เมื่อผมหันมาเป็นมนุษย์กล้อง หัดถ่ายรูปจริงจัง.....

ก็ไม่นานมานี้ (เมื่อสิ้นเดือนกุมภา) ก็ได้กล้อง DSLR มาใช้ หลังจากใช้โทรศัพท์ถ่ายมานาน ก็พบว่าการถ่ายรูปสักรูปมันต้องใช้อะไรหลายๆอย่างมาก แต่ที่ดูจะเยอะสุดคือ **เงิน **lol กับอีกอย่างคือ เวลา ซึ่งต้องมีเยอะมาก!! ซึ่งกล้องที่ใช้ตอนนี้ก็เป็น Nikon D5300 ก็เป็นกล้องรุ่นกลางๆจาก Nikon สิ่งที่มันเปลี่ยนไปจากการถ่ายด้วยโทรศัพท์มันมีเยอะมาก แต่สิ่งที่หายไปคือ "ความคล่องตัว" เรื่องนี้มันหายไปเยอะมาก เมื่อมาใช้กล้องตัวใหญ่ขนาดนี้ จะเอาไปทุกที่ถ่ายรูปอาหารบนโต๊ะสารพัดก็คงไม่ไหว ก็ต้องใช้กล้องโทรศัพท์ต่อไป
แต่สิ่งที่ได้มาจากมันนั้นเยอะมาก (นี่ขนาดเป็นแค่กล้องรุ่นกลางๆนะ) เริ่มตั้งแต่ ก่อนถ่ายรูป เราก็ต้องดูองค์ประกอบภาพ เมื่อก่อนตอนถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์ ก็กดๆไปเถอะ แต่ตอนนี้พอมาเล่นกล้องแบบนี้ปุ๊บ ไม่รู้ทำไม รู้สึกว่าการกดชัตเตอร์ที่ล่ะครั้งมันมีความหมายขึ้นมาเฉยเลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
นอกจากเรื่องขององค์ประกอบที่ต้องคิดเยอะขึ้นแล้ว เวลากับแสง ตอนนี้กลายเป็นเรื่องที่ผมคิดเยอะมากในหัวว่า จะถ่ายแบบนี้ต้องถ่ายตอนไหนถึงจะสวย คิดจนโลกแตก ที่สำคัญสุดคือเรื่องของเวลา นอกจากที่เราจะต้องกะว่าเวลาแบบไหนที่เราอยากได้แล้ว มันยังมีอีกเรื่องที่คนดูรูปไม่เคยคิดถึง คือ การเดินทางของช่างภาพ ว่าเราต้องเดินทางอะไรยังไง ออกจากนี่กี่โมงเพื่อให้ทันเวลาถ่ายรูปนี้ (ยังกะจะขึ้นเครื่องบิน ต้องค่อนข้างจะตรงเวลานิดนึง เพื่อให้ได้แสงแบบที่เราต้องการ ทำได้ทุกอย่างจริงๆ) นอกจากแสงแล้ว เวลา ยังให้อารมณ์ไม่เหมือนกัน คิดเล่นๆว่า เช้ากับเย็น คนที่เดิน บรรยากาศ ก็ต่างกันแล้วใช่มั้ย

หลังจากก่อนถ่าย จัดองค์ประกอบ รอแสง รอเวลาเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องมาเซ็ตกล้อง ซึ่งกล้องโทรศัพท์ ยก กด ได้เลย แต่กล้อง DSLR นั้นไม่ใช่ (ถ้าซื้อมาแล้ว เอามากดใช้ Mode Auto ก็ไปใช้กล้อง Compact สิถูกกว่าเยอะเลย) เราก็ต้องมาดูแสง ดูเทคนิคหลายๆอย่างแล้วก็เอามาปรับตั้งค่าในกล้อง แต่รวมๆแล้วมันก็คือการเล่นกับแสงนั่นแหละ!! ไม่ว่าจะเป็น Shutter Speed, F-Stop, ISO

พอคำพวกนี้เข้ามา พวกเทคนิคการเล่นกับของแบบนี้มันก็ต้องเริ่มมาแจมและ อย่างภาพด้านล่าง คือการถ่ายภาพโดยใช้เทคนิคง่ายๆครับ นั่นคือการเปิดหน้ากล้องนานๆ อยากจะทำมานานและ ตั้งแต่ใช้กล้องโทรศัพท์ แต่กล้องโทรศัพท์เซ็คเวลาเปิดหน้ากล้อง ไม่ได้ เศร้าแท้ TT ตอนนี้ใช้ DSLR แล้ว ลองเลย ถึงจะบอกว่ามันง่ายๆ แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้ง่ายเลย อย่างตอนที่ถ่ายบอกเลยว่า ไม่มีขาตั้งกล้อง เศร้าอีกรอบแปบ TT ซึ่งถ้าไม่มีปุ๊บการถ่ายภาพแบบนี้ โคตรจะยากเลย ตอนถ่ายต้องแบบ ฮึ้บ!! กลั้นหายใจแปบ lol

ถ่ายเสร็จบางคนเก่งจบหลังเลนส์เลย แต่ผมไม่ lol ผมต้องมาจบในคอมอีกรอบนึง ก็ต้องมาดู Histogram ให้เป็นอีก ต้องมารู้อีกว่า Saturation กับ Contrast ต่างกันยังไง อะไรเยอะแยะไปหมด

จาก Process ที่ว่ามายาวเยียด ผมอยากจะบอกว่า การถ่ายรูป มันให้มากกว่ารูป 1 ใบ แต่มันให้อะไรเราเยอะมากๆ มันเป็นเครื่องเก็บความทรงจำให้เราได้ดีเลยล่ะ ฉะนั้นลองหากล้องสักตัวมาถ่ายรูปดูครับแล้วจะรู้ว่า มันให้อะไรเยอะกว่าที่ผมพูดซะอีกครับ สุดท้ายจบด้วยคำพูดของวิทยากรท่านหนึ่ง สวัสดีครับ

รูปที่เจ๋ง ไม่ใช่รูปที่ถ่ายมาตามหลักการเป๊ะ แต่มันจะเป็นรูปที่เราย้อนมาดูแล้ว ทำให้เราจำได้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น!