Review

รีวิว Google Nest Mini Generation 2 ลำโพงอัจฉริยะจาก Google

By Arnon Puitrakul - 29 มิถุนายน 2021

รีวิว Google Nest Mini Generation 2 ลำโพงอัจฉริยะจาก Google

Google Nest Mini เป็นลำโพงอัจฉริยะจาก Google ที่ไม่ได้แค่ฟังเพลง ฟัง Podcast ได้ แต่ยังพ่วงความอัจฉริยะอย่าง Google Assistant ที่ทำให้เราสามารถสั่งคำสั่งต่าง ๆ ตั้งแต่การตั้งเวลา การฟังข่าว จนไปถึงการควบคุม Smart Home ต่าง ๆ ได้ ที่สำคัญ ขนาดเล็กสวยงาม และ ราคาไม่แพงอีกด้วย วันนี้เรามาดูกันว่า Google Nest Mini จะเป็นยังไง และ จะดีสมค่าตัวมันมั้ย

แกะกล่อง

Google Nest Mini 2nd Generation

เห็นกล่องครั้งแรก เราไม่คิดเลยว่า มันเป็น Gadget ราคาไม่ถึงพัน กล่องมันดูดีเวอร์มาก ๆ โยที่ด้านหน้าจะมีรูปของ Nest Mini อยู่ และ ดูที่ด้านล่างซ้าย เราจะเห็นว่า มันมีเขียนว่า รุ่นที่ 2 ด้วย (ทำให้เรารู้ว่ามันเป็นเครื่องของฝั่งไทย ตัว Generation แรกที่เราใช้อยู่ ซื้อจากญี่ปุ่น มันเลยได้ของ Bundle เป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลย ฮ่า ๆ) แต่ไม่ต้องกลัวว่าอาจจะหลงกับ Generation แรก เพราะลักษณะของกล่อง เพราะ Generation แรก กล่องมันจะเล็กกว่านี้มาก ๆ เป็นกล่องสีเหลี่ยมโง่กว่านี้เยอะมาก

Google Nest Mini 2nd Generation

ด้านข้างของกล่อง เราจะเห็นว่า มันมีพวก App ที่ตัว Nest Mini มันรองรับอยู่ ซึ่งเดี๋ยวเราไปคุยกันอีกทีว่า มันสามารถทำอะไรได้บ้าง จริง ๆ อันที่เราเห็น มันเป็นเพียงแค่เสี้ยวของที่ Google รองรับอีกนะ

Google Nest Mini 2nd Generation

ด้านข้างอีกข้างเป็น Ok Google ก็คือแหม่ บอกว่า รองรับ Google Assistant แหละ ซึ่งเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของ Google ที่ทำให้ลำโพงนี้มันโคตรฉลาดมาก ๆ

Google Nest Mini 2nd Generation

ด้านหลังปริ้นมาเป็นรูป ซึ่งทำออกมาไม่เหมือนชาวบ้านเขาเท่าไหร่ จริง ๆ เราว่ามันน่าจะเป็นเรื่องดีอยู่นะ เพราะเวลาที่เราจะซื้ออะไรพวกนี้ มันจะเกิดอารมณ์แบบ เอ๊ะ ชั้นจะเอามันไปวางที่ไหนดีนะ วางแล้วมันจะออกมาอารมณ์แบบไหน เราว่าภาพนี้มันก็ช่วยกระตุ้นไอเดียได้อย่างดีนักเชียว

กลไกของกล่องทำมาเหมือนกับอุปกรณ์ไอทีตามยุคสมัยอื่น ๆ ก็คือการที่เราดึงขึ้นมา พอเจอแบบนี้มาก ๆ เข้าทำให้เรารู้เลยนะว่า Brand ไหนที่ให้ความสำคัญกับกล่องมาก ๆ เวลาดึงออกมา มันรู้สึกได้เลย ซึ่งไม่ใช่ Google แน่ ๆ (แหม่ลำโพงตัวไม่ถึงพัน จะเอาอะไร) อันนี้ดึงออกมามันจะออกฝืด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้ดีอะไรมาก

การออกแบบภายในกล่อง เรียบมาก ๆ เปิดมา เราก็จะเจอกับ Google Nest Mini วางอยู่ในกล่องอย่างสวยงาม นี่แหละ เรียบแต่หรู ตอนดึงฝาออกมาเฉย ๆ แต่พอมาเจอแบบนี้เหมือนอารมณ์มันขึ้นมาอีกระดับนึง หูยยย สวยนะอะไรแบบนั้นดูดีเลยเชียว

ด้านล่างที่เราเห็นเป็นกล่อง เมื่อเราเปิดออกมา เราจะเจอกับ Adapter สำหรับเสียบไฟเลี้ยง ก็มีมาให้เราอย่างเรียบร้อยเลย

ตัว Adapter ทำมาได้เล็กน่ารักมาก ๆ ซึ่งจริง ๆ เราว่าเป็นเรื่องดีที่มาก ๆ เลยนะ เพราะอุปกรณ์พวกนี้ มันน่าจะต้องเหมือนกับวางให้มันเนียน ๆ ไปกับห้อง ยิ่งพวกอุปกรณ์ที่เราอยากจะวางให้ใกล้ตาอย่าง Adapter ยิ่งเล็กมันก็ยิ่งเก็บสายง่าย แต่ ๆๆๆๆ ผิดอยู่เรื่องเดียว และเรื่องใหญ่มาก ๆ ทำไมพี่ให้สายสีขาวมา ๆๆๆๆๆ มันไม่กลืนไปกับพวกโต๊ะดำ ๆ เลย มาซะเด่นเชียว ไม่น่ารักเลย เอาเถอะ โดยที่ปลั๊กตัวนี้ มาเป็นปลั๊กแบบหัวกลม 2 ขา ซึ่งก็เป็นปกติของประเทศเรา

และ หัวที่เสียบเข้า Nest Mini จะเป็นหัวลักษณะกลม ๆ เล็ก ๆ หน่อย เสียดาย ทำไมไม่ใช่หัวอะไรที่มันมาตรฐานหน่อย เผื่อสายขาด หรือมีปัญหา เราจะได้หาซื้อใหม่ได้ง่าย ๆ หน่อย

แต่ ๆ อย่าพึ่งคิดว่าจะหมดแค่นี้ เมื่อเราเอาตัว Nest Mini ออกมา เราจะเห็นเอ๊ะมันมีอะไรอยู่ข้างล่างฟ้า ๆ จริง ๆ ถ้ามันไม่ฟ้าโดดขึ้นมา เอาจริงก็คือ เราน่าจะปิดกล่องไปแล้วนึกว่าหมดแล้ว

เปิดออกมา อ่อ ไม่มีอะไร มันก็จะเป็นพวกคู่มือการใช้งาน ที่เป็น Getting Started อันนี้ ถ้าเราซื้อของไทย เราก็จะได้คู่มือเป็นภาษาไทยด้วยนะ ส่วนถ้าเราซื้อจากที่อื่น มันก็จะเป็นภาษานั้น ๆ เลย

ทำให้หลัก ๆ ในกล่องก็มีอยู่แค่นี้แหละ คือตัว Nest Mini, สายไฟ และ คู่มือเท่านี้เลย ซึ่งเราชอบการให้ของมาแค่นี้มาก ๆ นะ เพราะมันเป็นอะไรที่เราต้องใช้ดีกว่า ให้อะไรมาไม่รู้แล้วเราไม่ได้ใช้เลย อีกอย่างเรามองว่า มันเป็นเรื่องของการประหยัดงบด้วยแหละ ดูออก ฮ่า ๆ

Google Nest Mini Gen 2

Google Nest Mini 2nd Generation

ลักษณะของ Google Nest Mini Generation 2 ยังคงลักษณะที่คล้ายกับ Generation แรกมาก ๆ โดยที่หน้าลำโพงก็คือรักษ์โลกสุด ทำจากวัสดุรีไซเคิล 100% ไปเลย สัมผัสที่ได้ บอกเลยว่า ถ้าไม่บอกว่ามันเป็นวัสดุรีไซเคิล เราไม่รู้มาก่อนเลยนะ จับ ๆ ดูแล้วมันลักษณะเหมือนผ้าเลย ไม่แน่ใจว่า ใช้ไปนาน ๆ แล้วจะแอบ ๆ ซีด ๆ เหมือนตัวเก่ามั้ย (ซีดไม่เยอะนะ ถ้าเราไม่ได้ไปจ้องมัน เราก็ไม่รู้เลย) กับด้วยการที่มันทำมาเหมือนผ้า ทำให้ถ้าเราใช้ไปนาน ๆ เราว่าน่าจะเก็บฝุ่นเล็กน้อย เหมือนกับตัวก่อนหน้าแน่ ๆ

นอกจากนั้น ด้านบนของลำโพงยังมีไฟแสดงสถานะอีกด้วย โดยมันจะแสดง Volume เสียงที่เรากำลังใช้งานอยู่ หรือจะขึ้น เมื่อเราเรียก Google Assistant ขึ้นมาด้วยเช่นกัน นอกจากนั้น ที่ขอบข้าง ๆ ของมันเรายังสามารถที่จะเอานิ้วมาเลื่อนซ้ายขวา เพื่อเพิ่มลดเสียงที่ตัวมันเองได้ด้วยนะ หรืออาจจะเอานิ้วแตะค้างไว้ เพื่อเป็นการ Pause Media ที่เรากำลังเล่นอยู่ได้ด้วย

ส่วนด้านข้างรอบ ๆ เครื่องก็ทำมาเป็นสีดำเรียบ ๆ ทำจากพลาสติก จับแล้วรู้สึกเฉย ๆ ไม่ได้รู้สึกว่ามันดีอะไรมากมาย แต่มั่นใจอายุการใช้งานของมันแน่นอน เพราะมันเหมือนตัวเก่าที่ใช้เลย และตัว Generation 1 ของเรามันอยู่มานานหลายปีแล้ว ก็ยังไม่มีท่าทางที่จะเสื่อมหรือกรอบแต่อย่างใด

Google Nest Mini 2nd Generation
Switch ด้านซ้ายสำหรับเปิด/ปิด Microphone และด้านขวาเป็นช่องเสียบไฟเข้า

ที่ขอบด้านนึง ก็จะมี Switch สำหรับเปิดและปิด Microphone เวลาที่เราต้องการความเป็นส่วนตัวอีกด้วย ทำให้เรามั่นใจได้ว่า เรายังคงรักษาความเป็นส่วนตัวได้ หากเราต้องการ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ส่วนตัวเรา เราก็ค่อนข้างเฉย ๆ กับ Google อยู่แล้วเลยไม่ได้ปิดอะไร แต่สำหรับคนที่อาจจะกังวล ก็สามารถปิดไปได้ มันก็จะทำให้เราไม่สามารถเรียก Google Assistant ขึ้นมาได้นั่นเอง แต่เสียงก็ยังออกจากลำโพงได้เหมือนเดิมนะ

และอีกช่อง ก็จะเป็นช่องสำหรับเสียบไฟเข้า โดยที่ในรอบนี้ เปลี่ยน Port การเชื่อมต่อใหม่จากเดิมใน Generation แรก ใช้เป็น Micro-USB ซึ่งเราว่าเป็นหัวที่ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นกับสาย เราก็ยังสามารถไปหาซื้อเปลี่ยนได้ง่าย แต่อันนี้กลายเป็นมาใช้หัวที่เป็นหัวกลม ๆ ของมัน ทำให้ถ้าเกิดสายมันหัก หรือมีปัญหา เราก็จะซวยต้องไปหาซื้อสายให้มันยากอีก อันนี้เราไม่ชอบเท่าไหร่

Google Nest Mini 2nd Generation

และที่ใต้ตัวเครื่อง จะเห็นว่ามันมีรูอะไรอยู่ด้านบน มันเป็นรูสำหรับให้เราสามารถเอา Nest Mini ไปแขวนที่กำแพงได้ด้วย ซึ่งในรุ่นก่อนจะไม่มี

ส่วนตัวลำโพง กับ Microphone ก็จะถูกซ่อนอยู่ในตัวเครื่องอย่างเรียบเนียน เราไม่เห็นเลย แต่ในลำโพงของ Generation ที่ 2 ทาง Google เคลมว่า เบส ดังกว่า Generation ก่อนหน้าถึง 2 เท่ากันไปเลย เดี๋ยวต้องมาลองทดสอบกันว่า อันไหนจะเปรี้ยวใจได้มากกว่านั้น ส่วน Microphone ที่เพิ่มมาอีกตัวเป็น 3 ตัว จากเดิม 2 ตัว ก็จะทำให้มันคำสั่งเสียงผ่าน Google Assistant ได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก

Google Assistant นี่แหละสุดยอดแห่งความฉลาดดดด

Google Assistant นี่แหละ เป็นสิ่งที่ทำให้เราชอบที่จะซื้อ Nest Mini มาใช้งานในบ้าน มันทำให้เราสามารถสั่งคำสั่งเสียงต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย หลาย ๆ คนอาจจะมองว่า มันแอบยาก เพราะบางที เราจะเจอเหตุการณ์เช่นว่า ตัวเครื่องมันฟังเสียงเราไม่ชัดทำให้มันไม่เข้าใจ หรือแย่กว่านั้นคือ มันเข้าใจผิดไปไกลจน งง ไปหมด ก็เจอได้เหมือนกัน

แต่จากการที่เราใช้งานมา แรก ๆ มันก็เจอนะ แต่พอใช้ ๆ ไป เราก็เริ่มรู้แล้วว่า อ่อ อย่าพูดแบบนั้น เพราะเราพูดคำนี้ไม่ชัด เราก็เลือกที่จะเลี่ยงไป มันดูเป็นการแก้ปัญหาที่สิ้นคิดนะ แต่เราว่ามันคุ้ม เพราะมันทำให้ทำงานอะไรได้เร็วขึ้นมาก มือก็ทำงานไป ปากก็สั่งไป จนตอนนี้บอกได้เลยว่า Google Assistant เป็นอวัยวะที่ 33 ของเราไปเรียบร้อยแล้ว

สิ่งที่มันทำได้ มันมีเยอะมาก ๆ ตั้งแต่การหาข้อมูลต่าง ๆ เช่น เราอยากรู้สภาพอากาศ เราก็สามารถเรียกมันขึ้นมาถามว่า What's the weather? ได้ จนไปถึงการควบคุม Smart Home ต่าง ๆ ที่อันนี้ยอมรับว่าใช้บ่อยมาก ๆ เช่นการเปิดไฟ ปิดเปิด แอร์ และ เครื่องฟอกอากาศ มันง่ายกว่าการหยิบมือถือขึ้นมาเปิด กว่าจะเปิด App หรือการเดินไปที่หน้าจอของห้องหลายขุมมาก ๆ เอาให้สนุกกว่านั้นอีก เราตั้งให้มันทำ Morning Routine ก็คือ เมื่อเราตื่น ปิดนาฬิกาปลุก ไม่ก็ปัญหาปลุกเราขึ้นมา มันก็จะบอกสภาพอากาศ ตารางนัดหมายของวันนี้ และ ต้องออกจากบ้านในอีกกี่นาที เพื่อเป็นข้อมูลให้เราเตรียมพร้อมรับวันใหม่นั่นเอง

สำหรับคนที่อาจจะไม่ถนัดสั่งเป็นภาษาอังกฤษ ตัว Google Assistant ก็ยังรองรับภาษาไทยด้วยนะ จากที่ลองใช้งานมา พบว่า มันตอบสนองได้ค่อนข้างดีเลย ไม่ค่อยเจอเคสที่ผิดพลาด นอกจากเราซะเองนี่แหละที่คิดไม่ทันว่าจะเรียงประโยคว่ายังไงเพื่อจะสั่งมันดี แต่ใช้ ๆ ไปบ่อย ๆ เราว่าน่าจะชินนะ จนคนอื่นในบ้าน อาจจะ งง ว่า อีนี่มันบ้า มันคุยกับไค๊ ฮ่า ๆ

คุณภาพเสียง

Google Nest Mini 2nd Generation

พูดถึงลำโพง เราก็ต้องพูดถึงคุณภาพเสียงแน่นอน ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจก่อนนะว่า Nest Mini มัน Mini จริง ๆ มันตัวเล็ก และ ราคามันไม่ได้แพงมาก ในไทย เราสามารถหาซื้อได้ในราคาหลักร้อยเท่านั้น ไม่ถึงพัน ดังนั้น เราจะไม่คาดหวังพลังเสียงแบบ Sound Bar หรือ Speaker ตัวละหมื่น มันก็คงไม่ใช่เนอะ เอาแค่ฟังทั่ว ๆ ไปก่อน

พอได้ลองมาฟัง เห้ย เอาจริง ๆ มันไม่ได้แย่เลยนะ ก่อนหน้านี้ เราใช้ Generation แรกมา เสียงมันแห้ง ๆ เซ็ง ๆ เหมือนอาหารที่มันโดนทิ้งไว้จนเย็นแล้วเรากินเข้าไป แต่อันนี้มันมีเนื้อมีหนังมากขึ้น ฟังแล้วดูมีคุณภาพขึ้นเยอะมาก ๆ ในแง่ของความชัดเจนของเสียงร้องให้อยู่ที่ 6/10

ย่านเสียงสูงต่าง ๆ ทำได้พอใช้ได้เลย มีกลืน ๆ ชาวบ้านชาวเมืองหน่อย ๆ กับสูงได้ระดับนึงเท่านั้น แต่ก็ถือว่าให้อยู่ 5/10 สำหรับเสียงสูง และสุดท้ายเสียงต่ำถือว่าทำได้ดีกว่า Generation แรกแบบรู้สึกได้เลย อารมณ์จากการฟังคือ Wanna be เสียงต่ำ แต่มันดึงไม่ลงสักที อาจจะเพราะด้วย Form Factor กับราคาด้วยแหละ มันก็ได้เท่านี้ อันนี้ให้แค่ 5.5/10 สำหรับความดีงามที่ก้าวกระโดดมาก ๆ แต่ก็ยังถือว่า พอใช้ พอฟังได้ ถ้าใครที่ไม่ได้จริงจังอะไรมาก เน้นแค่เออเปิดเพลง เราว่ามันตอบโจทย์มาก ๆ แล้วนะ

ถ้าคิดว่า กระหึ่มไม่พอ ต่อเพิ่มสิ

ความสนุกของลำโพงพวกนี้คือ เราสามารถไปซื้อ Nest Mini มาเพิ่ม แล้ววางตามห้อง โดยที่เราสามารถตั้งเป็น Speaker Group ได้ ทำให้เราสามารถเล่นเพลงทั้งบ้านพร้อม ๆ กันเลยก็ได้ หรือ จะเป็นการสั่งให้มันย้ายเพลงไปมาในบ้านก็ได้ เช่น ถ้าเราอยู่ในห้องครัว แล้วเราจะฟังต่อที่ห้องนั่งเล่น ก็บอกว่า Move music to living room เลยก็ได้ มันก็จะย้ายไปเล่นที่ลำโพงของห้องนั่งเล่นเอง

หรือว่า เราอาจจะใช้ห้องละ 2 ตัวเพื่อให้เป็นระบบเสียงแบบ Stereo เลยก็ได้เหมือนกัน อันนี้เราลองแล้ว ก็พบว่า มันเจ๋งมาก ๆ เลยนะ ยิ่งถ้าเราฟังเพลงบ่อย ๆ เพราะราคาของมันต่อตัว มันไม่ได้แพงขนาดนั้น เมื่อเทียบกับลำโพงขนาดใหญ่ ๆ ที่ถ้าเรากำเงินไม่กี่พัน เราก็จะได้เพียง Channel เดียว แต่อันนี้เราอาจจะกดได้เป็นคู่เลยอะไรแบบนั้น สำหรับคนทั่ว ๆ ไปที่อยากได้กำลังเสียงที่มากขึ้นอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลย

แต่ ๆ ตอนนี้เราไม่สามารถเซ็ตให้มันทำงานเป็น 2 ข้างได้ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตอนนี้ใน App Google Home เราไม่มีขึ้นให้ทำ Stereo อะไรเลย

Microphone

เรื่องของ Microphone ก็เป็นอีกเรื่องที่ได้รับการพัฒนาจาก Generation แรก โดยการเพิ่ม Microphone จาก 2 เป็น 3 ตัว ทำให้รับเสียงได้รอบทิศทางมากขึ้น ไม่ว่า เราจะวาง Nest Mini หรือเราอยู่ตรงไหนของห้องนั้น ๆ เราก็ยังสามารถสั่งงาน Nest Mini ได้อยู่

ระยะการรับเสียงก็ทำได้ไกลขึ้นพอตัวเลย และ ทิศทางของก็รอบตัวมากขึ้น เมื่อเทียบกับ Generation แรก ถือว่าทำได้ดีมาก ๆ น่าจะเอาไปวางไว้ตามห้อง แล้วเราสั่งงานในห้องนั้น ๆ ได้ง่าย ๆ เลย เท่าที่ลองมา ระยะสัก 1.3 - 1.4 เมตร มันก็ยังได้ยินอยู่นะ แต่ถ้าไกลกว่านั้นหน่อย อาจจะต้องตะโกนเล็กน้อย เพื่อให้มันได้ยินอยู่ แต่โดยรวมถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว อันนี้ประทับใจ

Google Nest Mini Generation 1 vs 2

Google Nest Mini 2nd Generation
เฉลยยย ซ้ายมือ Gen 1 และ ขวามือ Gen 2 เราไม่แน่ใจนะว่า สีของ Gen 1 มันอ่อนกว่า Gen 2 จริงมั้ย หรือ เป็นเพราะเราใช้มานานแล้ว เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ใครรู้ช่วยมาบอกที

ดูเผิน ๆ เราจะเห็นว่า Generation 1 และ 2 นั้นมีความคล้ายกันมาก ๆ โดยเฉพาะลักษณะภายนอก เอาจริง ๆ ตอนทำรีวิว บางทีก็ งง นะว่า อันไหน 1 อันไหน 2 โดยในความแตกต่าง ลองทายกันดูว่า อันไหนคือ Gen 1 อันไหน Gen 2

Google Nest Mini 2nd Generation

ด้านล่างมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนมาก ๆ โดยเฉพาะที่แขวนพนังที่ Generation 1 ไม่มี ทำให้มันดูเรียบ ๆ อย่างที่เห็น และ สีที่ฐานของ Generation แรก จะไม่ใช่สีเดียวกับตัวเครื่องด้วย อีกจุดที่อาจจะต้องสังเกตุหน่อยคือ ปุ่มด้านล่างของ Generation 1 ซึ่งมันจะเอาไว้ทำ Factory Reset ที่ใน Generation ที่ 2 เขาจะให้ไปกดตรงกลางของลำโพงแทนนั่นเอง ดังนั้นเวลาซื้อมา ก็อาจจะเช็คดูหน่อยว่า ที่เราซื้อมามันตรงกับที่เราต้องการมั้ย เผื่อบางที เราเห็นว่ามันเหมือนกันมาก ๆ แล้วอาจจะโดนหลอกขาย ก็น่ากลัวอยู่นะ

สรุป : ประทับใจจจจจจจ ทั้งความสามารถ และ ราคา

Google Nest Mini 2nd Generation

Google Nest Mini เป็นลำโพงที่น่าสนใจมาก ๆ โดยเฉพาะการที่ทำให้เราสามารถสั่งงานผ่าน Google Assistant ได้อย่างง่ายดาย โดยที่ยังคงความสามารถของลำโพงที่ให้เสียงที่พอใช้ได้ หรือจริง ๆ ต้องบอกว่า ดีเลย เมื่อเทียบกับขนาด และ ค่าตัวของมัน ทำให้เราว่ามันน่าจะเป็นลำโพงที่บ้านในยุคใหม่ควรมีติดไว้ทุกห้องเลยทีเดียว

Read Next...

รีวิว iPad Mini Gen 7 หน้าเดิม แรงขึ้นรองรับ Apple Intelligence แล้วนะ

รีวิว iPad Mini Gen 7 หน้าเดิม แรงขึ้นรองรับ Apple Intelligence แล้วนะ

หลังจากผ่านไป 3 ปี ในที่สุดวันที่เรารอคอยกันก็มาถึง iPad Mini ออกรุ่นใหม่แล้วแกร แต่เอ๊ะ หน้าเดิมนิ แล้วมันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง และส่งผลกระทบต่อการใช้งานอย่างไรบ้าง วันนี้เราได้ทดลองใช้แล้วจะมารีวิวให้อ่านกัน...

รีวิว Apple Password Manager จากเรื่องง่าย ทำให้ทุกอย่างยาก

รีวิว Apple Password Manager จากเรื่องง่าย ทำให้ทุกอย่างยาก

หนึ่งใน Feature ใหม่ที่เปิดออกมาทั้งใน macOS Sequoia, iPadOS 18 และ iOS 18 คือ App ที่ชื่อว่า Password เป็น Password Manager ของ Apple วันนี้เราได้ทดลองใช้งานมันมาประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว จะมาเล่าให้อ่านกันว่าอาการมันเป็นยังไง มันทำให้ชีวิตเราเหนื่อยขึ้นได้อย่างไร...

รีวิว macOS Sequoia การอัพเดทที่ทำให้ Ecosystem แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

รีวิว macOS Sequoia การอัพเดทที่ทำให้ Ecosystem แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เป็นประจำในทุก ๆ ปีที่ Apple จะเปิดตัว macOS Version ใหม่ออกมาให้ผู้ใช้ Mac ได้ Upgrade กัน ในปีนี้เอง Crack Marketing Team ก็ทำหน้าที่ของตัวเองในการออกไปหาชื่อใหม่ให้กับ macOS ในปีนี้ชื่อว่า macOS Sequoia จะมี Feature อะไรเด็ด ๆ บาง วันนี้เรารวมเอามาเล่าให้อ่านกัน...

รีวิว iOS 18 การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแต่ยิ่งใหญ่

รีวิว iOS 18 การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแต่ยิ่งใหญ่

หลังจาก Apple เปิดตัว iOS18 และ iPadOS18 วันนี้เราจะมาเล่าพวก Feature ต่าง ๆ ที่เราได้ทดลองใช้งานมาหลายวันพร้อมกับบอก Use Case การใช้งานต่าง ๆ ว่ามันเอามาทำอะไรได้บ้าง...