รีวิว Samsung Galaxy Z Flip 6 จากโทรศัพท์ที่เคยปรามาสสู่โทรศัพท์ลูกรักใน 1 เดือน
ก่อนหน้านี้ เราเคยสงสัยว่า คนเรามันต้องการโทรศัพท์จอพับได้จริง ๆ เหรอวะ จนได้มาใช้ Samsung Z Flip 5 เพราะได้มาฟรี ปรากฏว่า มันทำให้เราได้พบกับความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในการใช้งานโทรศัพท์จอพับสักเครื่องเยอะมาก ๆ แต่ตอนนั้นมันก็ยังมีสเปกหลายเรื่องที่ยังขัดใจอยู่ มาในรุ่นใหม่อย่าง Z Flip 6 มันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงจนทำให้มันขึ้นแท่นเป็นลูกรักเราได้ วันนี้จะมาเล่าให้อ่านกัน
ปล. เราขอตัด Galaxy AI ไปไว้ในอีกบทความนะ
Design เครื่องเหลี่ยม สวยขึ้นมาก
ตอนที่ใช้ Z Flip 5 เราค่อนข้างขัดใจกับ Design เครื่องที่มันมล ๆ มาก ๆ จับแล้วมันก็รู้สึกดีหน่อย ๆ แต่ไม่ค่อยรู้สึกถึงความมั่นคง แข็งแรง แต่พอมาใน Generation นี้ทั้ง Z Flip 6 และ Z Fold 6 ก็ได้เปลี่ยน Design ให้ขอบมีสัน มีเหลี่ยมมากขึ้น ตอนที่ไปลองใน Samsung Shop ครั้งแรก จับแล้วแทบจะบอกว่า Shut up and take my money ไปเลย ฟิลมันดีกว่าจริง ๆ
จุดนึงที่เรายังกิน Z Flip ไม่ลงสักทีคือขนาดความกว้างของหน้าจอที่แอบแคบไปหน่อย จนทำให้เวลาพิมพ์ผ่าน On-Screen Keyboard เรามักจะพิมพ์ผิดอยู่บ่อย ๆ แน่นอนว่าเครื่องขนาดเดิมเป๊ะ ปัญหานี้ก็ยังคงอยู่
นอกจากนั้น ตัวเครื่องด้านล่างรอบนี้เขาทำมาเป็นผิวด้าน ทำให้มันจับแล้วอยู่มือมากขึ้น ลดโอกาสลื่นหลุดมือเหมือนรุ่นก่อน หากมีคราบเหงื่อจากมือเราก็เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายกว่าเดิมเยอะ หากเป็นรุ่นก่อน เราจะต้องติดฟิล์มซึ่งทำให้ฟิลลิ่งในการจับมันได้ไม่เท่ากับรุ่นนี้จริง ๆ และหากใครที่ติดตามเว็บเรามานาน น่าจะพอเดาได้ว่า เราเป็นคนที่ชอบสีฟ้ามาก ๆ ไม่ว่าจะกระเป๋า ปากกา รถ ทั้งหมดเราเป็นสีฟ้าหมดเลย โทรศัพท์เราก็อยากได้สีฟ้าเหมือนกัน ซึ่งในรุ่น Flip 5 เขามีสี Blue มานะ แต่เราคิดว่ามันแอบหม่น ๆ ไปหน่อย พอมาใน Z Flip 6 มันกลายเป็นฟ้าแบบ Pastel ดูน่ารักเข้ากับรูปลักษณ์ของตัวเครื่องมากขึ้นเยอะ คือรักส์สีนี้เลย
ที่สำคัญมาก ๆ ตรงข้อพับด้านหลังมีการเปลี่ยนแปลงจากการใช้สีเงิน ๆ เปลี่ยนมาเป็นสีตามตัวเครื่อง ทำให้มันดูกลืนไปกับตัวเครื่อง ดูดีมากกว่าเดิมเยอะมาก
ประเด็นนึงที่เราค่อนข้างเป็นปัญหากับรุ่นก่อนคือ มันไม่กันน้ำ กันได้แค่ประมาณหยดน้ำ ละอองน้ำเท่านั้น แต่มารุ่นนี้นางได้มาตรฐานการกันน้ำและฝุ่นที่ IP48 ที่สามารถกันน้ำลึก 1.5 เมตรเป็นเวลา 30 นาที และสามารถกันฝุ่นได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น หมายความว่า เราสามารถเอามันไปใช้ในสถานการณ์ที่มีน้ำสาดได้แล้ว หรือกระทั่งบางคนเช่นเรา ชอบเอาโทรศัพท์เข้าไปเปิดฟังเพลงตอนอาบน้ำ ไม่ก็เล่นโทรศัพท์มันพร้อม ๆ กันซะเลย ก็ไม่ต้องกลัวเรื่องโดนน้ำ และความชื้นละ
ต้องยอมรับเลยว่า ในแง่ของการออกแบบ Samsung ปรับปรุงมาได้ดีมาก ๆ ลบจุดที่เราไม่ชอบไปได้เกือบหมด
หน้าจอสเปกเดิม รอยพับลดลง
เรื่องที่หลาย ๆ คนเป็นประเด็นกับโทรศัพท์จอพับคือ รอยพับบนจอ ว่ามันจะรบกวนการใช้งานของเราหรือไม่ จาก Z Flip 5 รอยพับมันก็ไม่ได้เยอะมากจนรบกวนการใช้งานแล้ว แต่มันยังพอเห็นหากเรามองใกล้ ๆ หรือเอียงเครื่องดูจริง ๆ แต่มาใน Z Flip 6 รอยพับหายไปเยอะอย่างมีนัยสำคัญกับการใช้งานเลยแหละ ตอนนี้ขนาดว่า ถ้าเรากางออกและวางบนโต๊ะมองลงไป เราแทบจะไม่เห็นรอยพับเลยแหละ เรื่องนี้ต้องยอมรับว่า Samsung พัฒนาจอพับมากไกลมากจริง ๆ
ส่วนตัวสเปกและขนาดหน้าจอทั้งหมดยังเป็นเหมือนเดิมทั้งหมดคือ จอด้านในเป็นหน้าจอขนาด 6.7 นิ้วแบบ Dynamic AMOLED 2X ที่ให้แสงและสีที่ดีมาก ๆ ตามสไตล์จอ AMOLED จาก Samsung
และจอนอกขนาด 3.4 นิ้วแบบ Super AMOLED ที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตั้งแต่รุ่นก่อนอย่าง Z Flip 5 ที่มีการเพิ่มขนาด ทำให้เราสามารถใช้งานจอหน้าได้หลายอย่างมากขึ้น จนไปถึงการเล่น App บางอย่างที่หน้าจอนอกได้เลย
กล้องที่ได้รับการพัฒนา สักที !
จุดที่ทำให้เรา ว้าว กับการเปลี่ยนแปลงจาก Z Flip 5 เป็น Z Flip 6 คือ กล้อง เพราะเราคิดว่า Use Case ที่ทำให้โทรศัพท์จอพับลักษณะนี้มันโดดเด่นขึ้นมาคือ การนำมาใช้ในการถ่ายภาพ และสร้าง Content เช่นเราสามารถ Selfie และถ่าย Content โดยการใช้กล้องหลักได้
มาในรุ่นนี้เขามีการเปลี่ยนแปลงกล้องหลักจากเดิม 12 MP เป็น 50 MP ที่เราคิดว่าตัวเลขนี้ใส่มาเวอร์เกินไปหน่อย ใช้งานจริงเราไม่ใช้หรอกนะ 50MP แต่คิดว่าใส่มาตามสมัยนิยมมากกว่า และกล้องหน้าตัวเดิมความละเอียด 10MP ส่วนตัวเราไม่ซีเรียสกับกล้องหน้าเลยนะ เพราะส่วนใหญ่หากเราจะ Selfie ยังไงเราจะใช้กล้องหลักอยู่แล้ว ดังนั้นเอาเงินไปลงกับกล้องหลักเราพอใจกว่าเยอะ
การ Render ส่วนสว่าง และมืด อาจจะไม่ได้เป็นรุ่นที่เน้น HDR Effect หนัก ๆ แต่เราคิดว่ามันทำออกมาได้เป็นธรรมชาติมาก ๆ หากลองดูจากภาพด้านบนเราจะเห็นว่า มันสามารถเก็บส่วนของฟ้า พร้อมกับราง BTS ได้ค่อนข้างครบถ้วน แต่จะไม่เก็บส่วนมืดมาก ๆ อย่างภายในสถานีที่โดนหลักคา ทำให้มันดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ ไม่เวอร์ ๆ เหมือนโทรศัพท์บางรุ่นที่พยายามอย่างหนักในการดันส่วนมืดมาก ๆ ขึ้นมาจนเสียคุณภาพไปไกล
การเก็บรายละเอียดภาพ ทำได้ดีพอสมควรสำหรับกล้องโทรศัพท์ที่ Sensor มีขนาดเล็กมาก เราคิดว่า ปัญหาของทั้ง Z Fold 6 และโทรศัพท์ทั้งหมดคือ การเพิ่ม Sharpness เพื่อทำให้ภาพมันดูคมขึ้นที่มากเกินไปจนมัน Oversharpen ไปซะงั้น
ไปที่ภาพกลางคืนกันบ้าง ใช้คำว่า ก็ได้อยู่ละกัน เป็นไปตามมาตรฐานทั่วไปของกล้องโทรศัพท์ที่ Sensor ขนาดเล็กอาจจะไม่เก่งเรื่องการถ่ายภาพกลางคืนเท่ากับกล้องใหญ่ แต่สำหรับเราที่มีกล้องใหญ่ เราไม่โอเคกับคุณภาพของมันเท่าไหร่ ดูจากภาพด้านบนเราจะเห็นว่า ส่วนของต้นไม้ทั้งหลายก็คือ โดน Noise Reduction จนเป็นวุ้นไปหมดแล้ว ส่วนที่มืดมาก ๆ Noise กระจายเละไปหน่อย ก็คือถ้าถ่ายมา ส่วนตัวเราไม่อยากให้คาดหวังกับภาพเท่าไหร่ เอาแค่ว่ามันสามารถ Capture Moment ได้ละกัน คิดว่าเพียงพอกับคนทั่ว ๆ ไปแล้วละ
ฝั่งวีดีโอ เราคิดว่าไม่ต่างจากเดิมเลย แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือรอบนี้กล้อง Ultrawide ความละเอียด 12MP เท่าเดิมสามารถถ่ายวีดีโอความละเอียด 4K 60FPS ได้แล้ว
CPU เรือธงรุ่นล่าสุดจาก Snapdragon
แน่นอนว่า โทรศัพท์ราคาขนาดนี้ ก็ควรจะได้ SoC เรือธงรุ่นล่าสุด Samsung เลยจัด Snapdragon 8 Gen 3 มาให้เลย หากเทียบกับ Z Flip 5 ที่ใส่ Sanpdragon 8 Gen 2 เข้ามา CPU Performance ดีขึ้นมาที่ประมาณ 18% บน Single-Core และ 40% สำหรับ Multi-core แต่ถามว่าส่งผลต่อการใช้งานมากขนาดไหน จากประสบการณ์ใช้งานของเราคิดว่า มันไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดเท่าไหร่ คิดว่ามันไปในมุมของ Minor Change มากกว่า
แต่เรื่องที่เห็นผลมาก ๆ คือ GPU Performance หลาย ๆ เว็บบอกว่าตัวใหม่นี้มันแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 40% เลยทีเดียว เราเลยทดลองเล่นเกมอย่าง ROV พบว่ามันทำ Frame Rate ได้ดีกว่าเครื่องก่อนหน้าพอสมควร โดยเฉพาะฉากที่บวกกัน มี Effect เยอะ ๆ มันลื่นกว่าเดิมพอสมควร
ในส่วนของการทำ Multitasking เขามีการเพิ่ม RAM จาก 8 เป็น 12 GB ตามสมัยนิยมกันละ ทำให้เราสามารถเปิด App ค้างไว้ได้เยอะขึ้น อีกส่วนเราคิดว่าน่าจะเป็นเพราะการต้องรัน Galaxy AI ด้วยเลยทำให้ต้องเพิ่ม RAM ขึ้นไปหน่อย ไม่งั้นน่าจะรันไม่ไหว
ปัญหาจากรุ่นก่อนหน้าที่หลาย ๆ คน และเราเองเจอคือ ความร้อน ยิ่งเราใช้ SoC ที่แรงขึ้น ความร้อนย่อมมากขึ้นเป็นเงาตามตัวอยู่แล้ว ในรอบนี้ Samsung เลือกใส่ Vapor Chamber เพื่อทำให้มันระบายความร้อนได้ดีขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า ผลที่ได้คือทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้ามาก ๆ จากเดิมที่เราเล่น ROV สัก 4-5 ตาเครื่องด้านบนร้อนมาก ๆ พอมาใน Z Flip 6 มันร้อนน้อยลงแบบสัมผัสได้เลย
สุดท้าย เราก็ยัง Move on ออกจาก iPhone ไม่ได้อยู่ดี
ไม่ว่าเราจะบอกว่าเราชอบ Z Flip 6 มากขนาดไหน เรายอมรับเลยว่า ทุกวันนี้เราไม่ได้ใช้งานมันเป็นเครื่องหลัก เพราะสุดท้ายแล้วโทรศัพท์ที่ Get things done ให้กับเรายังเป็น iPhone อยู่ดี แต่เราไม่ได้บอกว่า Z Flip 6 สู้ iPhone ไม่ได้นะ แต่สำหรับเรามันยังมีปัจจัยในเรื่องของ Ecosystem ที่อุปกรณ์ทั้งหมดของเราอยู่ใน Apple Ecosystem อยู่ตั้งแต่ Mac, iPad และ Apple Watch
ถามว่ามันดีพอให้ผู้ให้ iPhone ที่อยู่ใน Ecosystem อย่างเหนียวแน่นหวั่นไหวได้บ้างมั้ย เราก็ต้องบอกเลยว่า ได้ !!! มีแว่บนึงที่จินตนาการว่าเปลี่ยนไปใช้ Galaxy Watch Ultra อยู่เลย แถมหน้ากล่องยังบอกว่าลด 30% อีกมันจะเหลือราว ๆ 16-17k เท่านั้นเอง แต่พอคิดว่า App ทั้งหมดต้องย้ายด้วย ก็เลย โอเคจบละ ทำให้สุดท้าย เราก็จะยังคงใช้ iPhone ต่อไป แต่ใช้ Z Flip เป็นเครื่องรองสำหรับการทำ Content และเล่น Social เป็นหลักแค่นั้น
เรามองว่า หากใครอยากลองเล่นมือถือจอพับเป็นเครื่องแรก หรือหามือถือจอพับดี ๆ สักเครื่องที่ลงตัวทั้งในเรื่องการใช้งาน และความสวยงาม เราคิดว่า Galaxy Z Flip 6 น่าจะเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในดวงใจเราได้เลยละ