รีวิวกระเป๋าเดินทาง Rimowa Classic ขนาด Cabin

หากใครติดตามเราใน Instagram ก็คือ เราไปเที่ยวญี่ปุ่นมา แล้วคือโดนน้องตัวเองป้ายยากระเป๋าเดินทางยี่ห้อนึง เห็นจากชื่อหัวเรื่องละว่าคือ ยี่ห้อ Rimowa ไหน ๆ ไปญี่ปุ่นเขาบอกว่าราคาถูกกว่าไทย ก็ไปจัดมาเลยสิฮะ วันนี้เราจะมารีวิวกันว่า กระเป๋าเดินทางในราคาหลักหมื่นมันมีดีอะไร

เรื่องเล่าประวัติ Rimowa แบบสั้น ๆ

Rimowa เป็นบริษัทผลิตกระเป๋าเดินทางสัญชาติเยอรมัน แต่จะบอกว่า ตอนแรกสุด Rimowa ไม่ได้ชื่อ Rimowa นะ ตอนแรกสุดบริษัทชื่อว่า Gortz & Morszeck ตามชื่อผู้ก่อตั้ง 2 คนคือ Paul Morszeck และ Heinrich Görtz ที่เชียวชาญการทำกระเป๋าเดินทางที่มีความทนทานสูง แต่น้ำหนักก็ยังคงเบาหวิว โดยใช้ไม้และหนังเป็นวัสดุหลัก จนถึงรุ่นลูกในปี 1931 ได้ ลูกของ aul ชื่อ Richard

ตอนนี้แหละที่ได้เปลี่ยนชื่อแบรนด์กระเป๋าเดินทางใหม่เป็น Rimowa มาจาก Richard Morszeck ผสมกับคำว่า Warenzeinchen ที่เป็นภาษาเยอรมันแปลว่า เครื่องหมายการค้า เลยกลายเป็น Rimowa ในแบบที่เรารู้จักกันนั่นเอง

Richard ทำธุรกิจต่อไปเรื่อย ๆ จนปี 1937 หรือผ่านไป 6 ปีหลังจากเข้ามาทำงาน ความชิบหายเกิดขึ้นเมื่อเกิดไฟไหม้ขึ้นที่โรงงานเรียกว่าแทบจะโดนเผาไปทั้งหมด เหลือเพียงแค่โครงอลูมิเนียมเหลือไว้เท่านั้น แน่นอนว่า Richard มองเห็นโอกาสในซากปรักพัง ผุดไอเดียการทำกระเป๋าเดินทางที่คงทนจาก อะลูมิเนียม เขาได้ลองทำกระเป๋าหลายแบบมาก ๆ จนสุดท้ายออกมาเป็นกระเป๋าเดินทางที่ทำจากอะลูมิเนียมอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ในปี 1937

Aldo Bidini (GFDL 1.2 http://www.gnu.org/licenses/old-licenses/fdl-1.2.html or GFDL 1.2 http://www.gnu.org/licenses/old-licenses/fdl-1.2.html), via Wikimedia Commons

โดยกระเป๋าที่ออกมาในตอนนั้นเรียกว่าเป็นกระเป๋าทรง Trunk เรียบ ๆ ไม่ได้มีพื้นผิวพิเศษอะไร จนในช่วงปี 1950 ถ้าใครที่เรียนพวกวิศวกรรมการบิน น่าจะทราบกันดีว่าเป็นช่วงรุ่งเรืองของวิศวกรรมการบินเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่า เยอรมัน ก็คือผู้นำด้านการบินเลย ทำให้ Rimowa ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องบิน JU52 ที่เป็นเครื่องบินลำแรกของโลกที่ทำจากอะลูมิเนียมทั้งตัว เหมือนที่กระเป๋าเดินทางที่ Rimowa ทำเลย จุดที่น่าจะเห็นชัดที่สุด น่าจะเป็น การออกแบบพื้นผิวแบบ Groove Line ที่คล้ายกับเครื่องบิน JU52 ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ รวดลายนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ Rimowa เลยทีเดียว เพียงแค่กวาดตามองไปแล้วเห็นกระเป๋าที่เป็นลายลักษณะนี้ เราสามารถเดาได้ทันทีว่า นั่นคือกระเป๋า Rimowa

จนถึงปี 2016 แบรนด์ Rimowa ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จนทำให้กลุ่มธุรกิจใหญ่อย่าง LVMH ได้เข้าซื้อหุ้นของ Rimowa ถึง 80% หรือคิดเป็นเงินประมาณ 640 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว และหลังจากนั้นจนถึงปัจจุบัน Rimowa ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองมากขึ้น มีการพัฒนาเทคโนโลยีมากขึ้น และยังไปคอแลบกับแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย เช่น Off-White และ Supreme เราไปดูมาก็คือคนไป Resale กันราคาเด้งกันฉ่ำ ๆ เลย

Rimowa Classic

ใน Rimowa เองแบ่งกระเป๋าออกเป็นทั้งหมด 6 รุ่นตามการใช้งานตั้งแต่ Original, Classic, Hybrid, Essential, Essential Lite และ Essential Sleeve โดยทั้ง 6 รุ่นที่ว่ามาเขาจะมี Character ที่แตกต่างกัน ซึ่งรุ่นที่เราเลือกซื้อมาใช้งานคือ Classic

ในรุ่น Classic ก็ยังคงความเป็น Rimowa ได้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่การใช้อะลูมิเนียมเป็นวัสดุ พร้อมลาย Groove Line อันเป็นเอกลักษณ์ของ Rimowa ดังนั้นเรื่องความแข็งแกร่งไม่ต้องกลัวเลย ถ้าเมื่อย ๆ รอ Check-in โหลดกระเป๋า ก็เอากระเป๋าเรานี่แหละเป็นที่นั่งได้เลยมันไม่พังนะแกร นั่งมาละรอด โดยเขามีสีให้เราเลือก 2 สีด้วยกันนั่นคือสีเงิน ๆ อะลูมิเนียมธรรมชาติ และ สีดำที่เราซื้อมานั่นเอง โดยเราแอบรู้สึกว่า สีดำ เขามีการทำสีมาให้มันออกด้าน ๆ หน่อย ทำให้ได้อารมณ์ครึม ๆ หล่อในแบบของมัน เลยเลือกสีนี้มา แต่การเลือกสีดำมา

เราอยากให้ข้อสังเกตคือ หากเราใช้งานไป การบุบ หรือสีลอกอาจเกิดขึ้นได้ เมื่อมันลอกหรือบุบลงไป ด้านในมันจะเป็นสีอะลูมิเนียมธรรมชาติ ทำให้เห็นได้ชัดกว่าตัวกระเป๋าที่มีสีเงินอยู่แล้ว ถ้าใครรับได้ เราว่าสีดำ คือสวยชิบหายเลยละ

ที่จับยกกระเป๋า จะมี 2 จุด คือบริเวณด้านบน และข้างของกระเป๋า ทำให้เราสามารถยกได้ทั้งแนวตั้ง และนอนตามความสะดวกของเรา จุดสังเกตคือในรุ่น Classic เขาจะใช้ที่จับยกที่ทำจากหนังแท้ ทำให้เวลาเรายกมันจะนุ่มกว่าสบายกว่ารุ่น Original มาก ๆ แต่ก็แลกมากับความคงทนที่ยังไง ๆ ใช้ไปหนังโดนเหงื่อจากมือเรามันย่อมเสื่อมสภาพเร็วกว่าพวกพลาสติกหรือโลหะแน่นอน หากเกิดความเสียหาย เราสามารถเปลี่ยนมันได้เช่นกัน และเรายังสามารถ Customise โดยการเลือกสีของมือจับก็ได้ด้วยเหมือนกัน โดยเริ่มต้น เขาจะให้มาเป็นสีดำ สำหรับทั้งกระเป๋าสีเงิน และ สีดำ ทำให้ถ้าเลือกกระเป๋าสีดำ เราจะได้มือจับที่กลืนไปกับตัวกระเป๋า ทำให้ดูหล่อเข้มเข้าไปอีก อันนี้ชอบส่วนตัว

ด้านบนของกระเป๋า เราจะติด Name Tag ด้วย ซึ่งอันนี้เขาแถมมาในกระเป๋าเป็นสีดำ โดยเราสามารถเลือกซื้อสีอื่น ๆ เพิ่มได้ด้วยนะ นอกจากนั้น เรายังสามารถให้ทางร้านเขาสลักชื่อของเราได้ด้วย โดยสูงสุดเขาจะทำให้ได้ 3 ตัวอักษร แล้วมีสีให้เลือกด้วย แต่เราเลือกสีทองไปเลย ทองแรงฤทธิ์ ฮา ๆ

ด้านข้างเป็นกลไกในการล๊อค ซึ่งถ้าเราดูจากภาพ เราจะเห็นว่า เขาจะใช้กลไกการล๊อคกระเป๋าทั้งหมด 2 จุดด้วยกัน เป็นรหัสเปิดแบบที่เราคุ้นเคยกัน โดยตัวตั้งรหัสทำงานแยกอิสระจากกัน ทำให้ถ้าเราต้องการความปลอดภัยมากหน่อย เราสามารถตั้งรหัสให้ต่างกันได้

และตัวระบบรักษาความปลอดภัยยังรองรับ TSA ด้วย คือเป็นระบบตัวปลดล๊อคสำหรับเจ้าหน้าที่สนามบินเพื่อขอเปิดเพื่อตรวจค้นในกระเป๋าของเรา หากใครที่ต้องการเดินทางเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาบอกว่ามันจำเป็นต้องมี TSA เพื่อให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสนามบินสามารถเปิดได้ด้วยนะ ไม่งั้นเราได้เจอกับปรากฏการณ์ งัดแงะกระเป๋าเราชิบหหายได้เลยละ

ในการเปิดกระเป๋า เราสามารถดันสลักที่อยู่บริเวณตัวล๊อคทั้งสอง ข้อเหล็กที่ใช้ในการล๊อคจะเด้งออก ทำให้เราสามารถเปิดกระเป๋าของเราได้ทันที เรื่องนี้เราชอบมาก ๆ เพราะก่อนหน้านี้เราใช้กระเป๋าแบบซิป ต้องมานั่งรูดอันนี้คือ เราสามารถดันสลัก แล้วเปิดฝากระเป๋าออกมาได้เลย จริง ๆ ยี่ห้ออื่นอาจจะมีแหละ แต่เราแค่ไม่เคยใช้กระเป๋าที่ไม่มีซิปมาก่อน เลยตื่นเต้นกับ Feature นี้มาก ๆ

เมื่อเราเปิดกระเป๋าออกมา เราจะพบกับ Partition เป็นชิ้นส่วนสำหรับการจัดสรรพื้นที่ในกระเป๋าให้เป็นสัดส่วน แต่อีกหนึ่งความสามารถของ Partition เราจะสังเกตว่า มันหน้าเหมือนตัวคนเลย ใช่แล้วฮะ เราสามารถเอาพวกสูทใส่ใน Partition เดินทางไปได้ ทำให้สูทของเรายับน้อยที่สุด มันดีมาก ๆ เวลาเราเดินทางแล้วต้องเอาสูทไป ปกติ เราจะถือสูทไปซึ่งมันน่ารำคาญมาก ๆ แต่ตอนนี้เราสามารถเอามันใส่กระเป๋าโดยไม่ต้องกลัวยับมากได้แล้ว

ส่วนที่เหลือกระเป๋าไม่ได้มีช่องอะไรมาให้เรามากเท่าไหร่ ซึ่งจะแตกต่างกับกระเป๋าเดินทางยี่ห้ออื่น ๆ ที่เราเคยเจอมาว่า เขาจะมีช่องเล็กช่องน้อยให้เราเยอะมาก ๆ เพื่อเป็นการแบ่งสิ่งของออกจากกัน แต่ Rimowa มีแค่ Partition ทั้งหมด 2 อันเท่านั้น ทำให้เวลาเราใส่จริง เราจะหากระเป๋าใบเล็กใบน้อยมาใส่ของเพื่อเพิ่มความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้นเอา เรียกว่าเป็นข้อดีสำหรับเราละกัน เพราะมันทำให้เราสามารถเลือกกระเป๋าใบเล็กใบน้อยมาเลือกใส่ตามความต้องการในแต่ละทริปได้ แต่ถามในแง่ของความจุ เราแอบมองว่า ด้วยความที่ Rimowa Classic ใบนี้มันไม่มีระบบการขยายกระเป๋าอะไรเลย และมันไม่มีซิบ ทำให้ความจุของกระเป๋าใบนี้มันแอบน้อยไปหน่อย เมื่อเทียบกับกระเป๋าเดินทางยี่ห้ออื่น ๆ ที่เขาอาจจะมีระบบในการขยายกระเป๋า สำหรับเราเองผู้ชายง่าย ๆ อย่างเรา กระเป๋าขนาด Cabin ที่สามารถ Carry-on ขึ้นเครื่องบิน สามารถใส่เสื้อผ้าเครื่องใช้สำหรับเดินทางสัก 5-6 วันได้สบาย ๆ เลย

มือจับที่ยืดหยุ่นกว่าที่เคย

มือจับกระเป๋า เป็นส่วนที่เราอยากจะยกให้ Rimowa เป็นกระเป๋าเดินทางที่ดีที่สุดในโลกเลย เวลาเราใช้งานกระเป๋าเดินทางปกติ เราจะสามารถปรับความสูงของที่จับได้เป็นสเต็ปตามที่กระเป๋ามันฟิคมา ซึ่งบางครั้ง มันสูงไป มันเตี้ยไป ทำให้เราลากมันได้ลำบากพอสมควร เราเองที่เป็นมนุษย์เรื่องเยอะ ยิ่งไปเยือนดินแดนปลาดิบอันมนุษย์ประเทศนั้นมันเดินกับชิบหาย ยิ่งงอแง เพราะที่จับเลยจ้าาา

แต่กระเป๋าของ Rimowa มันออกแบบมาฉลาดสไตล์เยอรมันชิบหาย ด้วยการที่มันสามารถฟิคความสูงได้อย่างอิสระ โดยที่ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ข้อต่อของที่ลากเลย เราอยากให้มันสูงขึ้นหรือเตี้ยลง เราแค่กดแล้วเลื่อนไปความสูงที่เราต้องการก็เรียบร้อย และการที่มันไม่ได้ล๊อคเข้ากับข้อของมัน ไม่ได้แปลว่า มันไม่แข็งแรงนะ มันแข็งแรงมาก ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ

สุดท้ายพอเราใช้งานจริง เราสามารถปรับมันให้เข้ากับความสูงของเราได้ ทำให้เวลาเราลาก เราออกแรงน้อยลงได้เยอะมาก ๆ ทำให้เวลาที่ต้องเดินลากกระเป๋านาน ๆ มันรู้สึกสบายกว่าเดิมเยอะมาก ๆ โดยเฉพาะทริปญี่ปุ่นล่าสุดที่เราได้ลากเดินฉ่ำ ๆ ยิ่งเห็นความสำคัญของการที่ลากมันปรับระดับได้อิสระเลยทีเดียว มันทำให้สบายขึ้นได้จริง ๆ อยากให้ทุกคนได้ไปลองเลย

Rimowa Multiwheel System

หนึ่งในส่วนที่เราจะสนใจมาก ๆ สำหรับกระเป๋าเดินทางคือ ระบบล้อ ของมัน สำหรับคนทั่ว ๆ ไปอาจจะสงสัยว่า เราจะสนใจทำไม ล้อก็คือล้อช่วยเราลากกระเป๋าเฉย ๆ แต่ ล้อของกระเป๋าเดินทางที่ดี สำหรับเรามันจะต้องมี 2 คุณสมบัติคือ ผ่อนแรง และ คงทน ซึ่งระบบล้อของ Rimowa อย่าง Multiwheel System ตอบโจทย์ทั้งสองเรื่องนี้ได้อย่างดี

อย่างแรกคือ การผ่อนแรง อันนี้สำคัญมาก เพราะเวลาเราใช้งานกระเป๋าเดินทางจริง ๆ เราใส่ของเข้าไปทำให้มันมีน้ำหนักค่อนข้างมาก รุ่น Cabin เห็นใบเล็ก ๆ อาจจะหนักได้ถึง 14 - 17 km ได้เลย ทำให้ถึงจะมีล้อ แต่การลากกระเป๋าน้ำหนักขนาดนี้ก็ไม่ได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อเราต้องเจอกับพื้นที่ขรุขระ และต้องเลี้ยวไปมา ระบบของ Rimowa ทำให้เราสามารถลากกระเป๋าของเราได้ลื่นมาก ๆ เราลองเปรียบเทียบลาก Rimowa ใบที่หนักมาก ๆ เทียบกับกระเป๋าเดินทางราคาถูกกว่า ขนาดเล็กกว่าเบากว่ามาก ๆ ใบ Rimowa ยังใช้แรงลากน้อยกว่ามาก ๆ มันมหัศจรรย์ทางงานวิศกรรมสำหรับเรามาก ๆ

และอีกส่วนคือ ความคงทน พวกล้อกระเป๋าเดินทาง อย่างที่บอกมันต้องรับน้ำหนักเยอะตลอดเวลา ทำให้บางครั้ง เราใช้งานไประยะเวลานาน ๆ หน่อย เราจะเจอกับอาการเสื่อม ซึ่งถ้ามันเสื่อมก่อนที่เราจะเดินทาง เราอาจจะส่งซ่อมเสียเวลาหน่อยแต่ไม่เกิดความชิบหายมาก แต่ถ้ามันพังระหว่างที่เราเดินทางละ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับแม่เราในทริปญี่ปุ่นรอบก่อน ล้อเริ่มพังตั้งแต่อยู่สุวรรณภูมิขาออกแล้วจ้าาา สุดท้ายทริปลำบากแบบชิบหาย กระเป๋าใหญ่และหนัก ดันลากไม่ได้

ทำให้เรื่องที่ทำให้เราติดใจ Rimowa สุด ๆ นั่นคือ Multiwheel System ตามชื่อคือ ล้อกระเป๋าเดินทางของ Rimowa ใน 1 ข้างของเขา จะมีล้อทั้งหมด 2 ล้อด้วยกัน หากล้อใดล้อหนึ่งในแต่ละข้างเกิดปัญหาเสียขึ้นมา ล้ออีกอันจะยังสามารถใช้งานได้ เรียกว่าเป็นการแก้ปัญหาที่แม่เราเจอตอนไปญี่ปุ่นรอบก่อนเลย ถ้าตอนนั้นมี Rimowa เราก็จะไม่ลำบากแบบตอนนั้นแน่นอน มาเจอตอนสายไปแล้วเนี่ย !!! พีคกว่านั้นอีกคือ หากล้อเสีย เขามีล้อขายใน Shop ด้วยนะ ทำให้เราสามารถเดินเข้าไปใน Shop ขอซื้อล้อแล้วติดตั้งเองได้เลย แปลว่า เราไม่ต้องเสียเวลารอซ่อมเลย ยิ่งถ้าเราอยู่ต่างประเทศก็คือเดินเข้าไปซื้อ ประกอบเองแล้วพร้อมเดินทางต่อได้สบาย ๆ

สรุป

ปกติเราเป็นคนเฉย ๆ กับกระเป๋าเดินทางมาก ๆ รู้สึกว่า เราไม่จำเป็นต้องลงทุนกับกระเป๋าเดินทางหลักหลายหมื่นบาทก็ได้มั้ง พังก็ซื้อใหม่ แต่พอเรามาเจอ Rimowa โดนน้องตัวเองป้ายยามา พบว่า เห้ย กระเป๋าเดินทางจริง ๆ มันสำคัญมากเลยนะเว้ย มันต้องคงทน ใช้งานสะดวกสบาย และ หน้าตาดี ซึ่ง Rimowa ตอบโจทย์ที่เรามองหาทุกอย่าง คงทนจากวัสดุอะลูมิเนียม ใช้งานสะดวกจากระบบล้อที่ลื่นลากง่ายมาก ๆ และหน้าตาดีที่ต้องยอมรับเลยว่าเราชอบการออกแบบ แบบนี้มาก ๆ มันไม่ตะโกนว่ากูแพง ดูหล่อแบบไม่ต้องตะโกนอะไรมาก ยิ่งใช้งานยิ่งมีรอยเยอะแทนที่จะดูเก่า ๆ แต่มันหลายเป็นให้ความรู้สึกถึงประสบการณ์ เราเดินทางเยอะมาก ๆ นะเว้ย ซึ่งมีกระเป๋าไม่กี่ใบในโลกที่ให้ฟิลแบบนี้ได้ ทำให้เรามองว่า หากใครอยากลงทุนกับกระเป๋าเดินทางดี ๆ สักใบ และงบถึง เราว่า Rimowa นี่แหละ เป็นตัวเลือกที่โคตรน่าสนใจตัวนึงเลย