By Arnon Puitrakul - 01 กุมภาพันธ์ 2023
อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่สำคัญของการจัดโต๊ะทำงานแบบสุด ๆ คือ อุปกรณ์ที่ให้ความสว่างทั้งหลาย บางคนก็ใช้พวก ScreenBar ก็เหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็ก ๆ และ ใช้งานแค่หน้าจออย่างเดียว แต่ถ้าโต๊ะเราขนาดใหญ่ ๆ หน่อย การใช้งานพวกนี้ มันก็อาจจะยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ วันนี้เรามีของที่จะเข้ามาช่วยจาก BenQ เข้ามารีวิวกันคือ BenQ WiT Eye-Care Desk Lamp
ปล. บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากทาง BenQ ตรบมือสิครับรออะไร !! แต่ ๆๆๆๆ เราก็ยังจะรีวิวด้วยประสบการณ์การใช้งานจริงอยู่เด้ออออ
อ่านแล้วติดใจ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ BenQ หรือ สั่งซื้อสินค้าได้ที่ Shopee
บอกเลยว่า ตอนเห็นกล่องครั้งแรก ช๊อค มันใหญ่ และ หนักมาก ๆ เลยขอเปิดกล่องบนพื้นละกัน บนโต๊ะ คนแกะตัวไม่ถึง มาเป็นทรงเหมือนกระเป๋า Tote เลย ตัววัสดุเป็นกระดาษกล่องทั่ว ๆ ไป แต่จับดูโอเคเลย การปริ้นอะไรมา เราว่าดูดีเลยทีเดียว ด้านหน้าของกล่องมีเขียนชัดเลยว่า เป็น WiT e-Reading Lamp จาก BenQ พร้อมกับรูปของตัวโคมไฟ 2 สี
ด้านหลังก็จะเหมือนกัน ตอนเขียนก็นะ เอ่อ ด้านไหนคือด้านหน้านะ แต่ก็ได้หมดแหละเนอะ จากรูปทั้งสอง เราจะเห็นว่า มีทั้งหมด 4 สีให้เราเลือก แต่รุ่นที่ขายอยู่ในประเทศไทยตอนนี้มีให้เราเลือกทั้งหมด 3 สีด้วยกันคือ สีเงิน, สีทอง และ สีฟ้า ก็จะเหมาะกับโต๊ะ และ การตกแต่งที่แตกต่างกันไป สีที่เราได้มารีวิวในวันนี้เป็นสีเทา เข้ากับโต๊ะทำงานเราได้เป็นอย่างดีแน่นอน
ด้านบนกล่อง จะเป็นพวกรายละเอียดต่าง ๆ อย่างด้านซ้าย เราชอบนะ ที่เขามีการบอกสีที่กล่องง่าย ๆ เลย ลดโอกาสที่เวลาเราไปซื้อแล้วคนขายจะเอามาให้เราผิด อันนี้ไม่เกี่ยวกับคนซื้อ แต่ฝั่งของคนขาย เราว่าก็สำคัญอยู่ และ ด้านขวาสุด ก็จะเป็นพวกรายละเอียดต่าง ๆ เราขอเบลอพวก Serial Number ต่าง ๆ ออกไป
แน่นอนว่า น้ำหนัก โหดมาก ๆ เขาก็เลยมีหูหิ้ว เป็นพลาสติกใสมาให้ ประกอบกับกล่องทรง Tote เราว่า มันทำให้เวลาถือมันง่ายจริง ๆ นะ เหมือนเราถือถุงผ้าที่หนักมาก ๆ แต่เราแอบแนะนำว่า ถือระวัง ๆ หน่อยตัวมันหนัก เราถือแล้วรู้สึกว่า กลัวที่กล่องยึดกับที่จับมันขาดมาก ขาดแล้วหล่นลงพื้นนั่นน่ากลัวแล้ว แต่ถ้าหล่นลงเท้านี่........ มีร้องแน่นอน หนักจริงไม่ล้อเล่น ถ้าไปซื้อตามห้างถ้าหาได้ เอารถเข็นมาเข็นดีกว่า เดินสบายตัวกว่าเยอะ ~
ตัวกล่องมีการซีลสติ๊กเกอร์มา ถ้าตอนที่เราไปซื้อ กล่องที่พนักงานเอามาให้เรามีรอยกรีดแล้ว เราว่าขอเปลี่ยนเถอะนะไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นเจออะไรมา อย่างในรูปนี้คือ เราแอบกรีดดูก่อนแล้ว ได้มาแล้วตื่นเต้นไปหน่อย แฮะ ๆ
เปิดกล่องมา เราจะเจอกับแถบที่เขียนว่า Pull ให้เราดึง ส่วนนี้เราก็คิดอยู่นานว่า เอ๊ะ ลูกศรให้เราดึงไปข้างหน้าหรือยังไง อ่อ ดึงขึ้น เพราะตัวโฟมที่อยู่ในกล่องมัน Fit กับกล่องมาก ๆ และไม่มีช่องให้เราจับโฟมแล้วดึงกล่องได้เลย
ต้องดึงจากแถบดึงเท่านั้น ความพีคคือ แถบดึงนี้ เป็นพลาสติกที่ไม่ได้ล๊อคกับกล่องอะไรเลย ตอนดึงเรียกว่า ทุลักทุเล พอสมควร กลัวดึงแล้วแถบไม่อยู่ตรงกลางแล้วอาจจะหล่นได้ แล้วเราจับโฟมไป ๆ มา ๆ อ้าว เม็ดโฟมมันหลุด ปริ้ว ๆ อยู่ในห้อง ฮา ๆ
ตัวกล่องโฟมที่เราดึงออกมา เขาก็จะมีฝาให้เราเอาออกมาได้เลย เขาจะแปะเทปกาวสีน้ำเงินใส ๆ ด้านซ้าย และ ขวาของรูป
เปิดฝากล่องโฟมออกมา เราจะพบกับตัวโคมไฟ และ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ติดมาให้เรา
เราขอเริ่มจากของที่น้ำหนักโหดที่สุดก่อนเลย นั่นคือ ขาของโคมไฟ ตัวมันน่าจะเป็นเหล็กตัน ๆ หล่อทั้งอันแล้วพ่นสีเลย แค่จะยกถ่ายรูปนี้ก็คือ มือสั่นแล้ว มันหนักมาก เพื่อป้องกันไม่ให้เวลาเราโยกโคมไฟไปมา แล้วมันจะล้ม ด้านล่างมีสติ๊กเกอร์เตือนความปลอดภัยไว้ด้วยนะ รูปที่ 2 ด้านขวาคือเห็นแล้ว เจ็บแทนเลย มีลูกศรชี้ขึ้นไปเป็นสกรูสำหรับการประกอบกับตัวโคมไฟ
จริง ๆ BenQ เขามีฐานแบบที่ยึดกับขอบโต๊ะด้วย จะได้ไม่ต้องเสียพื้นที่ในการวางฐานเยอะ อยากได้มาก ๆ ฐานอันนี้มันใหญ่และหนักมาก ๆ ถ้าหนีบขอบโต๊ะน่าจะดีเลยทีเดียว แต่ในไทยเท่าที่ดูทาง BenQ Thailand ยังไม่ได้เอาเข้ามา ก็รอติดตามที่ BenQ เลยว่าเขาจะเอาเข้ามามั้ย
ด้านหลัง เป็นเหล็ก อยู่ในแอร์จับแล้วเย็น ๆ เลย กับมีพวกเท้าที่เป็นยางกันลื่นด้วย เผื่อเวลาเราขยับโคมแล้วขามันจะไม่ลื่นไปกับโต๊ะด้วย กับตรงกลางจะเป็นพวกรายละเอียดต่าง ๆ
ต่อไปเป็น Paperwork จะเป็น Quick Start Guide ว่าเราจะประกอบตัวโคม และ ใช้งานมันได้อย่างไร เราลองเอามาดู เขาทำมาดีมาก ๆ นะเป็นกระดาษเงา ๆ พิมพ์สี เขียนค่อนข้างอ่านง่ายเลย ใครอ่านน่าจะใช้เป็นได้ง่าย ๆ และเราจะเห็นแท่งเหล็กเล็ก ๆ อยู่
ตอนแรกก็ งง ว่า มันคือแท่งอะไรหว่า อ่อ มันคือไขควง สำหรับการประกอบโคมนั่นเอง รูมันแปลก ๆ เราเลยแนะนำว่า ให้เก็บไว้ดี ๆ ละกันเผื่อจะต้องถอดในอนาคต เราจะได้ใส่ได้ง่าย ๆ
ใต้ห่อ Paperwork ทั้งหลาย ก็จะเป็น กล่องกระดาษ มีความแอบยับ ๆ ตรงที่เปิดกล่อง อันนี้เราไม่ได้เปิดมาก่อนนะ เปิดพร้อมทุกคนเลย แต่... ทำไมมันมีความยับ ๆ ที่เปิด หรือเป็นใน Production Line ที่อาจจะใช้คนใส่แล้วปิดฝา เลยเป็นแบบนี้
ในกล่องกระดาษเมื่อครู่เปิดมา เราจะเจอกับ Adapter สำหรับเสียบไฟ และ หัวปลั๊ก
Adapter มาเป็นลักษณะทั่ว ๆ ไปเลย อันไม่ได้ใหญ่มาก เพราะมันใช้ไฟไม่เยอะ เป็นแค่ LED เองเนอะ จากตัวสเปกที่เขียนบน Adapter ให้ Output อยู่ที่ 12V/1.5A หรือประมาณ 18W แน่นอนว่า ยังไงมันก็เพียงพอกับ LED อยู่แล้ว ชิว ๆ
โดยที่ตรงที่เสียบ เขาจะทำมาเป็นช่องไว้ สำหรับให้เราเอาหัวปลั๊กเข้าไป ส่วนนึงคือ ทำให้เวลาแพคไปขายทั่วโลก ก็จะง่ายกว่า ไม่ต้องมานั่งเปลี่ยน Adapter ก็ใช้อันเดิมนี่แหละ แล้วเสียบเปลี่ยนหัวได้เอา กับฝั่งเราที่เป็นผู้ใช้เอง ก็ทำให้ไม่ต้องไปนั่งหาหัวแปลงมาเสียบให้รกด้วย
ซึ่งหัวที่เขาให้มา ที่ใช้ในไทยก็จะเป็นหัวกลมหมดเลย เป็นไปตามมาตรฐานของ มอก มั่นใจได้เลยว่าปลอดภัย ส่วนที่เหลือจะเป็นปลั๊กสำหรับฝั่งยุโรปอะไรพวกนั้น เราก็ไม่ได้ใช้ปล่อยไป
เมื่อเอาหัวปลั๊กมาเสียบ เราก็จะได้ออกมาแบบนี้เลย จะเห็นด้านที่เป็นหัวงอกออกมาจาก Adapter เราจะเห็นว่า มันเป็นหัวกลม DC ตามปกติเลย เป็นข้อดีมาก ๆ เลย เพราะถ้าเกิดใช้งานไป Adapter อาจจะโดนไฟกระชาก หรือใช้งานไปนาน ๆ มันก็เสื่อมตามระยะเวลา ถ้าเป็นหัวที่ใช้งานกันทั่ว ๆ ไป มันก็จะหาซื้อเปลี่ยนง่าย แค่เราซื้อ แรงดัน กับ Ampare ให้ตรงมา ก็ได้แล้ว
อันนี้ประสบการณ์ตรงกับโคมไฟเจ้าหนึ่งที่ใช้หัวพิเศษเลย แล้วที่บ้านมีปัญหาไฟกระชากอยู่ช่วงนึง ทำให้ Adapter พังไปสุดท้ายก็ต้องวิ่งไปศูนย์บริการอยู่ก็ไกล กว่าจะเปลี่ยนนั่นนี่ได้ คือลำบาก แต่ถ้ามาเป็นแบบของ BenQ WiT นี่คือ ไปซื้อจาก Online Shopping หรือเดินบ้านหม้อเราว่าก็มี ง่ายกว่าเห็น ๆ
และของชิ้นสุดท้าย เป็นตัวโคมไฟละ ห่อพลาสติกมาแบบหลวม ๆ เหมือนกับของชิ้นอื่น ๆ ในกล่องเพื่อป้องกันรอยจากการขนส่ง
โดยตัวโคมนี้ เขาจะเดินสายมาให้เราแล้ว นั่นแปลว่า เราจะไม่สามารถถอดสายได้เลย ดังนั้น เราคิดว่า เวลาเราใช้งาน เราอาจจะต้องระวังมันมาก ๆ อย่าให้สายหักเลย ไม่งั้น เปลี่ยนทั้งอันแน่นอน แต่ตัวสาย เราว่ามันก็ไม่ได้พังง่ายขนาดนั้นซะทีเดียว มาเป็นสายถักสีเทา จับแล้วหนา น่าจะมีความทนทานที่สูงใช้ได้เลย ในห่อ เขาจะเอาพลาสติกมาห่อให้สายมันขด ๆ เพื่อเอาลงกล่องได้ แต่เรารู้สึกว่า การห่อ คือไม่ดีเท่าไหร่เลย ปกติพวกนี้อาจจะใช้พวกพลาสติกแผ่นแล้วทำที่ติดกาวมาติดรัดไว้ อันนี้คือมาตรง ๆ เลย
หลัก ๆ อุปกรณ์ในกล่องก็จะมีประมาณนี้เลย เป็นของที่เราได้ใช้งานจริง ๆ แน่นอน ไม่ได้มีของที่ดูเว่นเว้ออะไร ก็เป็นไปตามสมัยนิยมเนอะ ที่เดี๋ยวนี้เขาก็พยายามให้แต่ของที่ต้องใช้แน่ ๆ เข้ามา ลดต้นทุน และ ลดขยะด้วย แต่เรื่องของ Packaging เอง เราคิดว่า BenQ อาจจะต้องไปทำการบ้านเพิ่มมาก ๆ โดยเฉพาะแถบดึงที่เรารู้สึกว่า มันน่ากลัวมาก ๆ ดึงอะ ดึงได้จริง แต่ดึงแล้วคว่ำมั้ยนี่คือปัญหา และ พวกเรื่องของการใช้โฟมอันนี้กลุ่มคนรักษ์โลก อาจจะไม่ถูกใจสิ่งนี้ โดยรวมเป็น Packaging ที่ยังคิดว่า มันทำให้ดีกว่านี้ได้อีก ฝาก BenQ ทำการบ้านเรื่องนี้เพิ่มเติม น่าจะช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการแกะของใช้งานได้
ในการประกอบ BenQ WiT บอกเลยว่าไม่ยากมาก เริ่มจากให้เราเอาตัวโคมเสียบเข้ากับตัวฐานขาตั้งก่อน เอาจริง ๆ เลยนะ ตอนประกอบ ถ้าเราไม่อ่านคู่มือ เข้าใจว่า ให้เราเอาไขควงมาหมุน ๆ ที่ข้อต่อมัน แต่เอ๊ะ ทำไมพี่ไม่ให้ไขควงอันใหญ่มาด้วย อ่อ ไม่ใช่ ฮา ๆ
หันมาด้านหน้า เราจะเห็นสกรูอันเล็ก ๆ อันนึง ให้เราเอาไขควงที่อยู่ในถุงคู่มือเอามาไขให้แน่น ย้ำนะว่า ให้แน่น กลัวมันจะหลุดตอนเราถือ แต่เอาจริง ๆ เขาก็ไม่แนะนำให้เราจับแค่โคมแล้วถืออยู่แล้ว เขาแนะนำให้เราจับทั้งฐาน และ โคมเพื่อเคลื่อนย้าย ลดโอกาสที่ฐานจะหล่นใส่เท้า
จากนั้นเราก็เสียบหัวปลั๊กเข้าไปที่ Adapter ตามที่เราต้องการ และ เสียบปลั๊กก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้ว BenQ WiT ก็พร้อมใช้งานแล้ว
BenQ WiT Desk Lamp มาใน Design แบบ Modern มาก ๆ จะเห็นว่า เราเอามาวางบนโต๊ะทำงานเราเอง ก็คือ กลืนเข้าไปเลยนะ ไม่ได้ทำให้โต๊ะมันรู้สึกว่า มีอะไรแปลก ๆ อยู่บนโต๊ะ (จริง ๆ ตอนแกะก็แอบกลัวว่ามันจะเข้ามั้ยหว่า เออ ดีเฉย) แต่ Design ที่เราว่า มันเป็นเอกลักษณ์มาก ๆ คือ ตัวโคมที่เป็นโค้ง ๆ เป็นเหมือนยิ้ม ๆ
จากรูปก่อนหน้าเราจะเห็นเลยว่า มันไม่มีสายระโยงระยางห้อย ๆ เต็มไปหมด เพราะทาง BenQ เขาคิดมาให้เราแล้ว เขาเลยร้อยสายไว้ในตัวโคมทั้งหมดเลย ดังนั้น เราไม่ต้องมานั่งเสียเวลานั่งไล่สายเก็บ ๆ สายเลย อาจจะมีที่ข้อ ๆ นึงที่เขาจะต้องเว้นสายไว้สักหน่อย เพื่อเราหมุนขึ้นลง
ที่ตัวข้อ จะมีเหมือนสกรูมา ทำให้มันเป็นจุดหมุน แต่เราแอบรู้สึกว่า มันเป็นเพราะโคมมันยังใหม่ด้วยมั้ย ทำให้มันหมุนยากมาก ๆ เพราะสกรูมันอาจจะยังแน่นจากโรงงาน อันนี้เราไม่ชัวร์ว่า ถ้าใช้ไปนาน ๆ สกรูมันจะคลายตัวมั้ย ทำให้การหมุนมันง่ายขึ้น หรือแย่ที่สุดคือ จับไม่อยู่ แต่เราเดาว่าถ้าถึงจุดนั้นจริง ๆ อาจจะเอาที่ขันมาขันผ่านกรูพวกนี้ได้นะ เลยคิดว่า อาจจะไม่มีปัญหาอะไร
แต่อันที่ไม่เคยรู้มาก่อน แล้วโดนใจมากคือ หัวอันบนสุด มันเป็นแบบบอล ทำให้เราสามารถบิดได้ทุกทิศเลย แต่มันจะไม่ได้บิดได้แบบเยอะ 90 องศาขนาดนั้นนะ เราก็เลยลองเอามาทำอะไรที่มันแปลก ๆ หน่อยคือ เราบิดให้มันหันเข้าหาตัวเรา แต่มันจะบิดขึ้นเจอหน้าไม่ได้ขนาดนั้น เลยเอาไว้ใช้เป็นแสงไฟช่วงคอ กับตัว เวลาเราถ่าย แล้วใช้ไฟที่มีอยู่แล้วส่องหน้าลบเงาเอา เรียกว่า เป็นประโยชน์อีกอันที่ BenQ อาจจะไม่ได้คิดมา แต่เราก็ หาทำ อยู่พอสมควรเลย ถ้าทำให้มันหมุนได้อีกหน่อยนะ เราว่า สนุกแน่นอน
ตัวโคมเลย จะเป็นหลอด LED หลาย ๆ หลอดมาต่อกัน แต่ไม่ได้เป็นหลอดขาวง่าย ๆ นะ เขาใช้ลักษณะของการต่อหลอด ขาว และ เหลือง ทำให้สามารถควบคุมอุณภูมิของแสงได้แม่นยำมาก ๆ อันนี้แหละ เป็น Feature นึงที่เหนือกว่าพวกโคม LED ในท้องตลาดทั่ว ๆ ไปมาก ส่วนตัววัสดุใส ๆ ที่ให้แสงจาก LED ลอดออกมา เป็นพลาสติกใสที่มีลายเป็นซี่ ๆ คิดว่า น่าจะเป็นการทำให้แสงมันกระเจิง ไม่โฟกัสกับจุดใดจุดหนึ่ง เราจับดูแล้ว เราแอบกลัวว่า ถ้ามันโดนความร้อน กับแสงมาก ๆ ใช้ไประยะยาวมันจะกรอบมั้ยนะ
ส่วนด้านบน จะมาเป็นลักษณะที่บอกไว้ว่ามันเอกลักษณ์มาก ๆ ด้านบนที่เราเห็นเป็นสีเงิน ๆ อันนั้นจะทำมาจากโลหะ ข้อดีอย่างแรกคือ สวย อะสวยจริงยอมรับ อีกข้อคือ การระบายความร้อน พวก LED วิธีการยืดอายุที่ดีคือการทำให้มันไม่ร้อนมาก ซึ่งโลหะตรงนี้แหละ นอกจากทำให้สวยแล้ว ยังได้เรื่องของการระบายความร้อนที่เกิดจากการเปิดเป็นระยะเวลานาน นั่นหมายถึงกายยืดอายุของ LED ไปได้อีกนานเลยทีเดียว BenQ บอกว่ามันสามารถอยู่ได้ถึง 50,000 ชั่วโมงเลยนะ ถือว่านานใช้ได้เลย แต่เอาเข้าจริง ๆ ถ้าดูแลดี ๆ LED อยู่ยาว ๆ สบาย ๆ
ด้านท้ายจะเป็นโลหะเงา กลม ๆ อาจจะคิดว่า อ่อเป็นแค่ Design ไม่มี Feature อะไรแต่จริง ๆ แล้วมันเป็นปุ่มแบบสัมผัส ถ้าเราแตะทีนึง จะเป็นการเปิดหรือปิด หรือถ้าเรากดค้างไว้ จะเป็นการสลับโหมดพวก อ่านหนังสือ และ ใช้หน้าจอ เราจะเห็นไฟสีเขียว ๆ อยู่ด้านหลังด้วย
ใช่แล้ว มันเป็นไฟสำหรับแสดงสถานะของโหมดว่า เราใช้โหมดสำหรับอ่านหนังสือ หรือใช้หน้าจอ ถ้ามันเป็นสีเขียวคือ เรากำลังใช้โหมดที่เป็นหน้าจอ แต่ถ้าเป็นสีส้ม ๆ คือเราใช้สำหรับอ่านหนังสืออยู่
ถัดลงมา จะเป็น Knob สำหรับการปรับแสง และ อุณหภูมิแสงด้วยตัวเอง เผื่อใครรู้สึกว่า โหมดอัตโนมัติแอบมืดสว่างหรืออุณหภูมิสีไม่ได้ ก็อาจจะหมุนเพื่อปรับเอาได้เลย โดยถ้าเราหมุน มันจะเป็นการปรับความสว่าง และ ถ้าเรากด แล้วหมุน มันก็จะเป็นการปรับอุณหภูมิแสง ทำได้ใน Knob อันเดียวเลย
การใช้งานจริง สิ่งแรกที่เรารู้สึกได้จากการลองใช้เลยคือ เห้ย มันสบายตากว่าที่คิดเยอะเลย ความสว่างตัวโหมดสำหรับใช้งานบนหน้าจอ และ โหมดอ่านหนังสือ ทำมาได้พอดีมาก ๆ และที่สำคัญ โต๊ะทำงานเราค่อนข้างกว้างมาก ๆ พวก Lightbar และ โคมไฟหลาย ๆ รุ่นมักจะดึงออกมาไม่ถึง หรือแสงสว่างที่ได้มันแคบ ๆ แต่ WiT ทำออกมาได้กว้างใหญ่มาก ๆ แล้วความสว่างก็ยังพอดีอีก ทำให้เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่มีโต๊ะขนาดใหญ่ ๆ หรือใช้หน้าจอมากกว่า 1 ตัว
อีกส่วนที่อยากให้สังเกตจากรูปนี้คือ ที่จอไม่มีแสงสะท้อนจากไฟเลย มีแค่เงาของม่านที่เราเปิดอยู่หลังโต๊ะเท่านั้นเอง ถ้าใครที่เคยใช้พวก Lightbar บางตัว หรือโคมไฟทั่ว ๆ ไปเอามาวางหน้าคอม เราอาจจะเคยเห็นบนจอมันจะมีไฟเป็นดวง ๆ ที่เกิดจากการสะท้อน พอเราใช้ไปนาน ๆ เราจะเมื่อยล้าได้ง่ายมาก ๆ ดังนั้น WiT เลยออกแบบตัวหัวแบบบอล เพื่อให้เราสามารถหมุนเลี่ยงไม่ให้โดนจอได้นั่นเอง เขาไม่ได้ออกแบบมาให้เราหันเข้าหน้าแล้วถ่ายวีดีโอค่าาา
ความพิเศษอีกอย่างของโคมอันนี้คือ เมื่อเราเปิดโหมดหน้าจอ แล้วดูที่การฉายไฟลงมา เราจะเห็นว่า ด้านข้างขอบ มันจะสว่างกว่าตรงกลางอย่างเห็นได้ชัด นั่นเป็นอีกส่วนที่ทำให้ลดแสงที่สะท้อนมาที่หน้าจอได้อีก กับ ลดความจ้าที่มันเข้าตาเราด้วย เพราะว่า แสงจากหน้าจอ มันก็อัดเข้าตาเราไปหนึ่ง แล้วจะเอาแสงจากโคมอัดอีก มันก็จะทำให้เราแสบตา ปวดตาเมื่อเราใช้ไปนาน ๆ ดังนั้นการที่ BenQ เลือกที่จะออกแบบ มาเป็นลักษณะนี้ เราว่ามันช่วยได้มากจริง ๆ
แล้วตัว LED ที่เอามาใช้ มันไม่ได้เป็น LED ปกตินะ แต่มันเป็น LED ที่ผ่านการทดสอบมาแล้วนะว่ามันจะไม่สั่นเลย ถ้าเราไปลองเอากล้องไปส่องพวก LED บางยี่ห้อ เราจะเห็นเลยว่าภาพมันสั่น ๆ กระพริบ ๆ เพราะความเร็วชัตเตอร์มันจะสูงกว่าความเร็วของการกระพริบ โอเค ตาเรามองไม่เห็น แต่ถ้าเรานั่งทำงานในที่แบบนั้นไปนาน ๆ ตามันจะล้ามาก ๆ เลยละ
ถามว่า เจ้าโคมนี่มันสว่างได้ขนาดไหน เราก็ต้องบอกเลยว่า สว่างมาก ๆ ตามสเปกสว่างสูงสุดที่ 900 lm ถือว่า สว่างอย่างเพียงพอ และ สม่ำเสมอ ในการใช้งานทำงานบนโต๊ะแล้ว (สว่างมากไป ก็ทำให้เราใช้แล้วตาเราล้าเหมือนกัน ดังนั้น พอดี ดีที่สุด) เมื่อเราเอามาใช้งานกับโต๊ะใหญ่ ๆ จากภาพ จะเห็นเลยว่า มันไม่ได้แค่สว่างนะ แต่มันให้พื้นที่ที่กว้างมาก ๆ ขนาดโต๊ะใหญ่ ๆ แบบเรา ยังพอดีเลย กับในภาพนี้ เราไม่ได้ปรับแสงให้สว่างที่สุดด้วยนะ
เราปรับเป็น Auto สำหรับการใช้งานหน้าจอเลย ซึ่งเขาจะมี Sensor อยู่ในโคมเพื่อวัดความสว่าง และ พวกอุณหภูมิสี แล้วปรับไฟให้เข้ากับสภาพแวดล้อมนั้น ๆ ดูจากรูป ที่เขาปรับ Auto มา เออ มันดีเลยนะ มันสบายตามาก ๆ ทำให้ส่วนใหญ่แล้วเราก็จะคงไว้ที่ Auto เลย
กับอีกส่วนที่สำคัญมาก ๆ คือค่า CRI (Colour Rendering Index) เป็นค่าที่จะบอกความเที่ยงตรงของสีที่ถูกส่องด้วยไฟนั้น ๆ ส่วนใหญ่ไฟที่มีค่าพวกนี้สูงมาก ๆ จะมีราคาแพงมาก ๆ ตามสเปกของ WiT ให้ไปถึง 95% CRI เลย ดังนั้น เรามั่นใจได้เลยว่า ถ้าเราใช้ไฟตัวนี้ สีที่ได้โอกาสจะเพี้ยนไม่สูงมากเลย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับหลอด LED ที่หมุน ๆ ใส่โคม คนละเรื่องเลยนะ เพราะมันออกแบบมาให้ทำงานไม่เหมือนกัน
ไหน ๆ ก็พูดถึงข้อดีแล้ว เรามาเล่าข้อสังเกตกันด้วย เผื่อเป็นจุดสำหรับตัดสินใจ อย่างแรก เมื่อเรานั่งทำงาน แล้วเราจะปรับการตั้งค่าไฟ ภาพด้านบนคือมุมมองที่เราเห็นจากเวลาเรานั่งทำงานแล้วแหงนมอง จะเห็นว่า เราไม่เห็นเลยนะว่า ตอนนี้โคมอยู่ในโหมดการทำงานแบบไหน หรืออะ เราบอกว่า เราไม่รู้ละ เราปรับเลย เราแตะที่ปุ่มเปลี่ยนพอถึงอยู่ มันก็จะมีจังหวะที่มันวัดแสงตอนเปลี่ยนโหมด แต่เราก็ไม่รู้ว่ามันอยู่โหมดไหนแล้ว เพราะเราไม่เห็นไฟแสดงสถานะเลย ส่วนการปรับด้วย Knob จริง ๆ ถ้าเราลุกขึ้นแล้วปรับ เราว่าง่ายเลยนะ ความหนืดอะไรมันพอดีเลย แต่ถ้าเราไม่อยากลุก เราเอื้อมมือขึ้นไปปรับ อันนี้แหละ ยากละ แค่หมุนความสว่างไม่ยากมาก แต่ถ้าเราต้องกด อะเริ่มยากละ กดไปปุ๊บแรงไปขามันเปลี่ยนทิศ เอ้าาา ดังนั้น ลุกเถอะ
แต่เอาเข้าจริง ๆ เลย เวลาเราใช้งานจริง เราก็จะเอาไว้บนโต๊ะทำงานที่ส่วนใหญ่เกิน 90% เราก็ใช้งานหน้าจออยู่แล้ว ทำให้เราก็ค้างไว้ที่โหมดหน้าจอ แล้วพวกความสว่างกับอุณหภูมิ เราก็ค้างไว้ที่ Auto มันก็ปรับเก่งอยู่แล้ว ทำให้เวลาส่วนใหญ่เราก็จะไม่ได้ไปปรับอะไรที่เราบอกในข้อสังเกต อย่างมากสุด ๆ เลยคือ เราใช้งานเสร็จ เราก็เอื้อมมือขึ้นไปแตะตัวที่เปิดปิด แค่นั้นเลย เราพึ่งใช้งานไม่นาน ยังกะน้ำหนักไม่ถูกเหมือนกัน ใช้ ๆ ไปอาจจะกะได้แล้วจะง่ายละ หรือถ้า BenQ อยากจะแก้ปัญหาจริง ๆ คิดว่า การทำ Desktop Dial เหมือนกับ BenQ ScreenBar Plus แอบน่าสนใจมาก ๆ
อีกส่วนคือ ข้อต่อ มันแน่นไปหน่อย เข้าใจว่าน่าจะเป็นเรื่องปกติของการใช้กลไกแบบนี้ ตอนที่เราปรับองศาให้เข้ากับโต๊ะ มันใช้แรงเยอะมาก ๆ และเราว่า ไม่น่าจะเหมาะกับการปรับไปมาแน่ ๆ หรือจริง ๆ มันเกิดจากความใหม่หรือไม่ ไม่แน่ใจเหมือนกัน ใช้งานไป ตัวข้อต่อมันอาจจะหลวม แล้วทำให้ขยับได้ง่ายขึ้นหรือไม่ อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน ถ้าใช่มันนำไปสู่ข้อสังเกตต่อไปคือ ถ้ามันหลวม แล้วมันจะหลวมขนาดคงองศาที่เราปรับไว้ได้มั้ย อย่าลืมว่า ขา มันเป็นโลหะ มีน้ำหนักอยู่ ถ้าในอายุการใช้งานมันไม่มีปัญหานี้ เราว่าโอเคหายห่วงได้
ถ้าใครที่เคยอ่านรีวิวเรามาก่อน อาจจะเคยเห็นว่า เราเคยรีวิว BenQ ScreenBar ไปแล้ว ซึ่งเป็นไฟที่ใช้แขวนบนหน้าจอ อาจจะเกิดคำถามว่า เราจะเลือก ระหว่าง ScreenBar หรือ WiT ที่เป็นโคมไฟดี
ส่วนตัว เราแนะนำว่า ขึ้นกับขนาดพื้นที่ และ การใช้งานของเรา ถ้าเราใช้งานบนโต๊ะขนาดไม่ใหญ่จากจอเว้นออกมาสักไม่เกิน 15cm เราว่า ScreenBar น่าจะเอาอยู่สบาย ๆ เลย ส่องสว่างคลุมพื้นที่ได้พอดี ๆ เลย แต่อาจจะยังเอามาใช้อ่านหนังสือเป็นหลัก เราว่า แอบยังไม่เหมาะ แสงสว่างอาจจะยังไม่เพียงพอเท่าไหร่
ดังนั้น ถ้าใครที่ใช้จอคอม พร้อม ๆ กับทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่นอ่านหนังสือ หรือเขียน ๆ ในกระดาษ เราคิดว่า BenQ WiT น่าจะเหมาะสมกว่า เพราะโคมมันจะให้แสงสว่างในพื้นที่ ๆ กว้างกว่ากันมาก หรือโต๊ะทำงานไหนที่มีมากกว่า 1 จอ ก็ไปโคมเลย มันคลุมพื้นที่ได้มากกว่าเยอะ
BenQ WiT Eye-Care Desk Lamp เป็นโคมไฟสำหรับโต๊ะทำงานที่มี Design ที่สวยงาม Modern และ Minimal ค่อนข้างเข้ากับโต๊ะได้อย่างง่าย ๆ เนียน ๆ เพื่อให้เข้ากันมากขึ้น BenQ เลยเอาเข้ามาทั้งหมด 3 สีด้วยกันคือ สีเงิน, สีทอง และ สีฟ้า เราว่า ถ้าเอาง่าย ๆ เลยสำหรับคน Match สีไม่ถูก เอาปลอดภัยเลย สีเงิน เราว่า ง่ายสุด เข้ากับหลาย ๆ สีบนโต๊ะทำงานได้ง่าย ในแง่ของการเป็นโคมไฟเอง ก็ให้ความสว่างพอดีกับการใช้งานสูงถึง 900 lm ให้แสงกระจายอย่างสม่ำเสมอมากกว่าโคมไฟทั่วไปถึง 150% ไม่สะท้อนหน้าจอกับกระพริบให้เราปวดตา และยังมีความสามารถในการปรับแสงได้ตามสภาพแวดล้อมเองได้อีก
ทั้งหมดนี่ในราคา 8,490 บาท โอเค แอบสูงเมื่อเทียบกับโคมไฟ แบบ โคมไฟ ทั่ว ๆ ไปจริง ๆ แต่นั่นมันไม่ได้ทำมาสำหรับการใช้งานหน้าจอ และ การอ่านหนังสือเท่าไหร่ การลงทุนเพิ่มเพื่อให้ได้ Feature ที่ทำให้เราใช้งานหน้าจอ อ่านหนังสือได้สบายตาขึ้น ใครที่ต้องอยู่กับหน้าจอทั้งวัน เราว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ เลยนะ ถือว่าไม่แพง
อ่านแล้วติดใจ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ BenQ หรือ สั่งซื้อสินค้าได้ที่ Shopee
หลังจากผ่านไป 3 ปี ในที่สุดวันที่เรารอคอยกันก็มาถึง iPad Mini ออกรุ่นใหม่แล้วแกร แต่เอ๊ะ หน้าเดิมนิ แล้วมันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง และส่งผลกระทบต่อการใช้งานอย่างไรบ้าง วันนี้เราได้ทดลองใช้แล้วจะมารีวิวให้อ่านกัน...
หนึ่งใน Feature ใหม่ที่เปิดออกมาทั้งใน macOS Sequoia, iPadOS 18 และ iOS 18 คือ App ที่ชื่อว่า Password เป็น Password Manager ของ Apple วันนี้เราได้ทดลองใช้งานมันมาประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว จะมาเล่าให้อ่านกันว่าอาการมันเป็นยังไง มันทำให้ชีวิตเราเหนื่อยขึ้นได้อย่างไร...
เป็นประจำในทุก ๆ ปีที่ Apple จะเปิดตัว macOS Version ใหม่ออกมาให้ผู้ใช้ Mac ได้ Upgrade กัน ในปีนี้เอง Crack Marketing Team ก็ทำหน้าที่ของตัวเองในการออกไปหาชื่อใหม่ให้กับ macOS ในปีนี้ชื่อว่า macOS Sequoia จะมี Feature อะไรเด็ด ๆ บาง วันนี้เรารวมเอามาเล่าให้อ่านกัน...
หลังจาก Apple เปิดตัว iOS18 และ iPadOS18 วันนี้เราจะมาเล่าพวก Feature ต่าง ๆ ที่เราได้ทดลองใช้งานมาหลายวันพร้อมกับบอก Use Case การใช้งานต่าง ๆ ว่ามันเอามาทำอะไรได้บ้าง...