รีวิว WiT Eye-Care Desk Lamp โคมไฟถนอมสายตาจาก BenQ

อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่สำคัญของการจัดโต๊ะทำงานแบบสุด ๆ คือ อุปกรณ์ที่ให้ความสว่างทั้งหลาย บางคนก็ใช้พวก ScreenBar ก็เหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็ก ๆ และ ใช้งานแค่หน้าจออย่างเดียว แต่ถ้าโต๊ะเราขนาดใหญ่ ๆ หน่อย การใช้งานพวกนี้ มันก็อาจจะยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ วันนี้เรามีของที่จะเข้ามาช่วยจาก BenQ เข้ามารีวิวกันคือ BenQ WiT Eye-Care Desk Lamp

ปล. บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากทาง BenQ ตรบมือสิครับรออะไร !! แต่ ๆๆๆๆ เราก็ยังจะรีวิวด้วยประสบการณ์การใช้งานจริงอยู่เด้ออออ

อ่านแล้วติดใจ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ BenQ หรือ สั่งซื้อสินค้าได้ที่ Shopee

แกะกล่องกัน

บอกเลยว่า ตอนเห็นกล่องครั้งแรก ช๊อค มันใหญ่ และ หนักมาก ๆ เลยขอเปิดกล่องบนพื้นละกัน บนโต๊ะ คนแกะตัวไม่ถึง มาเป็นทรงเหมือนกระเป๋า Tote เลย ตัววัสดุเป็นกระดาษกล่องทั่ว ๆ ไป แต่จับดูโอเคเลย การปริ้นอะไรมา เราว่าดูดีเลยทีเดียว ด้านหน้าของกล่องมีเขียนชัดเลยว่า เป็น WiT e-Reading Lamp จาก BenQ พร้อมกับรูปของตัวโคมไฟ 2 สี

ด้านหลังก็จะเหมือนกัน ตอนเขียนก็นะ เอ่อ ด้านไหนคือด้านหน้านะ แต่ก็ได้หมดแหละเนอะ จากรูปทั้งสอง เราจะเห็นว่า มีทั้งหมด 4 สีให้เราเลือก แต่รุ่นที่ขายอยู่ในประเทศไทยตอนนี้มีให้เราเลือกทั้งหมด 3 สีด้วยกันคือ สีเงิน, สีทอง และ สีฟ้า ก็จะเหมาะกับโต๊ะ และ การตกแต่งที่แตกต่างกันไป สีที่เราได้มารีวิวในวันนี้เป็นสีเทา เข้ากับโต๊ะทำงานเราได้เป็นอย่างดีแน่นอน

ด้านบนกล่อง จะเป็นพวกรายละเอียดต่าง ๆ อย่างด้านซ้าย เราชอบนะ ที่เขามีการบอกสีที่กล่องง่าย ๆ เลย ลดโอกาสที่เวลาเราไปซื้อแล้วคนขายจะเอามาให้เราผิด อันนี้ไม่เกี่ยวกับคนซื้อ แต่ฝั่งของคนขาย เราว่าก็สำคัญอยู่ และ ด้านขวาสุด ก็จะเป็นพวกรายละเอียดต่าง ๆ เราขอเบลอพวก Serial Number ต่าง ๆ ออกไป

แน่นอนว่า น้ำหนัก โหดมาก ๆ เขาก็เลยมีหูหิ้ว เป็นพลาสติกใสมาให้ ประกอบกับกล่องทรง Tote เราว่า มันทำให้เวลาถือมันง่ายจริง ๆ นะ เหมือนเราถือถุงผ้าที่หนักมาก ๆ แต่เราแอบแนะนำว่า ถือระวัง ๆ หน่อยตัวมันหนัก เราถือแล้วรู้สึกว่า กลัวที่กล่องยึดกับที่จับมันขาดมาก ขาดแล้วหล่นลงพื้นนั่นน่ากลัวแล้ว แต่ถ้าหล่นลงเท้านี่........ มีร้องแน่นอน หนักจริงไม่ล้อเล่น ถ้าไปซื้อตามห้างถ้าหาได้ เอารถเข็นมาเข็นดีกว่า เดินสบายตัวกว่าเยอะ ~

ตัวกล่องมีการซีลสติ๊กเกอร์มา ถ้าตอนที่เราไปซื้อ กล่องที่พนักงานเอามาให้เรามีรอยกรีดแล้ว เราว่าขอเปลี่ยนเถอะนะไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นเจออะไรมา อย่างในรูปนี้คือ เราแอบกรีดดูก่อนแล้ว ได้มาแล้วตื่นเต้นไปหน่อย แฮะ ๆ

เปิดกล่องมา เราจะเจอกับแถบที่เขียนว่า Pull ให้เราดึง ส่วนนี้เราก็คิดอยู่นานว่า เอ๊ะ ลูกศรให้เราดึงไปข้างหน้าหรือยังไง อ่อ ดึงขึ้น เพราะตัวโฟมที่อยู่ในกล่องมัน Fit กับกล่องมาก ๆ และไม่มีช่องให้เราจับโฟมแล้วดึงกล่องได้เลย

ต้องดึงจากแถบดึงเท่านั้น ความพีคคือ แถบดึงนี้ เป็นพลาสติกที่ไม่ได้ล๊อคกับกล่องอะไรเลย ตอนดึงเรียกว่า ทุลักทุเล พอสมควร กลัวดึงแล้วแถบไม่อยู่ตรงกลางแล้วอาจจะหล่นได้ แล้วเราจับโฟมไป ๆ มา ๆ อ้าว เม็ดโฟมมันหลุด ปริ้ว ๆ อยู่ในห้อง ฮา ๆ

ตัวกล่องโฟมที่เราดึงออกมา เขาก็จะมีฝาให้เราเอาออกมาได้เลย เขาจะแปะเทปกาวสีน้ำเงินใส ๆ ด้านซ้าย และ ขวาของรูป

เปิดฝากล่องโฟมออกมา เราจะพบกับตัวโคมไฟ และ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ติดมาให้เรา

เราขอเริ่มจากของที่น้ำหนักโหดที่สุดก่อนเลย นั่นคือ ขาของโคมไฟ ตัวมันน่าจะเป็นเหล็กตัน ๆ หล่อทั้งอันแล้วพ่นสีเลย แค่จะยกถ่ายรูปนี้ก็คือ มือสั่นแล้ว มันหนักมาก เพื่อป้องกันไม่ให้เวลาเราโยกโคมไฟไปมา แล้วมันจะล้ม ด้านล่างมีสติ๊กเกอร์เตือนความปลอดภัยไว้ด้วยนะ รูปที่ 2 ด้านขวาคือเห็นแล้ว เจ็บแทนเลย มีลูกศรชี้ขึ้นไปเป็นสกรูสำหรับการประกอบกับตัวโคมไฟ

จริง ๆ BenQ เขามีฐานแบบที่ยึดกับขอบโต๊ะด้วย จะได้ไม่ต้องเสียพื้นที่ในการวางฐานเยอะ อยากได้มาก ๆ ฐานอันนี้มันใหญ่และหนักมาก ๆ ถ้าหนีบขอบโต๊ะน่าจะดีเลยทีเดียว แต่ในไทยเท่าที่ดูทาง BenQ Thailand ยังไม่ได้เอาเข้ามา ก็รอติดตามที่ BenQ เลยว่าเขาจะเอาเข้ามามั้ย

ด้านหลัง เป็นเหล็ก อยู่ในแอร์จับแล้วเย็น ๆ เลย กับมีพวกเท้าที่เป็นยางกันลื่นด้วย เผื่อเวลาเราขยับโคมแล้วขามันจะไม่ลื่นไปกับโต๊ะด้วย กับตรงกลางจะเป็นพวกรายละเอียดต่าง ๆ

ต่อไปเป็น Paperwork จะเป็น Quick Start Guide ว่าเราจะประกอบตัวโคม และ ใช้งานมันได้อย่างไร เราลองเอามาดู เขาทำมาดีมาก ๆ นะเป็นกระดาษเงา ๆ พิมพ์สี เขียนค่อนข้างอ่านง่ายเลย ใครอ่านน่าจะใช้เป็นได้ง่าย ๆ และเราจะเห็นแท่งเหล็กเล็ก ๆ อยู่

ตอนแรกก็ งง ว่า มันคือแท่งอะไรหว่า อ่อ มันคือไขควง สำหรับการประกอบโคมนั่นเอง รูมันแปลก ๆ เราเลยแนะนำว่า ให้เก็บไว้ดี ๆ ละกันเผื่อจะต้องถอดในอนาคต เราจะได้ใส่ได้ง่าย ๆ

ใต้ห่อ Paperwork ทั้งหลาย ก็จะเป็น กล่องกระดาษ มีความแอบยับ ๆ ตรงที่เปิดกล่อง อันนี้เราไม่ได้เปิดมาก่อนนะ เปิดพร้อมทุกคนเลย แต่... ทำไมมันมีความยับ ๆ ที่เปิด หรือเป็นใน Production Line ที่อาจจะใช้คนใส่แล้วปิดฝา เลยเป็นแบบนี้

ในกล่องกระดาษเมื่อครู่เปิดมา เราจะเจอกับ Adapter สำหรับเสียบไฟ และ หัวปลั๊ก

Adapter มาเป็นลักษณะทั่ว ๆ ไปเลย อันไม่ได้ใหญ่มาก เพราะมันใช้ไฟไม่เยอะ เป็นแค่ LED เองเนอะ จากตัวสเปกที่เขียนบน Adapter ให้ Output อยู่ที่ 12V/1.5A หรือประมาณ 18W แน่นอนว่า ยังไงมันก็เพียงพอกับ LED อยู่แล้ว ชิว ๆ

โดยที่ตรงที่เสียบ เขาจะทำมาเป็นช่องไว้ สำหรับให้เราเอาหัวปลั๊กเข้าไป ส่วนนึงคือ ทำให้เวลาแพคไปขายทั่วโลก ก็จะง่ายกว่า ไม่ต้องมานั่งเปลี่ยน Adapter ก็ใช้อันเดิมนี่แหละ แล้วเสียบเปลี่ยนหัวได้เอา กับฝั่งเราที่เป็นผู้ใช้เอง ก็ทำให้ไม่ต้องไปนั่งหาหัวแปลงมาเสียบให้รกด้วย

ซึ่งหัวที่เขาให้มา ที่ใช้ในไทยก็จะเป็นหัวกลมหมดเลย เป็นไปตามมาตรฐานของ มอก มั่นใจได้เลยว่าปลอดภัย ส่วนที่เหลือจะเป็นปลั๊กสำหรับฝั่งยุโรปอะไรพวกนั้น เราก็ไม่ได้ใช้ปล่อยไป

เมื่อเอาหัวปลั๊กมาเสียบ เราก็จะได้ออกมาแบบนี้เลย จะเห็นด้านที่เป็นหัวงอกออกมาจาก Adapter เราจะเห็นว่า มันเป็นหัวกลม DC ตามปกติเลย เป็นข้อดีมาก ๆ เลย เพราะถ้าเกิดใช้งานไป Adapter อาจจะโดนไฟกระชาก หรือใช้งานไปนาน ๆ มันก็เสื่อมตามระยะเวลา ถ้าเป็นหัวที่ใช้งานกันทั่ว ๆ ไป มันก็จะหาซื้อเปลี่ยนง่าย แค่เราซื้อ แรงดัน กับ Ampare ให้ตรงมา ก็ได้แล้ว

อันนี้ประสบการณ์ตรงกับโคมไฟเจ้าหนึ่งที่ใช้หัวพิเศษเลย แล้วที่บ้านมีปัญหาไฟกระชากอยู่ช่วงนึง ทำให้ Adapter พังไปสุดท้ายก็ต้องวิ่งไปศูนย์บริการอยู่ก็ไกล กว่าจะเปลี่ยนนั่นนี่ได้ คือลำบาก แต่ถ้ามาเป็นแบบของ BenQ WiT นี่คือ ไปซื้อจาก Online Shopping หรือเดินบ้านหม้อเราว่าก็มี ง่ายกว่าเห็น ๆ

และของชิ้นสุดท้าย เป็นตัวโคมไฟละ ห่อพลาสติกมาแบบหลวม ๆ เหมือนกับของชิ้นอื่น ๆ ในกล่องเพื่อป้องกันรอยจากการขนส่ง

โดยตัวโคมนี้ เขาจะเดินสายมาให้เราแล้ว นั่นแปลว่า เราจะไม่สามารถถอดสายได้เลย ดังนั้น เราคิดว่า เวลาเราใช้งาน เราอาจจะต้องระวังมันมาก ๆ อย่าให้สายหักเลย ไม่งั้น เปลี่ยนทั้งอันแน่นอน แต่ตัวสาย เราว่ามันก็ไม่ได้พังง่ายขนาดนั้นซะทีเดียว มาเป็นสายถักสีเทา จับแล้วหนา น่าจะมีความทนทานที่สูงใช้ได้เลย ในห่อ เขาจะเอาพลาสติกมาห่อให้สายมันขด ๆ เพื่อเอาลงกล่องได้ แต่เรารู้สึกว่า การห่อ คือไม่ดีเท่าไหร่เลย ปกติพวกนี้อาจจะใช้พวกพลาสติกแผ่นแล้วทำที่ติดกาวมาติดรัดไว้ อันนี้คือมาตรง ๆ เลย

หลัก ๆ อุปกรณ์ในกล่องก็จะมีประมาณนี้เลย เป็นของที่เราได้ใช้งานจริง ๆ แน่นอน ไม่ได้มีของที่ดูเว่นเว้ออะไร ก็เป็นไปตามสมัยนิยมเนอะ ที่เดี๋ยวนี้เขาก็พยายามให้แต่ของที่ต้องใช้แน่ ๆ เข้ามา ลดต้นทุน และ ลดขยะด้วย แต่เรื่องของ Packaging เอง เราคิดว่า BenQ อาจจะต้องไปทำการบ้านเพิ่มมาก ๆ โดยเฉพาะแถบดึงที่เรารู้สึกว่า มันน่ากลัวมาก ๆ ดึงอะ ดึงได้จริง แต่ดึงแล้วคว่ำมั้ยนี่คือปัญหา และ พวกเรื่องของการใช้โฟมอันนี้กลุ่มคนรักษ์โลก อาจจะไม่ถูกใจสิ่งนี้ โดยรวมเป็น Packaging ที่ยังคิดว่า มันทำให้ดีกว่านี้ได้อีก ฝาก BenQ ทำการบ้านเรื่องนี้เพิ่มเติม น่าจะช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการแกะของใช้งานได้

ประกอบ BenQ WiT

ในการประกอบ BenQ WiT บอกเลยว่าไม่ยากมาก เริ่มจากให้เราเอาตัวโคมเสียบเข้ากับตัวฐานขาตั้งก่อน เอาจริง ๆ เลยนะ ตอนประกอบ ถ้าเราไม่อ่านคู่มือ เข้าใจว่า ให้เราเอาไขควงมาหมุน ๆ ที่ข้อต่อมัน แต่เอ๊ะ ทำไมพี่ไม่ให้ไขควงอันใหญ่มาด้วย อ่อ ไม่ใช่ ฮา ๆ

หันมาด้านหน้า เราจะเห็นสกรูอันเล็ก ๆ อันนึง ให้เราเอาไขควงที่อยู่ในถุงคู่มือเอามาไขให้แน่น ย้ำนะว่า ให้แน่น กลัวมันจะหลุดตอนเราถือ แต่เอาจริง ๆ เขาก็ไม่แนะนำให้เราจับแค่โคมแล้วถืออยู่แล้ว เขาแนะนำให้เราจับทั้งฐาน และ โคมเพื่อเคลื่อนย้าย ลดโอกาสที่ฐานจะหล่นใส่เท้า

จากนั้นเราก็เสียบหัวปลั๊กเข้าไปที่ Adapter ตามที่เราต้องการ และ เสียบปลั๊กก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้ว BenQ WiT ก็พร้อมใช้งานแล้ว

BenQ WiT Desk Lamp

BenQ WiT Desk Lamp มาใน Design แบบ Modern มาก ๆ จะเห็นว่า เราเอามาวางบนโต๊ะทำงานเราเอง ก็คือ กลืนเข้าไปเลยนะ ไม่ได้ทำให้โต๊ะมันรู้สึกว่า มีอะไรแปลก ๆ อยู่บนโต๊ะ (จริง ๆ ตอนแกะก็แอบกลัวว่ามันจะเข้ามั้ยหว่า เออ ดีเฉย) แต่ Design ที่เราว่า มันเป็นเอกลักษณ์มาก ๆ คือ ตัวโคมที่เป็นโค้ง ๆ เป็นเหมือนยิ้ม ๆ

จากรูปก่อนหน้าเราจะเห็นเลยว่า มันไม่มีสายระโยงระยางห้อย ๆ เต็มไปหมด เพราะทาง BenQ เขาคิดมาให้เราแล้ว เขาเลยร้อยสายไว้ในตัวโคมทั้งหมดเลย ดังนั้น เราไม่ต้องมานั่งเสียเวลานั่งไล่สายเก็บ ๆ สายเลย อาจจะมีที่ข้อ ๆ นึงที่เขาจะต้องเว้นสายไว้สักหน่อย เพื่อเราหมุนขึ้นลง

ที่ตัวข้อ จะมีเหมือนสกรูมา ทำให้มันเป็นจุดหมุน แต่เราแอบรู้สึกว่า มันเป็นเพราะโคมมันยังใหม่ด้วยมั้ย ทำให้มันหมุนยากมาก ๆ เพราะสกรูมันอาจจะยังแน่นจากโรงงาน อันนี้เราไม่ชัวร์ว่า ถ้าใช้ไปนาน ๆ สกรูมันจะคลายตัวมั้ย ทำให้การหมุนมันง่ายขึ้น หรือแย่ที่สุดคือ จับไม่อยู่ แต่เราเดาว่าถ้าถึงจุดนั้นจริง ๆ อาจจะเอาที่ขันมาขันผ่านกรูพวกนี้ได้นะ เลยคิดว่า อาจจะไม่มีปัญหาอะไร

แต่อันที่ไม่เคยรู้มาก่อน แล้วโดนใจมากคือ หัวอันบนสุด มันเป็นแบบบอล ทำให้เราสามารถบิดได้ทุกทิศเลย แต่มันจะไม่ได้บิดได้แบบเยอะ 90 องศาขนาดนั้นนะ เราก็เลยลองเอามาทำอะไรที่มันแปลก ๆ หน่อยคือ เราบิดให้มันหันเข้าหาตัวเรา แต่มันจะบิดขึ้นเจอหน้าไม่ได้ขนาดนั้น เลยเอาไว้ใช้เป็นแสงไฟช่วงคอ กับตัว เวลาเราถ่าย แล้วใช้ไฟที่มีอยู่แล้วส่องหน้าลบเงาเอา เรียกว่า เป็นประโยชน์อีกอันที่ BenQ อาจจะไม่ได้คิดมา แต่เราก็ หาทำ อยู่พอสมควรเลย ถ้าทำให้มันหมุนได้อีกหน่อยนะ เราว่า สนุกแน่นอน

ตัวโคมเลย จะเป็นหลอด LED หลาย ๆ หลอดมาต่อกัน แต่ไม่ได้เป็นหลอดขาวง่าย ๆ นะ เขาใช้ลักษณะของการต่อหลอด ขาว และ เหลือง ทำให้สามารถควบคุมอุณภูมิของแสงได้แม่นยำมาก ๆ อันนี้แหละ เป็น Feature นึงที่เหนือกว่าพวกโคม LED ในท้องตลาดทั่ว ๆ ไปมาก ส่วนตัววัสดุใส ๆ ที่ให้แสงจาก LED ลอดออกมา เป็นพลาสติกใสที่มีลายเป็นซี่ ๆ คิดว่า น่าจะเป็นการทำให้แสงมันกระเจิง ไม่โฟกัสกับจุดใดจุดหนึ่ง เราจับดูแล้ว เราแอบกลัวว่า ถ้ามันโดนความร้อน กับแสงมาก ๆ ใช้ไประยะยาวมันจะกรอบมั้ยนะ

ส่วนด้านบน จะมาเป็นลักษณะที่บอกไว้ว่ามันเอกลักษณ์มาก ๆ ด้านบนที่เราเห็นเป็นสีเงิน ๆ อันนั้นจะทำมาจากโลหะ ข้อดีอย่างแรกคือ สวย อะสวยจริงยอมรับ อีกข้อคือ การระบายความร้อน พวก LED วิธีการยืดอายุที่ดีคือการทำให้มันไม่ร้อนมาก ซึ่งโลหะตรงนี้แหละ นอกจากทำให้สวยแล้ว ยังได้เรื่องของการระบายความร้อนที่เกิดจากการเปิดเป็นระยะเวลานาน นั่นหมายถึงกายยืดอายุของ LED ไปได้อีกนานเลยทีเดียว BenQ บอกว่ามันสามารถอยู่ได้ถึง 50,000 ชั่วโมงเลยนะ ถือว่านานใช้ได้เลย แต่เอาเข้าจริง ๆ ถ้าดูแลดี ๆ LED อยู่ยาว ๆ สบาย ๆ

ด้านท้ายจะเป็นโลหะเงา กลม ๆ อาจจะคิดว่า อ่อเป็นแค่ Design ไม่มี Feature อะไรแต่จริง ๆ แล้วมันเป็นปุ่มแบบสัมผัส ถ้าเราแตะทีนึง จะเป็นการเปิดหรือปิด หรือถ้าเรากดค้างไว้ จะเป็นการสลับโหมดพวก อ่านหนังสือ และ ใช้หน้าจอ เราจะเห็นไฟสีเขียว ๆ อยู่ด้านหลังด้วย

ใช่แล้ว มันเป็นไฟสำหรับแสดงสถานะของโหมดว่า เราใช้โหมดสำหรับอ่านหนังสือ หรือใช้หน้าจอ ถ้ามันเป็นสีเขียวคือ เรากำลังใช้โหมดที่เป็นหน้าจอ แต่ถ้าเป็นสีส้ม ๆ คือเราใช้สำหรับอ่านหนังสืออยู่

ถัดลงมา จะเป็น Knob สำหรับการปรับแสง และ อุณหภูมิแสงด้วยตัวเอง เผื่อใครรู้สึกว่า โหมดอัตโนมัติแอบมืดสว่างหรืออุณหภูมิสีไม่ได้ ก็อาจจะหมุนเพื่อปรับเอาได้เลย โดยถ้าเราหมุน มันจะเป็นการปรับความสว่าง และ ถ้าเรากด แล้วหมุน มันก็จะเป็นการปรับอุณหภูมิแสง ทำได้ใน Knob อันเดียวเลย

การใช้งานจริง

การใช้งานจริง สิ่งแรกที่เรารู้สึกได้จากการลองใช้เลยคือ เห้ย มันสบายตากว่าที่คิดเยอะเลย ความสว่างตัวโหมดสำหรับใช้งานบนหน้าจอ และ โหมดอ่านหนังสือ ทำมาได้พอดีมาก ๆ และที่สำคัญ โต๊ะทำงานเราค่อนข้างกว้างมาก ๆ พวก Lightbar และ โคมไฟหลาย ๆ รุ่นมักจะดึงออกมาไม่ถึง หรือแสงสว่างที่ได้มันแคบ ๆ แต่ WiT ทำออกมาได้กว้างใหญ่มาก ๆ แล้วความสว่างก็ยังพอดีอีก ทำให้เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่มีโต๊ะขนาดใหญ่ ๆ หรือใช้หน้าจอมากกว่า 1 ตัว

อีกส่วนที่อยากให้สังเกตจากรูปนี้คือ ที่จอไม่มีแสงสะท้อนจากไฟเลย มีแค่เงาของม่านที่เราเปิดอยู่หลังโต๊ะเท่านั้นเอง ถ้าใครที่เคยใช้พวก Lightbar บางตัว หรือโคมไฟทั่ว ๆ ไปเอามาวางหน้าคอม เราอาจจะเคยเห็นบนจอมันจะมีไฟเป็นดวง ๆ ที่เกิดจากการสะท้อน พอเราใช้ไปนาน ๆ เราจะเมื่อยล้าได้ง่ายมาก ๆ ดังนั้น WiT เลยออกแบบตัวหัวแบบบอล เพื่อให้เราสามารถหมุนเลี่ยงไม่ให้โดนจอได้นั่นเอง เขาไม่ได้ออกแบบมาให้เราหันเข้าหน้าแล้วถ่ายวีดีโอค่าาา

ความพิเศษอีกอย่างของโคมอันนี้คือ เมื่อเราเปิดโหมดหน้าจอ แล้วดูที่การฉายไฟลงมา เราจะเห็นว่า ด้านข้างขอบ มันจะสว่างกว่าตรงกลางอย่างเห็นได้ชัด นั่นเป็นอีกส่วนที่ทำให้ลดแสงที่สะท้อนมาที่หน้าจอได้อีก กับ ลดความจ้าที่มันเข้าตาเราด้วย เพราะว่า แสงจากหน้าจอ มันก็อัดเข้าตาเราไปหนึ่ง แล้วจะเอาแสงจากโคมอัดอีก มันก็จะทำให้เราแสบตา ปวดตาเมื่อเราใช้ไปนาน ๆ ดังนั้นการที่ BenQ เลือกที่จะออกแบบ มาเป็นลักษณะนี้ เราว่ามันช่วยได้มากจริง ๆ

แล้วตัว LED ที่เอามาใช้ มันไม่ได้เป็น LED ปกตินะ แต่มันเป็น LED ที่ผ่านการทดสอบมาแล้วนะว่ามันจะไม่สั่นเลย ถ้าเราไปลองเอากล้องไปส่องพวก LED บางยี่ห้อ เราจะเห็นเลยว่าภาพมันสั่น ๆ กระพริบ ๆ เพราะความเร็วชัตเตอร์มันจะสูงกว่าความเร็วของการกระพริบ โอเค ตาเรามองไม่เห็น แต่ถ้าเรานั่งทำงานในที่แบบนั้นไปนาน ๆ ตามันจะล้ามาก ๆ เลยละ

ถามว่า เจ้าโคมนี่มันสว่างได้ขนาดไหน เราก็ต้องบอกเลยว่า สว่างมาก ๆ ตามสเปกสว่างสูงสุดที่ 900 lm ถือว่า สว่างอย่างเพียงพอ และ สม่ำเสมอ ในการใช้งานทำงานบนโต๊ะแล้ว (สว่างมากไป ก็ทำให้เราใช้แล้วตาเราล้าเหมือนกัน ดังนั้น พอดี ดีที่สุด) เมื่อเราเอามาใช้งานกับโต๊ะใหญ่ ๆ จากภาพ จะเห็นเลยว่า มันไม่ได้แค่สว่างนะ แต่มันให้พื้นที่ที่กว้างมาก ๆ ขนาดโต๊ะใหญ่ ๆ แบบเรา ยังพอดีเลย กับในภาพนี้ เราไม่ได้ปรับแสงให้สว่างที่สุดด้วยนะ

เราปรับเป็น Auto สำหรับการใช้งานหน้าจอเลย ซึ่งเขาจะมี Sensor อยู่ในโคมเพื่อวัดความสว่าง และ พวกอุณหภูมิสี แล้วปรับไฟให้เข้ากับสภาพแวดล้อมนั้น ๆ ดูจากรูป ที่เขาปรับ Auto มา เออ มันดีเลยนะ มันสบายตามาก ๆ ทำให้ส่วนใหญ่แล้วเราก็จะคงไว้ที่ Auto เลย

กับอีกส่วนที่สำคัญมาก ๆ คือค่า CRI (Colour Rendering Index) เป็นค่าที่จะบอกความเที่ยงตรงของสีที่ถูกส่องด้วยไฟนั้น ๆ ส่วนใหญ่ไฟที่มีค่าพวกนี้สูงมาก ๆ จะมีราคาแพงมาก ๆ ตามสเปกของ WiT ให้ไปถึง 95% CRI เลย ดังนั้น เรามั่นใจได้เลยว่า ถ้าเราใช้ไฟตัวนี้ สีที่ได้โอกาสจะเพี้ยนไม่สูงมากเลย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับหลอด LED ที่หมุน ๆ ใส่โคม คนละเรื่องเลยนะ เพราะมันออกแบบมาให้ทำงานไม่เหมือนกัน

ข้อสังเกต

ไหน ๆ ก็พูดถึงข้อดีแล้ว เรามาเล่าข้อสังเกตกันด้วย เผื่อเป็นจุดสำหรับตัดสินใจ อย่างแรก เมื่อเรานั่งทำงาน แล้วเราจะปรับการตั้งค่าไฟ ภาพด้านบนคือมุมมองที่เราเห็นจากเวลาเรานั่งทำงานแล้วแหงนมอง จะเห็นว่า เราไม่เห็นเลยนะว่า ตอนนี้โคมอยู่ในโหมดการทำงานแบบไหน หรืออะ เราบอกว่า เราไม่รู้ละ เราปรับเลย เราแตะที่ปุ่มเปลี่ยนพอถึงอยู่ มันก็จะมีจังหวะที่มันวัดแสงตอนเปลี่ยนโหมด แต่เราก็ไม่รู้ว่ามันอยู่โหมดไหนแล้ว เพราะเราไม่เห็นไฟแสดงสถานะเลย ส่วนการปรับด้วย Knob จริง ๆ ถ้าเราลุกขึ้นแล้วปรับ เราว่าง่ายเลยนะ ความหนืดอะไรมันพอดีเลย แต่ถ้าเราไม่อยากลุก เราเอื้อมมือขึ้นไปปรับ อันนี้แหละ ยากละ แค่หมุนความสว่างไม่ยากมาก แต่ถ้าเราต้องกด อะเริ่มยากละ กดไปปุ๊บแรงไปขามันเปลี่ยนทิศ เอ้าาา ดังนั้น ลุกเถอะ

แต่เอาเข้าจริง ๆ เลย เวลาเราใช้งานจริง เราก็จะเอาไว้บนโต๊ะทำงานที่ส่วนใหญ่เกิน 90% เราก็ใช้งานหน้าจออยู่แล้ว ทำให้เราก็ค้างไว้ที่โหมดหน้าจอ แล้วพวกความสว่างกับอุณหภูมิ เราก็ค้างไว้ที่ Auto มันก็ปรับเก่งอยู่แล้ว ทำให้เวลาส่วนใหญ่เราก็จะไม่ได้ไปปรับอะไรที่เราบอกในข้อสังเกต อย่างมากสุด ๆ เลยคือ เราใช้งานเสร็จ เราก็เอื้อมมือขึ้นไปแตะตัวที่เปิดปิด แค่นั้นเลย เราพึ่งใช้งานไม่นาน ยังกะน้ำหนักไม่ถูกเหมือนกัน ใช้ ๆ ไปอาจจะกะได้แล้วจะง่ายละ หรือถ้า BenQ อยากจะแก้ปัญหาจริง ๆ คิดว่า การทำ Desktop Dial เหมือนกับ BenQ ScreenBar Plus แอบน่าสนใจมาก ๆ

อีกส่วนคือ ข้อต่อ มันแน่นไปหน่อย เข้าใจว่าน่าจะเป็นเรื่องปกติของการใช้กลไกแบบนี้ ตอนที่เราปรับองศาให้เข้ากับโต๊ะ มันใช้แรงเยอะมาก ๆ และเราว่า ไม่น่าจะเหมาะกับการปรับไปมาแน่ ๆ หรือจริง ๆ มันเกิดจากความใหม่หรือไม่ ไม่แน่ใจเหมือนกัน ใช้งานไป ตัวข้อต่อมันอาจจะหลวม แล้วทำให้ขยับได้ง่ายขึ้นหรือไม่ อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน ถ้าใช่มันนำไปสู่ข้อสังเกตต่อไปคือ ถ้ามันหลวม แล้วมันจะหลวมขนาดคงองศาที่เราปรับไว้ได้มั้ย อย่าลืมว่า ขา มันเป็นโลหะ มีน้ำหนักอยู่ ถ้าในอายุการใช้งานมันไม่มีปัญหานี้ เราว่าโอเคหายห่วงได้

BenQ WiT หรือ BenQ ScreenBar

รีวิว BenQ ScreenBar นี่แหละ Light Bar ที่มันควรจะเป็น !
Light Bar เป็นไอเท็มที่เรียกว่า ขาดไม่ได้เลย สำหรับวงการจัดโต๊ะคอมในทุก ๆ วันนี้ ซึ่งตอนนี้มีหลาย ๆ รุ่นออกมาเยอะมาก ๆ วันนี้เราได้ BenQ ScreenBar มา ที่บอกเลยว่า เหยย มันดีจริง ๆ นะ มันเป็นอันที่ทำให้สบายตาได้จริง ๆ

ถ้าใครที่เคยอ่านรีวิวเรามาก่อน อาจจะเคยเห็นว่า เราเคยรีวิว BenQ ScreenBar ไปแล้ว ซึ่งเป็นไฟที่ใช้แขวนบนหน้าจอ อาจจะเกิดคำถามว่า เราจะเลือก ระหว่าง ScreenBar หรือ WiT ที่เป็นโคมไฟดี

ส่วนตัว เราแนะนำว่า ขึ้นกับขนาดพื้นที่ และ การใช้งานของเรา ถ้าเราใช้งานบนโต๊ะขนาดไม่ใหญ่จากจอเว้นออกมาสักไม่เกิน 15cm เราว่า ScreenBar น่าจะเอาอยู่สบาย ๆ เลย ส่องสว่างคลุมพื้นที่ได้พอดี ๆ เลย แต่อาจจะยังเอามาใช้อ่านหนังสือเป็นหลัก เราว่า แอบยังไม่เหมาะ แสงสว่างอาจจะยังไม่เพียงพอเท่าไหร่

ดังนั้น ถ้าใครที่ใช้จอคอม พร้อม ๆ กับทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่นอ่านหนังสือ หรือเขียน ๆ ในกระดาษ เราคิดว่า BenQ WiT น่าจะเหมาะสมกว่า เพราะโคมมันจะให้แสงสว่างในพื้นที่ ๆ กว้างกว่ากันมาก หรือโต๊ะทำงานไหนที่มีมากกว่า 1 จอ ก็ไปโคมเลย มันคลุมพื้นที่ได้มากกว่าเยอะ

สรุป

BenQ WiT Eye-Care Desk Lamp เป็นโคมไฟสำหรับโต๊ะทำงานที่มี Design ที่สวยงาม Modern และ Minimal ค่อนข้างเข้ากับโต๊ะได้อย่างง่าย ๆ เนียน ๆ เพื่อให้เข้ากันมากขึ้น BenQ เลยเอาเข้ามาทั้งหมด 3 สีด้วยกันคือ สีเงิน, สีทอง และ สีฟ้า เราว่า ถ้าเอาง่าย ๆ เลยสำหรับคน Match สีไม่ถูก เอาปลอดภัยเลย สีเงิน เราว่า ง่ายสุด เข้ากับหลาย ๆ สีบนโต๊ะทำงานได้ง่าย ในแง่ของการเป็นโคมไฟเอง ก็ให้ความสว่างพอดีกับการใช้งานสูงถึง 900 lm ให้แสงกระจายอย่างสม่ำเสมอมากกว่าโคมไฟทั่วไปถึง 150% ไม่สะท้อนหน้าจอกับกระพริบให้เราปวดตา และยังมีความสามารถในการปรับแสงได้ตามสภาพแวดล้อมเองได้อีก

ทั้งหมดนี่ในราคา 8,490 บาท โอเค แอบสูงเมื่อเทียบกับโคมไฟ แบบ โคมไฟ ทั่ว ๆ ไปจริง ๆ แต่นั่นมันไม่ได้ทำมาสำหรับการใช้งานหน้าจอ และ การอ่านหนังสือเท่าไหร่ การลงทุนเพิ่มเพื่อให้ได้ Feature ที่ทำให้เราใช้งานหน้าจอ อ่านหนังสือได้สบายตาขึ้น ใครที่ต้องอยู่กับหน้าจอทั้งวัน เราว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ เลยนะ ถือว่าไม่แพง

อ่านแล้วติดใจ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ BenQ หรือ สั่งซื้อสินค้าได้ที่ Shopee