Technology

ทำอย่างไรถึงเราจะปลอดภัยจากโลกออนไลน์

By Arnon Puitrakul - 18 มกราคม 2023

ทำอย่างไรถึงเราจะปลอดภัยจากโลกออนไลน์

จากข่าวในช่วงนี้ที่มีบอกว่า เสียบ USB แล้วโดนดูดเงินออกจากธนาคารหมดเลย จากในมุมเราที่ออกแบบ Firewall ฟังครั้งแรกคือ เชี้ย Fantasy Fanta น้ำส้ม สัส ๆ เลย อ่านข่าวแต่ละอันแล้ว นึกว่าอ่านนิยาย ทำไมมันดูง่ายอะไรขนาดนั้น ระบบที่ใช้ไม่ปลอดภัยจริง ๆ เหรอ แล้วเราจะป้องกันตัวเองได้อย่างไร วันนี้เราเอาเรื่องนี้มาเล่ากัน

TLDR แบบสั้น ๆ ตรงๆ; อีสายบ้านั่นมีจริง แต่ราคาสูงกว่าสายปกติ ทุกวันนี้สายเส้นละไม่กี่บาทพวกแกยังไม่ซื้อกันเลย ถ้าเขาจะเอาสายมาหลอกขายแก เขาเอาเวลา กับ เงินไปหลอกคนอื่นที่เงินเยอะ หรือมีอะไรดีมากกว่ามั้ย.... สั้น ๆ คือ แก ไม่ได้ รวย โอเค๊

USB ดูดเงินออกจากธนาคารได้จริงดิ ?

เอาแบบนี้ก่อนนะ ในความเป็นจริง ก็ต้องบอกว่า จะบ้าเหรอ !!! USB อะไรมันเก่งขนาดนั้น แต่ถามว่า ด้วยวิธีการหลาย ๆ อย่าง เช่น การทำ Screen Recording หรือก็คือ การอัดหน้าจอ หรือจะเป็น การทำ Keylogger สำหรับการดูดข้อมูลที่เราพิมพ์เข้าไป และอาจจะมีพวก การเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่ในเครื่อง เช่น พวก Note และ ข้อมูลจากใน App ต่าง ๆ ได้

Identity Theft ภัยอันตรายใกล้ตัวกว่าที่คิด
เมื่อหลายวันก่อนนั่งดู Series ใน Netflix ชื่อ Clickbait เลยทำให้เรานึกถึงภัยคุกคามตัวนึงที่หลาย ๆ คนมองข้ามอย่าง Identity Theft หรือการขโมยตัวตนของเรานั่นเอง วันนี้เรามาดูกันว่ามันคืออะไร และเราจะป้องกันมันได้อย่างไร

หลังจากได้ข้อมูลจากกระบวนการเหล่านี้แล้ว เขาก็จะเอาไปเข้าถึงบัญชีของเรา เพื่อทำการ ขโมยเงิน หรือ การขโมยตัวตน (Identity Theft) อะไรก็ว่ากันไป เราเคยเขียนเรื่องพวกนี้ไว้แล้ว ลองกลับไปย้อนอ่านกันได้

ดังนั้น ในความเป็นจริง USB บ้านั่น มันไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่มันอาศัยกระบวนการ และ เทคนิคอื่น ๆ ร่วม ในการที่จะทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้

แล้วระบบของเราไม่ปลอดภัยเหรอ ถึงป้องกันไม่ได้ ?

ไปที่คำถามที่น่าสนใจมาก ๆ ว่า ทำไมระบบถึงปล่อยให้ข้อมูลเหล่านี้มันหลุดออกไปได้ละ แปลว่า มันไม่ปลอดภัยงี้เหรอ หรือหนักเลยคือ บอกว่า Android มันเป็น Open-Source มันจะไม่ปลอดภัย สั้น ๆ ของคำถามนี้คือ ไม่จริง

พวกระบบปฏิบัติการที่เราใช้งานกันในปัจจุบัน มีการออกแบบ และ การ Implement พวก Security Measure หลาย ๆ อย่างลงไปเยอะมาก ประกอบกับ มีการ Contribute ของ Programmer เยอะมาก ๆ เพื่อการแก้ไขข้อบกพร่อง ทำให้สามารถแก้ไขได้ค่อนข้างไวมาก ๆ (บางตัวเรา กำลังคุยหลัก ชั่วโมง เท่านั้นเอง) ทำให้เมื่อค้นพบช่องโหว่ ก็สามารถทำการแก้ไข และ ปล่อยอัพเดทให้กับผู้ใช้อย่างรวดเร็ว

ตัวอย่างของวิธีการที่นำมาใช้ในระบบสมัยใหม่ ๆ หน่อย เช่น Permission หรือที่เรามักจะเจอกันเวลาเราจะทำอะไรบางอย่างกับระบบ มันจะเด้งขึ้นมาขออนุญาติเราเสมอ หรือกระทั่ง ถ้า App มันอยากจะใช้งาน Hardware อะไร เช่น กล้อง ระบบมันจะไม่ยอมให้ App เข้าถึงกล้องตรง ๆ แต่มันจะถามเราก่อนว่า เราจะให้ App ตัวนี้เข้าถึงหรือไม่ ตัวอย่างด้านบนเป็นของฝั่ง iOS ที่ขอใช้พิกัดจาก GPS แม้มันจะเป็น App จาก Apple เองมันก็ต้องยังต้องขอ

หรือในฝั่งของ Android เอง มันก็จะ List มาเลยว่า App ตัวนี้ มันต้องการ Permission อะไรบ้าง ถ้าเราไม่ให้ โดยทั่ว ๆ ไป App มันก็จะเข้าถึงไม่ได้เลย

ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้ว เราต้องบอกเลยว่า มันเกิดจาก ผู้ใช้งานเอง เท่าที่เราเจอมาหลาย ๆ เคส เราพบว่า ผู้ใช้มักจะไม่อ่านสิ่งที่อยู่บนหน้าจอให้ละเอียดจริง ๆ กด Next, Allow และ Install กันอย่างเดียวเลย ถ้าเราเรียนเข้าไปมันจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกันคือ Skill-Based Error และ Decision-Based Error คือ ความผิดพลาดที่เกิดจากความสามารถของผู้ใช้เอง และ ความผิดพลาดที่เกิดจากการตัดสินใจพลาดของผู้ใช้ ซึ่ง Security Measure หลาย ๆ ตัวที่ออกมา ส่วนนึง ก็ออกมาเพื่อแก้ปัญหาพวกนี้ด้วยเช่นกัน เช่น Permission ที่เราพูดถึงก่อนหน้า ก็เป็นอีกตัวอย่าง

Zero-Day Attack คืออะไร ?
เมื่อไม่วันก่อน Apple ออก Hotfix สำหรับอุปกรณ์ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ iOS และ iPadOS ใน Version 15.0.2 ออกมา เพื่อปิดช่องโหว่ที่พบจากการโจมตี Zero-Day ทำให้วันนี้ เราจะมาเล่าถึงความหมายของ Zero-Day Attack ว่าจริง ๆ แล้วมันคืออะไร มันมาได้ยังไง และ เราจะป้องกันตัวเราได้อย่างไร

แต่ที่เราบอกว่า ระบบมันค่อนข้าง ปลอดภัย ไม่ได้บอกว่า เราจะไม่โดนเลยนะ แต่แค่บอกว่า พวกช่องโหว่ ที่เรา ค้นพบแล้ว ส่วนใหญ่จะถูกแก้ออกหมดแล้วละ แต่มันก็จะมีช่องโหว่ที่เรายังไม่ค้นพบด้วยเช่นกัน ซึ่ง Hacker อาจจะเจอก่อน แล้วเก็บไปขายเป็น Zero-Day ก็ว่ากันไป

แล้วเราจะทำอย่างไรถึงจะปลอดภัย​ "ที่สุด" จากการโจมตี

คำตอบสั้น ๆ คือ มี และ ไม่มี คือมันมีวิธีป้องกันบางส่วน แต่ไม่มีแบบ 100% แน่นอน อันนี้เราต้องเข้าใจตรงกันก่อนนะ การทำงานของพวกเรา มันก็เหมือนกับ แมวจับหนู หนูมันก็หาวิธีใหม่ไปได้เรื่อย ๆ เราที่เป็นแมวก็ต้องหาวิธีการจัดการกับหนูไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันจบเช่นกัน แต่เราสามารถทำสิ่งที่เราทำได้ เพื่อหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุดละกัน

สิ่งแรก คือ การอ่าน และ ตั้งสติ ก่อนกดทุกครั้ง ความพลาดที่เราเจอเยอะมาก ๆ จากเคสที่เกิดขึ้นคือ การกดพลาด โดยเฉพาะจาก การตัดสินใจ ที่ผิดพลาด คือ อาจจะมีความรู้บ้างนะว่า อะไรควรกด หรือไม่ควร แต่อาจจะไม่ได้อ่านให้ละเอียด แล้วกดให้ไปเฉย เรายกตัวอย่างง่าย ๆ ที่คนมักจะมองข้ามไป เช่น ในพวก Phishing Mail ส่งมาบอกว่า Amazon Prime เรากำลังจะโดนระงับ เพราะเราไม่ได้จ่ายเงิน แล้วมี Link ให้เราเข้าไปจ่ายเงิน การที่เราไม่อ่านให้ละเอียด และไม่ตั้งสติ เราก็คือ เห้ยยย เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมมันตัดเงินไม่ได้เหรอ หรือยังไง ทั้งที่จริง ๆ แล้ว เราอาจจะไม่มี Account ของ Amazon Prime ด้วยซ้ำ แน่นอนว่าความขาดสติของเราก็กดเข้าไปในลิงค์ที่ส่งมาในอีเมล์ แล้วพาไปหน้าที่ Hacker สร้างไว้หลอก เพื่อให้เรากรอกข้อมูลทางการเงิน ก็เรียบร้อยโรงเรียนโจรไปสิครับ เขาก็แค่เอาข้อมูลที่เรากรอกนี่แหละไปซื้อของได้ตรง ๆ แบบชิว ๆ เลย

หรืออีกตัวอย่างที่ชัด ๆ เลยคือ สมมุติว่า มันมีอีเมล์จาก ธนาคารมา เป็น Link ให้เราโหลด App เพื่อติดตั้ง และใช้เข้า Internet Banking ถ้าเราอ่านคร่าว ๆ ก็คือ เออ สะดวกดีเนอะ กดเข้าไป และ ติดตั้งเลยค่าาา ถ้าเป็นของจริงก็ดีไป แต่ก็.... นะ ส่วนใหญ่ก็ไม่รอดทั้งนั้น แต่ระบบส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้มันจะไม่ยอมให้เราติดตั้ง App นอก Store ของตัวเอง แน่นอนว่า ในคู่มือ มันก็จะให้เราไปปลดระบบตรงนี้ออกไป อ๋าาาาาาาา นั่นหนึ่งดอกแล้วนะ

แผนของพี่คือทำให้ชีงง เข้าไปอีก ถ้าเราดูที่ชื่อผู้สร้าง เขียนว่า K-Plus และชื่อผู้พัฒนาเขียนว่า Kasikornbank PCL ทุกคนคิดว่ายังไง มันดูจริงมั้ย มองผ่าน ๆ เราว่าถ้าไม่สังเกต ก็คือ ไม่รู้เลยนะว่า นั่นอะ ของปลอมไปเลย เพราะชื่อจริง ๆ มันคือ K PLUS เป็นตัวใหญ่หมด และไม่มี Dash คั่นด้วย กับชื่อนักพัฒนา ต้องเป็น Kasikornbank PCL นะ ดูที่ ตัว o ของที่เอามาหลอกมันเป็นเลข 0 นะ บางที Font มันก็หลอกตาเราได้ ถ้าเราไม่สังเกต เรียกว่าเป็นมุขตื้น ๆ โง่ ๆ ที่หลอกคนได้เยอะมาก ๆ จริง ๆ ทำให้พวกนี้เขาไม่ต้องไปปลอมพวก Certificate อะไรเลย เขาก็สร้างอันใหม่ เสมือนว่า ทีมเราชื่อนี้จริง ๆ ก็จบแล้ว เพราะชื่อมันไม่ซ้ำกันนิ

ทำให้นำไปสู่ข้อต่อไป คือ เวลาเราจะติดตั้ง App อะไรก็ตาม แนะนำให้ติดตั้งจาก Store ของระบบเราเท่านั้น เช่น iOS ก็ผ่าน App Store และ Android ผ่าน Play Store เท่านั้น เพราะระบบ Store พวกนี้ มันมีการกรองอยู่แล้วในระดับหนึ่งเลย อาจจะมีเล็ด ๆ บ้างแต่โดยรวมแล้ว ถือว่า มั่นใจได้มากกว่า การติดตั้ง Application จากภายนอกเยอะมาก ๆ ข้อดีอีกอย่างของ Store คือ เราสามารถเช็คอ้อม ๆ ได้จาก พวกจำนวนพวก Rating ต่าง ๆ ส่วนนึงคือจำนวน อาจจะมีเยอะมาก ๆ โดยเฉพาะ App ที่เราใช้กันเยอะ ๆ พวกธนาคารอะไรพวกนั้น แต่ถ้าสิ่งที่มัน Comment มันมาซ้ำ ๆ กัน แปลก ๆ เราว่าไม่น่าใช่ละ อาจจะติดต่อกับเจ้าของ App ผ่านช่องทางที่มั่นใจเพื่อเช็คอีกทีได้

ต่อไปที่ อย่าปิดระบบรักษาความปลอดภัย ถ้าไม่จำเป็น อันนี้เป็นอีกจุดที่เราเจอกันเยอะมาก ๆ โดยเฉพาะใน Android ที่มันมีตัวเลือกให้เราเปิดปิดอะไรได้หลายอย่างเกินไป เช่น การอนุญาตให้ติดตั้ง App จากภายนอก Store ได้ หรือถ้าเป็น Laptop หรือ Desktop เราจะชอบปิดพวก Firewall และ Antivirus บนเครื่อง เพราะมันชอบไปกวนโปรแกรมนั่นนี่ที่เราใช้งาน แต่กลับกัน มันก็ทำให้ด่านหน้าที่คอยป้องกันเรา หายไปในพริบตา เปิดประตูเมืองกันง่าย ๆ เลย

นำไปสู่ข้อต่อไปคือ หมั่น Update Software อย่างสม่ำเสมอ เพราะช่องโหว่ใหม่ ๆ มันเจอกันทุกวันจริง ๆ นักพัฒนาก็มีการ Patch แก้ไข ปล่อยออกมาเป็น Update ดังนั้น การ Update ส่วนนึงอาจจะมี Feature ใหม่อะไรไปอันนั้นไม่พูดถึง แต่ส่วนสำคัญคือ มันปิดช่องโหว่ที่จะเข้ามานี่แหละ ถ้าเรา Update อย่างสม่ำเสมอ คนที่โจมตีเราก็ไม่สามารถใช้ช่องโหว่เก่า ๆ ที่ปิดไปแล้วมาใช้กับเราได้อีก ลดโอกาสไปได้เยอะมาก ๆ (เพราะพวก Zero-Day แพงมาก ๆ ถ้าซื้อมาใช้กับพวกเราโดยเฉพาะนี่ โหดนะ เราต้องเป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ)

และข้อสุดท้าย เอาให้เข้ากับสถานการณ์วันนี้คือ ใช้อุปกรณ์เสริมของแท้ ที่มาจากผู้ผลิต หรือ ใช้จากผู้ผลิตที่เราไว้ใจได้ และซื้อจากร้านที่มั่นใจด้วยนะ เช่นของฝั่ง Apple เอง เราก็อาจจะสั่งจาก Apple Online Store หรือเดินเข้าไปซื้อจาก Apple Store โดยตรง (Icon Siam และ Central World) หรือ เราอาจจะซื้อจากร้านที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเช่นพวก iStudio อะไรพวกนั้นก็ได้เหมือนกัน ฝั่ง Android เอง ก็อาจจะไปซื้อจากพวกร้าน Gadget ต่าง ๆ เยอะมาก ๆ เลยทีเดียว ยอมจ่ายในราคาที่อาจจะแพงกว่าสายโง่ ๆ ทั่วไป ได้เรื่องของความปลอดภัย ทั้งความปลอดภัยทางไฟฟ้า และ ทางข้อมูลของเราเองอีก ยังไม่นับว่าอายุการใช้งานอาจจะดีกว่าของโง่ ๆ ไม่มีมาตรฐานก็ได้นะ

สรุป

การขโมยเงินที่เกิดขึ้นถามว่า จากเครื่องมือที่มี ณ ปัจจุบันนี้ ทำได้จริงมั้ย ก็ต้องบอกว่า จริง แต่มันไม่ได้อยู่ ๆ เสียบ USB แล้วจะทำได้เลย มันอาศัย เรา ที่เป็นผู้ใช้นี่แหละ ทำให้มันผ่านเข้ามาได้ ดังนั้น ถ้าเรามีการระมัดระวังตัวเรา ABC Always-be-careful เราก็จะปลอดภัยมากขึ้นจาก 5 Tips ง่าย ๆ ที่เราเล่ากันในวันนี้ คือ อ่านและตั้งสติให้ดีก่อนกด, อย่าติดตั้ง App จากภายนอก Store, อย่าปิดระบบรักษาความปลอดภัยในเครื่อง, Update Software อย่าสม่ำเสมอ และ ใช้อุปกรณ์เสริมของแท้ ก็น่าจะเพียงพอกับการป้องกันภัยส่วนใหญ่ได้หมดแล้วละ สำคัญมาก ๆ คือ ข้อแรก อย่าพึ่งตกใจ ใจเย็น ๆ อ่านก่อน มันไม่ไปไหนหรอก

Read Next...

Apple M4 รุ่นไหนเหมาะกับใคร

Apple M4 รุ่นไหนเหมาะกับใคร

หลังจากเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน Apple ออก Mac รัว ๆ ตั้งแต่ Mac Mini, iMac และ Macbook Pro ที่ใช้ M4 กันไปแล้ว มีหลายคนถามเราเข้ามาว่า เราควรจะเลือก M4 ตัวไหนดีถึงจะเหมาะกับเรา...

Cloudflare Access ของดีขนาดนี้ ฟรีได้ไงวะ

Cloudflare Access ของดีขนาดนี้ ฟรีได้ไงวะ

จากตอนก่อน เราเล่าเรื่องการ Host Website จากบ้านของเราอย่างปลอดภัยด้วย Cloudflare Tunnel ไปแล้ว แต่ Product ด้าน Zero-Trust ของนางยังไม่หมด วันนี้เราจะมาเล่าอีกหนึ่งขาที่จะช่วยปกป้อง Infrastructure และ Application ต่าง ๆ ของเราด้วย Cloudflare Access กัน...

Mainframe Computer คืออะไร ? มันยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ย ?

Mainframe Computer คืออะไร ? มันยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ย ?

ทุกคนเคยได้ยินคำว่า Mainframe Computer กันมั้ย เคยสงสัยกันมั้ยว่า มันต่างจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งานกันทั่ว ๆ ไปอย่างไรละ และ Mainframe ยังจำเป็นอยู่มั้ย มันได้ตายจากโลกนี้ไปหรือยัง วันนี้เรามาหาคำตอบไปด้วยกันเลย...

Infrastructure as Code คืออะไร ทำไมถึงสำคัญมากในปัจจุบัน

Infrastructure as Code คืออะไร ทำไมถึงสำคัญมากในปัจจุบัน

เคยมั้ยเวลา Deploy โปรแกรมสักตัว เราจะต้องมานั่ง Provision Infrastructure ไหนจะ VM และ Settings อื่น ๆ อีกมากมาย มันจะดีกว่ามั้ยถ้าเรามีเครื่องมือบางอย่างที่จะ Automate งานที่น่าเบื่อเหล่านี้ออกไป และลดความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Infrastructure as Code กัน...