รีวิวสาย Apple Watch Hermès สายหนังแบบ Single Tour ที่ไม่เคยคิดจะซื้อมาก่อน สุดท้ายก็ไม่รอด

ในที่สุด วันนี้ก็มาถึง วันที่กดสาย Hermès มาใช้ บอกเลยว่าตั้งแต่วันที่ดูว่าจะซื้อ Apple Watch ไม่เคยเหลียวไปดู Apple Watch Hermès เลยแม้แต่น้อย เพราะราคามันโหดมาก ๆ แต่ก็เนอะ ความ Hermès และ เราไม่ได้สนใจ Brand Name อะไรเลย มันเลยโดนปัดตกไป จนได้ Series 5 Titanium มาเมื่อ 2 ปีก่อน เคยเขียนรีวิวแล้วที่นี่ ลองไปอ่านดูได้ แต่เรื่องมันเกิด เพราะเมื่อหลายวันก่อนไปร้านนาฬิกา แล้วเจอเรือนนึงมันเป็นสายออกส้มคล้ำ ๆ หน่อย เออ สวยดีแฮะ แต่แหม่ เราก็ไม่อยากกลับไปใส่นาฬิกาปกติไง ทำให้นึกถึงส้ม ส้ม.... ส้ม ส้ม Hermès ไง เออ น่าสนใจ สุดท้ายเลยกดมาเลย ฮ่า ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ปล. เราไม่ใช่สาย Fashion และ คนที่รู้เรื่องหนังอะไรเยอะ อันนี้รีวิวจากคนที่ไม่รู้อะไรเลยนะ

Unboxing

สั่งของจาก Apple Store กี่ครั้ง เราก็ยังชอบ Packaging ของมันทุกครั้ง รอบนี้เราสั่งไป 2 เส้น นางมาเลย 2 กล่อง ทำให้สงสัยมาก ๆ อยู่ 2 เรื่องคือ ทำไมมันไม่ใส่มาเป็นกล่องเดียวเลยฟร๊ะ และ อีกเรื่องคือ ทำไมเราสั่งได้แค่ 2 เส้นต่อ Order หว่าอันนี้สงสัยมาก ๆ

แน่นอนว่า Packaging ของ Apple นางทำดีเหมือนเดิมคือ มันจะมีแถบสำหรับดึงเพื่อแกะมาให้เราเลย ไม่ต้องใช้เครื่องมือใด ๆ ดึงออกมาได้เลย

ผ่าม ๆ และ เราก็เจอกับตัวกล่องของสาย Hermès ที่เขาจะทำมาเป็นสีส้มของ Hermès เลย โดยมีการเขียนเลยว่าเป็น Apple Watch และ Hermès ต่างจากกล่องของตัวปกติมาก ๆ อีกสิ่งที่สัมผัสได้เลยว่าต่างคือ พื้นผิวของตัวกล่องเอง ที่เราไม่รู้ว่ามันทำจากอะไร เหมือนหนังเลย ทำให้รู้สึกว่าโคตร Premium มาก ๆเลย

ที่ด้านหลังของกล่อง ก็จะเหมือนกับสายรุ่นปกติทุกประการคือ มีการบอกว่ามันคือสายแบบไหนในหลาย ๆ ภาษา เพราะอย่าลืมว่า เขาขายทั่วโลกเนอะ แต่แน่นอนว่า ไม่มีภาษาไทยเด้อ

ด้านข้างของกล่องก็จะไม่มีอะไรเลย เรียบ ๆ แต่ทำไมดูแล้วมันโคตรดูดีเลย ชอบมาก ๆ

ตามสไตล์ของ Apple ในยุคใหม่ ๆ หน่อย การแกะ เราไม่ต้องใช้คัดเตอร์กรีดให้กลัวกล่องเป็นรอยแล้ว มีแถบสำหรับดึงเพื่อแกะพลาสติกออกมาได้เลย เราว่า เรายังไม่เจอ Brand ไหนที่ทำแถบดึงเพื่อแกะ ที่ดึงแล้วมันฟิลกู๊ดได้ขนาดนี้เลย ไม่มีขาดระหว่างทาง ดึงแล้วเอาพลาสติกออกมาได้เลยอย่างสวย ๆ ไม่ค่อยเจอมากเท่าไหร่ในท้องตลาด แต่ Apple ทำกับทุก Product เลย (ยกเว้น iPhone 13 สินะ)

เมื่อเราเอามาเทียบกับกล่องของสายในรุ่นปกติ อย่างด้านบนจะเป็นสายหนังของ Apple เอง และ ด้านล่างจะเป็นสายแบบ Braided Solo Loop จะเห็นได้เลยว่า ความยาวมันต่างกันนะ โดยที่กล่องของ Hermès จะยาวกว่าเพื่อน ๆ เล็กน้อยพร้อมกับลักษณะกล่องที่หรูหราหมาเห่ากว่าเยอะมาก ๆ

ส่วนความหนาของมันก็เยอะกว่าสายรุ่นปกติของ Apple มาก ๆ คือ ประมาณ 2 เท่าของรุ่นปกติเลย

การเปิดกล่องก็จะต่างจากรุ่นปกติ โดยที่รุ่นปกติมันจะเป็นฝาเหมือนกล่องปกติเลยเปิดที่หัวของมัน แต่สายของ Hermès จะเป็นการดึงฝาขึ้น เหมือนกับเวลาเราเปิดกล่อง iPhone หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ของ Apple เลย โดยเมื่อเราเปิดกล่องออกมา เราก็จะเจอกับแถบผ้าอย่างดีที่มีการ Screen Apple Watch และ Hermès เหมือนกับหน้ากล่อง ที่ด้านข้างทั้งสอง มันจะเป็นแถบสำหรับดึงซองผ้าขึ้นมา ตัวผ้าเอง จับแล้วรู้สึกดีมาก ๆ มันน่าจะเป็นผ้าที่คุณภาพไม่แย่เลยละ นิ่มมาก

ภายในซองผ้าเมื่อเราเปิดมันออกมา เราจะเจอว่ามันแบ่งออกเป็น 2 ส่วน บน และ ล่างด้วยกัน โอ๊ยยย ผ้านี่มันนิ่มจริง ๆ

ด้านบน ก็จะเป็นพวก Paperwork ต่าง ๆ แต่เราจะเห็นว่า จะมี Logo Hermès อยู่ข้าง ๆ กับ Apple Watch เหมือนที่หน้ากล่อง และ ตรง Design in California ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Apple ก็จะมีต่อท้ายด้วย และ Hermès in Paris ไปด้วย

อันนี้เราเทียบให้ดูว่า Apple มีการเล่นกับรายละเอียดของ Paperwork หลายแบบอยู่เหมือนกัน ขนาดเป็นแค่สายนะ อย่าง Hermès ก็จะเป็นแบบด้านบนสุด อันถัดลงมามันเป็นของสายที่เป็น Pride Edition ก็มีการเปลี่ยนสีเป็น Pride และ ตัวปกติเป็นสีดำด้านล่าง จะเห็นได้เลยว่ามันมีลายละเอียดของมันอีกซึ่งทำให้เราชอบมาก ๆ

และสุดท้าย ด้านล่างก็จะเป็นตัวสายเอง ที่แบ่งเป็น 2 ชิ้น แบ่งใส่อยู่ที่แต่ละข้างของผ้า เราจะเห็นเส้นตรงกลางมันจะเย็บคั่นทำให้ทั้งสองฝั่งแยกออกจากกัน เวลาเราเปิดออกมา สายทั้งสองด้าน มันก็จะอยู่แยกกัน

ต้องยอมรับเลยว่า ประสบการณ์ที่ได้จากการแกะสาย Apple Watch Hermès มันดีจริง ๆ ตั้งแต่ตัวกล่องที่จับครั้งแรกคือ โหยยย มัน Premium จัด ๆ หรือจะเป็นพวกผ้าที่ห่อสายอยู่ก็คือดีมาก ๆ

Apple Watch Hermès สายหนัง Swift

เริ่มจากตัว Strap ก่อน ทำมาจากหนังสไตล์ Hermès เลย มีการเย็บมาคือคุณภาพดีมาก ๆ มาพร้อมกับ Adjustment Holes จำนวน 7 รูด้วยกัน ดูเหมือนเยอะนะ เราว่าสายมันแอบสั้นไปหน่อย โดยเฉพาะเมื่อคนที่แขนใหญ่หน่อยใส่ ขนาดเราว่าแขนเราก็ขนาดกลาง ๆ แล้วยังอยู่รูที่ 3 เลยน่าจะเหนื่อยหน่อยสำหรับคนแขนใหญ่ ส่วนที่ติดกับตัวเรือน เราจะเห็นว่ามันเงา ๆ เพราะมันทำจาก Stainless Steel เพื่อให้เวลาใส่กับ Apple Watch Hermès ที่ตัวเรือนเป็น Stainless Steel มันก็จะเข้ากันพอดีเลย

อย่างเราใช้เป็น Series 5 Titanium สีดำพอเอาสายนี้มาใส่ ถ้าเราลองดูดี ๆ เราจะเห็นเลยว่า สีมันจะไม่เข้ากันเลย ซึ่งมันแตกต่างจากสายตัวอื่น ๆ ของ Apple ที่มีการซ่อนทำให้ไม่ว่าเราจะใส่กับตัวเรือนแบบไหน สีใด มันก็จะไม่มีปัญหา แต่เรื่องนี้เราเข้าใจได้ เพราะสายพวกนี้ เวลาเราซื้อส่วนใหญ่ เราก็จะซื้อพร้อมตัวเรือนอยู่แล้ว หรือขนาดเอาไปลองกับ Series 5 Stainless Steel เราว่าสีมันก็ยังดูเหลือม ๆ นิดหน่อยเลย แปลว่าสีมันน่าจะต่าง หรือ เพราะซื้อมานานแล้ว ไม่รู้เหมือนกัน

ด้านหลังจะเป็นสีหนังเลย พร้อมกับมีด้ายสีส้ม เหมือนด้านหน้า เราว่ามันดู Classic ไปอีกแบบนะ และก็จะมีการเขียนเลยว่า Hermès Paris ทำที่ฝรั่งเศสเลย สัมผัสโดยรวมของหนัง เราบอกเลยว่ามันดีมาก ๆ คือ Hermès อะเนอะ

อีกชิ้น จะเป็นส่วนที่ มี Buckle อยู่ ก็จะมีลักษณะของหนังที่เหมือนกับด้านก่อนหน้าทุกประการ ส่วน Loop ของสาย ก็จะมีทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน โดยตัวที่อยู่ติดกับ Buckle จะเป็น Fixed Loop เลื่อนไม่ได้เด้อ ส่วนอีกอันที่อยู่ถัดออกมาจะเป็น Free Loop เลื่อนไปตามสายเพื่อให้เวลาใส่มันเรียบร้อยขึ้น

ถ้าเราสังเกตที่ Bucket ดี ๆ ก็จะมีลายละเอียดเป็นการปั้มคำว่า Hermès ลงไปด้วย

ที่ด้านหลัง เราก็จะเห็นว่า เอ๊ะ มันมี Loop เดียว เพราะมันคือ Free Loop ส่วน Fixed Loop อีกอันมันซ่อนอยู่ระหว่างชั้นของหนัง ทำให้ด้านหลังเราไม่เห็น และถ้าสังเกตที่ Buckle มันจะมีเขียนว่า Stainless Steel อยู่ด้วย

ประสบการณ์การใช้งาน

เอาจริง ๆ เลยนะ อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้อินกับความ Brand Name อะไรเลย ใส่แล้วไม่ได้รู้สึกถึงคุณค่าของ Brand อะไรแบบนั้นนะ แต่สิ่งที่เรารู้สึกได้เลยคือ คุณภาพของงาน งานหนังเอย งานเย็บเอย จับแล้วมันรู้สึกได้เลยว่า เออ สิ่งนี้มันแพง ไม่ได้ดูแพงเพราะ Brand แต่อย่างใด แต่มันแพงเพราะคุณภาพ น่าจะเป็นจุดนึงเลยนะ ที่ทำให้เราเปิดใจกับพวกสินค้า Brand Name บางยี่ห้อมากขึ้นเยอะ

ส่วนสีส้มเอง ตอนแรกที่ดูในหน้าเว็บ Apple เราก็กังวลเหมือนกันว่า เอ๋ มันจะเข้ากับเรามั้ยหว่า แต่พอมาใส่แล้วเออ มันก็ได้นะ ใส่กับเสื้อขาว อะไรว่ากันไป มันก็ออกมาไม่แย่เลย (ถึงปกติจะชอบใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น เหมือนอยู่บ้านทุกที่ก็เหอะ ฮ่า ๆ)

สรุป

สาย Apple Watch Hermès เป็นสายที่ตอนนั้นบอกเลยว่า บ้าเหรอ เราไม่ซื้อหรอก สุดท้ายก็คือเวลาผ่านไป 2 ปีกว่า ก็โดนจนได้ เหตุเกิด เพราะไปร้านนาฬิกาเลย ปัดโธ่ !!! แต่เอาจริง ๆ ถามว่ามันสวยมั้ย เราก็ว่ามันสวยเลยนะ กับประสบการณ์ที่ได้ อย่างการแกะกล่อง ก็ทำออกมาได้ดีมาก ๆ จนทำให้เรือนหน้า ถ้า Apple Watch Hermès ยอมทำตัวเรือน Titanium ก็จะเอา Apple Watch Hermès เลยนะ ส่วนการใช้งานสาย เราก็ว่าเออ มันคุณภาพดีมาก ๆ คือดีย์เลย ถามว่าในราคา 10k นิด ๆ คุ้มมั้ย เรามองว่า ถ้าใครงบเยอะ และ อยากได้ก็เอาละกัน ส่วนถ้างบไม่ได้สูงขนาดซื้อสาย 10k เราว่าสายธรรมดาของ Apple เองในแง่ Functional และความสวยงามมันก็ตอบโจทย์ได้เหมือนกัน เราว่าคนที่ Brand หน่อยมาอ่านอาจจะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ฮ่า ๆ ก็นะ คนเรามองค่าของ ๆ ไม่เหมือนกันซะทีเดียว ฮ่า ๆ