อีก 1 ปีในมหิดลศาลายา จบปี 1 แล้วเฮ้! ลอกคราบความเป็น Freshman สู่การเป็น Sophomore

ถ้าใครได้อ่านหน้า about:me ของผมก็น่าจะรู้ว่าผมเขียนอยู่มหาวิทยาลัยมหิดล วันนี้ผมก็สอบ Final สุดท้ายของปี 1 เรียบร้อยแล้ว หมดแล้วความเป็น Freshman ปีหน้าก็กลายเป็นพี่ๆแล้ว เศร้าแท้ TT วันนี้ผมอยากจะมาเล่าว่า 1 ปีของผมใน มหิดล ศาลายา นั้นมีอะไรบ้าง
ส่วนตัวแล้ว ผมเรียนคณะ ICT ซึ่งเป็นคณะที่ ไม่ได้เรียนรวมกับคนอื่น เพราะว่าเรียนเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ไม่ค่อยได้คุยกับคณะอื่นเท่าไหร่ (น่าเศร้าแท้ TT) ไม่ได้เรียน MUGE วิชาในตำนานด้วยนะ เศร้าหนักเลย ซึ่งที่ว่ามาก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เราไม่ค่อยรู้จักคนนอกคณะเท่าไหร่ แต่นั่นก็ไม่แย่เท่าไหร่นะ เพราะพี่ๆในคณะก็น่ารักดี เหมือนพี่เหมือนน้องจริงๆ ก็ดีมากเลยล่ะ
เช้าๆเวลาปั่นจักก้า (จักรยาน) ไปเรียน เทอมแรกเลย ตื่นไวเวอร์!! ไปนั่งกินข้าวเช้าอยู่ MLC ชิว ๆ ตอนนี้เหรอ ปกติเรียนเช้าสุดคือ 9 โมง ตื่น 7 โมงครึ่ง ออกจากหอ 8.30 ทุกวัน! เข้าเรียน 8.45 คนล่ะเรื่องกับตอนแรกๆเลยทีเดียว ยิ่งเรียนก็ยิ่งขี้เกียจสินะ
การบ้านก็เช่นกันเยอะเวอร์! แรกๆมันก็เยอะด้วยปริมาณ แต่เหมือนพอมาขึ้นเทอมใหม่ ดูมันน้อยลงนะ แต่เราใช้เวลาทำนานมากขึ้นเรื่อยๆ และมันก็คงจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆยิ่งเราขึ้นไปสูงๆไปด้วยเช่นกัน!! ไม่ไหวเหมือนกันนะ!!
ตอน ม.ปลาย ก็ได้ไปแข่งอะไรหลายๆอย่าง เข้ามหาลัยมีรึจะเรียนเฉยๆ ไม่มีทาง ปีนี้ก็ไปแข่งเขียนโปรแกรม ACM-ICPC (ปีหน้าก็จะลงอีก ใครลงก็มาเจอกัน!!) ได้แข่งจนถึงรอบ Asia เลยแหละ!! ตื่นเต้นเวอร์!! ตอนนั้นก็ต้องขอบคุณเพื่อนในทีมที่เขียนให้มาขนาดนี้น้าา อิอิ ไม่ขอเอยชื่อล่ะกัน


ถ้าใครไม่รู้จัก ACM-ICPC มันก็เป็นการแข่งเขียนโปรแกรมระดับโลกเลยทีเดียว มีครั้งแรกเมื่อนานมาแล้ว ก็แข่งมาทุกๆปีจนถึงตอนนี้ เราก็ต้องจับทีมกัน 3 คน ตั้งชื่อทีม ทีมผมชื่อ Reducto แต่ก็ต้องใส่ชื่อ มหาลัยกับคณะตัวเองด้วยเลยกลายเป็น MUICT_Reducto ไปเฉยเลย! แต่ก็เท่ดี แล้วให้ 3 คนมานั่ง Solve ปัญหาแล้วเขียนออกมาเป็นโปรแกรม ซึ่งก็อย่างที่บอกว่า ระดับโลก ฉะนั้นปัญหาที่เอามาให้แก้ก็ตามนั้นเลยครับ ยากโคตรๆ เอาเป็นว่า รอบสุดท้าย ยังไม่เคยมีทีมคนไทยล้วนเข้าไปได้เลย

พอเรียนๆไปก็ต้องสอบ ช่วงสอบนี่แหละ Peak สุดแล้วล่ะในช่วง 1 ปีนี้เลย เพราะเราจะอ่านหนังสือกันอย่างบ้าคลั่ง เมื่อตอนเทอมแรก อ่านหนังสือเร็วมาก 3 อาทิตย์ก่อนสอบก็เริ่มแล้ว แต่พอมาเทอม 2 เหลือแค่อาทิตย์เดียวก่อนสอบ ค่อยมาเริ่มอ่าน ซึ่งถ้าใครที่กำลังเรียนมหาลัยหรือจบไปแล้วก็จะรู้ว่า เนื้อหามันโคตรจะเยอะเลย ถ้าน้องๆ ม.ปลาย ไม่รู้ว่ามันเยอะแค่ไหนนะครับ น้องเอาเนื้อหา ม.ปลายของน้องทั้งหมดอะครับ มาอัดอยู่ในเวลาแค่ 1 คาบ- 2 คาบอะครับ คิดดูล่ะกันมันจะอึกอัดแค่ไหน! ฉะนั้นการอ่านก่อนสอบอาทิตย์เดียว นี่แบบเหมือนอัฉริยะข้ามคืนจริงๆ สถานที่ ที่ฮิตที่สุดคงหนีไม่พ้นห้องสมุด ไปคลุกกันตั้งแต่เช้ายันเย็น! ที่แจ๋มกว่านั้นคือ ที่มหิดลช่วง Midterm ห้องสมุดจะปิด 4 ทุ่ม (มั่งจำไม่ได้) ส่วนช่วง Final จะปิดเที่ยงคืน!! ดึกๆนี่แหละเวลาอ่านหนังสือเลย จาก Final ที่พึ่งหมดไป ใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดมากกว่าหอตัวเองอีกนะบอกเลย


สอบเสร็จทีนี่แบบ อยากจะโยนชีทเล่น วันนี้สอบ Final สุดท้ายเสร็จเลยจัดซะเลย หน้าก็มึนๆเพราะพึ่งโดนวิชา Digital มานะ โอเคนะ กำลังมึนสุดๆ การตอบสนองช้ามาก แต่วิชานี้ ผมก็ยกให้มันเป็น The ของ The ในปีแรกจริงๆ อาจจะเพราะว่าผมได้โปรแกรมมิ่งมาก่อนแล้วมั่งเลยรู้สึกว่าโปรแกรมมิ่งไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่มันมากลายเป็นวิชานี้แทนซะงั้น...


สำหรับ Freshman แล้วก็ต้อง ไทด์ ใช่มั้ยครับ ปี 1 เป็นปีที่ เราจะต้องผูกไทด์ หรือ ผู้หญิง (ที่มหิดลนะ) ก็ต้องผูกโบว์ไทด์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเข้ามาปีแรกก็จะถูกบังคับให้ใส่ไป แต่คณะผมก็ไม่ได้มีใครบังคับให้ใส่นะ ซึ่งก็ดี แต่ตอนสอบปี 1 ก็ต้องใส่ ฉะนั้นวันที่ใส่ก็จะถ่ายรูปกันเยอะหน่อย อิอิ เพราะไม่ค่อยได้ผูก จบปี 1 แล้วถอดไทด์ซะเลย อิอิ

ถ้าเปรียบชีวิต 1 ปีที่ผ่านมา ผมก็คงเปรียบมันเหมือนกับ ผู้หญิงคนนึง แรกๆเราอาจจะยังรู้จักไม่ได้เท่าไหร่ อาจจะหลงๆกันบ้าง หาไม่เจอบ้าง แต่พออยู่ๆไปเราก็เริ่มรู้จักกันมากขึ้นจนกลายเป็นความผูกพัน เธอให้ทั้งความรู้และมิตรภาพกับเรา ถึงแม้ว่าบางทีเราก็ทะเลาะกันบ้าง ดีกันบ้าง แต่สุดท้ายแล้วเราก็ดีกันจนได้
และก็จบแล้วกับการเป็น Freshman มหิดล 1 ปีในศาลายาอาจจะเจอเรื่องร้ายบ้าง ดีถมเถ แต่พอย้อนกลับมาดูแล้วมันก็สนุกดีนะ การันตีได้เลยว่ามหาลัยนี้ให้อะไรมากกว่าความรู้ จริงๆ ไว้เจอกันใหม่ปี 2 จะเป็นพี่แล้วเฮ้ๆๆ เปลี่ยน Strap เพิ่มอายุ! หวังว่าปีหน้าจะมีอะไรสนุกๆเหมือนปีนี้นะ ไม่ได้ไปไหนนะอยู่ศาลายาเหมือนเดิม 4 ปี ไปก่อนล่ะสวัสดีครับ