รีวิว Features บน Galaxy AI ที่เราใช้งานบ่อยมาก

ต้องยอมรับว่า Galaxy AI เป็นเจ้าแรก ๆ ที่ Integrate AI Feature ต่าง ๆ เข้ามาในการใช้งานโทรศัพท์ จนสามารถสร้างกระแสได้แบบสุด ๆ เราได้ทดลองใช้งานมันมาสักพักกับ Galaxy Z Flip 5 และ 6 วันนี้เราจจะมารีวิว Feature ที่เราใช้งานบ่อย ๆ ให้อ่านกัน

จริง ๆ ตอนแรก เรากะว่าจะรีวิว Feature ทั้งหมดใน Galaxy AI แต่... ปรากฏว่าหลาย ๆ ตัวเราไม่มีโอกาสได้ใช้งานมันในชีวิตประจำวันเลย เราเลยไม่อยากเอามารีวิวเพราะเราไม่มีประสบการณ์ตรงกับมัน ไปดูเอาใน Guide ของ Samsung ก็ได้เหมือนกัน

Circle to Search เป็น Feature ที่เราใช้งานบ่อยมากที่สุดใน Galaxy AI คือ การที่เราสามารถลากภาพถามเครื่องว่า เจ้าสิ่งนี้คืออะไรได้ง่าย ๆ เช่น สมมุติว่า เราดู Youtube พาไปเที่ยวญี่ปุ่น มันดูสวยจัง ว่าแต่มันคือที่ไหนนะ เราสามารถ Pause Video นั้น แล้วแตะที่ด้านล่างของหน้าจอค้างเอาไว้ มันจะเปิดการใช้งาน Circle to Search ขึ้นมา แค่เราวงไปที่ส่วนที่เราสงสัย มันก็จะขึ้นมาเลยว่า อ่อ นี่คือภูเขาไฟฟูจินะ อะไรแบบนั้น

อีกตัวอย่างที่เราใช้งานบ่อยไม่แพ้กันคือ เราเห็นของชิ้นนึงแล้วอยากได้จังเลย ว่าแต่มันรุ่นอะไร ซื้อที่ไหนนะ เราสามารถเรียก Circle to Search ขึ้นมาโดยการกดค้างที่ด้านล่างของหน้าจอ แล้วกดถ่ายภาพ มันจะเปิด Google Lens ขึ้นมา เราแค่ถ่ายภาพของที่เราอยากได้ มันก็จะเข้าไปค้นหา แล้วออกมาเป็น Link สำหรับให้เราเข้าไปกดซื้อได้เลย สะดวกมาก ๆ

Writing Tools

อีกเครื่องมือจาก Galaxy AI ที่เราใช้งานบ่อยรองลงมาคือ Writing Tools หรือเครื่องมือสำหรับการเขียน โดยมันสามารถทำได้ 3 อย่างใหญ่ ๆ คือการเขียนข้อความ, การตรวจคำผิดและไวยากรณ์ และการเปลี่ยนสไตล์การเขียน

ส่วนแรกคือ การเขียนข้อความ เราจะใช้บ่อยมากเวลาเราจะ Draft Email ไปคุยงาน บางทีเราขี้เกียจเขียนเหมือนกัน เราก็เรียกส่วนของการเขียนข้อความมา มันจะให้เราเขียน Prompt ลงไปว่า เราต้องการเขียนอะไร สมมุติว่า เราต้องการเขียนจดหมายสำหรับลาป่วยฉุกเฉิน เราอาจจะพิมพ์ลงไปว่า "Write me an email for emergency sick leave" ด้านล่างเรายังสามารถเลือกว่าเราต้องการให้มันเขียนใน Format แบบใด เช่น อีเมล์ และ Comment บน Social Media และเรายังสามารถเลือก Tone ได้อีกว่า เราอยากให้มันชิว ๆ หรือเอา Professional ไปเลย หรือจะเป็นกลาง ๆ ก็เลือกได้เหมือนกัน แต่อันนี้เราอยากจะเขียนอีเมล์ลาป่วยให้ Supervisor เรา ดังนั้น เราจะต้องเลือกเป็น Email ที่ Professional

เมื่อเรากด Generate มันจะเขียนอีเมล์ออกมาให้เราเสร็จ พร้อม Highlight ส่วนที่เราจะต้องใส่ข้อมูลอย่างชื่อ Supervisor ของเรา และวันที่เราจะลา จากนั้น เราสามารถกด Insert กลับเข้าไปใน App ของเราได้ทันที ถือว่าสะดวกมาก ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ

เอาเข้าจริงคือ เราไม่เชื่อตัวเองเหมือนกันว่า เราจะใช้งานมันเยอะมากขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนเราแอบรู้สึกไม่ชอบด้วยซ้ำ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะปกติ เราจะต้องเข้าไปเปิด ChatGPT แล้วสั่ง หลายขั้นตอน แต่ด้วย Galaxy AI เขา Integrate มันเข้ากับ Keyboard เลย ทำให้เราสามารถเรียกเจ้า Writing Tools จากที่ไหนก็ได้ที่มีการเขียนข้อความ

ต่อไปคือ การตรวจคำผิดและไวยากรณ์ อันนี้สำคัญมาก ๆ โดยเฉพาะเวลาที่เราจะเขียนงานสำคัญ ๆ หรือข้อความที่ต้องส่งให้ลูกค้าอะไรพวกนั้น เราจะต้องมีการทานข้อความก่อนที่จะส่งเสมอ บางทีเพื่อความมั่นใจเราอาจจะต้องใส่ Grammarly เลยทีเดียว แต่ตอนนี้เราสามารถกดตรวจไวยกรณ์ในนั้นได้เลย

และสุดท้ายคือ การเปลี่นยสไตล์การเขียน ระดับภาษาเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการสื่อสารมาก ๆ เราต้องดูผู้รับสารด้วยว่าเขาเป็นใคร หากเป็นผู้ใหญ่ หรือคนไม่รู้จักกันมาก่อน เราควรจะเขียนไปในโทนที่เป็น Professional หน่อย ไม่ติดตลกชินจังมาก บางทีเวลาเราเขียนเมล์เราติดการใช้คำที่ไม่เป็นทางการ ดังนั้นเจ้านี่แหละมันจะเข้ามาช่วยเราได้เยอะมาก

Interpreter

หลายวันก่อนหน้านี้ เราไปเดินสยามแล้วเจอคนจีนเดินเข้ามาถามทาง จุดพีคคือ เขาพูดได้แค่จีน และกรูพูดจีนไม่เป็นโว้ย เรียกว่าโอ้โหววว สิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ใช้มัน Came in handy เฉยเลย นั่นคือ Feature Interpreter หรือล่าม นี่แหละ

มันจะอยู่ใน App ที่ชื่อว่า Interpreter เมื่อเราเข้ามาแล้วเราจะต้องทำการดาวน์โหลดชุดข้อมูลของภาษาเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ดีที่เราลองโหลดภาษาจีนมาด่าคนเล่นอยู่ จากนั้นเราแค่กดปุ่มไมค์ เพื่อพูดได้เลย เมื่อเราพูดจบมันจะหยุดเอง แล้วพูดออกมาเป็นเสียงในภาษาจีนให้เรา การใช้งานจริงมันลื่นไหลกว่าที่เราคิดเยอะมาก คือทั้งเขาและเราไม่ต้องแตะหน้าจอเพื่อเริ่มพูดเลย มันหยุดและสลับไปมาให้เราเองทั้งหมด

นอกจากนั้น เราใช้ Galaxy Z Flip เราสามารถเปิดหน้าภาษาปลายทางบนหน้าจอเล็กได้ด้วย ซึ่งเราก็แค่ถือโทรศัพท์ให้หันไปหาผู้พูดภาษาปลายทางเท่านั้นเอง นี่สินะ ประโยชน์ของโทรศัพท์จอพับ ทำให้ตอนนั้นเราสามารถรอดตายจากการสื่อสารกับคนจีนคนนั้นได้เฉย เลยทำให้เราค่อนข้างเปิดใจกับ Feature นี้มากขึ้นเยอะ

หรือถ้าเราต้องการแปลภาษาด้านเดียว เช่นเราอาจจะไปเดินพิพิณภัณฑ์ แล้วมีไกด์พูดอะไรสักอย่างดู เราสามารถเลือกเป็น Listening Mode ได้ มันก็จะฟังแล้วแปลให้เราไปเรื่อย ๆ เลย

ความเห็นจากเรา

หลังจากเราได้ลองใช้งาน Galaxy AI มาประมาณ 3-4 เดือน เราขอแบ่งความเห็นของเราออกเป็น 4 ประเด็นใหญ่ ๆ ด้วยกัน

ประเด็นที่ 1 คือ Learning Curve ในการใช้งาน เรายังรู้สึกว่า ขนาดเราเป็นคนที่อ่านทุกอย่างบนหน้าจอแล้วนะ เรายังไม่ทราบถึง Feature ทั้งหมดที่ Galaxy AI มีเลย จนกระทั่งตอนที่ไปแลกเครื่องเปลี่ยนเป็น Flip 6 ที่มีพี่พนักงานสอนทุก Feature ก็คือ อ่ออออ มันทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอเนี่ยเลยทีเดียว แล้วคนทั่ว ๆ ไปที่ไม่ชอบอ่านของบนหน้าจอมันจะขนาดไหนละ ถึงแม้ว่า Samsung จะทำคลิปออกมาสอนแล้วก็ตาม แต่คนบางทีมันก็ไม่ดู ทำให้ไม่ได้ใช้ Feature ของ Galaxy AI อย่างเต็มที่

ประเด็นที่ 2 คือ Feature บางตัวไม่ได้ Built-in มาในเครื่องของเรา เราจำเป็นต้องเข้าไปใน Samsung Store เพื่อดาวน์โหลดมาเป็น Application แยกอีกที ซึ่งเราคิดว่า หาก Samsung เน้นขาย Feature บน Galaxy AI จริง ๆ เขาควร Pre-Load App และ Feature ทั้งหมดของ Galaxy AI เข้ามารอไว้ในเครื่องเลย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถ Discover Feature ทั้งหมดได้ง่ายกว่าเดิม หรือถ้าจะบอกว่า บางคนไม่ได้ใช้ มันรกเครื่อง ก็นะ แหม่ Samsung เจ้าพ่อแห่งการยัด Bloatware อยู่แล้ว ยัดเพิ่มในสิ่งที่ตัวเองขายฉ่ำอยู่แล้ว มันไม่น่ามีปัญหาเท่าไหร่หรอกมั้งนะ

ประเด็นที่ 3 คือ ความเป็นส่วนตัว และการควบคุมข้อมูล เป็นประเด็นสำคัญมาก ๆ เนื่องจากเราอาจจะนำข้อมูลส่วนบุคคลส่งไปเพื่อให้ตัว Model มันทำงานส่งกลับมาให้เรา แต่ปัญหาคือ เราไม่ทราบเลยว่า ข้อมูลที่เราส่งไปแล้ว มันถูกจัดการอย่างไรต่อไป หรือจริง ๆ แล้วสิ่งที่เราคุยกับเครื่องอาจจะถูกนำมาเป็นข้อมูลสำหรับการเทรนครั้งต่อไปก็เป็นได้ ซึ่งปัญหานี้ Samsung ก็มีวิธีการแก้ด้วย การใส่ตัวเลือกในการปิดไม่ให้ Feature ของ Galaxy AI ไปใช้งาน Model ภายนอกเครื่อง ส่งผลให้บาง Feature บน Galaxy AI จะใช้งานไม่ได้ไปเลย แต่ Elephant in the room จริง ๆ คือ Samsung เป็นเพียง Integrator นำ AI Service จากหลาย ๆ ที่เข้ามา Integrate เข้ากับ OneUI ของตัวเองเท่านั้น ทำให้ข้อตกลงในการดูแลข้อมูลความเป็นส่วนตัวทั้งหมดจึงอยู่ที่ผู้ให้บริการรายนั้น ๆ ไปโดยปริยาย เช่น Circle to Search ไส้มันก็คือ Google Lens นั่นเอง

ประเด็นที่ 4 คือ ราคาในการใช้งาน ต้องยอมรับว่า ณ วันนี้ การเรียก AI Service 1 ครั้งอาจจะแพงกว่าการที่เรากด Search ใน Google เป็นร้อยเท่าได้เลย อาจจะอยู่ที่ เกือบ ๆ บาทต่อครั้งสำหรับการ Generate Text ออกมา ซึ่งแน่นอนว่า วันนี้ Samsung เป็นคนจ่ายให้เราอยู่ แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ในอนาคต เขาจะยังจ่ายให้เราอยู่ และถามต่ออีกว่า หากวันนั้นที่ Samsung เริ่มคิดเงินเราขึ้นมา เราจะยอมจ่ายได้ในราคาเท่าไหร่กัน มันจะมีสักกี่คนที่จะยอมจ่ายส่วนตัวเพื่อใช้งานมัน ลองไปดูกับ ChatGPT หากมันไม่มีตัวฟรีคิดว่าจะมีสักกี่คนที่จะใช้งาน บางทีเราเริ่มคิดแล้วว่า หรือจริง ๆ แล้วมันเป็น Gimmick มากกว่าการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันกันแน่

จริง ๆ ปัญหาทั้ง 4 ประเด็นที่เรายกขึ้นมา มันไม่ได้เกิดกับแค่ Galaxy AI เท่านั้นนะ แต่มันจะเกิดกับ AI Service บน Mobile Device ทั้งหมดเลย สุดท้ายเราจึงมองว่า Feature AI ทั้งหลายที่ออกมา มันมาก่อนกาลไปหน่อย มันมาในวันที่ Edge Device อย่าง NPU บนโทรศัพท์ของเรามันยังไม่มีกำลังมากพอที่จะรัน Model ใหม่ ๆ พวกนี้ได้ เราคิดว่าประเด็นพวกนี้มันอาจจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อ NPU ที่เรามีกำลังมากพอที่จะรัน Model ที่ประสิทธิภาพมากพอได้

สรุป

จริง ๆ ใน Galaxy AI มันยังมีอีกหลาย Feature ที่น่าสนใจ เช่น Photo Assist และเรื่องของการสรุปข้อความ แต่เอาเข้าจริงคือ เราไม่ได้ใช้เลย เราได้ใช้จริง ๆ กับสถานการณ์การทำงานจริง แค่ 3 Features นี้เท่านั้นเองเลยหยิบมาเล่าเท่านี้ ที่เหลือเราสามารถไปดูตามรีวิวต่าง ๆ หรือ Samsung เองก็มีวีดีโอสอนการใช้งานอยู่ ลองไปดูได้ สำหรับบทความนี้เราคิดว่าน่าจะทำให้หลาย ๆ คนสนุกกับการใช้ AI บน Galaxy ของเรากัน