รีวิว Muji Aroma Diffuser เครื่องพ่นฟู่ ๆ ที่ทำให้ห้องหอม

เมื่อหลายเดือนก่อน เราไปนวดแผนไทยมา เดินไปแล้วได้กลิ่น หอมมากกกก เลยถามพี่ในร้าน เขาก็บอกว่า อ๋ออ กลิ่นมันมาจากเครื่อง Aroma Diffuser นี่แหละ แล้วก็ชี้ให้ดู อ๋ออ เครื่องแบบนี้นี่เองอะไรแบบนั้น เพราะตอนนั้น ได้กลิ่นแล้วรู้สึกผ่อนคลายมาก ๆ เมื่อก่อนไม่ค่อยได้เชื่ออะไรแบบนี้มากเท่าไหร่นะ เพราะเราไม่ค่อยได้ศึกษาอะไรแบบนี้

พอได้กลิ่นแล้วรู้สึกดี เลยไปศึกษาเรื่องพวก ‌สุคนธบำบัด (เข้ เขียนยากชิบหาย !) หรือที่เราเรียกกันในภาษาอังกฤษว่า Aromatherapy หรืออีก ถ้าเราแปลเป็นคำง่าย ๆ คือ การบำบัดด้วยกลิ่นหอม จริง ๆ มันไม่ได้พึ่งเกิดนะ มันมีมานานกว่าร้อยปีแล้ว เพื่อใช้รักษาโรคต่าง ๆ มากมาย อันนี้ให้ผู้เชี่ยวชาญมาบอกละกันว่า ทางการแพทย์ต่าง ๆ มันมีผลอย่างไร เพราะเราไม่ใช่หมอ ถถถถถ

จนวันนึงเราไปเดินห้างแล้วเจอเจ้าเครื่อง Muji Aroma Diffuser และมันกำลังลดราคาอยู่พอดีเลยสอยมาเลย ซึ่งเวลาเราเดินไปซื้ออะ มันจะมีอยู่ 2 ขนาดด้วยกันคือ 100ml และ 300ml เล็ก และ ใหญ่นั่นแหละ โดยให้เราดูที่ขนาดห้องที่เราใช้งาน ถ้าเล็กก็ซื้ออันเล็กก็พอ ใหญ่ก็ไปอันใหญ่เลย เพราะราคามันก็ต่างกันอยู่แหละ แต่ตอนนั้น มันลดราคา แล้วทำให้ตัวใหญ่มันแพงกว่าตัวเล็กไม่กี่ร้อยเลยจัดอันใหญ่มาเลย

แกะกล่องกันเล้ยยย

กล่องของมันก็ Minimal สไตล์ Muji เลย เป็นกล่องพลาสติกบาง ๆ ขุ่น ๆ

เมื่อเราเปิดกล่องออกมา เราก็จะพบกับตัวเครื่องสีขาวขุ่นวางอยู่ พอเปิดออก เราก็จะเจอกับกล่องกระดาษ เปิดออกมามันก็จะมีตัวเครื่องขาว ๆ วางอยู่

ดึงออกมา ก็จะมีแค่ตัวเครื่อง และคู่มือ ที่เราไม่ได้อ่านแน่นอน ก็ข้ามปายยยยย ตอนนั้นเราก็งงมากว่า มันมีแค่นี้เหรอออ แล้วเราจะเสียบปลั๊กได้ยังไง ??

ความลับนี้ได้ถูกคลายเมื่อเราเปิดฝาเครื่องออกมา เราก็จะพบกับกล่องสีน้ำตาลที่หอพลาสติอยู่อันนึง

เปิดอีกรอบ เราก็จะพบกับ ที่เติมน้ำกับ ปลั๊กเสียบไฟ

ทำให้ของทั้งหมดที่มาในกล่องก็จะมีแค่ ตัวเครื่อง ที่ใส่น้ำขนาด 150ml ปลั๊กไฟ และคู่มือ แค่นั้นเลย ความ Minimal สไตล์ Muji แบบสุด ๆ ย้ำนะว่า ไม่มีน้ำมันมาด้วยนะ เวลาซื้อ เอาน้ำมันมันมาด้วย !!

ตัวเครื่อง

ตัวเครื่องก็ทำจากพลาสติกล้วน ๆ เลย โดยที่มันจะมีฝา ถ้าเราดึงออกมา เราจะพบกับที่ใส่น้ำ โดยที่ใส่น้ำของเครื่องขนาดนี้ เขาจะให้เราใส่อยู่ 300ml หรือก็คือ ตวงผ่านถ้วยที่เขาให้มา 2 ครั้งก็ได้

หรือดูเอาผ่านขีดที่อยู่บนเครื่อง มันจะมีเขียนอยู่ข้าง ๆ เมื่อเราเปิดฝา

ส่วนด้านข้างของชิ้นล่างก็จะมีปุ่มอยู่ 2 ปุ่ม นั่นคือ Mist กับ Light และมีตัวเลขเขียนอยู่ 30 60 120 และ 180 มันคือตัวตั้งเวลา ใช่ฮ่ะ มันตั้งเวลาทำงานได้ด้วย เช่นเราจะให้มันพ่นอยู่แค่ 30 นาทีมันก็ทำได้เหมือนกัน โดยการกดปุ่ม Mist ไปเรื่อย ๆ

ส่วนปุ่ม Light ก็คือให้เปิดปิดไฟ ซึ่งมันก็สามารถปรับได้ 2 ระดับเช่นกันคือ สว่างมาก กับสว่างน้อย โดยการกดที่ปุ่ม Light เพื่อเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ได้

ส่วนด้านใต้ไม่มีอะไร ก็จะเป็นที่เสียบไฟเข้าเท่านั้นเอง ตัวเครื่องมีเท่านี้เลย

การใช้งาน

การใช้งานนั้นง่ายมาก ๆ ก็เปิดฝาเครื่องออกมา โดยการเอาฝาออก แล้วไปเติมน้ำ ละตอนนั้นเราพึ่งใช้ใหม่ ๆ ก็ยังไม่ขี้เกียจเท่าไหร่ ก็เอาเลยจ้าาาา เอาที่ตวงที่ให้มาในกล่อง

เดินเข้าไปในห้องน้ำ กรอกใส่ลงไป แล้วเดินกลับไปเทในเครื่อง แล้วก็เดินไปแบบนี้ 2 รอบ เพราะที่ตัวที่มาในกล่องมันมีแค่ 150ml แต่เครื่องใหญ่มันใส่ได้ 300ml ก็คือต้องเดิน 2 ครั้งนั่นเอง

แต่หลัง ๆ เราก็เลิกทำแบบนี้ แล้วถอดปลั๊กย้ายเครื่องไปเติมที่ก๊อกมันเร็วกว่าเยอะ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ 300ml นะ เพราะที่ตัวเครื่องมันจะมีบอกอยู่ว่าต้องเติมถึงเท่าไหนจะพอ

เราได้น้ำใส่เครื่องแล้ว น้ำมันก็คงไม่มีกลิ่นอะไร นอกจากกลิ่นคลอรีนนินะ เราต้องการกลิ่น ซึ่งกลิ่นมันก็จะมากับน้ำมันหอมระเหยต่าง ๆ นั่นเอง ซึ่งบอกไว้ก่อนนะว่า มันไม่ได้มากับกล่องนะ ตอนเราไปซื้อ เราต้องซื้อน้ำมันมันมาด้วยนะ อย่าซื้อแต่เครื่องอย่างเดียว ไม่งั้น เราก็จะได้แต่ความชื้นในห้องเท่านั้น เดี๋ยวเรื่องของกลิ่นเราจะเล่าในหัวข้อถัดไป


ใส่ไปแล้วมันจะเป็นน้ำมันลอยอยู่ ไม่ต้องไปคนมันละ

เราก็ใส่น้ำมันลงไปเลย ใส่สัก 1-2 หยดก็พอแล้ว แค่นี้กลิ่นก็เยอะแล้วนะ ไม่ต้องบ้าคลั่งใส่แบบ 5-10 หยดอะไรแบบนั้น เปลืองงบ และ เปิดทีนี่แบบอยู่แทบไม่ได้เลยเพราะ ฉุน จากที่จะทำให้ผ่อนคลายมันจะกลายเป็นบ้าแทน ดังนั้น ใส่นิดเดียวพอนะ

จากนั้นปิดฝา และกดปุ่ม Mist ค้างไว้มันก็จะมีเสียง ติ๊ด และมีควันออกมาก็เรียบร้อยละ โดยเริ่มต้นเปิดมันจะเซ็ตไว้ 180 นาที (ถ้าใส่น้ำถึงขีดที่มันบอกอะ 180 นาที น้ำจะหมดพอดีเลย) ก็ถ้าเราต้องการปรับลงก็กดที่ปุ่ม Mist ไปเรื่อย ๆ ไฟที่เวลามันก็จะเปลี่ยนไปเพื่อบอกว่า เราเซ็ตไว้เท่าไหร่


จริง ๆ มันออกเหลือง ๆ นะ แต่กล้องเรามันพยายามแก้ White Balance เลยเป็นแบบนี้ไป

และนอกจากนั้น ที่เราบอกว่าเปิดไฟได้ใช่ม่ะ แม่จ้าววว เปิดไฟที่เครื่องแล้วปิดไฟในห้องแล้วความเท่จะตีบวก 500% เลย เราชอบมากกกก ก็ไฟมันก็จะเป็นไฟเหลือง ๆ นวล ๆ หน่อย ดูแล้วสบายตา เปิดไว้ตอนนอนก็ไม่ได้อะไรมากเท่าไหร่ ส่วนถ้าใครไม่ชอบก็กด Light ไปเรื่อย ๆ จนมันปิดก็ได้เหมือนกัน

หลังจากใช้งาน บางทีถ้าเราใส่น้ำเยอะเกิน แล้วเวลามันหมดก่อน มันก็จะมีน้ำเหลืออยู่ในเครื่อง แนะนำว่า ถ้าหมดแล้วเปิดต่อเลย มันก็โอเคไม่มีอะไร แต่ถ้าหมดแล้วเราทิ้งไว้ทั้งวันแล้วเปิดใหม่เนี่ย เราว่าเปลี่ยนน้ำเถอะนะอย่างกจะดีกว่า

การดูแลรักษา

เจ้าเครื่องนี้ถ้าใครที่คิดว่า มันต้องดูแลอะไรยุ่งยากแน่ ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่มีอะไรยุ่งยากเลย เพียงแค่เราหมั่นล้างที่ใส่น้ำหน่อยเท่านั้นเอง ก็อาจจะง่าย ๆ คือ เอาเครื่องไปใส่น้ำ แล้วอาจจะเอามือถู ๆ ให้มันสะอาดไม่มีคราบเท่านั้นก็น่าจะโอเคแล้วหละ

เพราะน้ำก็นะ บางทีพวกเชื้อโรค เชื้อรา หรืออะไรที่ไม่เป็นมิตรต่อสุขภาพมันอาจจะเข้าไปอยู่ในนั้น น้ำมันก็มาพร้อมกับความชื้นที่พวกนั้นมันชื่นชอบ แล้วเราก็เอาน้ำที่โดนมันมาพ่นเข้าไปในระบบทางเดินหายใจเราก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นมิตรต่อสุขภาพเราเท่าไหร่ก็ดูแลมันนิดนึงก็ดีนะ

น้ำมันหอมระเหย

พระเอกของเราจริง ๆ ในเรื่องนี้คือ น้ำมันหอมระเหย เนี่ยแหละ เพราะเครื่องมันก็เป็นแค่ตัวช่วยส่งกลิ่นให้แค่นั่นเอง

ถ้าเราไปเดินที่ Muji มันก็จะมีโซนที่เป็นเครื่องหอมเลยละ โดยมันจะมีเจ้าเครื่องนี้ กับน้ำหอมก้าน ๆ ดูดี ๆ นะ เพราะขวดมันหน้าตาเหมือนกัน ต่างกันแค่ขนาด เพราะมันเอามาใช้ด้วยกันไม่ได้นะ โดยน้ำมันที่ Muji มีขายหลายกลิ่น และ หลายราคามาก ๆ ซึ่งขวดนึงราคาก็ไม่ใช่เล่น ๆ เลยน อย่างขวดเล็ก ๆ ที่เราใช้อยู่ก็ขวดละ 300 กะ 600 กว่าบาทเลยทีเดียว คำแนะนำของเราก็คือ การเดินเข้าไปในร้าน แล้วไล่ดมมันเลยว่าเราชอบแบบไหน เพราะมันมีหลายแบบมาก ๆ ให้เราเลือกสรร

ขวดเล็ก ๆ ขวดนึง ก็ไม่ได้ใช้แปบเดียวหมดนะ ได้เป็นเดือนเลยละ ขนาดเราเปิดใช้ทุกวันยังไม่หมดเลย เว้นแต่จะล่อหยดที 10 หยดอะไรแบบนั้น

ซึ่งกลิ่นที่เราใช้อยู่จะมี 2 กลิ่นคือ Eucalyptus และ Geranium ก็ปกติเราจะใช้ Eucalyptus เวลาเรานั่งทำงาน หรือ ต้องใช้สมาธิต่าง ๆ และ Geranium สำหรับเวลานอน หรือนั่งดูหนังอะไรแบบนั้น มันก็ฟินดีนะ

ตอนแรกเราก็ซื้อมาแค่ Eucalyptus นี่แหละ แล้วก็คิดว่ามันจะจบแค่นั้น เดี๋ยวหมดก็ไปซื้อใหม่ จนใช้ไปสักเกือบ ๆ ครึ่งขวด เราก็จะไปเหมือนซื้อตุนไว้แหละ แต่ดันไปซื้อกลิ่นอื่นมา อยากลอง ตอนนี้เลยใช้ 2 กลิ่นสลับกันเลย

กลิ่นที่ซื้อมาเป็นอันที่ 2 ก็เลยเป็น Geranium อันนี้ที่เราซื้อ เพราะเราติดใจสบู่อาบน้ำของ Aesop ที่เราได้มาทดลองใช้ คือเห็นชื่อปุ๊บ Aesop ลอยมาเลย แน่นอนว่าตอนนั้นชอบมาก เลยหยิบ Geranium มาแบบไม่คิดเลย ซึ่งก็คิดไม่ผิด ตอนนี้ก็คือ นอนฟินไปแล้ว....

เครื่องฟอกอากาศไม่ถูกใจสิ่งนี้

ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เมื่อเราเปิด Muji Aroma Diffuser แล้วเจ้า Mi Air Purifier 2S มันก็ตรวจค่า PM 2.5 บนหน้าจอออกมาหลายร้อยเลย ทำให้พัดลมในโหมด Auto ทำงานอย่างบ้าคลั่ง

เราก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่ามัน ใช้ด้วยกันได้มั้ย (ไม่ว่าจะกับเครื่องกรองอากาศยี่ห้อไหน) แต่พอ Aroma Diffuser มันหยุดไปสักชั่วโมงแล้วเปิดเครื่องกรองอากาศ ค่าฝุ่นมันก็ไม่ได้สูงอะไรเหมือนตอนที่เปิดพร้อมกัน เลยงงเหมือนกันว่ามันเป็นเพราะอะไร

เราเดานะ แค่เดานะว่า Aroma Diffuser อะ มันจะพ่นน้ำ พร้อมกับน้ำมัน(หอมระเหย) ออกมา พอ Sensor ในเครื่องกรองอากาศเจอ มันเลยนึกว่าฝุ่น (ปกติ Sensor วัดฝุ่นมันก็คือใช้ Laser ยิ่งไปใส่อากาศ พอเจอฝุ่นมันก็จะตกกระทบและสะท้อนกลับไปที่ตัวรับ ทีนี้พอเจอน้ำมันที่มีค่าความหักเหไม่เท่ากับไอน้ำที่อยู่ในห้องปกติเลยนึกว่าเป็นฝุ่น) มั่งนะ เราเดานะ ย้ำอีกครั้ง เราเดา ถ้าใครรู้ก็ Comment มาบอกหน่อย

มันเป็นของฟุ่มเฟือย จะซื้อไปทำไม ??

เรามองว่า ของฟุ่มเฟือย มันขึ้นกับการใช้ประโยชน์ และเห็นประโยชน์ซะมากกว่า เราเห็นประโยชน์ของมันเลยนะ เราเลยไม่ได้มองว่ามันเป็นของฟุ่มเฟือยอะไรแบบนั้น เราว่ามันเป็นการลงทุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ให้กับการทำงานเลย เพราะกลิ่นมันมีผลทั้งในเรื่องของการสร้างความผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า ทำให้นอนหลับสบาย ทั้งหมดนี้มันทำให้เราตื่นมา สดชื่น และพร้อมที่จะทำงานในแต่ละวันได้ดีขึ้น

อีกอย่างนะ เราเป็นคนนึงที่จำเรื่องราวจากกลิ่นได้ละเอียดมาก ๆ พอเราได้กลิ่นนั้นอีกครั้งทำให้ความทรงจำในตอนนั้นหลุดออกมาได้เป็นฉาก ๆ เราใช้กับการอ่านหนังสือนี่แหละ เราเริ่มจาก การใช้กลิ่นนึง แล้วอ่านไปเรื่อย ๆ อีกวัน เราอาจจะทบทวน เราก็เปิดกลิ่นนั้นอีกครั้ง แล้วนอนเฉย ๆ อยู่ ๆ สิ่งที่อ่านในวันนั้นมันก็วิ่งออกมา อันนี้เราไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นมั้ย แต่มันใช้กับเราได้ค่อนข้างดีเลย

เปิดทิ้งไว้ไฟจะไหม้บ้านมั้ย ?

อ้าาาาห์ นี่แหละเป็นข้อดีของ Muji Aroma Diffuser และ Aroma Diffuser ในปัจจุบันละ เมื่อก่อน เราก็เคยได้ยินคนบ่นว่ากลัวไฟไหม้อะไรกับเครื่องพ่นแบบนี้แหละ แต่กับของ Muji อันนี้หายห่วงได้ เพราะมันทำงานด้วย Ultrasonic เป็นคลื่นเสียง ไม่ได้ทำให้ไฟไหม้บ้าน และห้องร้อนขึ้นแต่อย่างใด

สรุป Muji Aroma Diffuser เป็นของดีย์

หลังจากใช้มาเป็นเดือน ไม่ต้องพูดเลยฮ่ะ เจ็บคอ แห๊ก ๆๆ ก็ของเขาดีจริง ถ้าเขาจ่ายจะดีมาก ถถถถ คือ ตัวเครื่องมันก็ไม่ได้แย่เลย เราว่ามันก็ดีเลยละ ทั้ง สวย เข้ากับบ้านได้ง่าย มีไฟ ใช้งานง่าย (ไม่นับพวก Brand เครื่องหอมเลยนะ อันนั้นเราไม่พูดถึงละกัน เพราะราคาค่อนข้างโหดอยู่) มี 2 ขนาดให้เลือก เล็ก ใหญ่ ขึ้นกับห้องเรา ถ้าแค่ห้องนอนตัวเล็กอาจจะเพียงพอแล้ว ส่วนน้ำมันที่ใช้ ถ้าเราเดินไปที่ร้านมันก็จะมีหลากหลายกลิ่นให้เราเลือกมากมาย ขวดนึงมันก็ใช้ได้เป็นเดือนอยู่ หรือถ้าใครมี Brand น้ำมันในใจอยู่แล้ว จะซื้อมาหยดก็ไม่ว่ากัน

ส่วนตัวเรามองว่า ราคา ของมันแอบสูงไปหน่อย ทั้งเครื่อง และ น้ำมัน แต่ถ้าใครกำลังจะเริ่มต้นใช้ของพวกนี้ เราก็ยังแนะนำ Muji Aroma Diffuser อยู่ดี เพราะ Muji มีหลายสาขา ทำให้หาซื้อเครื่องได้ง่าย และน้ำมันก็หาซื้อได้ที่ Muji ได้พร้อมกันเลย มันเหมือนเป็น Ecosystem ที่เดินเข้าร้านเดียว จะไปสาขาไหนก็ได้ เราก็ได้ Supply ของ ๆ ชิ้นนี้มาใช้ได้ ไม่ได้หายาก โดยไม่ต้องเดินทางไปซื้อไกล ๆ (ร้านเครื่องหอมบางร้านมันก็มีสาขาเดียว ก็ต้องเดินทางอีก) ต้องบอกเลยว่า ตอนนี้เราเป็นทาส Muji แบบเต็มตัวแล้ว ถ้าอยากจ่ายก็เชิญได้นะครับ ฮ่า ๆ