รีวิวสาย Apple Watch ที่หายาก และแพงหลัก 37k กับ Hermès Satiné Grand H
หากคิดว่า รอบก่อน กดสาย Apple Watch Hermes แยกมา เส้นละ 10k มันอร่อยแล้ว รอบนี้ไปอีกขั้น แบบหนักหน่วงมาก ๆ กับสายที่โคตร Rare และแพงหลัก 36.9k กับสาย Apple Watch Hermès Satiné Grand H มาดูกันว่า มันจะเป็นยังไง และเราใช้แล้วรู้สึกยังไง มาอ่านได้ในรีวิวนี้เลย
Unboxing
เรามาเริ่มแกะกล่องกันก่อน กล่องของพวก Apple Watch Hermes ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสาย และตัวเรือน จะมาพร้อมกับกล่องสีส้ม Hermes และด้านหน้าแทนที่จะพิมพ์แค่ Apple Watch แต่ยังใส่ Hermes ลงไปอีกด้วย นอกจากนั้น สัมผัสของกล่อง จากเดิมเป็นแค่กระดาษขาวธรรมดา แต่อันนี้ เราไม่รู้เหมือนกันว่า มันทำจากอะไรแต่จับแล้วเหมือนหนังมาก ๆ แต่คิดว่า ไม่น่าจะเป็นหนังหรอกมั้งนะ
ด้านหลังเป็นลายละเอียดของสายต่าง ๆ แต่ที่เราสังเกตได้อีกจุดเมื่อเทียบกับที่เราแกะกล่องสาย Apple Watch Hermes เมื่อหลายปีก่อน คือ การไม่หุ้มพลาสติกมาให้ สงสัยรักษ์โลกมั้ง
ด้านหลังซ้าย จะระบุชนิดของสายว่าเป็นสายแบบ Grand H ในภาษาต่าง ๆ
เรื่องที่เราชมทุกครั้ง เราก็จะชมอีกเรื่อย ๆ ตราบใดที่ Apple ยังทำอยู่คือ การที่เราสามารถแกะกล่องได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ อย่างที่เห็นในภาพ เขาจะมี Pull Tab ให้เราสามารถดึงเพื่อแกะได้เลย โดยในกล่องนี้ เขาจะมีทั้งหมด 2 อันซ้าย และ ขวา
เมื่อเราเปิดกล่องออกมา เราจะพบกับซองผ้าสีขาวที่มี Logo ของ Apple Watch และ Hermes เหมือนกับด้านหน้ากล่องเป๊ะ ๆ เลย
และเมื่อเราเปิดขึ้นมา เราจะพบกับสาย Hermès Satiné Grand H นอนอยู่อย่างสวยงาม
Apple Watch Hermès Satiné Grand H
ตัวสาย Apple Watch Hermès Satiné Grand H เป็นสายที่ทำจาก Stainless Steel ที่ดูผ่าน ๆ มันคล้าย ๆ กับสายเหล็กที่เราใช้กันในนาฬิกาทั่ว ๆ ไป แต่จริง ๆ แล้วมันใส่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้สายเส้นนี้ แตกต่างจากสายเหล็กกับนาฬิกาที่เราใช้งานทั่ว ๆ ไปในยี่ห้ออื่น อย่างแรก ที่เราเปิดกล่องมาแล้วเห็นคือ ตัวสายถูกทำพื้นผิวมาให้มีลักษณะด้าน ทำให้น่าจะเป็นพวกรอยขนแมวยากอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อจับไปมันค่อนข้างเป็นรอยนิ้วมือง่ายเหมือนกัน โดยเฉพาะคนที่เหงื่อออกที่มือเยอะ ๆ
หากเราแกะออกมาครั้งแรก ด้านหลังบริเวณ Buckle เขาจะมีการเอากระดาษมาติดไว้ เพื่อป้องกันรอย และความเสียหายอื่น ๆ ระหว่างการขนส่ง เราแค่ปลดล๊อค Buckle ออกมา ก็จะสามารถแกะกระดาษที่ว่านี้ออกไปได้
อีกความแตกต่างจากสายเหล็กธรรมดาคือ เราจะเห็นว่า มันไม่ได้เป็นข้อเหล็กต่อ ๆ กันทั่วไปทุกข้อ แต่ข้อเกือบสุดท้ายฝั่งที่ต่อกับส่วนที่เสียบกับ Apple Watch จะเป็นข้อตัว H เลยน่าจะทำให้เรียกว่าสายแบบ Grand H เวลาใส่แล้ว มันจะเห็นได้ง่ายมาก ๆ ว่า เราใส่สายตัวนี้ จากตัว H นี่แหละ
และบริเวณ Buckle มีการสลักคำว่า Hermes Paris เอาไว้เลย เพื่อบอกให้ชัด ๆ เลยว่า แกร ชั้นใส่สาย Hermes นะหล่อนอะไรแบบนั้นเลย
บริเวณข้อต่อกับ Apple Watch จะมีเขียนเหมือนกับสายทั่ว ๆ ไปว่า Made for Apple Watch
ที่ Buckle ข้างนึง เขียนเอาไว้ว่า Made in Switzerland เลยแฮะ ตอนแรกนึกว่า Hermes จะทำที่ฝรั่งเศสทั้งหมดซะอีก
ด้านหลังของสายบริเวณ Buckle จะมีเขียนว่า Stainless Steel เพื่อบ่งบอกวัสดุ และ 46 L โดย 46 คือ ขนาดหน้าปัด Apple Watch ที่สามารถใส่ได้ และ L คือขนาดของตัวสาย โดยเวลาเราไปซื้อ เขาจะมี Size S,M และ L ซึ่งแต่ละขนาดเขาจะเหมาะสมกับขนาดของข้อมือที่แตกต่างกัน
พอเป็นสายเหล็กแล้ว เราสามารถปรับขนาดของสายได้เล็กน้อย โดยการเอา Link ออก ปกติ เราจะต้องใช้ Pin ในการดันเข็มสำหรับล๊อคออกมา ซึ่งมันยุ่งยาก แต่สายตัวนี้ออกแบบมาให้ทำได้ง่ายกว่านั้น โดยการทำปุ่มที่เป็นสลักเล็ก ๆ เอาไว้ ให้เรากดแล้วดัน Link มันจะหลุดออกมา ให้เราสามารถเอาออกได้ แต่ปัญหาคือ มันสามารถเอาออกได้แค่ 4 Links เท่านั้น
ทำให้ หากเราข้อมือเล็กมาก ๆ แล้วดันซื้อสายมายาวเกิน เช่น ข้อมือเราเล็กระดับ Size S แต่มาใส่สาย Size L การเอาออกไปทั้งหมด 4 Links แล้ว เราก็อาจจะยังใส่ไม่ได้เลย ดังนั้น เราจะต้องวัดขนาดข้อมือก่อนจะซื้อด้วยนะ ไม่งั้นซื้อมาแล้วต้องส่งคืนสั่งอันใหม่เสียเวลาอีก เอาจริงปะ ตอนแรกสุดเลย เราจะกด Size M โอ้เอ้ไง จนหมดเหลือแต่ Size L พอมาใส่จริง ปรากฏว่า เราเอา Size L ออกแค่ Link เดียว แล้ว Fit พอดีเลย ทำให้ ถ้าตอนนั้นเราสั่ง Size M มา เราอาจจะใส่ไม่ได้เลย โชคดีจริง ๆ
ประสบการณ์การใช้งาน
ส่วนตัวเราไม่เคยมีสายนาฬิกาในกลุ่มที่เป็นเหล็กแบบ Classic มาก่อนเลย เลยอยากได้มาใส่ไปในงานสำคัญ ๆ หรืองานทางการที่เราไม่อยากใส่สายหนังสีฟ้า หรือสีส้มต่าง ๆ ส่วนใหญ่ เราจะใส่สายหนัง หรือถ้าเป็นโลหะก็จะเป็นพวก Milanese Loop แต่พอมาใส่ Grand H อันนี้ แว่บแรก เรารู้สึกเลยว่า มันหนักมาก ๆ แต่พอใส่ ๆ ไปก็ค่อย ๆ ชินอยู่ พอมองไปแล้วก็รู้สึกว่า มันเป็นสายเหล็ก Classic ที่ดูไม่แก่เลย กับตัว H ที่อยู่บนสายก็ทำให้มันเกิดความแตกต่าง ดูออกได้ไว ๆ เลยว่า นี่คือสาย Hermes นะ ไม่ใช่สายเหล็ก Generic แบบทั่ว ๆ ไปที่คนนิยมใส่กัน
โดยรวม เราค่อนข้างชอบสายตัวนี้มาก ใส่แล้วรู้สึกว่า ดูดีสุด ๆ แต่ถามว่า คุ้มราคาค่าตัว 37k มั้ย เราคิดว่า ถ้าเอาลักษณะภายนอกที่ถึงจะแตกต่างจริง แต่มันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างให้รู้สึกว่าคุ้มเท่าไหร่ แต่ถ้าเอาเรื่องฟิลลิ่ง และสัมผัส เวลาจับ เราบอกเลยว่า เวลาเราจับ ไม่รู้ว่าเพราะกระบวนการผลิตอะไร ทำให้เวลาจับมาแล้ว มันรู้สึกดีมาก ๆ ทำให้ถ้ามองในเรื่องนี้ เราว่า มันก็คุ้มค่านะ ยิ่งถ้าใครที่ชอบ Hermes เราว่า มันก็เป็นอีกตัวเลือกที่ไม่เลวเหมือนกัน