By Arnon Puitrakul - 18 ธันวาคม 2023
ถ้าใครที่ติดตามเพจเรามา จะเห็นว่าเราได้รีวิวของจาก Foreo ไปหลายชิ้นแล้ว เพราะชั้นนั้นเป็นทาสรัก Foreo ยังไงละ และวันนี้เราจะมารีวิวอีกหนึ่งไอเท็มที่เรามองอยู่ประมาณ 2 ปีแล้ว แต่ก็กดมาสักที กับเครื่องยกกระชับผิวหน้า ทำง่าย ๆ ที่บ้านอย่าง Foreo Bear 2
ปล. รีวิวของเรามาจากประสบการณ์การใช้งานตรงเท่านั้น เมื่อคุณไปใช้อาจจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปขึ้นกับตัวบุคคล และวิธีการใช้งานเด้อ
ปล2. เห็นเราเป็นทาสรัก Foreo ขนาดนี้ รีวิวนี้เขาไม่ได้จ่ายนะ ซื้อใช้เอง แต่ถ้าพรี่มาเห็นแล้วจะจ่ายน้องก็ยินดีที่ซู๊ดดดด
ตัวเครื่อง Foreo Bear 2 เป็นเครื่องยกกระชับผิวโดยการใช้ Microcurrent อ่านแล้ว อาจจะเอ๊ะ มันคืออะไร เรามาเล่าให้อ่านก่อน
Microcurrent หรือก็คือ กระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ (ระดับ 100 - 1,000 µA) เป็นวิธีการที่มีการคิดค้นขึ้นมาเพื่อยกกระชับใบหน้าของเรา ให้นึกภาพว่า ถ้ากล้ามเนื้อหน้าเป็นเหมือนโครงที่ค้ำหน้าเราให้ตึง วันนึงมันอ่อนแรง หน้าของเราก็จะหย่อนตามไปด้วย
Microcurrent เข้ามาช่วยตรงนี้แหละ อุปกรณ์จะปล่อยไฟฟ้าเข้าไปกระตุ้น เพื่อให้กล้ามเนื้อพวกนี้มันได้ทำงาน เหมือนเวลานักกีฬาเราไปติดกระตุ้นไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อให้เหมือนได้ออกกำลังกายกัน แค่ว่าอันนั้นเขาทำกับกล้ามเนื้อมัดที่ใหญ่กว่า อันนี้เราทำกับหน้าซึ่งเป็นกล้ามเนื้อมัดเล็กกว่า เลยใช้ไฟฟ้าแรงต่ำกว่า ดังนั้นเขาเลยบอกกันว่า Microcurrent มันเหมือนกับ การทำให้หน้าของเราได้ออกกำลังกายนั่นเอง นอกจากนั้น ยังมีการเคลมเรื่องของการทำให้แผลมันหายไวขึ้นด้วย ซึ่งแผลที่เขายกตัวอย่างมาคือแผลบนใบหน้าที่เราเจอกันได้บ่อยมากนั่นคือ แผลจากสิวนั่นเอง แต่กลับกัน บางเว็บบอกว่า ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า เราควรใช้ในส่วนที่ไม่มีการบาดเจ็บ อย่างสิวเป็นต้น อ้าวสรุปยังไงละ หึม
เมื่อเราหาข้อมูลเข้าไปเพิ่มขึ้น เขายังมีการเคลมด้วยนะว่า การใช้พวก Microcurrent Treatment ยังเพิ่มการผลิต ATP ที่ทำให้เซลล์ของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยนะแกร์ ชั้นละทึ่งไปเลยทีเดียว
เรียกว่า ยิ่งอ่านเข้าไปยิ่งเคลมกันอร่อยมาก ๆ มาทรง ๆ mRNA Vaccine ช่วงนึง เลยไปลองหาอ่านงานวิจัยทางการแพทย์ออกมา เราเจอการศึกษาผลของการใช้ Microcurrent ในการยกกระชับผิวน้อยมาก ๆ ถึงมากที่สุด งานวิจัยที่เจอส่วนใหญ่ ไม่ได้ถูก Cite จำนวนมากเท่าที่ควร พร้อมกับเรายังคงสงสัยการเลือกวิธีการศึกษาของนักวิจัย จึงทำให้เราลงความเห็นว่า ณ วันนี้ เรายังไม่เชื่อเรื่องนี้ จนกว่าจะมีงานวิจัยตัวใหม่ ๆ ออกมา
แต่ ๆๆๆ ไม่ได้หมายความว่ามันอันตรายนะ เพราะอุปกรณ์ตัวนี้ผ่านการรับรองจาก FDA มาแล้ว ดังนั้นเราค่อนข้างไว้ใจได้แล้วว่ามันน่าจะปลอดภัยใช้งานได้แบบไม่มีปัญหา หากเราใช้งานอย่างถูกต้องตามที่ Foreo เขาได้บอกมา
เริ่มจากการแกะกล่องกันก่อน ตัวห่อที่ได้มาเป็นแบบที่เห็นในรูป คือมีห่อผ้ามานิดหน่อย เพื่อป้องกันรอยขีดข่วนบนกล่องจากการขนส่ง เป็นลักษณะปกติของ Product จาก Foreo ที่เราสั่งผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งหมด แต่ถ้าเป็นหน้าร้านเช่นตอนนั้นเราซื้อ Luna 3 Plus ที่ Kingpower ในสุวรรณภูมิ เขาก็ไม่มีห่อผ้านี้มาให้นะ
แต่รอบนี้แปลก ๆ กว่ารอบอื่น เพราะปกติ ถุงผ้าที่มาให้ เขาจะต้องปิดด้วยสติ๊กเกอร์ที่มี Barcode บอกรุ่นกับสี แต่อันนี้ไม่มีเลย แปลก ๆ นะ แต่เอาเถอะเราสั่งจาก Official น่าจะของแท้แหละ
แกะออกมาจากถุงผ้าแล้วก็ อ๊ะจ๊ะเอ๋ตัวเองงงง น้อง Bear สี Mint โดยตัวกล่องของ Foreo ค่อนข้างต่างจาก Brand อื่น ๆ ทั่วโลกพอสมควรที่เขาหันไปทางการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่รักษ์โลกมากกว่าเดิม แต่ Foreo คือมาแนวหรูหราตามสไตล์เขาด้วยการใช้พลาสติกแข็ง ๆ ทั้งกล่องไปเลยจ๊ะแม่ เป็นพลาสติกใสด้วย
ด้านล่างมีการเขียนว่า Bear พร้อมกับบอกว่า ไม่เจ็บ และได้ประโยชน์เต็ม ๆ เอาสิครับ (เออ ศาสตร์การแปลมันยากเนอะ เราเข้าใจความหมายแต่แปลนี่ยาก) กับคาดทองด้านบนไว้บอกว่า มี Anti-Shock System ด้วย เดี๋ยวเรามาเล่าว่ามันคืออะไร
ด้านหลังของกล่องไม่มีอะไรมากนอกจากด้านหลังของตัวเครื่อง
โดยน้อง Bear 2 ตัวนี้เรากดมาจาก Official Shop ของ Foreo ใน Shopee ทำให้เราจะมีสติ๊กเกอร์ภาษาไทยด้วย หากใครซื้อในไทยแล้วไม่มีสติ๊กเกอร์ลักษณะนี้ให้เอ๊ะไว้ก่อน ว่าหนึ่งเขาสั่งจากนอกเข้ามาขาย หรือ ปลอม
ด้านข้างกล่องเขาเขียนบอกไว้เลยว่า App Connected หรือตัวเครื่องนี้มันสามารถเชื่อมต่อกับ Application Foreo บนโทรศัพท์ของเราได้ด้วย ด้านล่างลงมาเป็นพวก Feature ของเจ้า Bear เริ่มจากเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์ของ Foreo อย่าง T-Sonic Plusations ที่ทำให้พวก Skin Care ที่เราทาเข้าไปมันซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น แล้วก็มีการใช้ Microcurrent จัดการกับสัญญาณแห่งอายุทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์กว่าเดิม พร้อมกับ Anti-Shock System ที่ทำให้เราใช้งานเครื่องได้อย่างปลอดภัยและสบาย สุดท้าย อันนี้เคลมทุกอย่างว่าเป็น Design จากสวีเดน อันนี้ข้าม ๆ ไป
ด้านบนกล่องมีการเขียนว่า Bear อย่างสวยงาม บอกเลยว่า กล่องลักษณะนี้เหมือนกับพวกกล่องของ IT สมัยก่อน ก่อนที่โลกเราให้ความสนใจกับบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกเลย จำได้ว่าเมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ ซื้อของอะไรที่แพง ๆ หน่อยกล่องชอบมาแบบนี้เลย แต่พอมาในปี 2023 แล้ว เราแอบรู้สึกว่า กล่องมันแอบดูโบราณไปนิดหน่อย ดูเหมือนของปลอมเลย คิดว่าในอนาคต Foreo น่าจะปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้ดีต่อโลกมากขึ้นน่าจะดีกว่าเนอะ
สำหรับคนที่ซื้อมาให้เราเช็คด้วยนะว่า มันมีสติ๊กเกอร์ใส ๆ แปะไว้อยู่หรือไม่ ถ้าไม่มี หรือมันมีรอยกรีดแล้ว ให้คุยกับร้านเลยนะ เพราะอาจจะเป็นของปลอม หรือผ่านการแกะไปแล้วก็เป็นได้
เมื่อเราแกะออกมา ไม่มีอะไร Surprise แล้วละ กล่องใสขนาดนี้ เราจะพบกับตัวเครื่อง Bear นอนอยู่ในกล่องอย่างสวยงาม
แต่ ๆๆๆ ทุกคน อย่าพึ่งทิ้งกล่องไปนะ มันยังมีของซ่อนอยู่อีก เคยเจอเพื่อนแกะเสร็จบ่นว่าทำไมเขาไม่ให้อะไรเลยวะ แล้วจะชาร์จยังไง แล้วนางบอกว่า ทิ้งกล่องไปแล้ว เรานี่คือ ว๊อทททท เพื่อนนนน ม่ายยยย
ในกล่องด้านล่างที่เราคิดว่าเป็นแค่สำหรับเขียนรายละเอียดต่าง ๆ จริงแล้วมันเป็นกล่องสำหรับใส่ของที่เราจะต้องใช้มาให้
อย่างแรกคือ ถุงผ้า มาในขนาดใหญ่พอสมควร และ เราคิดว่าดีกว่าของที่ให้มากับ Luna 3 Plus พอสมควรเลย เดาว่าที่ใหญ่ขนาดนี้ น่าจะให้เราใส่ Bear 2 ไปพร้อมกับ SERUM SERUM SERUM หรือก็คือ Serum ที่ใช้กับเครื่องเข้าไปด้วยกันเลยละมั้ง
ถัดไปคือขาตั้ง สำหรับการตั้งเครื่อง จริง ๆ ตัวเครื่องมันวางนอน หรือตั้งได้แหละ แต่เพื่อความเท่ เราต้องวางบนขาตั้งสิ เวลาเพื่อนมา ก็ชี้เลย นี่ไง หมีเรา !
สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ สายชาร์จ โดยสายตัวนี้เป็นตัวเดียวกับ Product อื่น ๆ ของ Foreo ใช้ด้วยกันได้หมด ดังนั้น ถ้าเรามีอุปกรณ์ตัวอื่นของ Foreo อยู่แล้ว เราสามารถเก็บสายเส้นนี้เป็นเส้นสำรองได้เลย แล้วไปใช้สายเส้นเดิมแทนได้
สุดท้าย เป็นพวกคู่มือการใช้งานต่าง ๆ แน่นอนว่า เราข้ามไปเลย
สำหรับคนที่ซื้อเครื่องจากร้านในไทย เนื่องจากตัวเครื่องมันสามารถคุยผ่านสัญญาณวิทยุได้ ถ้านำเข้ามาต้องมีการแจ้งกับ กสทช ดังนั้น ถ้าซื้อในไทยแล้วไม่มีเจ้านี่มาก็..... เอ๊ะไว้ได้เลยว่า อาจจะไม่ใช่เครื่อง Official ประเทศไทย หรือปลอมมา
หลัก ๆ ในกล่องจะมีเท่านี้เลย ไม่ได้แถมของที่เราไม่จำเป็นเข้ามา แต่เออ แอบ งง เหมือนกันนะว่า ทั้ง ๆ ที่เขาแนะนำว่าให้ใช้คู่กับ SERUM SERUM SERUM ของ Foreo เอง แต่กลับไม่แถมขนาดทดลองมา แต่ Foreo Luna 3 Plus ที่เป็นเครื่องล้างหน้า ดันแถมมาในกล่องซะงั้น งง เลยนะ (แต่ไม่เป็นไร เราซื้อผ่าน 12.12 เลยได้ขวดขนาดปกติมาขวดนึงฟรี ๆ)
ตัวเครื่อง Foreo Bear 2 ทำจากซิลิโคนเกรดการแพทย์ที่เขาเคลมว่ามันช่วยป้องกันแบคทีเรียได้ด้วย จับแล้วรู้สึกดีมาก ๆ หากใครที่ใช้พวก Luna อยู่แล้ว จับดูจะรู้ว่ามันคือวัสดุเดียวกันเป๊ะ ๆ จับแล้วให้ฟิลลิ่งที่ดีมาก ๆ ด้านหน้ายังมีการทำวง ๆ เป็นโลหะออกมา และมีการเขียน Foreo ไว้ตรงกลางด้วย และ ถ้าเราดูจากด้านข้าง จริง ๆ แล้วเขามีการเว้าตรงกลางเครื่องไว้ด้วย เพื่อให้เราสามารถจับได้ถนัดมากขึ้น
ด้านหลังเองมีลักษณะเดียวกับด้านหน้า แต่แทนที่จะเป็น Logo ของ Foreo มันกลายเป็นปุ่มสำหรับเปิดเครื่อง โดยเราสามารถกดเพื่อใช้งานจากปุ่มนี้ได้เลย ปุ่มนี้เป็นเพียงปุ่มเดียวสำหรับการเปิดเครื่องเท่านั้น การควบคุมที่ละเอียดกว่านี้ เราสามารถทำได้ใน Application Foreo บนโทรศัพท์ได้เลย
ด้านข้างเป็นช่องสำหรับการเสียบชาร์จ อย่างที่บอกว่า เราสามารถใช้สายเส้นเดียวกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ Foreo ได้เลย
ที่ท้ายของตัวเครื่องจะเป็นพวกการเคลมมาตรฐาน แต่อันนึงที่อยากให้เน้นคือ อันขวาสุด บอกว่า ตัวเครื่องนี้รองรับมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น IP68 นั่นหมายความว่า ตัวเครื่องนี้มีความสามารถในการกันน้ำ เมื่อใช้งานเสร็จ เราสามารถนำมันไปล้างในน้ำได้อย่างปลอดภัย ตามแบบฉบับอุปกรณ์ของ Foreo หลาย ๆ ตัว
ด้านบน ที่เราเห็นเป็นโลหะเงา ๆ อันนี้แหละคือ ขั้ว Contact สำหรับปล่อยกระแสไฟฟ้าจำนวนเล็ก ๆ ออกมาให้เรา ดังนั้น เวลาเก็บรักษา เราแนะนำว่าให้ดูแลเจ้าขั้วนี่ให้ดี ๆ นะ หากมันเป็นรอย และเราเอาไปถูกับหน้า มันอาจจะเป็นการสร้างแผลขนาดเล็กบนผิวหน้าของเราได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่เหมือนกัน
เรื่องแบต และ การชาร์จ ทาง Foreo เคลมว่า Foreo Bear 2 สามารถใช้งานได้ 90 ครั้ง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง หากเราใช้งานวันละครั้งก็จะสามารถใช้ได้ประมาณ 3 เดือนกันไปเลยทีเดียว และเมื่อแบตหมด เราสามารถเสียบชาร์จจากช่องเสียบด้านข้าง และไม่ต้องกลัวนะ เพราะหัวเสียบมันกันน้ำได้ แต่แนะนำว่า ก่อนเสียบ รอให้มันแห้งก่อนดีกว่า
เมื่อเสียบไฟเข้าไป ที่ปุ่ม Power มันจะมีไฟสว่างวาบ ๆ ไปมาเรื่อย เหมือนกับพวก Foreo Luna 3 Plus เลย เมื่อมันเต็มไฟมันจะอยู่นิ่ง ๆ แปลว่า แบตเต็ม พร้อมใข้งานต่อแล้ว แต่เอาจริง ๆ นะ จากประสบการณ์การใช้ Foreo ที่ผ่านมา เรายอมเลยว่า แบตมันอึดจริง เวลาเราอยู่บ้านมีที่ชาร์จมันไม่หมด แต่พอเราไปนอนที่อื่น ไม่ได้เอาสายชาร์จไปไง หมดกลางทางซะงั้น หลายรอบแล้วนะ ดังนั้นแนะนำว่า ก่อนเราจะไปนอนค้างข้างนอก ชาร์จไว้ก่อนสักรอบก็ยังดีกันไว้ก่อน
เนื่องจาก Foreo Bear 2 เขาเป็นเครื่องสำหรับยกกระชับใบหน้าด้วย Microcurrent หรือไฟฟ้าแบบอ่อน ๆ ทำให้ Foreo แนะนำให้ใช้ Bear 2 คู่กับ Serum ของเขา ที่ชื่อว่า SERUM SERUM SERUM 2.0 เขาพัฒนามาถึงเวอร์ชั่น 2 แล้ว ถ้าใครเคยใช้ขวดใส ๆ อันนั้นเป็นรุ่นแรก รุ่นนี้ปรับปรุงสูตรใหม่ไฉไลกว่าเดิม มาในขวดเงา ๆ อย่างสวยเลยละ
เท่าที่เราลองอ่านส่วนผสมของตัว Serum เอง คิดว่าเราไม่น่าจะหวังผลอะไรนอกจาก ความชุ่มชื้นแบบสุด ๆ สุดจริง ๆ คิดว่าใครหน้าแห้ง ๆ ใช้เจ้านี่เป็นประจำเราว่าน่าจะทำให้ผิวชุ่มชื่นขึ้นได้อยู่นะ
การใช้งานง่ายมาก ๆ เราสามารถใช้มันเดี่ยว ๆ ได้เลย โดยการกดปุ่มเปิดเครื่อง หรือ เราสามารถเชื่อมต่อมันเข้ากับโทรศัพท์ของเราผ่าน Bluetooth ก็ได้เหมือนกัน โดยถ้าเราเชื่อมกับโทรศัพท์ของเรา จะคล้ายกับ UFO 2 คือมีโปรแกรมที่หลากหลาย ที่ทาง Foreo คิดมาแล้ว อันนี้ก็แล้วแต่เราเลยว่า เราจะใช้งานแบบไหน
สำหรับเราเอง หากเรามีเวลามาหน่อย เราจะใช้งานผ่าน App ทำตามโปรแกรมที่เขาใส่มา อย่าง Total Facial Knockout ที่เป็นเหมือนการทำให้ผิวหน้าได้ออกกำลังกายแบบจุก ๆ ไปเลย นอกจากนั้น หากเราใช้งานไม่เป็นใน App ของเขามีวีดีโอให้เราดูเป็นแต่ละขั้นตอนของการใช้งานบอกเราไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าทั่ว ๆ ไปทุก ๆ วัน เราจะเปิดเครื่องแล้วรูดเองเลย ไม่ใช้งาน App มันเร็วกว่า เราเน้นออกกำลังกายวันละนิด ๆ แล้วออกเต็มสัก 1-2 วันต่ออาทิตย์พอแล้ว
แต่เราต้องบริหารความคาดหวังกันก่อนนะว่า เมื่อเราใช้แล้ว หน้าเรามันจะไม่ได้ยกกระชับจนโหวววววววว หน้าชั้นนนน ได้ในครั้งเดียว มันเป็นการลงทุนระยะยาวมากกว่า อย่าลืมนะว่ามันเป็นเครื่องมือสำหรับการใช้งานตามบ้าน ขนาดเกรดการแพทย์ที่เราใช้กันในคลินิกมันยังไม่เห็นผลเร็วขนาดนั้นเลยเนอะ เรียกว่า เน้นการทำบ่อย ๆ แล้วกินผลมันในระยะยาว
เมื่อเราเปิดเครื่องแล้วแตะตัว Contact เข้าไปที่หน้า มันจี๊ด ๆ Tickling นิด ๆ เราไม่รู้ว่าภาษาไทยมันเรียกอะไรเหมือนกัน มันรู้สึกแบบนั้นเลย ใช้ครั้งแรก ถูไปเกือบ ๆ ตรงโหนกแก้มตามันกระตุกนิด ๆ น่าจะเป็นเพราะกระแสไฟฟ้าที่เครื่องปล่อยเข้าไปมันไปกระตุ้นกล้ามเนื้อ แต่เมื่อปรับระดับลง มันก็ดีขึ้นเยอะ ไม่มีอาการ Tickling อะไรละ นอกจากนั้น เครื่องยังมีการสั่นเข้ามาด้วย ก็คือมันสบายมาก ๆ คล้าย ๆ กับเวลาเราไปทำ Treatment ในคลินิก แค่เปลี่ยนจากนอนเป็นนั่ง แล้วก็มือต้องทำเองแค่นั้นเลย
ตัวเครื่องสามารถปรับความแรงของกระแสไฟฟ้าได้ 5 ระดับ โดยการกดปุ่มเปิดไปเรื่อย ๆ เพื่อปรับ และมีไฟแสดงระดับอยู่ด้านล่าง ช่วงแรก ๆ ที่เราใช้งาน เราปรับไว้อยู่ ระดับ 2 อยู่ในจุดที่กำลังดีละ สบาย ๆ ไม่ Tickling พอเราใช้งานผ่านไปอีกสักอาทิตย์นึง เราลองปรับขึ้นไปเป็นระดับ 3 และ 4 ขึ้นไปเรื่อย ๆ มันก็ไม่มีอาการอะไรแล้ว เหมือนกับหน้าเราเริ่มชินกับกระแสไฟฟ้าแล้ว และสุดท้ายตอนนี้ เราใช้เป็นระดับสูงสุดคือ 5 ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว
ทีนี้หากใครกลัวว่า ถ้าเราปรับแรงไปมันจะช๊อตเรามั้ย ตอบเลยว่า ไม่ เพราะ Foreo Bear 2 เขามาพร้อมกับเทคโนโลยีที่เรียกว่า Anti-Shock System ตัวเครื่องมันจะอ่านค่าความต้านทานเวลาเราเอาหัว Contact ไปสัมผัสกับผิวของเราและ ปรับกระแสไฟฟ้าให้เหมาะกับหน้าของเราเองโดยอัตโนมัติถึง 200 ครั้งต่อวินาที ทำให้เรามั่นใจได้เลยว่า มันจะไม่ช๊อตเรา
หลังจากใช้งานมาอาทิตย์กว่า ๆ เรายังไม่เห็นผลอะ ไรเป็นพิเศษนะ อย่างที่บอกคือมันอาศัยระยะเวลามาก ๆ และพูดกันตรง ๆ เรายังไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่ Foreo เคลมสักเท่าไหร่ แต่ ๆๆๆๆ ถ้าเรามองมันในแง่ของการเป็นเครื่องนวดหน้าที่ให้ความสบาย อะ อันนี้เราบอกเลยว่า โหยยย แมร่งดีเจงงง !!!!! (เอาจริงนะ ถ้ามันทำให้ตัว ขั้ว Contact เย็นได้ เราว่า ฉ่ำ เลยขร๊ะแม๊)
ตอนแรก เราก็สงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน Foreo Luna 3 Plus ที่เราใช้งานอยู่ ด้านหลังของตัวเครื่องก็มีขั้ว Contact สำหรับการทำ Microcurrent Treatment อยู่ด้านหลัง แล้วทำไมเราต้องมาซื้อ Foreo Bear 2 สำหรับการทำสิ่งเดียวกันละ
ในแง่ของการใช้งาน เราคิดว่า มันออกแบบมาเพื่อทำสิ่งเดียวกันจริง ๆ แต่ ตัวขั้ว Contact ไฟฟ้าของ Bear มีขนาดใหญ่กว่า Luna มาก ๆ ทำให้ Bear สามารถครอบคลุมบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้าเราได้เร็วกว่า ทำให้ใช้เวลาสั้นลงกว่าเดิมมาก ๆ ทำให้เรามองว่า ถ้าใครที่มี Luna ที่มี Microcurrent อยู่แล้ว และ เราไม่ได้จริงจังกับการใช้ Microcurrent อะไร คิดว่า ไม่ต้องลงทุนซื้อ Bear ก็ได้ แต่หาก เราอยากได้ฟิล ๆ กดมันส์กว่า นวดมันส์กว่า เราว่ายังไง Bear ก็ยังตอบโจทย์อยู่ดี
Foreo Bear 2 เป็นเครื่องยกกระชับใบหน้าที่ใช้ Microcurrent เพื่อเข้าไปกระตุ้นกล้ามเนื้อในหน้าของเรา ทำให้หน้าเราเหมือนได้รับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้หน้าของเรากระชับดูอ่อนเยาว์มากขึ้น ตัวเครื่องสีสวย (เขามีสีชมพูด้วยนะ) มีขนาดจับกำลังดี กินพื้นที่เข้าถึงจุดใหญ่ ๆ ของใบหน้าที่คนส่วนใหญ่กังวลได้เป็นอย่างดี หากใครกังวลเป็นจุดเล็ก ๆ เช่น ตามรอบปาก เขามีตัวเล็ก อย่าง Bear Mini 2 ที่สามารถเข้าถึงส่วนเล็ก ๆ ได้ดีกว่า เมื่อรวมเข้ากับ การสั่น T-Sonic Plusation ที่เป็นเอกสิทธิ์ของทาง Foreo เอง ทำให้มันเป็นเครื่องที่นวดสบาย และ ยังยกกระชับใบหน้าของเราได้อีก
แต่ ๆๆๆๆ ข้อสังเกตอยู่ที่ งานวิจัยสนับสนุน เคลมจาก Foreo เราว่ามันยังไม่เยอะขนาดนั้น หลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เราเชื่อมากเท่าไหร่ หากต้องการผลในเรื่องของการยกกระชับใบหน้า หรือส่วนใด ๆ ของร่างกายจริง ๆ ไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการรักษาดีกว่า (เราเองก็ทำ Ulthera มา หึหึ)
Foreo Bear 2 ราคาเต็มที่ขายกันตาม Sephora มันอยู่ที่ 14,800 บาท ซึ่งแน่นอนว่า มันแพงอยู่นะ ถ้าเรามองว่าเป็นเครื่องนวดหน้า แต่ ๆๆ เราจะบอกว่า เราได้ Bear 2 ตัวนี้มาในราคา 7,484 พร้อมของแถมอย่างที่เห็นในภาพ (จริง ๆ มี Serum ขวดเต็มด้วย แต่ลืมถ่ายมา อันนั้นขวดนึงราคาเต็มอยู่ 2,700 บาท) ถ้าไม่นับของแถมก็คือ ถูกลงประมาณ 50% รวมส่งได้เลย วิธีคือ ให้เราไปกดช่วง 1.1, 2.2 อะไรพวกนั้นในช่วงเที่ยงคืนผ่าน Offical Store ของ Foreo เองใน Shopee หรือ Lazada เขาจะชอบลดราคาพวกนี้ในช่วงเที่ยงคืน แล้วถ้าเก็บ Code ส่วนลดทัน ราคาจะลงไปได้พอ ๆ กับที่เราซื้อเลย น่าจะเป็นวิธีการล่าหมีที่ดีมาก ๆ
นอกจากใช้ล่าหมีแล้ว Product อื่น ๆ ของ Foreo ช่วงลด ก็คือ ลดแบบ ถูกมาก ๆ เหมือนเขาไม่อยากให้เราสั่งซื้อตอนมันราคาปกติ แผ่น Mask UFO ก็คือ เราซื้อตุนไว้เลยสำหรับเดือนนึงถูกกว่าที่เราซื้อกันช่วงเวลาปกติมาก ๆ ราคาต่อแผ่นถูกกว่าเราไปซื้อพวกที่ขายแยกแผ่นอีก
หลังจาก Apple Transition ไปสู่ Apple Silicon มาจนถึงจุดที่การเปลี่ยนผ่านเสร็จสิ้น เราก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับ Apple Silicon อีกเลย จนกระทั่งตอนที่ M4 ออกนี่แหละ ที่เราคิดว่า มันถึงจุดที่ใช่ละ ฤกษ์มันมาแล้ว ก็จัดเลยสิครับ มาดูกันว่าฤกษ์มันจะตรงอย่างที่เราคิดหรือไม่...
หลังจากผ่านไป 3 ปี ในที่สุดวันที่เรารอคอยกันก็มาถึง iPad Mini ออกรุ่นใหม่แล้วแกร แต่เอ๊ะ หน้าเดิมนิ แล้วมันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง และส่งผลกระทบต่อการใช้งานอย่างไรบ้าง วันนี้เราได้ทดลองใช้แล้วจะมารีวิวให้อ่านกัน...
หลังจากเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน Apple ออก Mac รัว ๆ ตั้งแต่ Mac Mini, iMac และ Macbook Pro ที่ใช้ M4 กันไปแล้ว มีหลายคนถามเราเข้ามาว่า เราควรจะเลือก M4 ตัวไหนดีถึงจะเหมาะกับเรา...
จากตอนก่อน เราเล่าเรื่องการ Host Website จากบ้านของเราอย่างปลอดภัยด้วย Cloudflare Tunnel ไปแล้ว แต่ Product ด้าน Zero-Trust ของนางยังไม่หมด วันนี้เราจะมาเล่าอีกหนึ่งขาที่จะช่วยปกป้อง Infrastructure และ Application ต่าง ๆ ของเราด้วย Cloudflare Access กัน...