Review

รีวิว Fossil Explorist HR Gen 4

By Arnon Puitrakul - 23 มกราคม 2019

รีวิว Fossil Explorist HR Gen 4

หลังจากที่เราใช้ Moto 360 Gen 2 มาอยู่หลายปี บัดนี้แบตเตอรี่มันก็แทบจะลาโลกไปซะแล้ว ไปเดิน Outlet ที่ญี่ปุ่นมาเห็น Fossil Explorist HR Gen 4 มันลดราคาช่วงปีใหม่อยู่พอดีเลย เลยเดินเข้าร้านไปซื้อมาเลย

แกะกล่อง

Fossil Explorist HR Gen 4

เหนือสิ่งอื่นใด เราก็เริ่มจากการแกะกล่องกันก่อนละกัน ข้างกล่องก็เขียนก่อนเลยว่า เป็น Smart Watch จาก Fossil

Fossil Explorist HR Gen 4

หน้ากล้องก็จะเป็นพลาสติกใส ๆ ที่ด้านในให้เราเห็นตัวนาฬิกาตั้งสวย ๆ ชิค ๆ อยู่ด้านใน

Fossil Explorist HR Gen 4

เปิดกล่องออกมา ก็จะพบกับตัวนาฬิกาที่เราเห็นก่อนหน้านี้ตั้งอยู่

Fossil Explorist HR Gen 4

พอเราดึงตังเรือนนาฬิกาออกมา เราก็จะพบกับอุปกรณ์ที่มาพร้อมในกล่อง เช่น สายชาร์จ คู่มือการรับประกันต่าง ๆ และ ข้อของสายที่ร้านตัดมาให้

Fossil Explorist HR Gen 4

สำหรับสายชาร์จที่มีมาให้ในกล่องนั้น บอกเลยว่าจับแล้วค่อนข้างบอบบางมาก ๆ เส้นมันบางสุด ๆ โดยไม่มี Adapter มาให้แต่อย่างไร แต่ใช้ USB-A ธรรมดาได้เลย ส่วนอีกด้านมันจะเป็นหัวแม่เหล็กไว้แปะที่ด้านหลังของตัวเรือน

Fossil Explorist HR Gen 4

ถ้าเราดูหัวชาร์จมันก็จะเป็นลักษณะแบบมีบุม ๆ ลงไป และมีขั้วอยู่ 2 อันเล็ก ๆ สำหรับการจ่ายไฟ เราว่า มันควรจะเป็นแบบชาร์จไร้สายได้ละ เสียดายจริง ๆ นั้นแหละ การแกะกล่องก็มีประมาณนี้ไม่มีอะไรมาก

ตัวเรือน

Fossil Explorist HR Gen 4

มาที่พระเอกของเรากันเลยดีกว่า Fossil Explorist HR Gen 4 มาพร้อมกับ กับตัวเรือนขนาด 45 mm และ Chipset จาก Snapdragon ในรุ่น Snapdragon Wear 2100 และ Wear OS ที่ใช้กับโทรศัพท์ Android ได้อย่างดีเลย มี WiFi b/g/n ที่เราชอบมาก ๆ คือ มันมี GPS และ NFC ในตัวด้วย

Fossil Explorist HR Gen 4

โดยหน้าจอของมันจะเป็นแบบ AMOLED ส่วนความละเอียดอยู่ที่ 454x454 pixel เป็นหน้าจอแบบกลม

Fossil Explorist HR Gen 4

สายเปลี่ยนจะใช้ขนาด 22 mm ในรุ่นมันก็จะมีสายหลายแบบให้เราเลือกตามสไตล์ ตัวที่เราเลือกมาจะเป็นสายโลหะรมดำออกเทา ๆ ด้านหน่อย ๆ ลักษณะก็จะเหมือนนาฬิกาสายโลหะทั่ว ๆ ไปคือ จะไม่ได้ถอดได้เหมือนนาฬิกาสายหนัง เราไม่รู้ว่ามันเรียกอะไรอะ ที่มันจะกดที่สายเพื่อจะถอดอะ รู้แล้วช่วยบอกหน่อยว่ามันคือแบบไหน งง ไม่รู้มันเรียกอะไร

Fossil Explorist HR Gen 4

ด้านหลังของตัวเรือน ก็จะเป็น Heart Rate Sensor อยู่ตรงกลาง ส่วนรอบ ๆ ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร เหมือนพลาสติกด้าน ๆ แต่เวลาใส่ เราก็ไม่รู้สึกหรอก เพราะตรง HR Sensor มันจะเหมืิอนบวม ๆ ออกมา เวลาใส่ มันก็จะโดนแค่ตรง HR เท่านั้นแหละ

Fossil Explorist HR Gen 4

สำหรับด้านข้างก็ไม่มีอะไรมาก โดยที่จะมีปุ่มอยู่ 3 ปุ่มด้วยกัน โดยปุ่มตรงกลางจะพิเศษหน่อย เพราะมันสามารถหมุนได้ โดยใช้ในการเลื่อนไปตามเมนูต่าง ๆ ได้ ส่วนอีก 2 ปุ่มที่เหลือ จะเป็นปุ่มเปิด App ตามที่เรากำหนดไว้ อย่างถ้าเป็นค่าจากโรงงาน ปุ่มบนก็จะเป็น App จาก Fossil และ ปุ่มล่างจะเป็น Google Fit ซึ่งเราน่าจะสามารถเข้่าไปแก้ไขได้มั่งนะ (ไม่รู้ ไม่เคยลองเหมือนกัน)

จะใส่อาบน้ำก็ไม่ว่ากันนะ เพราะมันมาพร้อมกับการกันน้ำที่ความลึกไม่เกิน 30 เมตร แต่เราก็แนะนำว่า Electronic มันไม่ถูกกับน้ำ เพราะฉะนั้น อย่าเอามันไปอาบน้ำด้วยเลย เอาแค่ให้เรารู้ว่ามีเผื่อเป็นอุบัติเหตุโดนผลหรืออะไรไปเถอะ

Wear OS

Fossil Explorist HR Gen 4

ถ้าใครที่ใช้ Wear OS อยู่แล้ว ตรงนี้ก็ข้าม ๆ ไปเลยก็ได้นะ หน้าของมันก็จะเริ่มด้วยหน้าที่เป็น Watch Face ก่อน โดย Fossil ก็มี Default Watch Face ที่มาให้จากโรงงานเลย เราก็ยังใช้อันนี้อยู่นะ เพราะเราชอบมาก

Fossil Explorist HR Gen 4

ทีนี้ถ้าเราหมุนปุ่มเข้าหาตัวเรา มันก็จะมีปุ่มสำหรับเปิดปิดอะไรต่าง ๆ ขึ้นมาให้เรา โดยอันที่เราใช้บ่อยสุดน่าจะเป็น อันล่างซ้ายสุด ที่เป็นโหมดสำหรับปิดหน้าจอ ใช้เวลาที่เราไปดูหนังแล้วมันมืด ๆ ถ้าเราไม่ได้ปิดอะ มันจะไปแยงตาคนอื่นเขา

กลับกันถ้าเราเลื่อนลง มันก็จะเป็น Notification ก็เลื่อนลงไปเรื่อย ๆ แล้วเราสามารถกดเพื่อโต้ตอบได้ด้วย บาง App ก็อนุญาติให้เราพิมพ์ข้อความตอบไปได้เลย เหรือจะส่งเป็นเสียงก็แล้วแต่ App ไปเลย

Fossil Explorist HR Gen 4

หรือถ้ากดที่ปุ่มตรงกลาง มันก็จะเป็นการเข้าหน้าเมนู อยากจะเลื่อนเราก็หมุนปุ่มตรงกลางไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอ App ที่เราต้องการ ง่ายมาก ๆ

Fossil Explorist HR Gen 4

นอกจากนั้น ด้วยความที่มันเป็น Wear OS แล้ว เราสามารถเข้าไปโหลด App จาก Google Play Store ได้ด้วยนะ เพื่อเพิ่มความสามารถของมันขึ้นไปอีก ส่วนตัวเราแล้ว เราก็ไม่ค่อยได้โหลด App อะไรเท่าไหร่เลยนะ เราก็ใช้เท่าที่มันมีมาให้นี่แหละ จะลงเพิ่มก็พวก Spotify ที่ทำให้เราสามารถเข้าไปค้นหาและเลือกฟังเพลงได้เลย โดยที่ไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลย

อีก App ที่เราใช้อยู่บ่อย ๆ คือ Google Fit ที่เป็นพวก Fitness Tracking โดยมันจะใช้ Heart Rate Sensor ในการตรวจจับการเต้นของหัวใจเก็บไว้เป็นประวัติได้ด้วย และยังเก็บพวกจำนวนก้าวเดินต่าง ๆ และ รวมไปถึง Workout Tracking ที่เราสามารถใช้ App Fit Workout ในการ Track การออกกำลังกายของเราได้อีก

Battery

อีกเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ของ Smart Watch คือ Battery ที่เป็นแหล่งพลังงานนั่นเอง ปกติแล้วนาฬิกาพวกนี้ มันก็ใช้ไม่ได้นานเกิน 1-2 วันอะไรนักหรอก เพราะตัวเรือนมันก็เล็กใส่ Battery ก้อนใหญ่ ๆ มันก็ไม่น่าจะไหวหรอก ไหนจะเรื่องน้ำหนักอีก ทำให้ในนาฬิกามี Battery ขนาดค่อนข้างเล็ก ทำให้เก็บไฟได้ไม่เยอะ ทำให้ใช้ได้ไม่นานมากนั่นเอง ในตัวสเปก เท่าที่เราไปดู ไม่ได้บอกว่าความจุเท่าไหร่ แต่บอกแค่ว่า 1 Day Battery Life หรือแปลว่า อยู่ได้ 1 วันเฉย ๆ

จากการใช้งาน เราออกจากหอตั้งแต่ 7.20 แล้วกลับเข้าหอราว ๆ ทุ่มนึง แบตเราเหลืออยู่ราว ๆ ครึ่งนึงเลย แปลว่า ณ ตอนที่พึ่งใช้เนี่ยแบตมันน่าจะสามารถอยู่ยาวได้ถึงเกือบ 2 วันเลยมั่ง แต่อนาคตไปพอแบตมันเริ่มเสื่อม อันนี้ก็อีกเรื่องนึง เพราะต้องวิ่งหาร้านเปลี่ยนแบต นี่แหละคือข้อเสียของนาฬิกาแบบนี้คือ Battery อายุมันสั้น ทั้งการใช้งานระหว่างวัน และ ความจุของไฟเมื่อเวลาผ่านไป

การใช้งาน

อย่างที่บอกไปว่า นาฬิกาเรือนนี้ใช้ Wear OS จาก Google เพราะฉะนั้น โทรศัพท์ที่เราแนะนำให้ต่อด้วยคือโทรศัพท์จากทางฝั่ง Android ส่วนถ้าใครใช้ iOS เราไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่า มันจะต่อและใช้งานได้มากแค่ไหน

การเริ่มต้นใช้ก็เพียงแค่เราโหลด App Wear OS จากใน Google Play Store และทำตามขั้นตอน เสร็จแล้วก็พร้อมใช้ได้เลยทันที สะดวกมาก ๆ เลยละ

ในการใช้งานจริง เรารู้สึกเลยว่า ความลื่นไหล ทำได้ดีมาก ๆ ไม่มีอาการกระตุกแสดงให้เห็นเลย ต่างจาก Moto 365 Gen 2 ลิบลับเลย (แหงแหละ ต่างกันตั้งกี่ปีกัน) การเปิด App ต่าง ๆ และ Animation ทำได้ดีมาก ไม่รู้สึกเลยว่ากระตุก คิดว่านั่นเป็นเพราะ CPU ที่ค่อนข้างเร็วบวกกับการ Optimise ของทาง Google ใน Software ด้วย ทำให้มันลื่นไหลได้ขนาดนี้

ปุ่มตรงกลางที่หมุน ๆ ได้ ก็ทำหน้าที่ของมันได้ยอดเยี่ยมเลยละ ก็คือ ถ้าเราอยู่ในหน้าเมนู หรืออะไรที่เลื่อนขึ้นลงได้ เราก็สามารถหมุนมันเพื่อ Navigate ขึ้่นลงไปตามเมนูได้เหมือนกัน หรือถ้าเราฟังเพลงจากโทรศัพท์อยู่ จากเดิมที่เวลาเราจะเพิ่มเสียงเราจะต้องกดที่รูปลำโพงเล็ก ๆ ที่กดยากมาก ตอนนี้เราก็แค่ยกนาฬิกาขึ้นมาให้มันปลดล๊อค แล้วหมุน ๆ ไป มันก็จะเป็นการเพิ่มลดเสียงได้เลย สะดวกมาก ๆ

Fossil Explorist HR Gen 4 เป็นนาฬิกาที่แจ่มไปเลย

หลังจากได้ลองใช้มาสักพักแล้ว เราก็รู้สึกเลยว่า มันดีจริง ๆ นะ ด้วย Design ที่ดู Classic คล้ายกับนาฬิกาเข็มแพง ๆ เลย แต่ความจริงแล้วเป็น Smart Watch นี่แหละ ตรงนี้แหละ เป็นสิ่งที่เราชอบ กับความลื่นไหลใน Software ที่ดีมาก ๆ เอาเป็นว่ามันเป็นนาฬิกาที่เรียบหรู ใส่แล้วดูรวย ฮ่า ๆ และฟังก์ชั่นก็ค่อนข้างครบ (ถึงจะไม่เท่ากับ Apple Watch ที่ใส่อะไรมาเยอะแยะ) แต่เราว่ามันก็เพียงพอต่อการใช้งานของเราแล้ว ถ้าใครกำลังตามหา Smart Watch ที่ดูเรียบหรู เราว่า Fossil Explorist HR Gen 4 เป็นตัวนึงที่เราแนะนำเลย

และตอนนี้เรามีเพจแล้วนะ ถ้าอยากติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และ Lifestyle ก็สามารถเข้าไปติดตามเราผ่านเพจ arnondora ได้เลยนะฮ่ะ 😁

Read Next...

รีวิว iPad Mini Gen 7 หน้าเดิม แรงขึ้นรองรับ Apple Intelligence แล้วนะ

รีวิว iPad Mini Gen 7 หน้าเดิม แรงขึ้นรองรับ Apple Intelligence แล้วนะ

หลังจากผ่านไป 3 ปี ในที่สุดวันที่เรารอคอยกันก็มาถึง iPad Mini ออกรุ่นใหม่แล้วแกร แต่เอ๊ะ หน้าเดิมนิ แล้วมันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง และส่งผลกระทบต่อการใช้งานอย่างไรบ้าง วันนี้เราได้ทดลองใช้แล้วจะมารีวิวให้อ่านกัน...

รีวิว Apple Password Manager จากเรื่องง่าย ทำให้ทุกอย่างยาก

รีวิว Apple Password Manager จากเรื่องง่าย ทำให้ทุกอย่างยาก

หนึ่งใน Feature ใหม่ที่เปิดออกมาทั้งใน macOS Sequoia, iPadOS 18 และ iOS 18 คือ App ที่ชื่อว่า Password เป็น Password Manager ของ Apple วันนี้เราได้ทดลองใช้งานมันมาประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว จะมาเล่าให้อ่านกันว่าอาการมันเป็นยังไง มันทำให้ชีวิตเราเหนื่อยขึ้นได้อย่างไร...

รีวิว macOS Sequoia การอัพเดทที่ทำให้ Ecosystem แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

รีวิว macOS Sequoia การอัพเดทที่ทำให้ Ecosystem แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เป็นประจำในทุก ๆ ปีที่ Apple จะเปิดตัว macOS Version ใหม่ออกมาให้ผู้ใช้ Mac ได้ Upgrade กัน ในปีนี้เอง Crack Marketing Team ก็ทำหน้าที่ของตัวเองในการออกไปหาชื่อใหม่ให้กับ macOS ในปีนี้ชื่อว่า macOS Sequoia จะมี Feature อะไรเด็ด ๆ บาง วันนี้เรารวมเอามาเล่าให้อ่านกัน...

รีวิว iOS 18 การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแต่ยิ่งใหญ่

รีวิว iOS 18 การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแต่ยิ่งใหญ่

หลังจาก Apple เปิดตัว iOS18 และ iPadOS18 วันนี้เราจะมาเล่าพวก Feature ต่าง ๆ ที่เราได้ทดลองใช้งานมาหลายวันพร้อมกับบอก Use Case การใช้งานต่าง ๆ ว่ามันเอามาทำอะไรได้บ้าง...