รีวิว iCloud+ บริการ Subscription เพิ่มความปลอดภัยจาก Apple คุ้มมั้ยที่จะจ่าย

และรีวิวสุดท้ายของฝั่ง Apple กันแล้ว ไม่ใช่ Software Update แต่เป็นบริการใหม่ที่ Apple พึ่งออกมาเพิ่มให้ คือ iCloud+ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็คือ iCloud เดิมแหละ แต่เพิ่ม Feature ขึ้นมาอีก คือ Hide my Email, Secure Homekit Video และ Private Relay

Hide My Email

ปัญหานึงของเราเวลาใช้งานอินเตอร์เน็ตสมัยนี้คือ มันชอบขอเมล์เราไปเรื่อย ถ้าเราไม่ให้มัน มันก็จะไม่ให้เราเข้า สุดท้ายพอเราสมัครไป อะ โอเคถ้ามันแค่ส่ง Newsletter มาให้ มันก็โอเค เราแค่ Block มัน ลบมันไปเลย ก่อนที่เราจะเห็นมันก็พอ ได้อยู่ แหละ แต่ปัญหามันหนักกว่านั้น ถ้าเกิด บริษัท หรือเว็บที่เราให้ข้อมูลไปทำข้อมูลเราหลุดละ โอ้โห สนุกเลยนะทีนี้ เหมือนกับที่เราเห็นกันในข่าวช่วงนี้เยอะ ๆ เลย หรือพีคสุดคือ ครั้งสุดท้ายที่เราอ่าน Term and Agreement คือเมื่อไหร่ บางครั้งที่เรากด Accept ไป คือการอนุญาติให้ผู้ถือข้อมูล เปิดเผยข้อมูลต่อ 3rd Party ได้ พูดง่าย ๆ ก็คือ ขายข้อมูลให้กับพวก Data Broker นั่นแหละ ไป ๆ มา ๆ พวก Data Broker รู้เรื่องชีวิตเราดีกว่าตัวเราเองอีกมั้ง เพราะเราสร้าง Digital Footprint ไว้มหาศาลมาก ๆ

บริการ Hide My Email ที่อยู่บน iCloud+ จาก Apple จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเรื่องการให้อีเมล์เราได้เป็นอย่างดีเลย สิ่งที่มันทำคือ การ Generate Email ทิพย์ขึ้นมาตัวนึง และเราใช้อีเมล์นั้นแหละไปใช้งานได้เลย ถ้าเกิดเราบอกว่า เราไม่อยากยุ่งกับอะไรพวกนั้นแล้ว เราก็แค่ลบอีเมล์นั้นทิ้งไป ก็จบแล้ว อารมณ์เหมือน Relay Email ไม่ใช้ก็หดท่อทิ้งไป

โดยที่เมื่อ Email ถูกส่งมาที่ Email ทิพย์ที่เราสร้างขึ้น มันก็จะ Auto Forward มาที่ Email ที่เรากำหนดไว้ได้ ทำให้ปลายทาง หรือ คนที่ถือข้อมูลเราไม่รู้เลยว่า Email จริง ๆ ของเรามันคืออะไรกันแน่

การทำแบบนี้มันช่วยตัดปัญหาได้เยอะมาก ๆ ที่เราเจอในปัจจุบัน โดยเฉพาะ เรื่อง Spam ต่าง ๆ ที่บางทีเราไม่ได้สมัครด้วยซ้ำ เอาใหม่ เราไม่รู้จักอีบริษัทนี้ด้วยซ้ำ แต่ทำไมมันมีอีเมล์เข้ามาฟร๊ะ อะไรแบบนั้น

อย่างเคสที่เราเจอกับตัวเลย คือ Kohl's เลยอยู่ดี ๆ เราก็ได้ Email บอกว่า Email ของเรา Subscribe เข้ากับ Newsletter ของมันไป คือ เด่วนะ ชั้นไม่รู้จักแกด้วยซ้ำ แกมาได้ยังไง ชั้นไปสมัครตอนไหน อันนี้เราไม่รู้นะว่าใครได้อีเมล์ของเรามาจากไหนหรือฝั่งของห้างนั้นเอง แต่เขาก็ได้อีเมล์เราไปแน่ ๆ ละ ไม่งั้น เราจะไม่ได้ Newsletter แบบนี้แน่นอน การใช้ Hide my Email ในที่สาธารณะก็จะช่วยลดปัญหาทำนองนี้ไปได้บ้างแหละ

Secure Homekit Video

Secure Homekit Video เป็นบริการที่จะเก็บภาพจากกล้องวงจรปิด เข้าไปไว้ใน iCloud ทำให้เราสามารถที่จะดูวีดีโอ หรือ Live Feed จากที่ไหนก็ได้บนโลก ซึ่งกล้องส่วนใหญ่ที่เราเห็นตามท้องตลาด จะเป็นกล้องที่เสียบ Micro SD Card ซะเยอะ แล้วเชื่อมต่อกับ Server เพื่อให้เราเข้าไปดูได้ แต่มันก็มีโอกาสที่ Memory Card ของเราจะเสียหรืออีกหลายอย่างมาก ๆ หรือพวก Feature ที่ Advance หน่อย อย่างการใช้พวก Machine Learning ในการทำ Facial Detection และ Parcel Detection ต่าง ๆ พวกนี้การจะทำบนตัว On-Board ของกล้องเลยก็จะเป็นสิ่งที่ราคาสูงอยู่มาก ๆ ทำให้ผู้ผลิตกล้องหลาย ๆ เจ้าก็เลือกที่จะให้บริการเสริม ซื้อ Cloud Storage บวกกับ Feature ต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อให้ผู้ใช้ได้ประสบการณ์ที่ดีขึ้น แต่เอาจริง ๆ เราก็ไม่ชอบ เพราะถ้าเราส่งภาพขึ้น Cloud ไปเลย นั่นแปลว่า คนที่เขา Analyse ข้อมูลให้เราเขาก็ต้องเห็นภาพสิ ไม่มีความเป็นส่วนตัวเท่าไหร่เลย

แต่สิ่งที่ Secure Homekit Video เป็นคือ มันจะทำการ Encrypt หรือเข้ารหัสวีดีโอของเราก่อน แล้วค่อยเอาไปเก็บที่ Server ของ Apple เอง ทำให้ฝั่ง Apple ก็ไม่สามารถถอดรหัสภาพของเราได้เลย มีเพียงแค่เราเท่านั้นที่จะถอดรหัสกลับมาเป็น Video เหมือนเดิมได้

ซึ่ง Secure Homekit Video ถ้าเรา Subscribe iCloud+ เราจะใส่กล้องได้สูงสุดถึง 5 ตัวด้วยกัน โดยที่ Footage จะถูกเก็บที่ความละเอียดสูงสุดคือ 1080p เป็นเวลา 10 วันเท่านั้น ทำให้เราสามารถดู Footage ย้อนหลังได้แค่ 10 วันเท่านั้น อ่อ แล้วก็วีดีโอที่เก็บ จะไม่ได้ถูกนับพื้นที่ในการใช้งาน iCloud ของเรานะ

Private Relay

บริการที่เพิ่มเข้ามาสุดท้ายคือ Private Relay เป็นบริการที่ ณ วันที่เขียนไม่ได้เปิดให้ใช้งานในประเทศไทยนะ ถ้าเรากดดูรายละเอียดมันจะบอกเลยว่า มันไม่ให้บริการในประเทศไทย เพราติดปัญหาเรื่องของกฏหมายและข้อบังคับ ซึ่งรู้เลยนะครับว่า.... อะแหม่ ทำไมถึงเปิดไม่ได้

Private Relay เป็นบริการที่เรียกได้ว่า เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับเรายามเราท่องไปในโลกของอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างมาก ภายในมีวิธีการที่ทำให้สามารถปิดปัง IP Address และ Geolocation (ได้เป็น Approximate Location แทน) ของเราไว้ได้ ทำให้เรามั่นใจได้ว่า เราจะไม่โดน Tracking จาก IP Address ต่าง ๆ ที่เว็บต่าง ๆ มักจะมีการเก็บเพื่อใช้เป็นข้อมูลในเชิงธุรกิจต่าง ๆ เป็นเหมือน Digital Footprint ในโลกอินเตอร์เน็ตของเรา วิธีการทำงานจริง ๆ ของมันจริง ๆ มันน่าสนใจมาก ๆ เดี๋ยวเราจะเขียนแยกออกเป็นอีกบทความออกมาละกัน ไม่งั้นยาวมาก พร้อมกับ Alternative Solution ด้วย

ราคาละ ?

iCloud+ จริง ๆ ก็คือ iCloud เดิมนั่นแหละที่จ่ายเงิน จากเดิมจ่ายเงินแล้วจะได้แค่พื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลเพิ่ม ก็เพิ่มบริการที่เราเล่ามาลงไปด้วยเลย ในไทยเรา มีหลาย Package ให้เราเลือก ตั้งแต่พื้นที่การจัดเก็บบน iCloud 50GB ใช้บริการที่เราเล่ามาได้ทั้งหมดเลย ยกเว้นแค่ Secure Homekit Video ที่ใส่กล้องได้แค่ตัวเดียว เสียค่าบริการเดือนละ 35 บาทต่อเดือนเท่านั้นเอง เริ่มต้นราคาดีมาก ๆ ได้ทั้งหมดนี่คือโคตรคุ้มเอาจริง แต่ถ้าเราบอกว่า 50GB ไม่พอ เราสามารถเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บถึง 200 GB และใช้ Feature ที่เราเล่ามาได้ทั้งหมด พร้อม Secure Homekit Video ได้ 5 ตัวเลย เดือนละ 99 บาทเท่านั้น หรือ ถ้าอยากเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บเข้าไปอีกถึง 2 TB ก็จะเสียเดือนละ 349 บาท

หรือถ้าเราอยากจะใช้บริการอื่น ๆ จาก Apple ด้วย คือ Apple Arcade (เราเคยรีวิวไปแล้วที่นี่), Apple Music (รีวิวแล้วอีกเหมือนกันที่นี่) และ Apple TV+ Apple ก็มีรวบให้เราเลยคือบริการ Apple One ที่ราคาเริ่มต้น 225 บาทต่อเดือนได้ iCloud เป็นตัวราคา 35 บาทต่อเดือน พร้อม บริการทั้งหมดเป็นชุด ไม่สามารถทำ Family Sharing ได้ แต่ถ้าเราต้องการสมัครเป็นครอบครัวเลย ก็จะตกเดือนละ 295 บาทไปเลย แชร์ในครอบครัวได้ 5 Account กับ iCloud ขนาด 200GB จุก ๆ ไปเลย

เรื่องราคาเอาจริง ๆ เลยเราว่า Apple ทำการบ้านเรื่องราคามาดีมาก ๆ ขนาดก่อนที่จะเป็น iCloud+ เราจ่ายเดือนละ 295 บาทเราว่ายังคุ้มเลย ฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม ทำงาน จบในราคาเท่านี้ แล้วยิ่งบริการเพิ่มจากใน iCloud+ ที่เราเล่าไปมันเติมเข้ามาอีก เราว่ามันเป็นการลงทุนที่โอเคเลยนะ ถ้าเราบอกว่า เราต้องการใช้บริการพวก Apple TV+, Apple Arcade และ Apple Music ถ้าจะสมัครอยู่แล้วก็โก ไป Apple One เลยดีกว่า คุ้มกว่าเยอะ

สรุป

iCloud+ มันคือ iCloud ที่ตีบวกเพิ่ม Feature ที่เสริมเรื่องความเป็นส่วนตัวในการใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่าน 2 Feature เพิ่มเติมคือ Hide my Email และ Private Relay หรือจะเป็นเรื่องของความปลอดภัยในบ้าน ผ่าน Feature Homekit Secure Video และยังมีพื้นที่ในการจัดเก็บไฟล์บน Cloud ให้อีก ทั้งหมดที่เราว่ามา มันเริ่มต้นเดือนละ 35 บาท/เดือนเท่านั้น เป็นอะไรที่เราบอกเลยว่ามันน่าสนใจมาก ๆ ต้องโดนอะ จริง ๆ งงว่าทำ Pricing แบบนี้ได้ยังไง ถูกมาก !!!

ส่วนหลักการของ Private Relay เดี๋ยวในบทความต่อไปเราจะมาเล่าเรื่องนี้กันว่ามันทำงานยังไง มันเพิ่มความเป็นส่วนตัวของเราได้ยังไง และ ในเมื่อไทยไม่ได้ใช้แล้วเรามี Alternative Solution อะไรที่ใช้ได้บ้าง