Review Apple Magic Mouse 2

หลังจากใช้ Magic Mouse ครั้งแรกเมื่อ 5 ปีมาแล้ว ตอนที่ซื้อ Macbook Pro 2011 มาใช้ ตอนนี้มันก็เริ่มอาการไม่ดีเท่าไหร่ บางทีมันก็คลิกไม่ได้ หรือบางทีคลิกไปครั้งเดียวมันกลายเป็น คลิก 2 ครั้งเฉยเลย หลัง ๆ มันเป็นหนักขึ้นเรื่อย ๆ เลยต้องหาเมาส์ใหม่ ตอนแรกเลย ก็จะซื้อ Magic Mouse นี่แหละ แต่เห็นราคาแล้ว โอ้ !!! น่ากลัว ! เลยทำให้ต้องใช้ Razer Deadadder ที่มีอยู่แล้วไปก่อน แต่มันก็ไม่สามารถตอบโจทย์ได้เท่าไหร่ เลย ตัดสินใจและ ยอม ! เอาก็ได้ฟร๊ะ
ครั้งแรกที่ผมเห็นมัน ก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ แต่จำได้ว่าครั้งแรกที่เห็น มันก็มีคำถามขึ้นมาในหัวว่า "ต่างจากเติมยังไงฟร๊ะ !!" พอมาอ่านดูก็อืม... มันชาร์จได้เฟ้ย ! มันช่างเป็นนวัตกรรมจริง ๆ สุดยอดไปเลยจอร์จ น้ำตาจะไหลปัดโธ่ เพิ่มอีก 500 บาทเพื่อให้มันชาร์จได้นี่นะ ! แต่ก็เอาเถอะ ไปแกะกล่องกันเลย

Unboxing

เริ่มจากที่กล่องของมันเปลี่ยนเป็นกล่อง ทึบ ซึ่งโดยส่วนตัวผมชอบ Design กล่องของใหม่มาก ๆ เพราะนอกจากจะใช้แค่กระดาษอย่างเดียวที่สามารถย่อยสลายได้แล้ว ยังดูเรียบหรูอีกด้วย จาก Gen เก่าที่เป็นกล่องหน้าตาเหมือน Ipod อะไรพวกนี้ที่เป็นฝาพลาสติกใส ๆ มองเห็นความหล่อได้ทันที พอเปิดเข้ามา ก็จะพบกับตัว Magic Mouse ตั้งอยู่ในกล่องเฉย ๆ เฉยเลยจริง ๆ จาก Gen เก่าที่จะมีเทปกาวติด แต่อันนี้ไม่มี ++

หลังจากที่เราเอาของออกมาจากกล่องหมด ก็จะมีอยู่แค่ 3 อย่างเท่านั้น (แค่ซื้อเมาส์ จะเอาอะไรเฮ้ย !!) ก็คือมี ตัวเมาส์, คู่มือ และสำคัญที่สุดขาดเกือบไม่ได้เลยคือสาย Lighting ที่เอาไว้ใช้ชาร์จนั่นเอง โดยจะไม่มี Adaptor มาให้นาจา ต้องเอาไป เสียบ กับคอมพิวเตอร์เอาเองนะ

จบการ Unbox เพียงเท่านี้เพราะมันไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้วจริง ๆ ซื้อเมาส์มันคงจะมีอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วละ

Review

ประสบการณ์ที่ได้ แน่นอน ว่าไม่ต่างกับ Gen ที่แล้วเลยจริง ๆ Design ก็คล้าย ๆ ของเดิมเลย ขนาดก็เท่าเดิม แต่น้ำหนักต่างนิดหน่อย ตรงที่มันเบากว่านิดเดียว ถ้าใช้ไปสักพักหรือยกเทียบเล่น ก็คงไม่รู้สึกเท่าไหร่แน่นอน ฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่า คนที่ใช้ Gen เก่าแล้วเปลี่ยนมาใช้ Gen ใหม่จะให้ความรู้สึกเหมือนเดิมเลย ส่วนรูปลักษณ์ของมัน ถ้าไม่ได้ดูจากรอยขีดข่วน จะดูไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าอันไหนคืออันใหม่ ส่วนที่เพิ่มเติมคือ ชาร์จได้

สำหรับคนที่ไม่เคยใช้ เมาส์พวกนี้จากรูปแบบแล้ว มันมีแค่ปุ่มเดียว กับ Multitouch เมื่อก่อนผมก็ใช้เมาส์ 2 ปุ่มเหมือนกันนี่แหละ พอมาใช้ Magic Mouse นี่ครั้งแรกก็ไม่ชินอยู่เหมือนกัน แต่หลัง ๆ คือ มันทำให้เราทำงานได้รวดเร็วและง่ายขึ้นจริง ๆ เมื่อก่อนผมอาจจะต้องขยับเมาส์ไปหาปุ่ม Mission Control เพื่อใช้ แต่ด้วยเมาส์ตัวนี้ผมแค่ แตะ 2 ครั้งมันก็จะเปิดให้ทันที สะดวกมาก ๆ สรุปคือ ถ้าใครที่ไม่เคยใช้ แนะนำให้ใช้เลยครับมันสะดวกมาก

หน้าตาเดิม เพิ่มเติมคือ ชาร์จ ได้

อย่างที่บอกไปว่า Gen ใหม่นี่มัน ชาร์จ ได้ ตัว Port จะอยู่ที่ด้านหลัง ถ้าเราหงายหลังมัน เราจะเห็นรูเล็ก ๆ อยู่ข้างล่าง ถ้าเทียบกับ Gen เก่า มันจะเป็นที่ที่เราใช้ดันเพื่อเอาฝาออกเพื่อเปลี่ยนถ่านนี่เอง ซึ่งรูปแบบของ Port ที่ใช้ ก็เป็น Lighting แน่นอน และแน่นอนว่า เราสามารถใช้สายที่เสียบชาร์จ Iphone Ipad ของเราเพื่อชาร์จมันได้เหมือนกัน แต่อย่าเอาไปเสียบกับ Adaptor ของมันเชียวนะ ไฟมันน่าจะต่างกันคนละขั้วเลยทีเดียว

ซึ่งวิธีที่ใช้เสียบคือ หงายมันแล้วเสียบทิ้งไว้ จริง ๆ ในแง่ของการ Design ผมว่ามันก็ทั้งดี และไม่ดี เลย ด้านที่ดีคือ การทำที่ชาร์จไว้ข้างล่างมันเหมือนเป็นการบังคับให้เรา ชาร์จไปใช้ไป ไม่ได้ ถ้าเราทำแบบนั้นได้ มันก็จะกลายเป็นเมาส์ที่มีสายไปซะงั้น แล้วจะทำไร้สายมาเพื่อ ? ส่วนด้านที่ผมมองว่ามันไม่ดีนี่เพราะ การที่เอาคว่ำมันแบบนี้ ถ้าเราเอาไปวางในที่ที่ขรุขระ อาจจะทำให้พื้นผิวของตัวเมาส์เป็นรอยเสียโฉมได้ ดังนั้นเวลาจะชาร์จแนะนำให้เอาอะไรมารองนิดนึง ถ้าใครที่ใช้แผ่นรองเมาส์อยู่แล้ว ก็วางชาร์จมันบนนั้นแหละ

สำหรับเวลาที่ใช้ในการชาร์จ Apple บอกว่า จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และชาร์จ 1 ครั้งจะอยู่ได้เป็นเดือน ๆ เลย แต่ว่าเพราะ เมื่อเราแกะออกจากกล่องมันมีอยู่แล้ว 70% กว่า ๆ เลยไม่ได้ทดสอบว่า มันใช้เวลาเท่าไหร่ในการชาร์จ และตัวเมาส์เอง ไม่มีไฟบอกอะไรเลย ว่ามันชาร์จถึงไหนแล้ว แต่เราสามารถเปิดหน้า Bluetooth ใน System Preference ดูได้ มันจะแสดงสถานะให้เราเห็น หรือไปที่ Mouse ใน System Preference ก็ได้เช่นกัน

สรุป Magic Mouse เหมาะกับ....

เนื่องด้วยมันเปลี่ยนแปลง ไม่มาก เมื่อเทียบกับ Gen เก่าเลย เลยอยากตั้งฉายามันว่า "Magic Mouse ตัวเดิม เพิ่มเติมคือชาร์จได้" และด้วยราคาที่เพิ่มขึ้นขนาดนี้ทำให้มันไม่ค่อยหน้าคบหาด้วยเท่าไหร่ จาก Gen เก่าอยู่ที่ 2390 บาทเพิ่มสายชาร์จเข้าไป กลายเป็น 2900 บาทซะงั้น เลยทำให้ไม่น่าคบหาเท่าไหร่ ฉะนั้นผมขอสรุปว่า Magic Mouse 2 น่าจะเหมาะกับคน 4 ประเภทนี้

  • คนที่ใช้ Gen แรกแล้วพัง ต้องการซื้ออันใหม่มาทดแทน
  • คนที่สายชาร์จ Iphone, Ipad พัง ใช้เครื่อง Mac และกำลังหาสายชาร์จ Lighting ใหม่ (จะไปซื้อใหม่สายทำไม ซื้อเมาส์เลยดีกว่า !!)
  • คนที่ไม่เคยลองใช้ และอยากจะ สัมผัส, ลูบไล้ และใช้งาน เจ้าเมาส์ที่พิการที่มีปุ่มเดียว แต่เซ็กซี่ตัวนี้
  • คนที่ถูกลัทธิ มนต์ดำที่ Apple แผ่ออกมาโดยไม่รู้ตัว (หรือรู้ตัวก็ตาม) สูบเข้าร้าน, จ่ายตัง และเอามันกลับบ้าน
    ถ้าใครที่ยังถือ Gen แรกอยู่ และมันยังเป็น Survivor ที่ยัง Survive อยู่ก็อย่าพึ่งซื้ออันใหม่เลย ด้วยความที่มันไม่ได้มีอะไรใหม่ ที่เด่น ๆ เลย (แค่ชาร์จได้) กับราคาที่สูงลิบแล้ว ใช้อันเดิมต่อไป ก็ไม่มีใครมองออกแน่นอน ถ้าไม่ได้หงายให้เขาดู