Studying in University 101 - เรียนแล้วก็ต้องสอบ

น้องๆหลายๆคนก็เปิดเทอมกันแล้ว ส่วนพี่ยังนั่งสอบ Final อยู่เลย เมื่อก่อนบอกเลยว่า ไม่ใช่คนที่จะอ่านหนังสือสอบเลย อ่านเอาหน้าห้องสอบทั้งนั้น พอมามหาลัยปุ๊บนี่ อ่านกันเป็นพรวนเลย เนื้อหามันเยอะมากๆ แต่มันก็เป็นแบบนั้นได้เฉพาะ Midterm เท่านั้นแหละ (กับผมคนเดียวอะนะ) ตอนนี้ Final แล้วสอบผ่านไปแล้ว 2 วิชา ตัวปริ้วกันเลยทีเดียว (นอกจากตัวแล้ว คะแนนก็เช่นกัน) เข้าเรื่องเถอะ วันนี้จะมาเล่าถึงเรื่องของ Life Cycle ช่วงสอบของผมเอง!!
ปกติ เช้าเราก็เรียน กินข้าวเที่ยง แล้วก็เรียนถึงเย็น กินข้าวเย็น เล่นๆๆ อ่านหนังสือนิดหน่อย (ย้ำว่านิดหน่อยจริงๆ) แต่พอสักสัปดาห์นึงก่อนสอบ Routine นี้ก็เริ่มหายไป จากเรียนเสร็จแล้วมาเล่นก็กลายเป็นอ่านหนังสือเฉยเลย!!!
แรกๆก็อ่านไปเล่นไป แต่พอการสอบค่อยๆคืบคานเข้าใกล้เรื่อย งานจึงเกิด เครียดสุดๆ อ่านหนังสือไม่ทัน (ก็ไม่อ่านล่วงหน้าเองนี่หว่า) บอกเลยว่าบางวิชายังไปฟิตเอาตอนคืนสุดท้ายก่อนสอบเลย
สถานที่ที่ช่วงนี้โผล่ไปบ่อยสุดเลยคือ ห้องสมุด สถานที่แห่งการเสียบปลั๊กเล่นคอม (เฮ้ย อ่าหนังสือ) ยิ่งตอน Final ห้องสมุดปิดเที่ยงคืน (ยอดเลย งานนี้) อยู่กันยาวๆเลย ห้องไม่กลับ นั่งกันยันห้องสมุดปิดแล้วค่อยกลับกันเลยทีเดียว
แต่การอ่านหนังสือมันก็ต้องมีมารมาขัดเราจนได้นั่นคือ ความอยากของเราตัวเอง ตอนเรียนปกติ ดูว่างๆไม่รู้จะทำอะไร พอตอนสอบเท่านั้นแหละ อยากทำทุกอย่างเลย เอาตอนนี้เลยเลยนะ อยากไปหมดอ่าา (พึ่งสอบไป 2 วันเอง) เริ่มอยากจะ Skip ไปตอนสอบเสร็จเลย นึกกันแล้วอะว่า "ปิดเทอมนี้ทำอะไรบ้าง?" แต่สิ่งที่ทำให้เราชนะมารตัวนี้ได้คือ เมล์คะแนน Midterm lol มันช่วยเตือนใจได้อย่างดีเลยทีเดียว บางวิชาก็ดีเกิ้น บางวิชาก็งามไส้ใกล้ตก (เทอมนี้พินาศจริงจัง) เทอมแรกนี่ออกมาดีมากเลยล่ะ เพราะกลัวว่าจะตกแล้วก็ตั้งใจเรียน พอมาเทอมนี้เห็นว่าเกรดก็ไม่แย่เลยไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไหร่ Midterm ออกมาแย่ ทีนี้แหละครับ งานเข้าช่วง Final และ ถ้าแย่อีก งานเข้าแน่นอน!!
เวลาสอบนะครับ เวลาเขาส่งคะแนนเรามา คณะจะบอกคะแนนเรา Mean, Min, Max มันก็ทำให้เราพอที่จะคาดเดาชะตาชีวิตของเราได้แล้วว่าจะเป็นยังไง จะดรอปมั้ย ความรู้ Stat มันก็ได้เอากลับมาใช้กันเลยทีเดียว lol ถ้าอยู่แถวๆ Mean เราก็ได้ C อะไรแบบนี้ แต่บางวิชาอาจารย์ก็ไม่ได้ตัดตาม Mean เหมือนกัน ก็ต้องเช็คๆกันเป็นรายวิชาไป!
คนที่เกิน Mean มาก็รอดไป แต่ถ้าแย่กว่านั้นสิครับ ต้องมาดูแล้วว่าจะสู้ไหวมั้ย บางคนถ้าสู้ไม่ไหวก็ต้อง Withdraw ไป (ไม่รู้ว่าภาษาไทยเรียกยังไงอะ ที่คณะเรียกแบบนี้นะ)
ถ้าน้องๆมาอ่านนะครับ พี่จะมาพูดถึงเรื่อง Withdraw ล่ะกัน มันเป็นการถอนวิชานั้นๆออกไปอะครับ เพื่อเราติด F มันจะได้ไม่ฉุดเกรดรวมเรา เพราะถือว่าเราไม่ได้เรียนวิชานั้นในเทอมที่เรา Withdraw แต่ๆๆใช่ว่า Withdraw แล้วจบ เราก็ต้องมาลงเรียนใหม่ เมื่อก่อนผมคนว่า ทุกวิชามันเปิดเรียนตอน Summer หมด ซึ่งจริงๆแล้ว มันไม่จริง เลย!!!!#$$%^#$% อย่างที่คณะผมเขาจะเปิดวิชาที่ตกกันเยอะๆ เช่น Eng, Programming, Adv.Math เป็นต้น
ไม่ใช่แค่นั้น ไม่รู้นะว่าที่อื่นเป็นมั้ย แต่ที่คณะผมเวลาลง Summer ราคาหน่วยกิตมันจะเพิ่มเป็น 2 เท่าของปกติ (มันเยอะมาก!!!) ลงกันทีก็เสี่ยวสันหลังวาบๆกันเลยทีเดียว
พูดถึงเรื่องน่ากลัวๆไปเยอะแล้วมาพูดถึงเรื่องดีๆบ้าง (มันมีด้วยเหรอว่ะนั่น) จริงๆการสอบของมัธยมกับมหาลัย มันก็คล้ายๆกันนะ ต่างกันตรงที่ วิชาอาจจะเยอะกว่า เนื้อหาเถื่อนกว่า เยอะกว่าเท่านั้นเอง ฉะนั้นเราจะต้องมีวิธีจัดการกับ เนื้อวิชาเยอะๆ นั่นคือ การจัดเวลา มันจะช่วยให้เรา เครียดน้อยลงนะ (ไม่รู้คนอื่นเป็นมั้ย) เพราะว่า เหมือนกับเรารู้แล้วว่า เราจะต้องอ่านทันอะ แต่ถ้าแบบพึ่งมาจัดเวลาก่อนวันสอบสักคืนนึงอย่างงี้ก็ทำให้โคตรจะเครียดเลยนะ lol ฉะนั้นถ้าจะจัดแนะนำให้จัดก่อนสอบสัก 3 อาทิตย์ก่อนสอบจะดีมากๆเลย เพราะว่าจะได้ไม่ต้องรีบอ่านกันหัวฟูมาก
กับอีกอย่างนึงคือ ติวกับเพื่อน เพื่อนเป็นสิ่งมีชีวิตที่เจ๋งมากครับ เราก็ลองสลับกันติวดูก็ได้ ติวไปคุยไปเล่นไป ก็ทำให้ไม่เครียดด้วย อีกอย่างคือทำให้เราอ่านหนังสือเองน้อยลงเยอะมากเลยนะ คนนึงก็อ่านวิชานึงมา อีกคนก็อ่านอีกวิชา แล้วมาติวให้กัน มันดีมากเลยนะ!!
ที่พูดมาทั้งหมดบอกเลยว่า เหมือนบ่นเลยเนอะ lol ตอนที่เขียนตอนนี้กำลังสอบเลยอารมณ์กำลังพีคเลย!!! ไว้พบกันใหม่หลังสอบเลย เดียวจะเขียนรวมๆ ชีวิต Freshman
(คำว่า Freshy ให้ภาษาอังกฤษไม่มีนะ)
ปี 1 ให้อ่านกัน!!! (สอบเสร็จอาทิตย์หน้าน้าา รออ่านกันด้วยน้าาา)