By Arnon Puitrakul - 27 มกราคม 2023
สำหรับผู้ใช้ iPhone รุ่นใหม่ ๆ หน่อยตั้งแต่ iPhone 12 Series ขึ้นไปจนถึงตอนนี้ 14 Series ไปแล้ว น่าจะรู้จัก Magsafe กันไปแล้ว วันนี้เราจะมารีวิวอุปกรณ์อีกตัวเป็นแท่นสำหรับชาร์จ iPhone ของเราด้วย Magsafe พร้อมกับ Apple Watch และมี Qi Charger สำหรับชาร์จ AirPods ของเราด้วย จาก Belkin BOOST CHARGE PRO 3-in-1
เรามาเริ่มจากการแกะกล่องก่อนเลยละกัน ตัวกล่องวัสดุจริง ๆ ไม่ได้มีอะไรพิเศษเท่าไหร่ เพราะมันเป็นกระดาษธรรมดานี่แหละ แต่มีการปริ้นได้ค่อนข้างสวยเลย ด้านหน้าจะเป็นการบอกรุ่น และหน้าตาของตัวแท่นชาร์จ และสำคัญมาก ๆ คือด้านซ้ายล่างที่เขียนว่า Made for Magsafe การจะใช้สัญลักษณ์นี้ไม่ถูกนะ เพราะ Belkin ต้องจ่ายส่วยให้ Apple แลกกับลัญลักษณ์และ การเข้าถึงมาตรฐานบางอย่างของ Magsafe
นั่นทำให้สเปกการชาร์จของเจ้าแท่นชาร์จนี้ผ่าน Magsafe ทำได้ 15W จริง ๆ ตามมาตรฐาน ต่างจากพวก Wireless Charger ทั่ว ๆ ไปที่อาจจะมีแม่เหล็กดูดเหมือน Magsafe ได้แต่ชาร์จด้วยมาตรฐาน Qi ปกติ และด้านหลังก็บอกเลยว่า มันทำได้ 15W จริง ๆ และ บอกพวกอุปกรณ์ที่รองรับทั้งหลาย ถ้าใช้งาน iPhone 12 Series ขึ้นไปได้หมดเลย กับ Apple Watch SE, Series 5 ขึ้นไป และ AirPods Pro กับ AirPods รุ่นที่ใช้เคสชาร์จแบบ Wireless
ด้านข้างกล่องเขาก็ทำมาเป็น Gimmick น่ารักนะ คือ ถ่ายมุมข้างของแท่นชาร์จมา เหมือนเรามองที่ข้าง ๆ ของแท่นหลังจากเราแกะจริง ๆ
ส่วนอีกข้างไม่มีอะไรนอกจากการพิมพ์ทั่ว ๆ ไป อันนี้เหมือนเห็นในกล่องของ Belkin หลาย ๆ ตัวนะ
สำหรับคนที่ซื้อมือหนึ่งมา ให้เช็คซีลด้วยนะว่า ซีลมันมีการติด มันมีการโดนกรีดไปมั้ย มันจะมีซีลสติ๊กเกอร์อยู่ทั้งหมด 2 จุดด้วยกันคือ ข้างกล่องทั้งสอง สำหรับการแกะ เราก็เอาง่าย ๆ เลยคือ การเอาคัตเตอร์กรีดเอาจะได้เก็บกล่องสวย ๆ ได้
เมื่อเปิดกล่องออกมา เราจะพบกับความว่างเปล่า เห้ย ไม่ใช่ ตัวแท่นใส่อยู่ในกล่อง และมีกล่องอะไรอยู่ด้านบน
เปิดกล่องออกมา เราจะพบกับสายไฟ Adapter ให้มาอย่างเรียบร้อย
โดย Adapter ทำมาน่ารักเลยนะ เป็นพลาสติกสีดำ และด้านบนมีการทำเป็น Logo ของ Belkin เป็นเงา ๆ เล็ก ๆ อยู่ด้านบนด้วย
ซึ่ง Adapter ตัวที่ให้มามัน Rating อยู่ที่ 1.3A ถ้าคูณกับไฟบ้านเรา 220V ก็จะออกมาที่ 286W Max ซึ่งยังไงก็เพียงพอกับการชาร์จอุปกรณ์ทั้งหมดของเราอยู่แล้ว
ส่วนปลั๊กที่ให้มาจะเป็นปลั๊กแบบ 2 หัวแบน อันนี้เราก็ว่ามันแอบใช้งานง่ายอยู่ แค่นิดเดียวเลยคือพอเวลาเราเอาไปเสียบกับปลั๊กพ่วงมันงอกออกมา ทำให้เวลาเราจัดสายอะไร เราว่าแอบยากไปหน่อย
กับด้านล่างเมื่อเอา Adpater ออกมา เราจะพบกับพวก Paperworks ต่าง ๆ ซึ่งแน่นอน อย่างที่เราเคยบอกแล้วว่า เกิน 8 บรรทัด ไม่อ่าน บายจ้า
เราจะเห็นว่าในกล่องมันมีแท่งขาว ๆ อะไรสักอย่าง มันเป็นยางนะ เดาว่า เอาไว้กันไม่ให้ตัวแท่นชาร์จมันขยับระหว่างการขนส่งแหละ หรือถ้ามันขยับมันเป็นยางก็ไม่ทำให้ตรงขามันเสียหายได้
เอาตัวแท่นออกมาจากกล่อง ตัวแท่นวางอยู่ในถาดพลาสติกอย่างดี เพื่อป้องกันพวกการขยับ และพวกรอยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ก็ถือว่าทำมาดี แต่แอบโลกร้อนปะ ฮา ๆๆ
เมื่อเรายกตัวแท่นชาร์จออกจากถาด เขาจะมีกระดาษที่พิมพ์บอกว่า เราจะใช้งานเจ้าแท่นนี้อย่างไร เดี๋ยวเรามาเล่าตอน Setup
และ ใช่ ฮ่ะ ทั้งหมดในกล่องมีแค่นี้จริง ๆ คือตัวแท่นชาร์จเอง, Adapter และ Paperworks ที่เราไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่นั่นเอง
เราว่า Belkin เป็น Brand ที่แมร่งใช้พลาสติกได้เปลืองมาก ๆ เจ้านึงเลย เพราะนอกจาก Packaging มันเป็นพลาสติกแล้ว มันยังมีการหุ้มพลาสติกมาเพื่อกันรอยขีดข่วนระหว่างการขนส่งอีกด้วย เราจะเห็นจากในรูปด้านบน มันจะมีที่สำหรับให้เราดึงพลาสติกออกมาได้
ตอนแรกเข้าใจว่า มันน่าจะเป็นสูญกาศ แล้วดึงออกมาง่าย ๆ อ่อไม่ใช่ กาว แบบ กาวจริง ๆ เลย ถ้าเราซื้อจากร้านที่อาจจะขนส่งมาโดนความร้อนเยอะ ๆ หรือเก็บไว้นาน ๆ กาวมันจะไม่ติดกับฐานก่อนเหรออันนี้สงสัยมาก
ตอนที่เราดึงออก เราก็ เอ๊ะ นะ เพราะพลาสติกที่หุ้มฐานอยู่ ถ้าเราจะแกะมันต้องผ่านเสาโลหะ แล้วเราจะเอามันออกมาอย่างไร รูดมันขึ้นไปก็ไม่ได้ จนมาดู อ่อ เขาคิดมาแล้ว เขาทำเป็นรอยประเอาไว้ เราก็มาฉีกหน่อย ก็เอาออกมาได้แล้ว
นอกจากพลาสติกที่ด้านบนของฐานแล้ว ยังมีพลาสติกติดอยู่ที่บริเวณสำหรับการชาร์จ Apple Watch อีกด้วย เป็นกาวอีกแล้ว
มาดูที่ด้านใต้ ยังอีก ยัง !! ยังจะมีพลาสติกอีก แน่นอนว่า ด้านล่างมันทำมาจากยาง สำหรับกันลื่นเวลาเราวางกับโต๊ะ ดังนั้น เราแนะนำให้เอาพลาสติกออกแล้วค่อยเอาไปวางจริง ๆ นะ สำหรับรายละเอียดด้านล่าง จะเป็นพวกการจ่ายไฟต่าง ๆ ซึ่งมันบอกเลยว่า มันจ่ายไฟให้ iPhone ได้ 15W, Apple Watch อีก 5 และ AirPods อีก 5 เป็น 25W เท่านั้นเอง ซึ่งห่างไกลจาก Adapter ไปไกลมาก ๆ
ด้านล่างของรูปก่อนหน้า อาจจะสงสัยว่า มันเป็นรูอะไรหว่า จริง ๆ แล้วมันเป็นรูสำหรับเสียบสายไฟ แต่มันไม่เสียบตรง ๆ รูมันจะอยู่ข้าง ๆ เราต้องหันมันมาดู
เราสามารถเอาสายเสียบเข้าไปได้อย่างพอดี ๆ เลย และเราจะเห็นว่า เขาเว้นช่องให้สายเดินออกมาได้ด้วย ทำให้เวลาเราเสียบแล้ววาง มันก็จะไม่โคลงเคลงเพราะสายไฟนั่นเอง มันก็จะเรียบ ๆ ออกจากฐานเลย ทำให้การเก็บสายมันดูเรียบร้อยมากขึ้น เช่นเดียวกับโคมไฟของ Dyson ที่เราใช้งานอยู่เลย
สำหรับเราเองที่ไม่เคยใช้ Magsafe ในการชาร์จมาก่อนเลย เราแอบรู้สึกดีมาก ๆ เพราะแม่เหล็กมันติดง่าย ถ้าเราชิน ๆ แล้ว เราวางลงไปมันก็จะเข้าล๊อคเลย ก่อนหน้านี้ที่เราใช้ Qi Charger เราติดปัญหาว่า เราจะต้องวางให้ได้ตำแหน่ง ซึ่งแมร่งก็ไม่ได้สักที จนหงุดหงิดในทุก ๆ วัน แต่พอมาใช้ Magsafe ปัญหานี้ก็หมดไปเลย
และอุปกรณ์อื่น ๆ อย่าง Apple Watch และ AirPods เองก็ชาร์จได้ง่ายมาก ๆ แม่เหล็กมันทำดีกว่าหลาย ๆ ค่ายมาก ๆ โดยเฉพาะตัว Apple Watch เราว่า เทียบกับสายแท้เลยได้เลย เผลอ ๆ แน่นกว่าด้วย กับไม่มีปัญหาชาร์จ ๆ หยุด ๆ เหมือนกับ Nomad ตัวเก่าเรา
ที่สำคัญ ที่ทำให้เรามองว่ามันราคาแพง เพราะ Build Quality มันดีมาก ๆ จับในทุก ๆ ส่วนแล้วรู้สึกว่ามัน Solid มาก ๆ แน่น ตัวโครเมียมที่เป็นเสา ก็สวยงามมาก ๆ พอมาวางกับโต๊ะแล้วมันเป็น Charging Station ที่ดูเข้ากับโต๊ะได้ง่ายมาก ๆ ไม่ว่าเราจะใช้โต๊ะแบบไหน อย่างเราเองใช้กับโต๊ะไม้ เห้ย มันเข้ากันได้เฉยเลย แล้วดูดีมาก ๆ
เรื่องเดียวที่กลัวคือ ตรงเสาที่เป็นโครเมียม กลัวมันเป็นรอยขนแมวมาก ๆ เมื่อเราใช้งานไปเรื่อย ๆ ถ้าเกิด เราว่ามันจะหมดหล่อ มันจะไม่เงาเหมือนเดิมละ กับตรงฐานที่มันทำมาเป็นวัสดุแบบ Soft Touch คล้าย ๆ ยางเลย มันจะกินฝุ่น ทำให้เราอาจจะต้องมานั่งเช็ดมันหน่อยไม่งั้นหมดหล่อแน่นอน
Belkin BOOST CHARGE PRO 3-in-1 เป็นแท่นชาร์จแบบ Magsafe ที่เราว่าน่าสนใจมาก ๆ ด้วย Brand อย่าง Belkin เองที่ทำอุปกรณ์เสริมใน Ecosystem ของ Apple มาอย่างยาวนาน เรามั่นใจได้ในเรื่องของความเข้ากันได้เลย พร้อมกับมี Badge Made for Magsafe การันตีเลยว่า เราจะได้ประสิทธิภาพจาก Magsafe สูงสุดแน่นอน พร้อมกับ Build Quality ที่จับแล้วมันดีมาก ๆ แน่น ทุกอย่างมันดูแพง ดังนั้น ถ้าใครที่จะหาแท่นชาร์จสักตัวเลยเป็นตัวที่น่าสนใจมาก ๆ หรือถ้าใครไม่มี Apple Watch เขาก็จะมีรุ่นที่ไม่มีที่ชาร์จ Apple Watch อีก ซึ่งก็จะมี Footprint ที่เล็กลง เข้ากับโต๊ะได้มากขึ้นไปอีก
แต่ ๆ ถ้าใครสนใจ ใน Apple Store ก็มีขายนะ แต่เราไปดูราคาใน Apple Thailand มา มันขายราคาแพงกว่า ข้างนอกเยอะมาก ๆ เพราะ Apple ขายอยู่ที่ 7,390 บาท แต่เราซื้อจาก iStudio มาในใบเสร็จเขียน 5,990 บาท บวก VAT เข้าไปมันจะเป็น 6,409.3 บาท ซึ่งถูกกว่า Apple ถึง 980 กว่าบาทเลยนะ ดังนั้นแนะนำให้ไปซื้อข้างนอก Apple เถอะ ต่างเกิ้นนน
หลังจากผ่านไป 3 ปี ในที่สุดวันที่เรารอคอยกันก็มาถึง iPad Mini ออกรุ่นใหม่แล้วแกร แต่เอ๊ะ หน้าเดิมนิ แล้วมันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง และส่งผลกระทบต่อการใช้งานอย่างไรบ้าง วันนี้เราได้ทดลองใช้แล้วจะมารีวิวให้อ่านกัน...
หนึ่งใน Feature ใหม่ที่เปิดออกมาทั้งใน macOS Sequoia, iPadOS 18 และ iOS 18 คือ App ที่ชื่อว่า Password เป็น Password Manager ของ Apple วันนี้เราได้ทดลองใช้งานมันมาประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว จะมาเล่าให้อ่านกันว่าอาการมันเป็นยังไง มันทำให้ชีวิตเราเหนื่อยขึ้นได้อย่างไร...
เป็นประจำในทุก ๆ ปีที่ Apple จะเปิดตัว macOS Version ใหม่ออกมาให้ผู้ใช้ Mac ได้ Upgrade กัน ในปีนี้เอง Crack Marketing Team ก็ทำหน้าที่ของตัวเองในการออกไปหาชื่อใหม่ให้กับ macOS ในปีนี้ชื่อว่า macOS Sequoia จะมี Feature อะไรเด็ด ๆ บาง วันนี้เรารวมเอามาเล่าให้อ่านกัน...
หลังจาก Apple เปิดตัว iOS18 และ iPadOS18 วันนี้เราจะมาเล่าพวก Feature ต่าง ๆ ที่เราได้ทดลองใช้งานมาหลายวันพร้อมกับบอก Use Case การใช้งานต่าง ๆ ว่ามันเอามาทำอะไรได้บ้าง...