By Arnon Puitrakul - 07 กันยายน 2021
ก่อนหน้านี้เรารีวิว USB-C Dongle ของ Ugreen ไป ก็ใช้อยู่ตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้แหละ แต่โดนแม่จิ๊กไปใช้ซะละ เลยต้องหาอันใหม่ที่มี Port Configuration ที่ใกล้เคียงกัน และราคาไม่เหี้ยมเท่า Ugreen ลอง ๆ หาไปจนมาเจอ Dodocool นี่แหละ ลองกดมาดู พันว่าบาท ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่พอได้ของมาแล้วใช้ เห้ยยยยย ใช้ได้เลยนิหว่า ราคาถูกกว่า Ugreen ครึ่งนึงได้ แล้วได้ Port เหมือนกัน กับเพิ่มบางอย่างเพิ่มด้วย เลยเอามารีวิวให้ดูกัน
ปล. เราอวยยศเยอะขนาดนี้ เขาไม่ได้จ่ายนะ ชอบจริง ๆ เลยรับบทนางอวยยศหนึ่ง !!
ตัวกล่องมาในลักษณะง่าย ๆ เรียบ ๆ ไม่มีอะไรเลย เป็นเพียงแค่กล่องกระดาษธรรมดาเลย ที่พิมพ์ Logo ของยี่ห้อมาแค่นั้นเลย ตัวกระดาษที่ใช้ก็จับแล้วไม่ได้รู้สึกถึงความ Premium อะไรทั้งนั้นนะ เป็นกล่องกระดาษโง่ ๆ ธรรมดานี่แหละ ที่มีความบุบ ๆ บวม ๆ เล็กน้อย
ด้านหลังกล่องมีการบอกไว้ชัดเจนว่ามันคือรุ่น 14-in-1 Multifunction USB-C Hub with Power Delivery สถานที่ผลิตนั่นนี่ว่ากันไป ก็คือ Made in China เจ้าค่ะ
กล่องมีความหนาไม่เยอะเลย ถือว่าบางอยู่นะ น่าจะใกล้เคียงกับตัว Dongle ทั่ว ๆ ไปได้เลย และจากรูปนี้ เราจะเห็นได้เลยว่า ตัวกล่องมีอาการบวม ๆ บุบ ๆ บางที่ด้วย ก็เป็นเรื่องของการออกแบบ Packaing แหละที่ไม่ได้คิดมากเท่าไหร่ แต่แหม่ อันละพัน จะเอาอะไรกับมันมาก
เปิดกล่องมา เราจะเจอกับถุงผ้าที่ห่อตัว Dongle มาอย่างดี อันนี้เกิดคาดจริง ๆ Packaging ไม่ผ่าน แต่ซื้อ Dongle ราคานี้จะมีสักกี่ตัวที่แถมถุงใส่ให้ น้อยอยู่นะ
ด้านล่าง ก็จะมีคู่มือวางไว้เล่มเล็ก ๆ อันนึงแค่นั้นเลย ดูเหมือนจะหนานะ แต่ตัวเนื้อความจริง ๆ มีแค่ 2 หน้าเท่านั้นแหละ ที่เหลือคือเหมือนกัน แต่เปลี่ยนภาษาเท่านั้นเลย ฮ่า ๆ และนี่คือ ทั้งหมดของกล่องแล้ว ไม่ได้มีรายละเอียดอะไรทั้งสิ้น มีแค่ของที่เราต้องใช้เท่านั้นแหละ จริง ๆ เราค่อนข้างสนับสนุนการงดแจกของ Bundle มากเลยนะ เพราะบางที เราได้มาจริงแหละ แต่เราก็ไม่ได้ใช้สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นขยะเปล่า ๆ เสียเวลาในการทำลายอีกสารพัด ซื้อ Dongle ก็ต้องได้แค่ Dongle สิโอเคเลย
ถุงผ้าที่แถมมา ตัวพื้นผิวมันจะมีลักษณะนิ่ม ๆ ทำให้ตัว Dongle เราไม่เป็นรอยตอนที่เราเอาเก็บ หรือใส่กระเป๋าไป ที่ด้านหน้าจะมีการพิมพ์ Logo ของยี่ห้อลงไป เอาจริง ๆ เราว่ามันดูไม่แย่เลยนะ แค่หน้าตามันเหมือน Powerbank ไปหน่อย เราคุ้น ๆ ถุงแบบนี้มาก เหมือนพวกถุงผ้าที่ Powerbank นี่ห้อ Eloop ชอบใส่มาในกล่องเลย สีเหมือนมาก แค่ Logo ต่าง หรือว่ามันคือเจ้าเดียวกันนี่แหละทำถุงให้
ตัวถุงมันจะมีเชือกให้เราดึงเพื่อปิดถุงไม่ให้ตัว Dongle หล่นออกมาจากถุง เป็นกลไกที่ง่าย ๆ ดูไม่มีอะไร แต่เราก็ว่ามันก็เพียงพอ และใช้งานได้ง่ายดี ใช้เสร็จก็ลงถุง ดึงรูดแล้วไปต่อได้เลย เราชอบนะ ลงตัวดี
Dodocool 14-In-1 Hub Multifuction USB Type C Hub เป็น USB-C Hub ที่อเนกประสงค์มาก ๆ ตัวนึงเลย โดยที่ลักษณะของการใช้งานจะเป็นการเสียบสายแล้วตัว Dongle ห้อย ๆ อยู่ไม่ได้เป็นตัวที่ติดเหมือนกับพวก HyperDrive แต่อย่างใด ทำให้มันก็อาจจะแพ้เรื่องพวก Mobility ไปหน่อย แต่เรื่องความเข้ากันได้ มันเข้ากันได้กับหลาย ๆ อุปกรณ์เพราะขนาดมันไม่ได้ฟิคนั่นเอง
ตัวสาย ทำมาจากยาง เกรดงั้น ๆ แหละ เราว่ามันก็ทั่ว ๆ ไปนะ ไม่แน่ใจว่าแข็งแรงมั้ย แต่ดูจากในรูป จะเห็นได้เลยว่า นี่แค่เราใช้งานไม่นานเองนะ สายมีอาการงอให้เห็นแล้ว ไม่แน่ใจว่าในอนาคตใช้ ๆ ไปนาน ๆ มันจะหักก่อนมั้ยเนี่ย กลัวมาก ๆ
หัวสำหรับเสียบเข้าคอม จะเป็นหัวแบบ USB-C ดังนั้นเครื่องที่รองรับ USB-C ก็จะเสียบเข้าและใช้งานได้เลย โดยไม่ต้องลง Driver อะไรเลย ตัวหัวเสียบ ทำมาได้แข็งแรงมาก เราว่า Design เหมือนกับ Ugreen บางรุ่นเป๊ะ ๆ เลย หรือว่า มันโรงงานเดียวกันว้าาา ตัวหัวเสียบเข้าทั้ง iPad Pro และ Macbook Air ก็แน่นดี ไม่มีหลวม หรือหลุดใด ๆ ทำมาได้ดีมาก ๆ จริง ๆ
ส่วนตัว Body ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน เพราะมันทำมาจากโลหะ น่าจะ CNC ด้วยละมั่งนั่น ไม่รู้เหมือนกัน ขัดเงามาอย่างดี เราว่าสัมผัสจับ มันจะคล้าย ๆ กับพวก Macbook แต่เพิ่ม Texture ที่หยาบขึ้นไปหน่อยลงไป ทำให้เราจับถนัดมากขึ้น แลพที่ด้านบนของ Dongle ก็จะเป็น Logo ของยี่ห้อที่ ใช้ลักษณะของการพิมพ์เข้าไปเอา
เราลองมาดู Port ด้านแรกกัน ไล่จากซ่ายไปขวาเลยนะครับ อันแรก มันจะเป็นรูปปลั๊กไฟ เอาไว้เสียบไฟเพื่อเข้าเครื่อง และ เลี้ยงอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยที่ Dongle ตัวนี้ ก็รองรับไปได้ถึง Power Deilivery 100W เลย ดังนั้นคนที่ใช้ Macbook Pro 16 ก็ไม่ต้องห่วงว่า จะใช้แล้วชาร์จไม่เข้าเนอะ ส่วนอันต่อไปเป็น USB-C จากนั้นจะเป็น SD Card และ Micro SD Card ใส่ได้หมดเลยนะ Mini SD พวก SD หรือจะไปถึง TF มันก็เสียบได้หมด ไม่ต้องห่าง เกือบสุดท้ายจะ ก็จะเป็น USB-A 2.0 และ HDMI ที่รองรับภาพถึง 4K แต่ได้แค่ 30 FPS เท่านั้นแหละ เราพยายามหาตัวที่ได้ 120 Hz เพื่อที่จะมาลองกับจอ 120 Hz เสียดายไม่มีเลย
ด้านข้างอีกข้าง ก็จะเป็นส่วนของ USB ทั้งหมดเลย โดยที่เราจะสังเกตว่า มันจะมี Port ที่เป็นสีดำ และ สีน้ำเงิน ซึ่งสีดำ จะเป็นพวก USB 2.0 ทั้งหมดเลย และ สีน้ำเงินจะเป็น USB 3.0 ให้มาทั้งหมดถึง 5 Port เลย จริง ๆ ต้องเป็น 6 ด้วย ข้างเมื่อกี้มี 2.0 อีก Port นึง ทำให้ใน Dongle นี้จะมี USB 2.0 และ 3.0 อย่างละ 3 Port รวมเป็น 6 Port เสียบกันจุก ๆ ไปเลย จุดนี้ชอบมาก ๆ ไม่ค่อยเห็นพวก Multifunctional Dongle ทำ USB-A เยอะขนาดนี้ และรูเล็ก ๆ ด้านขวาสุด เป็นไฟแสดงสถานะ
ส่วนที่หัวของ Dongle ก็ไม่ให้พื้นที่เสียเปล่า ใส่ VGA Port สำหรับการเชื่อมต่อจอแบบเก่า ที่เราอยากได้ตัวนี้ เพราะบางทีอาจจะต้องไป Present บางที่ ๆ พวก Projector มันยังเป็น VGA Port อยู่การมีติดไว้มันก็โอเคแหละ ให้ภาพสูงสุดที่ 1080p ก็เพียงพอกับการทำ Presentation แล้ว และอีก Port ที่เราขาดไม่ได้เลยคือ Ethernet อันนี้ไม่ได้เป็น FE นะ เป็นระดับ Gigabit Ethernet เลยนะ ถือว่าไม่แย่เลย ใช้งานได้ดี
และสุดท้าย ด้านที่มีสายงอกออกมา มันจะมีรูอยู่รูนึง ตอนแรก เอ๊ะ อะไรนะ อ่อออออ ช่อง Jack 3.5 mm สำหรับเสียบหูฟัง ซึ่ง DAC มันไม่ได้ดีขนาดนั้นนะ ต้องเข้าใจว่า มันไม่ออกแบบมาเพื่อให้เราฟังเพลงจริงจัง มันอยู่ในระดับที่พอฟังได้กับคนทั่ว ๆ ไปละกัน
ภาพอาจจะดูไม่สวย แต่นี่คือ การใช้งานจริง ๆ เลยละ ปกติ เราก็เสียบอยู่ไม่กี่อย่างหรอก ส่วนใหญ่เลย ก็จะเสียบ Ethernet เพื่อต่อเข้า Network, สายชาร์จ และ SD Card บ้างเท่านั้นเอง ส่วนตัวเราคิดว่า การออกแบบที่อยู่ของ Port ต่าง ๆ ทำมาไม่เลวเลยนะ โดยเฉพาะเมื่อเราใช้กับ Macbook Air M1 ที่มี USB-C แค่ฝั่งเดียว เวลาเราเสียบไป ถ้าเรามีที่ข้าง ๆ หน่อย เราอาจจะวางตรง ๆ เพื่อไม่ให้สายมันงอ ทำให้เราเสียบอุปกรณ์ได้ค่อนข้างอิสระมาก ๆ แต่ถ้าเราที่น้อย เราต้องงอมันหน่อย การที่พวก USB-A มันหันออกข้างนอก ทำให้เวลาเราเสียบพวก External HDD ที่มันกินที่ ทำให้ง่ายขึ้นมาก ส่วนพวก Ethernet ที่อยู่ที่หัว คือดีเลย อันนี้ชอบจริง ลอดสายขึ้นมาจากโต๊ะจิ้มเข้าได้ตรง ๆ เลย
เมื่อเราเสียบ Adapter เข้า Power in หรือเราเสียบเข้ากับอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเรา มันจะมีไฟสีเขียวขึ้นแสดงสถานะเพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่า อ่อ ไฟเข้าแล้วจ้า มีแค่นั้นเลย
จุดที่พีคจริง และ หายากมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ที่จะมี Feature ของ Activity Light บน Ethernet Port เรามาสายพวกนี้การที่มันมีไฟแสดงสถานะมาให้ เราก็รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน ไฟสีเขียวจะเป็นการแสดงว่า Link แล้วนะ ส่วนไฟสีส้ม ก็จะเป็น Activity เวลามันมีการรับส่งข้อมูล มันก็จะกระพริบ เหมือนเวลาเราเห็นในหนังที่พวก Network มันจะมีไฟกระพริบ ๆ ตลอดเวลาก็นี่แหละ ไฟพวกนี้แหละ ฮ่า ๆ
เราลองเสียบเข้าคอมมาดู ตัว NIC ที่เขาใส่มาให้ไม่ได้น่าเกลียดเลยนะ เป็นของ Realtek อยู่ในระดับทั่ว ๆ ไปใช้งานได้เลย นึกว่าจะแย่กว่านี้ซะอีก ส่วนใหญ่ที่เจอมาชอบเอา NIC โง่ ๆ กาก ๆ มาแอบใส่ แล้วบอกว่า อ่อ เรามีแล้วนะ อะไรแบบนั้น
เพื่อเป้นการทดสอบว่า Gigabit Ethernet จริง ๆ เราทำ Speed Test ให้ดูเลย เน็ตที่บ้านเราจะเป็น 500/500 Mbps เทสออกมาก็ได้เกินไป อันนี้ปกติแหละ ส่วน Latency อยู่ที่ 5ms โดยเฉลี่ย ถือว่า ใช้งานได้ปกติเลย จะโหลดไฟล์ หรือส่งไฟล์ใหญ่ ๆ ขึ้น Network ก็ไม่มีปัญหาเลย เราลองเสียบเข้ากับ Macbook Air M1 และทำการ Upload Video ไฟล์ขนาด 50 GB ไปที่ NAS ก็วิ่งได้ระดับ 950-970 Mbps ตลอดนิ่ง ๆ เลย แปลว่า NIC ไม่แย่เลย ใช้ได้ดีเลย
เพื่อให้เห็นเลยว่า Latency มันนิ่งจริง ลองมาเล่นอะไรที่มันต้องอาศัย Latency ดีกว่า เอา ROV มาล่อเลยละกัน ถ้ามันเหวี่ยง เราจะรู้ทันทีเลย สรุปสุดท้ายเล่นไป 5 รอบ Latency วิ่งอยู่ 3-6 ms เท่านั้นเอง ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 5 ms เท่านั้น ก็คือเล่นได้สบาย ๆ เลย NIC ที่ใส่มา ใช้ได้ทั้งเรื่องของ Bandwidth และ Latency เลย
ส่วนพวก USB-A และ SD Card ต่าง ๆ เท่าที่ลองเสียบเข้ากับทั้ง iPad Pro 13-inch 2018 และ Macbook Air M1 ก็พบว่า เสถียรกว่าที่คิดเยอะมาก เพราะเราเคยเจอของ Orico ที่บางทีเสียบ ๆ อยู่ SD Card หลุดเฉย อ้าวเห้ย กำลัง Copy Video อยู่อะไรแบบนั้น แต่อันนี้ไม่มีเลย ไม่ว่าเราจะดึงไฟล์วีดีโอจาก SD Card และ โยนขึ้น NAS ผ่าน Ethernet ไปพร้อม ๆ กันก็ไม่มีปัญหาเลย แม้กระทั่งเสียบ External HDD ไปที่ USB 3.0 ถึง 2 ลูกพร้อม ๆ กันก็เอาอยู่สบาย ๆ เลย ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น
สุดท้ายคือ ความร้อน หลังจากใช้งานไปไม่นาน เอามือมาจับก็เริ่มอุ่น ๆ ละ แต่ด้วยความที่ Body ของมันทำจากโลหะ ทำให้การระบายความร้อนทำได้อย่างไม่มีปัญหาเลย ใช้ไปนาน ๆ Transfer File หนัก ๆ เสียบไฟไปด้วย ก็ไม่มีปัญหาว่าร้อนเกินเลย อยู่ในแค่ระดับอุ่น ๆ เท่านั้น ไม่มีปัญหาเลย ถ้าจะอยู่ในอากาศเมืองไทย
Dodocool 14-In-1 Hub Multifuction USB Type C Hub เป็น Dongle อีกตัวที่น่าสนใจมาก ๆ เลยนะ ด้วย Port Configuration ที่ครบมาก ๆ เพียงพอกับการใช้งานในมนุษย์ทั่ว ๆ ไปทั้งหมดเลย ขนาดเราที่ว่าเรื่องเยอะแล้วยังพอกับการใช้งานเลย จุดเด่นที่ทำให้มันไม่เหมือนยี่ห้ออื่นเลยคือ การที่มันใส่ USB-A มาให้ถึง 6 Port ถือว่าเยอะมาก ๆ เยอะจนเราสามารถเอาพวก USB Wireless ของ Mouse มาเสียบคาไว้ได้เลย เสียบไว้ช่อง 2.0 เลยก็เพียงพอแล้ว แถมยังรองรับ USB-C Power Delivery ถึง 100W อีก ดังนั้น เราไม่ต้องเป็นห่วงเลย ใช้ได้ตั้งแต่ iPad ยัน Macbook Pro 16-inches ก็ไม่หวั่นเลย จ่ายไฟพอแน่นอน สุดท้ายที่ต้องชมคือ ความเสถียร ในการใช้งาน เชื่อว่าเกิดจากตัว Controller ที่มีคุณภาพดี ทำให้การใช้งานทำได้อย่างลื่นไหว ไม่ว่าเราจะโหลดมันหนักขนาดไหน ทั้งหมดที่เราว่ามา จบในราคาเพียง 1 พันกว่าบาทเท่านั้นเอง เป็นตัวที่โคตรน่าซื้อเลย กดได้เลยที่ Lazada
หลังจากผ่านไป 3 ปี ในที่สุดวันที่เรารอคอยกันก็มาถึง iPad Mini ออกรุ่นใหม่แล้วแกร แต่เอ๊ะ หน้าเดิมนิ แล้วมันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง และส่งผลกระทบต่อการใช้งานอย่างไรบ้าง วันนี้เราได้ทดลองใช้แล้วจะมารีวิวให้อ่านกัน...
หนึ่งใน Feature ใหม่ที่เปิดออกมาทั้งใน macOS Sequoia, iPadOS 18 และ iOS 18 คือ App ที่ชื่อว่า Password เป็น Password Manager ของ Apple วันนี้เราได้ทดลองใช้งานมันมาประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว จะมาเล่าให้อ่านกันว่าอาการมันเป็นยังไง มันทำให้ชีวิตเราเหนื่อยขึ้นได้อย่างไร...
เป็นประจำในทุก ๆ ปีที่ Apple จะเปิดตัว macOS Version ใหม่ออกมาให้ผู้ใช้ Mac ได้ Upgrade กัน ในปีนี้เอง Crack Marketing Team ก็ทำหน้าที่ของตัวเองในการออกไปหาชื่อใหม่ให้กับ macOS ในปีนี้ชื่อว่า macOS Sequoia จะมี Feature อะไรเด็ด ๆ บาง วันนี้เรารวมเอามาเล่าให้อ่านกัน...
หลังจาก Apple เปิดตัว iOS18 และ iPadOS18 วันนี้เราจะมาเล่าพวก Feature ต่าง ๆ ที่เราได้ทดลองใช้งานมาหลายวันพร้อมกับบอก Use Case การใช้งานต่าง ๆ ว่ามันเอามาทำอะไรได้บ้าง...