By Arnon Puitrakul - 05 พฤษภาคม 2021
หลังจากรอบก่อนรีวิว Lamy 2000 ไป เป็นแท่งที่ชอบมาก ๆ เพราะโคตรสวย แน่นอนว่า การเริ่มมี 1 แท่ง แท่งต่อไปมันต้องตามมา ใช่แล้ว มันตามมาแล้ว กับ Lamy Studio มาในสี Glacier หรือภาษาไทยก็คือ ธารน้ำแข็งนั่นเอง ทำให้สีมันก็จะออกฟ้าหม่น ๆ คือมันสวยมากกกก นอกจากที่จะมารีวิวตัว Lamy Studio แล้ว เรายังสั่ง LH Nib ซึ่งเป็น Nib สำหรับคนถนัดซ้ายโดยเฉพาะเลย บอกเลยว่า คนถนัดซ้ายอย่างเราชอบมาก ๆ
ตัวกล่องจะเหมือนกับรุ่นอื่น ๆ ซึ่งต่างจาก Lamy 2000 ที่เราเคยรีวิวไปก่อนหน้านี้ ในรอบนี้จะเป็นลักษณะของกล่องธรรมดาแทน แต่วัสดุเหมือนกับกล่องของ Lamy 2000 เลยคือเป็นกระดาษที่ทำมาดีมาก ๆ จับแล้วรู้สึกดีมาก ๆ พร้อมกับการเจาะรูเป็นลาย พร้อมกับพิมพ์คำว่า Lamy ตรงกลาง ทำให้กล่องดูดีเข้าไปอีก แต่เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น เรามองว่ากล่องของมันแอบสู้ยี่ห้ออื่นที่มาเป็นลักษณะของกล่องจริงจังเลยไม่ได้
แกะออกมา เราจะเจออีกกล่อง อันนี้เป็นกล่องสีเทาผิวมันนิดนึง และมีการพิมพ์คำว่า Lamy ไว้อีกที นอกจากกล่องนี้ที่ให้มา เขายังให้หมึกสีน้ำเงินมาหลอดนึงด้วย
พลิกไปอีกด้าน เราก็จะเจอกับการพิมพ์เป็นเว็บของ Lamy อันนี้ไม่น่ามีอะไร แต่ถ้าใครซื้อมาแล้วไม่มี หรือไม่เหมือน นี่สิ พีคเลยนะ
เมื่อแกะกล่องออกมา เราจะเจอกับ ปากกาใส่ถุงพลาสติกอยู่ข้างใน
เมื่อเอาออกมาจากกล่อง ใช่แล้ว เขาใส่ถุงพลาสติกมา ซึ่งเราไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แต่ก็พอเข้าใจได้ เพราะมันไม่ใช่ตัวแพงเหมือนกับ Lamy 2000 แต่แหม่ สี Glacier ที่เป็น Limited Edition เลยนะ น่าจะทำกล่องมาให้ดี ๆ หน่อย
ทั้งกล่องเปิดมา เจอแต่กล่อง และ กล่อง และ กล่อง ฮ่า ๆ เป็นการแกะกล่องที่รู้สึกว่าเฉย ๆ มาก แต่แหม่ ก็ปากกาเนอะ แล้วก็มีหมึกสีน้ำเงินให้หลอดนึงอันนี้ปกติ โดยรวมรู้สึกเฉย ๆ ละกัน
Lamy Studio ตัวมันเองเป็นปากกาที่ออกแบบมาในรูปแบบที่ดูหรูหรา และ ทันสมัย เหมาะกับคนยุคใหม่ วัยรุ่นหน่อย ตัวด้ามทำมาจากสแตนเลสทั้งตัวเลย ทำให้เวลาเราจับแล้วบอกเลยว่ารู้สึกโคตรหรูหราเลย เมื่อรวมกับสี Glacier เป็นสีทำให้ดูหรู แต่ไม่แก่ ดูวัยรุ่นขึ้นมาหน่อย
ตัวฝา ทำมาได้ดีเลยทีเดียว คือเมื่อเราปิดฝาลงมา มันเหมือนมีสลักล๊อคฝาให้เข้าที่ ต่างจาก Lamy 2000 ที่กลไกมันนิ่มไปหน่อย ทำให้ไม่ว่าเราจะทำยังไง มันก็จะไม่หลุดหายแน่นอน อันนี้สำคัญ ปกติเป็นคนไม่ชอบใช้พวกปากกาที่มีฝา เพราะชอบทำหาย
ด้านบนของตัวฝา มีการพิมพ์คำว่า Lamy เป็นตัวขาว ๆ เล็ก ๆ เมื่อรวมกับสี Glacier มันกลืนกันไปหมดเลย จะต่างจากสี Terracotta ที่ทำให้คำว่า Lamy มันดูเด่นชัดขึ้นมา มันก็ขึ้นกับความชอบแหละ แต่เราชอบแบบที่มันกลืน ๆ มากกว่า มันดูมีรายละเอียดที่ต้องมอง ๆ ดี ไม่ได้เด่น ๆ ไปเลย
ด้านบนของฝาจะเป็นสแตนเลสแบบเงา อันนี้แหละที่เอาจริง ๆ มันทำให้ปากกาดูหรูนะ แต่เมื่อเราเอามาใช้งานจริง ๆ ถ้าเราเก็บไม่ดี ตรงนี้แหละ รอยขนแมวมันจะมา ทำให้มันดูไม่สวยเมื่อเวลาผ่านไป อันนี้ต้องระวังนิดนึง
ที่ท้ายของตัวด้ามก็ทำมาในลักษณะเดียวกับหัวเช่นกัน ใช้งานก็ระวัง ๆ หน่อยละ
ส่วนที่เหน็บกับกระเป๋าเสื้อ เรียกได้ว่าเป็น Style เฉพาะของ Lamy Studio เลย คือการทำมาในลักษณะที่เป็นทรงเรียวลงมาเหมือนสามเหลี่ยม ซึ่งทำให้มันดูทันสมัยมาก ๆ เลยทีเดียว
เวลาเหน็บลงไปในกระเป๋าเสื้อ ก็คือชอบเลยนะ เพราะมันเงา ๆ และการออกแบบของมัน ทำให้ดูแก่น้อยลงหน่อย ชอบตรงที่เหมือนมันบิด ทำให้ลักษณะที่เห็นจากด้านหน้ามันจะเป็นสัน ๆ หน่อย สวยมาก ๆ
ตัวฝาล๊อคค่อนข้างดี เป็นแง่งข้างในเลย ที่เวลาเราดึงออกมันจะต้องใช้แรงนิดหน่อย มากกว่าพวก Lamy 2000 เยอะเลย แต่มันทำให้เรามั่นใจมากขึ้นว่า ฝามันไม่หายไปแน่ ๆ อะนี้ชอบ แล้วครั้งแรกที่เราเปิดฝา มันน่าตื่นเต้นมาก เพราะเมื่อเราเปิดมันจะค่อย ๆ เห็นสีเงา ๆ แสดงถึงความเรียบหรูมาก ๆ
เมื่อเปิด และ เก็บฝาที่ท้ายของตัวด้ามแล้ว ทำให้ความยาวของมันสั้นลงนิดนึง พอเวลาจับแล้วมันก็จะค่อนข้างพอดีกับมือเรามาก ๆ มืออาจจะใหญ่ด้วยแหละ
ถ้าใครที่มือเล็กหน่อยก็อาจจะหลวม ๆ นิด แต่เรื่องของเส้นผ่านศูนย์กลางสำหรับมือเรา เราว่ามันแอบเล็กไปหน่อย แต่ก็ยังจับได้อยู่
ส่วนที่เราใช้วางนิ้ว มันก็ทำจากสแตนเลสขัดเงา เช่นเดียวกับ หัว และ ท้ายของตัวด้าม พอมันเป็นเงา ๆ ก็ทำให้ เวลาเราจับ มันก็จะเป็นรอยนิ้วมือ และ รอยขนแมวได้ง่ายมาก ๆ พอเวลาเขียน ๆ ไป เหงื่อที่มือ เราก็จะเริ่มออก มันก็จะแอบลื่น ๆ นิด ๆ และ คราบเหงื่อมันก็จะติดที่ตัวตาม ซึ่งมันก็จะทำให้ไม่สวย ก็ต้องหมั่นเช็ด ๆ หน่อยก็จะดีมาก
ตัวหมึกเวลาเราใส่ จะเป็นระบบทั่ว ๆ ไปคือ เราสามารถซื้อเป็นหลอดสำเร็จก็ได้ ซึ่งอันนี้จะเป็นหลอดที่มาในกล่องเลย จะเป็นสีน้ำเงิน ซึ่งหมึกหลอดสำเร็จ เราก็สามารถไปหาซื้อได้ตามร้านทั่ว ๆ ไปได้เลย
แต่ถ้าใครเขียนเยอะ ๆ หน่อย เราแนะนำไปให้ซื้อหลอดดูด กับขวดหมึกที่ทำให้เราสามารถ ซึ่งหมึกมาเป็นขวด ๆ และใช้หลอดในการดูดได้เลย ทำให้เราประหยัดมากขึ้น และ ช่วยลดขยะพลาสติกที่เอามาทำเป็นหลอดได้ แต่ในกล่องของ Lamy Studio จะไม่มีหยอดดูดมาให้ จะต้องไปซื้อมาเพิ่มเอง
Nib หรือบางที เราอาจจะเรียกว่า หัวปากกา มันเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่เป็นหัวปากกา มันเป็นตัวกำหนดเลยว่า เส้นที่เราวาดออกมามันจะเล็กจะใหญ่ มีความลื่น หรือกินกระดาษแค่ไหนก็ขึ้นกับชิ้นส่วนนี่แหละ
สำหรับ Lamy เองโดยปกติแล้ว เขาจะมีอยู่ทั้งหมด 4 ขนาดด้วยกันคือ EF, F, M และ B ไล่ตั้งแต่เล็กไปใหญ่เลย ตามความต้องการของเราเลย ซึ่งปกติแล้ว เราจะเลือกอยู่ที่ EF และ F เลยเพราะมันจะเป็นอันที่ให้เส้นคมกว่าตัวอื่น ๆ และ หมึกมันจะออกน้อยกว่า ทำให้คนถนัดซ้ายอย่างเรา เขียนแล้วสกปรกน้อยลงได้
นอกจากนั้น Lamy ยังมี Nib พิเศษอื่น ๆ อีกเช่น Nib ของ Lamy 2000 ที่เป็นทอง 14K อันนี้ก็จะให้ Character ที่ไม่เหมือนกับ Nib แบบอื่น ๆ อีก ชิ้นส่วนนี้แหละ ที่ทำให้การใช้งาน Fountain Pen ของเราน่าปวดหัวมาก ๆ
เมื่อก่อน เราเห็นเพื่อนใช้พวก Fountain Pen แล้วอย่างใช้มาก ๆ มันเท่ เขียนออกมาแล้วมันดูดีมาก ๆ แต่ด้วยธรรมชาติของปากกาพวกนี้ที่น้ำหมึกค่อนข้างเหลว และไม่แห้งเร็วเท่ากับปากกาประเภทอื่น ๆ เช่นลูกลื่น ทำให้เราที่ถนัดซ้าย มีปัญหาในการเขียนมาก ๆ เพราะถ้าเขียนแล้วติด มือเราก็จะถูกับกระดาษทำให้เขียนออกมาแล้วสกปรกมาก ๆ
นอกจากนั้น บางที เวลาเราถนัดซ้าย เขียนออกมาแล้ว บางที ถ้าเราใช้ปากกาที่ไม่ได้ดี เส้นมันจะขาดในบางครั้งเพราะเราเขียนกลับด้านกับคนที่ถนัดขวา ทำให้หมึกมันไม่ออก และ อาจจะกินกระดาษ ทำให้กระดาษ และ Nib เสียหายได้ ขนาดใช้ Lamy 2000 เราก็มีปัญหานี้บางทีเหมือนกัน ทำให้รำคาญด้วยตอนที่รีบ ๆ เขียน
จนเรามาคุยกับเพื่อน และทำให้รู้ว่า Lamy มี Nib สำหรับคนถนัดซ้ายด้วย คือ LH Nib หรือ Left-Handed Nib นั่นเองซึ่งเราจะต้องซื้อมาเปลี่ยนเอง ซึ่งเราก็ซื้อมาเปลี่ยนเลย
เราลองเอามาวาดเส้นเทียบกันระหว่าง LH Nib กับ Lamy 2000 Nib จะเห็นได้ว่า LH Nib จะให้เส้นที่ใหญ่กว่านิดนึง มันจะออกนวล ๆ กว่าหน่อย แต่ของ Lamy 2000 เราว่ามันแอบให้เส้นที่คมกว่าเยอะมาก ๆ ส่วนตัวเราชอบแบบ Lamy 2000 คม ๆ มากกว่า แต่ฟิลลิ่งเวลาเขียนเราชอบแบบ LH Nib มากกว่า ที่เวลาเขียนมันลื่นกว่าเยอะ กับ เขียนยังไง ก็ติด และ ลื่นเขียนสบายมากกว่าเยอะเลย
ลองเขียนภาษาอังกฤษดู ซึ่งปกติเราจะเขียนค่อนข้างถนัดกว่าภาษาไทยหน่อย ถ้าเราลองสังเหตุหน่อย เราจะเห็นว่า เส้นสีดำ ก็คือของ Lamy 2000 จะให้สีที่นิ่งกว่าเยอะมาก ทำให้ตัวหนังสือมันดู Solid กว่ามาก ลองเทียบดูกับเส้นสีน้ำเงินที่เขียนจาก LH Nib สีเส้น ตรงปลายมันจะเข้มกว่า เพราะเป็นส่วนที่เราจดหัวปากกาไป อีกจุดที่อยากให้เห็นคือ ความ Flow ของเส้น ตัวสีน้ำเงิน จะ Flow กว่าเยอะ เพราะเวลาเราเขียนมันรู้สึกลื่นกว่าเยอะ
มาดูที่ภาษาไทย เราจะยิ่งเห็นเลยว่า LH Nib มันให้เส้นที่ไม่ Solid มากเท่ากับ Lamy 2000 เลย ต่างกันเยอะเลยเช่น ขอไข่ มันจะดูเข้มมาก ๆ ไปทั้งตัวเลย แต่ถ้าไปดู ทอ ทหาร จะเห็นเลยว่า ที่ปลายสุดของตัวอักษร มันจะดูเข้มกว่าเยอะมาก หรือ จอ จานเองก็มาในลักษณะเดียวกัน คิดว่าน่าจะเป็น Character ของ Nib พวกนี้
Lamy Studio สี Glacier เป็นปากกาที่บอกได้เลยว่า ดูทันสมัย และ เรียบหรูได้ในแท่งเดียวกัน พร้อมกับวัสดุสุด Premium อย่างสแตนเลสทั้งแท่ง เรียกได้ว่าเป็นปากกาที่เราว่าเน้นการออกไปทำงานแบบ Casual หน่อย ๆ ส่วนระบบหมึกก็จะเป็นระบบหมึกแบบปกติเลย ที่เราสามารถเลือกได้ว่า เราจะใช้หลอดหมึกสำเร็จรูป หรือ เราจะซื้อหลอดดูดมาใช้ก็ได้เหมือนกัน ส่วน Nib แบบ LH ก็ทำให้ความถนัดซ้ายอย่างเรา เขียนได้ง่ายขึ้นมาก ไม่เจออาการเส้นขาดอีกเลย ดีมาก ๆ ถ้าใครที่ถนัดซ้าย และกลัวที่จะใช้ Fountain Pen อยู่ละก็ ลองมองหาหัวแบบ LH มาใส่ดูได้
เรากดจากร้านนี้เลย https://shopee.co.th/product/13666023/7344253053 ลองเข้าไปดูกันได้ แม่ค้าคุยดีมากเลย ลองติดต่อไปได้
หลังจากผ่านไป 3 ปี ในที่สุดวันที่เรารอคอยกันก็มาถึง iPad Mini ออกรุ่นใหม่แล้วแกร แต่เอ๊ะ หน้าเดิมนิ แล้วมันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง และส่งผลกระทบต่อการใช้งานอย่างไรบ้าง วันนี้เราได้ทดลองใช้แล้วจะมารีวิวให้อ่านกัน...
หนึ่งใน Feature ใหม่ที่เปิดออกมาทั้งใน macOS Sequoia, iPadOS 18 และ iOS 18 คือ App ที่ชื่อว่า Password เป็น Password Manager ของ Apple วันนี้เราได้ทดลองใช้งานมันมาประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว จะมาเล่าให้อ่านกันว่าอาการมันเป็นยังไง มันทำให้ชีวิตเราเหนื่อยขึ้นได้อย่างไร...
เป็นประจำในทุก ๆ ปีที่ Apple จะเปิดตัว macOS Version ใหม่ออกมาให้ผู้ใช้ Mac ได้ Upgrade กัน ในปีนี้เอง Crack Marketing Team ก็ทำหน้าที่ของตัวเองในการออกไปหาชื่อใหม่ให้กับ macOS ในปีนี้ชื่อว่า macOS Sequoia จะมี Feature อะไรเด็ด ๆ บาง วันนี้เรารวมเอามาเล่าให้อ่านกัน...
หลังจาก Apple เปิดตัว iOS18 และ iPadOS18 วันนี้เราจะมาเล่าพวก Feature ต่าง ๆ ที่เราได้ทดลองใช้งานมาหลายวันพร้อมกับบอก Use Case การใช้งานต่าง ๆ ว่ามันเอามาทำอะไรได้บ้าง...