจะชาร์จ Power Bank ก็แค่ทำกลับกันเท่านั้นเอง และด้วยสายที่สั้นทำให้มันไม่รุงรังเวลาเดินไปชาร์จไปด้วย
ส่วน iPad อาจจะลำบากกว่าหน่อยเพราะต้องหยิบสายชาร์จของมันมาเอง อันที่มากับกล่องก็ใช้ได้เลยนะ ไม่ต้องไปซื้อเพิ่มแล้ว เวลาใช้งานของ iPad ด้วยความที่สายยาวมันก็อาจจะทำให้รุงรังได้ แต่ส่วนใหญ่เวลาเราจะชาร์จ iPad เราจะนั่งอยู่บนโต๊ะอะไรแบบนั้น ไม่ได้เดินไปชาร์จไป มันเลยไม่ได้รุงรังเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่ใช้ iPhone หรืออื่น ๆ ของ Apple แล้วจะเดินไปชาร์จไปก็อาจจะต้องหาวิธีจัดการกับสายที่ยาวหน่อยนะ (เว้น iPad Pro 2018 ตัวใหม่ที่เป็น USB-C ก็เสียบสายที่มากับ Power Bank ได้เลย)
เวลาในการชาร์จคืนให้เต็ม เราไม่แน่ใจเหมือนกันแฮะ เพราะเราไม่เคยลองจับเวลาเลย ปกติเราจะใช้ Adapter ของ Aukey แล้วเสียบช่องธรรมดา มันเลยน่าจะใช้เวลามากกว่าใช้พวก Fast Charge แน่ ๆ
ข้อควรระวัง คือมันเป็นรอยได้ค่อนข้างยาก แต่ถ้าเป็นทีมันชัดมากเลย เหมือนกับ Macbook อะ เป็นรอยยากนะ แต่ ถ้าเป็นทีนี่เสียโฉมเลย ดังนั้น แนะนำให้หากระเป๋าใส่มันให้ดีละกัน เป็นรอยมาแล้วจะหมดสวยหมดนะ และมันก็สกปรกง่ายด้วย ถ้ามือเรามีเหงื่อเยอะ ๆ ละก็ มันก็จะเป็นคราบเหงื่อติด แล้วต้องเช็ดออกเอานะ
Mi Power Bank Pro เป็น Power Bank ที่คุณภาพเกินราคามาก ๆ ทั้งตัววัสดุ งานประกอบ และ สเปก ที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันเราได้แบบสบาย ๆ เลย แต่จะไม่เหมาะกับคนที่ต้องเดินทาง แล้วต้องการใช้ไฟจำนวนมาก ๆ เท่าไหร่ ถ้าเป็นแบบนั้น เราแนะนำให้ไปซื้อตัวที่ไม่ Pro ดีกว่า เพราะความจุมันได้ถึง 20000 mAh เลยเยอะเป็น 2 เท่า ใช้ได้หลายวันแน่นอน แต่ตอนนี้ตัวไม่ Pro ออกรุ่น 3 มาแล้วไปซื้อรุ่นนั้นเถอะนะ ส่วนของที่เราซื้อมา ก็เราสั่งซื้อจาก Shopee นะ ราคาไม่แพง น่าลอง ๆ สำหรับวันนี้ก็สวัสดี
และตอนนี้เรามีเพจแล้วนะ ถ้าอยากติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และ Lifestyle ก็สามารถเข้าไปติดตามเราผ่านเพจ arnondora ได้เลยนะฮ่ะ 😁
หลังจากผ่านไป 3 ปี ในที่สุดวันที่เรารอคอยกันก็มาถึง iPad Mini ออกรุ่นใหม่แล้วแกร แต่เอ๊ะ หน้าเดิมนิ แล้วมันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง และส่งผลกระทบต่อการใช้งานอย่างไรบ้าง วันนี้เราได้ทดลองใช้แล้วจะมารีวิวให้อ่านกัน...
หนึ่งใน Feature ใหม่ที่เปิดออกมาทั้งใน macOS Sequoia, iPadOS 18 และ iOS 18 คือ App ที่ชื่อว่า Password เป็น Password Manager ของ Apple วันนี้เราได้ทดลองใช้งานมันมาประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว จะมาเล่าให้อ่านกันว่าอาการมันเป็นยังไง มันทำให้ชีวิตเราเหนื่อยขึ้นได้อย่างไร...
เป็นประจำในทุก ๆ ปีที่ Apple จะเปิดตัว macOS Version ใหม่ออกมาให้ผู้ใช้ Mac ได้ Upgrade กัน ในปีนี้เอง Crack Marketing Team ก็ทำหน้าที่ของตัวเองในการออกไปหาชื่อใหม่ให้กับ macOS ในปีนี้ชื่อว่า macOS Sequoia จะมี Feature อะไรเด็ด ๆ บาง วันนี้เรารวมเอามาเล่าให้อ่านกัน...
หลังจาก Apple เปิดตัว iOS18 และ iPadOS18 วันนี้เราจะมาเล่าพวก Feature ต่าง ๆ ที่เราได้ทดลองใช้งานมาหลายวันพร้อมกับบอก Use Case การใช้งานต่าง ๆ ว่ามันเอามาทำอะไรได้บ้าง...