รีวิว Tile อุปกรณ์กันหายสุดล้ำ ลืมเรื่องของหายไปเลย
เมื่อหลายวันก่อน เราประสบปัญหากุญแจรถหาย ในบ้านของตัวเอง งง มั้ยละ ว่าคนอะไรทำของหายในบ้านของตัวเอง นี่แหละ เราเอง ตอนที่หาอยู่ ก็คิดนะว่า เออ มันน่าจะดีนะถ้ากุญแจรถของเรามันออกเสียงได้ด้วย ทำให้เรานึกถึง Tile ที่เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยทำให้เราหาของ ๆ เราได้ง่ายขึ้น วันนี้เราเลยเอาทั้ง Tile Mate และ Tile Slim มารีวิวให้ดูกัน
Tiles คืออะไร ?
สำหรับคนที่อาจจะไม่เคยได้ยิน Tiles มาก่อน จริง ๆ แล้ว มัน Brand ที่ออกมานานมาก ๆ แล้วสักปี 2012 เลยละมั่ง Product ทั้งบริษัทของเขา จะเป็นอุปกรณ์กันลืม สำหรับทุกคน โดยเฉพาะคนอย่างเราที่ชอบทำของหายแล้วดันหาไม่เจออีก
อาจจะ งง ว่า อุปกรณ์กันลืม มันคืออะไร มันคืออุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ของเรา และ เราสามารถที่จะสั่งให้มันร้องได้ นึกถึงเวลาเราหาของ แล้วเราหามันไม่เจอ เราต้องค่อย ๆ หาไปที่ละที่ ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่ามันอยู่ไหน มันจะดีกว่ามาก ถ้าเราสามารถเรียกให้ของมันร้อง เพื่อให้เราได้ยิน และหามันเจอมั้ย ใช่แล้ว นั่นคือสิ่งที่ Tile ทำได้
นอกจากนั้น มันยังสามารถบอกตำแหน่งของอุปกรณ์ที่เราหาอยู่ได้ด้วย ซึ่งจะเป็นตำแหน่งล่าสุดที่มันต่อกับโทรศัพท์ของเรา อย่างน้อย ก็ทำให้เรารู้ว่า ล่าสุดที่มันหายไป มันอยู่ที่ไหน เช่นเราเอง เราเคยลืมของไว้ที่คณะ กลับมาบ้านก็คือ หาไม่เจอ คุ้ยทั่วบ้าน จนไปเจอที่คณะในอีกอาทิตย์กว่า ๆ ให้หลัง คือ งง ไปเลย ว่าอ้าว ชั้น ลืม ไว้ เหรอ
เอาให้ดีกว่านั้นอีก ถ้าเราซื้อบริการ Tile Premium มันจะมี Feature ที่ชื่อว่า Community Find ด้วย คือ อุปกรณ์มันต้องพึ่งโทรศัพท์ เพื่อบอกตำแหน่ง แต่ถ้าเราลืมไว้สักที่แล้วมันเชื่อมต่อกับโทรศัพท์เราไม่ได้ มันจะวิ่งไปหาโทรศัพท์ของคนที่ใช้ Tile ในระแวกนั้น และ ส่งตำแหน่งไปให้เราได้ด้วย อันนี้เราว่าดีมาก ๆ (แต่บางคนอาจจะกังวลเรื่อง Privacy มากหน่อยก็อีกเรื่อง)
Unboxing Tiles Mate & Tiles Slim
ตัวกล่องของ Tile ทั้งรุ่น Mate และ Slim มาในกล่องกระดาษเรียบ ๆ ทั้งคู่ กล่องมันจะดูสกปรกหน่อย ตอนที่เราได้มามันมาแบบนี้เลย อันนี้คือ เราไม่ได้เช็ดหรือทำให้มันสกปรกมากขึ้นเลย ไม่แน่ใจว่า ของที่เราซื้อมามันเก่าได้ขนาดไหน
มาเริ่มแกะที่ตัวแรกกันก่อนคือ Tile Mate หน้ากล่องก็จะมาเป็นรูปตัวอุปกรณ์ พร้อมกับมีตัวหนังสือบอกว่ามันคือรุ่น Mate กับขวาล่างยังบอกด้วยว่ามันมี 1 อันนะ เข้าใจว่าที่ต้องบอกเพราะ มันจะมีรุ่นนึงที่ใน 1 กล่อง มันจะมี Tile 2 ชิ้นมาให้เลย
ด้านหลังของกล่อง จะเป็นพวกรายละเอียด Feature การทำงานของตัว Tile ว่ามันทำอะไรได้บ้าง ก็ข้าม ๆ ไป
ที่ด้านซ้ายของกล่อง มันจะเป็นที่ดึง เพื่อให้เราแกะกล่องออกมา มีลูกศรบอกพร้อม ตอนแกะครั้งแรก คือ ไม่สงสัยเลยว่าแกะยังไง จริง ๆ แล้วเราว่า Packaging ทุกตัว มันควรจะออกแบบให้มีวิธีการแกะที่ง่าย บางที เราซื้อของมา งง มากว่า มันแกะตรงไหน งง ไปหมด
แกะออกมา เหมือนกับเราแกะกล่อง CD ออกมา ด้านซ้ายจะเป็นคู่มือที่บอกการเริ่มต้นการใช้งานเบื้องต้น ว่าต้องทำยังไงบ้าง และ ด้านขวา ทำมาสวยเลย คือ บอกว่า ยินดีต้อนรับสู่สังคมของหายได้คืน ฮ่า ๆ ตลก
เปิดตรงกระดาษสีฟ้า ๆ ขึ้นมา เราก็จะเจอกับตัว Tile Mate ที่วางอยู่ในกรอบยาง เพื่อป้องกันมันเคลื่อนไหวระหว่างการขนส่งอย่างสวยงาม จะเอาออกมา เราก็แค่ เคาะที่กล่องออกมาได้เลย เอานิ้วแงะ มันจะยากนะ
ไปที่ Tile Slim กันบ้าง รูปแบบของกล่องก็ยังมาเหมือนกับตัว Mate ไม่มีผิด เปลี่ยนแค่รูปด้านหน้า และ ชื่อรุ่นด้านล่างซ้ายเท่านั้น
ด้านหลัง และ การแกะ ทั้งหมดจะเหมือนกับตัว Mate ไม่มีผิดทั้งหมด อีกจุดที่ทำให้ประสบการณ์แกะมันสนุกขึ้นคือ ตอนที่เราดึงแถบเพื่อแกะออกมา เราจะเจอกับคำว่า The search is over ประมาณว่า การหาของมันจบแล้ว ตอนแกะก็ขำไป
สิ่งที่ต่างก็คือ ตัว Tile ข้างในที่เป็น Tile Slim (แหงแหละ) แต่ก็ยังคงใช้วัสดุเดียวกับกล่องของ Mate แต่แค่เจาะรูที่ไม่เหมือนกันเพื่อให้รับกับรูปแบบของ Tile ที่ต่างกันเท่านั้นเอง
ไม่ว่าเราจะซื้อตัวไหนมา มันก็มากับกล่อง และ การแกะที่เหมือนกันหมด ทำให้เราได้รับประสบการณ์ การแกะที่เหมือนกันทั้งหมด เป็นอุปกรณ์เล็ก ๆ ที่แกะสนุก โดยเฉพาะตรงแถบที่เราดึง อันนั้นคือ ชอบจริง ๆ อาจจะเพราะของพึ่งหายด้วยแหละ มันเลยเหมือนติดตลกนิดหน่อย
Tile Mate
มาเริ่มรีวิวกันที่ตัวแรกคือ Tile Mate มันทำมาสำหรับที่เราจะเอาไปห้อยกับพวงกุญแจสักอย่างได้ง่ายเลยทีเดียว ตัววัสดุที่ใช้จะทำมาจากพลาสติก ที่จับแล้วไม่ได้รู้สึกถึงความหรูหราหมาเห่า 🐕 อะไรขนาดนั้น มันก็ดูธรรมดา ๆ
ที่ด้านหน้าของ Tile Mate เราเห็นว่า ตรงกลางมันจะมี วงกลมเทา ๆ และมีการปั้มนูนเป็นชื่อยี่ห้อ ตรงนี้เราสามารถกดได้นะ มันเป็นปุ่ม ไว้จะมาเล่าอีกทีว่ามันเอาไว้ทำอะไรได้บ้าง พร้อมกับด้านบน จะเป็นรูสำหรับให้เราเอาไปร้อยใส่พวงกุญแจก็ได้ หรือที่ดูมาคือ บางคนเอาไปร้อยกับปลอกคอของสุนัขเลย เออ ก็ได้แหละ...
ที่ด้านหลัง จะมีรูสามรูเล็ก ๆ อยู่ด้านบน อันนี้จะเป็นรูสำหรับลำโพง เวลาเราเรียกหาอุปกรณ์จากโทรศัพท์มันก็จะส่งเสียงออกมา ถือว่าดังพอสมควรเลย ถ้ามันอยู่ในกระเป๋า และ เราอยู่ใกล้ ๆ หน่อย ต้องมีได้ยินแว่ว ๆ บ้างแหละ ส่วนด้านล่าง ที่เป็นรอย ๆ นูนบาก ๆ จะเป็นช่องสำหรับให้เราสามารถเปลี่ยนถ่านได้ วิธีเปิดคือ ให้เราใช้นิ้วเลื่อนมันออกมา มันจะแข็ง ๆ ต้องใช้แรงหน่อย
สำหรับถ่านที่ใช้จะเป็นถ่านกระดุมเบอร์ CR1632 ซึ่งเราสามารถไปซื้อมาเปลี่ยนเองได้ อาจจะไปซื้อถ่านจาก Online Shopping ก็น่าจะมีเยอะแยะแหละ กับ ไปร้านซ่อมนาฬิกา เราว่าน่าจะมีอยู่นะ
จริง ๆ เรื่องของการที่มันเปลี่ยนถ่านได้ มันเป็น Game Changer ที่ทำให้เราตัดสินใจซื้อ Tile มาใช้งาน เพราะเราได้ยินมันตั้งแต่เป็น Startup แล้ว แต่ด้วยราคาตอนนั้นที่ ไม่ต่างจากตอนนี้เท่าไหร่ แต่ว่า มันเปลี่ยนถ่านไม่ได้ พอเราหารราคาต่อระยะเวลาแล้ว เราว่ามันไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ตอนนั้นเลยไม่เอา แต่พอมาเจอรุ่นใหม่ที่มันเปลี่ยนถ่านได้ เราว่ามันน่าจะคุ้มค่าที่จะซื้อมาใช้ละ
และ เราก็เอามาติดกับพวงกุญแจรถ รวม ๆ มันก็มีขนาดเล็กมากพอที่จะไม่ได้สร้างความเกะกะให้กับการพกพาเลย เผลอ ๆ ตุ๊กตาที่เราเอามาห้อยยังใหญ่กว่า Tile อีก
Tile Slim
มาที่อีกตัวคือ Tile Slim เขาไม่ได้บอกตรง ๆ ว่ามันเอามาใส่กระเป๋าเงิน เขาบอกแค่ว่ามันบาง เอาไปใส่อะไรก็ได้ที่มันบาง ๆ เข้าใจแหละว่า ไม่อยากขัดจินตนาการ แต่ ทำมาขนาดนี้ ดูจากดาวอังคารก็รู้แหละว่า เอามาให้ใส่ในกระเป๋าเงินน่ะ
Design ของ Tile Slim มาในความบางตามชื่อมันเลย บางจริง กับมาในวัสดุที่เป็นพลาสติกเหมือนกัน แต่มีการขัดมาให้มีความสาก ๆ เล็กน้อย ด้านบนซ้าย จะเป็นรูสามรูสำหรับลำโพงเช่นเดียวกับ Tile Mate ส่วนปุ่มจะอยู่ที่ด้านล่างซ้ายที่เป็นกลม ๆ แล้วมีคำว่า Tile อยู่ ให้เรากดได้ สิ่งที่ต่างคือ แทนที่จะพิมพ์นูน เขาเลือกที่จะพิมพ์กดลงไปแทน เข้าใจว่า เพื่อให้มัน บางเท่ากันหมด เวลาเราเอาไปใส่อะไรมันจะได้อยู่ง่ายไม่นูนออกมา
ด้านหลังไม่มีอะไร เป็นพลาสติกเรียบ ๆ ที่อาจจะมีพวกรายละเอียดที่เราไม่ได้สนใจกันอยู่แล้วก็ข้าม ๆ ไป ถึงตอนนี้อาจจะถามแล้วว่า ช่องสำหรับเปลี่ยนถ่านอยู่ไหน ก็จะบอกเลยว่า ไม่มีจ้าา รุ่นนี้เปลี่ยนถ่านไม่ได้นะ Tile เคลมว่า อายุของ Tile Slim จะอยู่ได้ประมาณ 3 ปี แล้วเราก็ต้องทิ้ง นี่แหละข้อที่เราไม่ชอบ Tile เลย เราว่า 3 ปีสำหรับอุปกรณ์ราคาเท่านี้ และ การ Recycle อีก มันไม่เป็นมิตรต่อโลกเลย อันนี้ไม่ชอบมาก ๆ
ด้วยขนาดของมันที่เท่ากับบัตรเครดิต ทำให้เราสามารถสอดมันลงไปในช่องใส่บัตรได้เลย ไม่ต้องคิดเยอะ แต่เราว่าอุปกรณ์พวกนี้มันควรจะซ่อนนิดนึง เพราะเราชอบความเนียนของความ Smart เข้ากับชีวิตประจำวันของเรา เราคงไม่อยากเปิดกระเป๋าเงินออกมาแล้วเจอมันอยู่ แทนที่จะเป็นบัตรที่เราต้องหยิบใช้ในชีวิตประจำวัน เลยใส่ไว้ในช่องที่มันไม่น่าจะได้ใช้ ใส่ไปแล้วมันก็เนียนอยู่นะ กลัวจะลืมมากกว่าว่ามีมันอยู่ในกระเป๋าฮ่า ๆ
การใช้งานกับ App
การจะใช้งานมันได้ เราจะต้องใช้งานร่วมกับ App ของ Tile เอง ที่เราสามารถโหลดได้จาก App Store และ Play Store ตาม Platform ที่เราใช้งาน เมื่อเราโหลด มาแล้ว เราลงทะเบีย และ เริ่มการ Activate Tile ได้ โดยการกดที่ปุ่มของ Tile และ กดเริ่ม มันก็จะค้นหาและ เชื่อมต่อกันเองทั้งหมด โดยที่เราไม่ต้องยุ่งกับการเชื่อมต่อใด ๆ ทั้งสิ้น จากนั้นให้เราให้ข้อมูลมันหน่อยว่า มันคืออะไร
ในการใช้งาน หน้าแรกของ App จะแสดงพวก Tile ที่เรา Register ลงไปใน Account ของเรา โดยที่แต่ละตัว เราสามารถเข้าไปดูตำแหน่ง และ การตั้งค่าได้ นอกจากนั้น ถ้าเข้าไปอีก เราก็สามารถเปลี่ยนพวกชื่ออะไรแบบนั้นได้
ที่เราชอบอีกอย่างคือ เราสามารถใช้งานร่วมกับ Siri ได้ โดยที่เราเข้าไปตั้งค่าได้เลยว่าเราจะใช้ Keyword ในการเรียกว่าอะไร แล้วพอ เราต้องการจะหาของ เราก็สามารถเรียก Hey Siri แล้วก็ตามด้วย Keyword ได้เลย มันดีมาก ๆ สำหรับเราที่ใช้ Siri เยอะมาก ๆ
สรุป : เป็นของที่ควรมี แต่อย่าได้ใช้เลย
การซื้อ Tile เราว่ามันก็เหมือนการซื้อประกันอะ มีไว้อุ่นใจ ถึงวันที่ของมันหายขึ้นมา ทำให้เรามีโอกาสที่จะหาเจอง่ายขึ้น ถ้าคนที่ของหายจะเข้าใจเลยว่า ตอนนั้นมันเดือดร้อนขนาดไหน ฟิลลิ่งที่เสียดายอะไรบ้าง เราเลยคิดว่า ของที่สำคัญ ๆ หน่อย แต่ราคาอาจจะเยอะไปหน่อยถ้าเราซื้อราคาเต็ม เราแนะนำให้ไปซื้อตอนมันลดราคาดีกว่า กับไม่แนะนำตัว Slim มันเหมาะกับการใส่ในกระเป๋าเงินจริง ๆ แต่พอมันเปลี่ยนถ่านไม่ได้ ทำให้เรากังวลเรื่องความคุ้มค่า และ ผลต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า เราอาจจะซื้อตัว Slim นี่แหละ มาใส่กระเป๋าเงินได้ แอบ ๆ หน่อย ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร หรือ เราอาจจะไปซื้อรุ่นที่เป็น Sticker ก็ได้แล้วแต่เรา แต่รวม ๆ แล้ว เราเชียร์ที่จะซื้อมาก ๆ