6 เดือนกับ Macbook Pro 14 M1 Max ด่า หรือ รอด

หลายวันก่อน นั่งคุยกับเพื่อนแล้วคุยกันเรื่อง Long-time use สำหรับ Macbook Pro ทำให้นึกได้ว่า เออหว่ะ เราใช้ Macbook Pro 14-inch เครื่องนี้มา 6 เดือนกว่า ๆ แล้วนิหว่า มีเรื่องเล่าเยอะมากจากเครื่องนี้ ลองค่อย ๆ มาดูกัน

Battery

ตอนที่เรารีวิวรอบก่อนหน้า เราก็คุยกันในประเด็นเรื่องของ การใช้งาน Battery ที่ไม่ได้ยาวนานมากเท่าไหร่ เรื่องนี้ เราก็ยังการันตีอยู่เหมือนเดิมว่า มันสั้นจริง ๆ สำหรับความเป็น Apple Silicon ที่เราคาดหวังเยอะมาก ส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะเราเอา M1 Max ที่แรงที่สุด กินพลังงานเยอะที่สุด มาใส่ใน Form Factor ที่เล็กอย่าง 14 นิ้ว ที่มี Battery ที่เล็กกว่า 16 นิ้วพอสมควร ทำให้ Battery เราใช้งานได้สั้นลงนั่นเอง

อันนี้เราเข้าใจตรงกันแล้วเนอะ แต่ ๆ มันมีผลตามมาอีกพอสมควร เรื่องที่หลาย ๆ คน หรือเราเองก็ไม่ได้คิดเลย จนมาเจอเองคือ เมื่อเราใช้แบตหมดเร็วขึ้น นั่นหมายความว่า ถ้าเราทำงานเหมือนเดิมเลย ใน 1 วัน เราจะต้องเสียบแบตบ่อยขึ้น บางคน อย่างเราเอง เสียบแล้วก็ถอดใช้งานต่อ ทำให้ใน 1 วันเรากิน Cycle อาจจะถึง 1.5-2 Cycle เลย

แตกต่างจากตอน Macbook Air เครื่องเก่าที่เราใช้งาน ที่ 1 วัน เราอาจจะกินแค่ 0.5 Cycle (2 วันชาร์จที) ซึ่งถ้าใครที่สนใจเรื่อง Battery หน่อยน่าจะอ่อละ เพราะ Battery เนี่ยเรานับความเสื่อมจากจำนวน Cycle ที่เราใช้งานนั่นเอง ยังไม่นับว่า เราดึงไฟเข้าออก Battery เยอะขึ้น อาจจะทำให้ Battery ไปเร็วกว่าเดิมก็ได้เหมือนกัน

แต่ถามว่า ไปเร็วกว่า นี่เร็วกว่าเท่าไหร่ เอาจริง ๆ เราก็ไม่รู้เหมือนกันนะ เอาแค่ทางทฤษฏี มันก็สั้นกว่าจริง ๆ แหละ

Thermal

เรื่องของความร้อน เราขอแยกเคสก่อนนะ เริ่มจากการทำงานทั่ว ๆ ไปก่อน เรื่องนี้บอกเลยว่า ไม่มีปัญหานะ เครื่องจับ ๆ ดูแล้วไม่อุ่นไม่ร้อนอะไรเลยนะ ถือว่าทำงานได้เยี่ยมเลย เสียงพัดลมก็ไม่มีเลยนะ จนมาดูก็คือส่วนใหญ่แล้ว พัดลมจะไม่ได้ทำงานเลย จนกระทั่งเราทำงานหนักจริง ๆ ซึ่งนำไปสู่เคสต่อไป

เคสที่เราทำงานหนักจริง ๆ เช่นการ Export Video และการ Train Deep Learning Model น่าจะมีแค่งานพวกนี้แหละที่ทำให้พัดลมมันวิ่งจริง ๆ เพราะพวกนี้บอกเลยว่า มันกินพลังเยอะมาก ๆ และทำให้ความร้อนพุ่งเร็วมากจริง ๆ ซึ่งถ้าเรารันนาน ๆ เลย สัก 5 นาทีเองนะ พอเราจับ ๆ ดูเครื่องมันก็อุ่น ๆ นะ ซึ่งถ้าเราเอาไปเทียบกับ Intel Macbook ตอน Idle เลย ถือว่า Macbook Pro M1 Max เย็นกว่าเยอะมาก ๆ

ขนาด 90 กว่าองศาแล้วพัดลมยังวิ่งอยู่แค่ 1 ใน 3 เอง

คำถามว่า ถ้าเราเอา 14 นิ้วมาใส่ SoC ตัวแรง ๆ อย่าง M1 Max มันจะมีเรื่องของ Throttling มั้ย ตอบเลยว่า มีนะ จนเราลองไปสังเกต Fan Curve ดู มันจะเดาได้เลยว่า Apple พยายามทำให้เครื่องมันเงียบที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ โดยมันจะ Delay ให้พัดลมหมุนช้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ประกอบกับความเล็กของ 14 นิ้วด้วย เลยทำให้ความร้อนมันระบายไม่ทันนั่นเอง

เพื่อให้มั่นใจว่า มันเป็นเพราะ Fan Curve จริง ๆ เราเลยลองเปิดพัดลมสุดก่อนที่จะเริ่ม Render Video ปรากฏว่า ปัญหา Throttling เราไม่เจอเลย เลยเข้าใจว่า น่าจะเป็นเพราะพัดลมมันตั้งค่ามาให้ช้า แล้วระบายความร้อนไม่ทันแน่ ๆ ดังนั้น เราแนะนำว่า ถ้าใครที่รู้ว่าจะทำงานหนัก ๆ หาโปรแกรมสำหรับการปรับพัดลม แล้วดันสุดก่อนที่เราจะรันงานเลยก็จะช่วยได้เยอะเลย

Performance

ในแง่ของ Performance อย่างที่เราเคยบอกไปแล้วในรีวิวก่อนหน้า คือ M1 Max มันโหดมากจริง ๆ เกินว่าที่คนส่วนใหญ่ใช้งานแน่นอน ดังนั้นเราก็ยังจะพูดเหมือนเดิมคือ มันไม่ใช่คอมสำหรับทุกคน แต่เป็นสำหรับ Professional จริง ๆ

งานที่เราทำส่วนใหญ่ จะเป็นงานจำพวก Deep Learning และ Programming ซะเยอะ ที่บอกเลยว่า เราใช้ GPU แบบเถื่อนโหดลาก 100% หลัก 10 ชั่วโมงเลย บอกเลยว่า มันแรงจริง ๆ เมื่อเราบอกว่ามันเป็น Laptop อะนะ ในขณะที่กินไฟต่ำมาก ๆ ทำให้เราสามารถเอาออกไป Train Model นั่งทำงานอยู่ในร้านกาแฟได้เลยง่าย ๆ สบาย ๆ

กับอีกเรื่องคือความเป็น Unified Memory ทำให้เรารัน Model ขนาดใหญ่ได้แบบสบาย ๆ เลย ปกติ เราอาจจะต้อง SSH เข้าไปทำงานที่เครื่องใหญ่เลย แน่นอนว่า ก็ต้องต่อคิวนั่นนี่ กับต้อง Upload Data ขึ้นไป แต่อันนี้คือ เราสามารถรันได้เลย เพราะ GPU Memory ก็คืออยู่บน Unified Memory เลย อย่างเรากด 32 GB ถ้าเราอยากได้ Laptop ที่มี VRAM 32 GB ต้องกดกี่แสนดีกว่าถึงจะได้ ยังไม่นับเรื่อง Battery และน้ำหนักอีกนะ แตก ยับ แน่ นอน

กับงานอย่างวีดีโอเอง ก็ได้ประโยชน์จาก Performance เยอะมาก ๆ น่าจะเป็นเรื่องที่เห็นผลเยอะที่สุดกับ Apple Silicon ใน Generation นี้เลยก็ว่าได้ เพราะมันมี Headroom ในการทำงานได้เยอะมาก ๆ ขนาดเราไม่ได้เป็น Professional ขนาดทำ Cinematic อะไรนะ เราใช้งาน Vlog และงานสอน รู้สึกเลยว่า มันเร็วขึ้นเยอะมาก ๆ จากเดิมที่เราสอนสดเสร็จ เราจะต้อง ใช้เวลา Render หลายชั่วโมงมาก ๆ แล้วถึงจะลงได้ แต่อันนี้เราสอนเสร็จไม่นาน เราลงย้อนหลังได้เลย ถือว่า เจ๋งงงง ไม่ต้องมานั่งเหนื่อยหลังงานเยอะเท่าเมื่อก่อน

ดังนั้น เราจะบอกว่า อ่านมาแล้วอยากได้แค่ไหน แต่มันก็จะเหมาะกับคนบางกลุ่มเท่านั้นแหละ พวกนี้คือเป็นงาน Professional จริง ๆ เนอะ ดังนั้นแมร่งไม่ได้แพงเว้ย

Display

ในเรื่องของหน้าจอเอง งานจริง ๆ จัง ๆ แบบ Professional ที่เราใช้งานจริง ๆ ก็อาจจะไม่ได้ใช้งานเยอะขนาดนั้น อย่างมาก เราก็ใช้งานในฝั่ง Final Cut Pro และ Lightroom เท่านั้นแหละ ใช้มา 6 เดือนแล้วคือ สีมันดีมากจริง ๆ มันตรง มันดีมาก ทำให้งานเราเร็วขึ้น และ โอกาสพลาดมันน้อยลงเยอะมาก ๆ พร้อมกับความเป็น Pro Display XDR เองที่ทำให้เราเร่งความสว่างได้สูงมาก ๆ ทำให้เวลาเราเอาออกไปถ่ายรูปนอกบ้าน เรายังเห็น สีของภาพได้อย่างชัดเจนเลย แม้แต่เราจะอยู่กลางแดดก็ตาม

แต่เรื่องที่ด่าแล้ว ด่าอีก ด่าวนไป ด่าไม่หยุด ก็น่าจะหนีไม่พ้นเรื่อง Notch นี่แหละ ที่ไม่โอเคเลย ตอนนี้ก็ยังไม่โอเคเลย ทำให้การใช้งานมันเดือดร้อนมาก ๆ ฟิลเหมือนตอนที่ Apple บอกว่า เราจะใส่ Touch Bar มาเลย เว้นแต่ว่า Apple จะทำให้ Notch มันมีอะไรขึ้นมาในรุ่นหน้า ๆ

Keyboard & Trackpad

ตรงที่วงแดงไว้นั่นแหละ มันเงา ๆ เหมือนเลย ไม่โอเคเท่าไหร่

และเรื่องสุดท้ายที่ขอด่า Apple เลยคือ คุณภาพของ Keycap และ Trackpad ที่แย่ลงมาก ๆ จากใจคนที่ใช้ Macbook มานานมาก ๆ เมื่อก่อนเวลาเราใช้งานพวกปุ่มต่าง ๆ ไปนาน ๆ แบบ 3 ปี มันก็ยังโอเค หน้าตาไม่เก่าอะไรเลย

แต่พอมาใน Macbook รุ่นใหม่ ๆ หน่อย เราจะเริ่มเห็นปุ่มมันเงา ๆ ในบางปุ่มที่เราใช้งานบ่อย ๆ แล้ว เช่น Spacebar และ Command ซึ่งเดี๋ยวนะ เราพึ่งใช้มา 6 เดือนนิด ๆ เองนะ ทำไมมันมีร่องรอยของการใช้งานแล้วอะ เรามองว่าเป็นเรื่องของคุณภาพเลย มันตกลงอย่างเห็นได้ชัดมาก ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะมือเรามัน เช็ดน่าจะหาย เช็ด ๆ ไปอ้าว ไม่หาย

สรุป

6 เดือนที่ผ่านมา เราบอกเลยว่า Macbook Pro 14 M1 Max มันล่นเวลาในการทำงานของเราไปได้เยอะมาก ๆ เพราะทุกอย่างมันทำงานได้เร็วขึ้นเยอะสุด ๆ ทั้งฝั่งงานสอนเอง และงานที่ทำ Deep Learning เอง ถามว่า ขนาดเราใช้งานแล้ว เราใช้งานมันเต็ม ๆ หรือยัง เราว่า เราใช้มันขนาดนี้ เรายังใช้มันไม่เต็มที่เลย มันมี Headroom ให้เราเล่นอีกเยอะมาก ๆ แต่เราก็ยังยืนยันคำเดิมอย่างที่บอกมาตลอดเลยว่า มันไม่ใช่เครื่องสำหรับทุกคนจริง ๆ แรงขนาดนี้ ราคาสูง ทำให้มันเหมาะกับคนที่ใช้งานมันจริง ๆ เลย ซึ่งคนพวกนี้เงินแค่นี้ถือว่า แปบเดียวมันก็หาคืนได้แล้ว โคตรถูกเลย เมื่อเทียบกับเวลาที่ได้คืนมา นี่แหละ เรียกว่า เงินซื้อเวลาได้จริง ๆ