รีวิว Video Door Bell ที่ใช้เวลาหา Solution ชาติเศษ กว่าจะได้ออกมา

กลับมารีวิวของเล่นกันอีกแล้ว หลังจากที่เราได้รีวิวอุปกรณ์ Smart Home ไปหลาย ๆ ตัว ตั้งแต่ Sensor หรืออะไรหลาย ๆ อย่าง อีกความฝันนึงของเราคือ การมี Video Door Bell ที่เราสามารถคุยกับคนที่มาติดต่อหน้าบ้านเราได้ โดยที่เราไม่ต้องอยู่บ้านก็ได้ เหมือนในซีรีส์เกาเหลา เกาหลี เอ้า ถูกแล้ว ตอนแรกคิดว่า เออ ซื้อมาแล้วก็มาติดเลยก็จบ เหมือนจะไม่ยาก.... สรุปใช้เวลาไป 4 เดือนด้วยกัน เป็นยังไงมาดู

ปัญหาแรกที่เจอ

จริง ๆ บ้าน มันก็มาพร้อมกับกริ่งปกติแล้วละที่มีการลากสายจากกริ่งหน้าบ้านมาที่ตัวกระดิ่งในบ้านเพื่อส่งเสียง เมื่อก่อนมันก็ใช้ได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร ปกติที่บ้านก็จะเป็นนัก Shop Online กันอยู่แล้ว จนทำให้มีพนักงานขนส่งมากหน้าหลายตาได้ผ่านมาส่งของที่บ้าน ก็จะมากดเรื่อย ๆ จนวันนึงพบว่า อ้าว.... น้องกดไม่ติด หรือว่า ฝนตกแล้วซีลยางที่ Switch หน้าบ้านมันไม่ดี มันเลยซ๊อตจนพัง

สรุปตอนหลังเรียกช่างมา พบว่า Switch กริ่งหน้าบ้าน ไม่ได้พัง ไฟเข้าปกติ แต่กล่องที่อยู่ในบ้าน มันไหม้เลย จากในรูปเราจะเห็นว่า มันมีคราบเขม่าอยู่ด้วย ช่างบอกว่า กริ่งพวกนี้มันก็แบบนี้แหละ ถ้าเจอกดย้ำ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เหมือนเรากดปุ่ม Del เพื่อเข้า BIOS มันก็อาจจะไหม้ได้

ทำให้ Solution ที่ง่ายที่สุด ก็คือ เราทำการเปลี่ยนตัวกริ่งก็จบ ไม่แพงเอาอันที่ไหม้เป็นตัวอย่างไปซื้อตามร้านขาย Hardware ก็ดูจะจบ แต่ถ้ามันง่าย มันก็จะไม่เป็น Content ที่ทุกคนกำลังอ่านตอนนี้แน่ ๆ เพราะนี่บอกว่า ไหน ๆ ก็จะต้องเปลี่ยนแล้ว อยากได้เป็น Video Door Bell เลย เวลาเราไม่อยู่บ้าน แล้วมีคนมาส่งของ เราจะได้คุยกับเขาได้ง่าย ๆ หน่อย

Ezviz DB1 ที่ใช้ไม่ได้

หลังจากนั้น ก็เลยไปนั่งหาเลยว่ามันมี Video Door Bell ตัวไหนบ้างที่ราคาไม่แรง และ ไม่อยากได้เป็น Intercom อะไรขนาดนั้นจนมาเจอว่า Brand Ezviz ที่เป็น Brand กล้องวงจรปิดที่เราใช้อยู่ เขาก็มี Video Door Bell ด้วย แถมมันกันน้ำแบบ IP65 น่าจะพอกันฝนได้อยู่ นอกจากนั้น มันยังเสียบสายไฟเข้า ทำให้เราไม่ต้องไปนั่งชาร์จแบตด้วย

แถมพอมันเป็น Ezviz ด้วย ทำให้เราไม่ต้องมานั่งลง App ใหม่ให้มี App สำหรับ Smart Home เป็นล้าน App ไปหมดใช้ตัวเดียวกับกล้องวงจรปิดไปเลยก็เออ ดูจะเป็น Solution ที่ตอบโจทย์ตามความต้องการของเรามาก

กดมาเลยจ๊ะ 3500 กว่าบาทได้ เรียกช่างมาติดตั้ง ด้วยความที่มันเป็นของที่คนทั่ว ๆ ไปตามบ้าน ไม่ได้ใช้กัน ทำให้เราและช่าง ก็ต้องมานั่งแกะจากคู่มือกันว่าเขาทำยังไง ในเว็บของ Ezviz นางก็มี Video บอกวิธีการติดตั้งไปแล้วนะ นี่ก็ทำตามเลย วัดไฟอะไรเพื่อให้ชัวร์ว่านี่สายอะไร อันไหนเหมือนเขาเทียบเลย สรุป ติดเข้าไป ไฟไม่ติด....... ใช้ไม่ได้

พอเราติดต่อไปที่ร้านที่ซื้อมาผ่าน Lazada นางก็รับเรื่องไว้ แล้วก็หายไปเป็นเดือน จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมากว่า 3-4 เดือนแล้วนางก็ยังไม่ตอบอะไรเรา เออ จ๊ะ เสียเงิน 3500 กว่าบาทไปฟรี ๆ กับของที่ใช้ไม่ได้ จนตอนนี้มันก็ยังนอนอยู่ในกล่องที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับมันดีอยู่เลย

AIS Smart Home กู้ชีพ Project นี้อีกครั้ง

จนเวลาผ่านไปหลายเดือน จนยอมแพ้ แล้วไปซื้อกริ่ง Wireless ถูก ๆ มาเสียบแทน ทำให้หน้าบ้านตอนนั้นเราก็จะมี Switch กริ่ง 2 อันติดอยู่หน้าบ้าน ทำให้คนที่มาบ้านเราก็เหมือนเล่นเกมเสี่ยงโชค อันไหนคือกริ่งที่ใช้ได้น้าาาา กดแมร่ง 2 อันเลยละกัน ก็มี กับบางคนก็กดอันเดียว ไม่มีอะไรออกมาก็หยุดกดแล้วจากไปแบบ งง ๆ ก็มีเช่นกัน

จนวันนึง มี Message จาก AIS เป็น Ads นั่นแหละ มาว่า เออในเว็บ AIS Online Store นางขายอุปกรณ์ Smart Home แล้วนะ ด้วยความที่สนใจก็เลยกดเข้าไปดู ไปเจอว่า เห้ย มันมี Video Door Bell ด้วย ความอยากมันก็กลับมาอีกครั้ง กันน้ำเหมือนกันด้วย แต่ใช้เป็นการชาร์จ Battery เออ ก็ดี เพราะรอบก่อน เราไม่รู้ว่า ที่มันติดแล้วไฟไม่ขึ้น เป็นเพราะกริ่งมันเสียอยู่แล้ว หรือเป็นเพราะไฟบ้านเรากันแน่ (วัดไฟในสาย มันมีไฟนะ) การที่ไม่ต้องเสียบไฟ แล้วใช้ Battery ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ สำหรับบ้านเรา ณ ตอนนั้น

ประกอบกับ ในเว็บมี Promotion สำหรับลูกค้า ได้ส่วนลดราคาพิเศษด้วย ทำให้ราคาอยู่ในเรทที่ถือว่าโอเคเลย รับได้ ประมาณเกือบ 4000 บาท และ ถ้ามี Battery ด้วยราคามันดูดีมาก ๆ ก็เลยกดมาเลย

พอมาดูการติดตั้งแล้วต้องยอมรับเลยว่า Video Door Bell ที่ไม่มีสายไฟนี่ติดตั้งค่อนข้างง่ายเลยละ เพียงแค่เราเจาะพนังทั่ว ๆ ไปแล้วมันจะมี Mount สำหรับยึดขาตั้งกับพนังได้เลย แล้วเราค่อยเอาตัวกริ่งไปติดที่ Mount อีกทีนึง พอใช้ ๆ ไปแบตหมด เราก็ไขน๊อตเอากริ่งออกมาจาก Mount แล้วก็เข้ามาชาร์จในบ้าน ก็ถือว่าโอเคแหละ ถ้าเราไม่อยากฟาดกับเรื่องสายไฟในบ้าน ที่ถ้าทำก็ต้องรื้อฝ้า มันก็ไม่ใช่เรื่องตลกเท่าไหร่ที่จะรื้อฝ้าเนอะ

ตัวกริ่ง เรากดมาจาก AIS Online Store ตรง ๆ เลย แต่เราเลือกให้ เราไปรับที่สาขาเอง เพราะเรากลัวมันจะเหมือนกับกริ่งอันก่อน ถ้าไปรับที่สาขาเลย แล้วถ้าเปิดมาแล้วมันมีปัญหา เราก็จะได้จัดการเคลมตรงนั้นได้เลย ไม่ต้องกลับไปกลับมาหลายรอบ แน่นอนว่า เราเอาไปส่งที่ AIS สาขา Central ปิ่นเกล้า พนักงานก็คือ งง มากว่า มี Product นี้ด้วยเหรอ ฮ่า ๆ..... จบละ ก็เลยไม่ได้เทสอะไร ให้เขาแกะกล่องกริ่งออกจากกล่องพัสดุ แล้วเปิดดูอุปกรณ์ว่ามีครบตามที่หลังกล่องมันเขียนมั้ย ก็ครบปกติดี เอากลับบ้านไป

การ Setup แสนง่าย

พอเอากลับมา เลยลองมานั่ง Setup ดู ก็พบว่า การ Setup ถือว่าทำได้ค่อนข้างง่ายเลยละ ในกล่องมาพร้อมกับคู่มือ ที่เราสามารถเปิดและทำตามมันได้หมด ใน App เองก็จะเป็น App ของ AIS เองชื่อ AIS Smart Home ที่เราสามารถดาวน์โหลดผ่าน App Store หรือ Google Play Store ได้เลย

แต่ข้อเสียของนางมีอย่างเดียวคือ App ของนาง ไม่รองรับการใช้งานใน Tablet ทำให้หน้าตาใน iPad มันก็จะออกมาเป็น Mobile App เหมือน Instagram ใน iPad ยังไงแบบนั้นเลย

โหลดมาแล้วลองติดตั้งตามคู่มือก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย เป็นอุปกรณ์ตัวแรก ๆ เลยที่เราติดตั้งตามคู่มือ แล้วทำผ่านได้ในรอบเดียว ตัวอื่นคือ ทำอยู่หลายรอบมาก ๆ กว่าจะได้

การติดตั้งท่ายาก

บอกแล้วถ้ามันง่ายก็ไม่ใช่อานนท์ เพราะตอนที่จะติดตั้ง แม่ก็มีไอเดียว่า ถ้าเราทำกล่องเป็นเหมือนกล่องกันฝน มันก็น่าจะป้องกันไม่ให้กริ่งมันโดนฝนหนัก ๆ ได้ เผื่อวันนึง ยางที่มันซีลช่องชาร์จมันเสื่อม ก็จะลดความเสี่ยงไปได้เยอะ ก็ทำกล่องเป็นกล่องเหล็กขึ้นมาละกัน ก็ใช้ช่างเขาจัดการมาจนได้กล่องเหล็กมา

กว่าจะติดตั้งได้ มันก็มีหลายปัญหา ทำให้เวลาล่วงเลยไปหลายอาทิตย์ จนนี้นึกได้ว่า เออ เรามีแผง Solar Cell เล็ก ๆ ขนาด 5.5 Watts อยู่อันนึงนินา จาก Project Weather Station พอมาดูใน Specification ของตัวกริ่งมันใช้ไฟในการชาร์จที่เยอะกว่านี้ แต่คิดว่า ถ้ามันชาร์จเรื่อย ๆ มันก็น่าจะพอได้อยู่ อาจจะต้องลองดู

วิธีการก็คือ ตัวกล่องเหล็ก เราก็ต้องไปเจาะรูเพิ่ม ที่ตรงกับรูของหัวรับไฟเข้า พร้อมกับเจาะรูเอาสายไฟจาก Solar Cell เข้า โชคดีที่ตัวแผง Solar Cell มันกันน้ำระดับ IPX6 อยู่แล้ว ประกอบกับ ก่อนหน้านี้แผงนี้มันก็ผ่านพายุฝนมาแล้วมันก็อยู่ได้ แต่มันก็จะมีแค่ตรง USB Output ของมันที่ไม่กันน้ำ เราก็แค่เจาะรูเล็ก ๆ ให้เอาสายสอดเข้า และให้หัว USB อยู่ในกล่องก็พอแล้ว และ ก็เอาสาย USB เสียบที่ด้านหลังกริ่งผ่านรูที่เจาะไว้ อีกด้านก็เสียบเข้ากับ Output ของ Solar Cell ก็เป็นอันเรียบร้อย

อีกข้อระวังที่เรากลัวคือ เวลาฝนตก ถ้าเราเจาะรูสำหรับเอาสาย Solar Cell เข้าที่ด้านบน เวลาฝนตก หรือเปียกน้ำ น้ำอาจจะไหลลงรูเข้าไปด้านหลังที่มันมีไฟฟ้าได้ ทำให้ทางเลือกที่น่าจะปลอดภัยกว่าคือการ เจาะรูที่ด้านล่างของกล่องแล้วเอาสายอ้อมแทน ถ้าฝนตกมันก็จะไม่โดนตรง ๆ อย่างมาก มันก็จะอยู่ที่ปลาย ๆ รูเท่านั้น ซึ่งส่วนที่ห้ามโดนน้ำ มันอยู่กลาง ๆ กล่องก็โอกาสที่น้ำจะเข้าก็น้อยลงมาก ๆๆๆ

ใช้งานจริง

หลังจากติดตั้ง และใช้งานจริง เรื่องที่กังวลที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของไฟจาก Solar Cell ว่ามันจะพอมั้ย โชคดีส่วนนึงที่ตำแหน่งที่วางแผงนั้นมันอยู่ทิศใต้ ที่แดดส่องทั้งวันพอดี ทำให้กริ่งได้รับไฟเข้าตลอดทั้งวัน

ประกอบกับ กริ่ง ตัวนี้ นางไม่ได้อัดวีดีโอตลอดเวลา เวลาปกตินางก็จะพาตัวเองเข้าโหมด Deep Sleep ไปทำให้กินไฟน้อยมากอยู่แล้ว ทำให้แม้ว่า เราจะให้ไฟมันไม่ได้สูงเท่าที่ใน Specification กำหนด แต่ก็ทำให้ตัวกริ่งคง Battery ที่ 100% เมื่อหมดวันได้ทุกวัน (เว้นวันที่ฝนตกไม่มีแดด) ถ้าสมมุติว่าเกิดเข้าหน้าฝนจริง ๆ ก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะกริ่งจริง ๆ น่าจะอยู่ได้เป็นเดือน หมายความว่า 30 วันนั้นไม่มีแดดออกเลย ซึ่งในไทย มันเป็นได้ได้ยากมาก ๆ ทำให้เราแทบที่จะไม่ต้องสนใจเรื่อง Battery ไปได้เลย

มาที่เรื่องการใช้งานจริงกันบ้าง ตัว App ของ AIS ทำออกมาเกือบดีละ คือในกริ่งนางมี PIR ที่เราสามารถตั้งค่าได้ด้วยว่า ให้มัน Detect ตรงไหนบ้างซ้าย ขวา กลาง ใกล้ ไกล ทำได้หมด ในค่า Default คือ มันก็จะเซ็ตมาทุกทิศเลย ทำให้เวลาใครผ่านไปผ่านมา เช่นพี่ยามปั่นจักรยานผ่านมา นางก็จะยิง Notification มาที่โทรศัพท์ และ เริ่มอัดวีดีโอ จนมันน่ารำคาญมาก ๆ ก็เลยลดระยะ กับมุมของ PIR ที่ให้มัน Trigger เรียกเราไป

ส่วนการกดกริ่ง เราใช้ใน iOS มันขึ้นมาเป็นแค่ Notification ธรรมดาเท่านั้นว่า มันมีคนกดกริ่งนะ พอเรากดเข้าไปใน App มันก็จะแสดงหน้าเหมือนมีคนโทรมา ให้เราเลือกที่จะกดรับ หรือปฏิเสธสายไป ข้อเสียคือ มันไม่ยอมขึ้นหน้าที่ให้เราเลือกกดรับเลย ต้องกดผ่าน Notification นี่แหละ บางทีเราก็ไม่ได้สนใจ เพราะนึกว่าเป็น PIR ไง

เรื่องของคุณภาพของภาพที่อัด และ เสียงที่ใช้คุย ถือว่าโอเคมาก ๆ ภาพ และ เสียงชัดเจน Delay ไม่มากนัก คุยกันรู้เรื่องบรรลุวัตถุประสงค์ของการใช้ Video Door Bell เป็นอย่างดี กลางคืน มันก็จะมีการสลับไปใช้กล้องกลางคืน ทำให้เรายังเห็นได้ในกลางคืนอย่างดี พร้อมกับ เวลาเราสนทนากับคนที่กริ่ง ตัวกริ่งมันก็จะทำการอัดวีดีโอ และเสียงในการสนทนา ลงไปใน SD Card ที่ใส่เข้าไป ทำให้เราสามารถเรียกวีดีโอตรงนั้นกลับมาดูอีกครั้งผ่าน App ได้เลย

อีกปัญหาที่พบคือ พอเราใช้ไป อยู่ดี ๆ กริ่งมันก็ Offline ออกจากไป App ก็คือขึ้นว่า Offline แล้วก็ทำอะไรไม่ได้เลยจาก App พอเข้าไปดูใน Client List ก็ไม่เจอกริ่งเชื่อมต่อกับ WiFi อยู่ ภาพตอนเรียนวิชา Wireless แว่บขึ้นมา นี่มันกล่องโลหะ มันมีการดูดซับคลื่นเยอะนี่หว่า แล้วกล่องคือ ครอบปิด 3 ด้านเลย เหลือด้านหน้า สัญญาณมันจะเข้ายังไงให้ลื่นได้ละ ตายละ ก็เลยลองไปเพิ่ม Transmission Power ให้สูงขึ้น มันก็พอช่วยได้ส่วนนึง แต่ก็ยังมีปัญหา Offline อยู่ ตอนนี้ก็ยังหาวิธีแก้ไม่ได้ อาจจะเริ่มจากการลองย้าย AP ให้มันใกล้กับหน้าบ้านมากขึ้น น่าจะช่วยได้ เพราะการที่จะเปย์เงิน เพื่อซื้อ AP สำหรับใช้กับกริ่งเลย มันก็จะเป็นการสิ้นเปลืองเงิน และ พลังงานมาก ๆ เลยทีเดียว

สรุป : ลองหา Video Door Bell มาใช้ดู มันสบายมาก

เอาจริง ๆ การใช้พวก Video Door Bell มันเป็น Solution ที่ดีมาก ๆ สำหรับบ้านที่ชอบใช้บริการ Online Shopping มาก ๆ นะ ที่จะมีพนักงานส่งของมาไม่เว้นแต่ละวัน แล้วถ้ามีจุด Drop Parcel ไว้ให้เขาด้วยจะดีมาก เผื่อเวลาเราไม่อยู่บ้านเราก็จะได้คุยกับเขา เพื่อให้เอาไปวางจุดวางของเราได้เลย ทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นเยอะมาก ๆ ถ้าไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่อยากเดินสายไฟใหม่เยอะแยะ ก็ลองหาเป็นกริ่งแบบเรานี่แหละที่ใช้การชาร์จแบตแทน อาจจะลำบากในการเอาไปชาร์จหน่อย แต่มันก็นาน ๆ ทีแหละ หรือจะทำแบบเราก็ได้เหมือนกัน Solar Cell แผงนึง 175 บาทเอง ไม่แพงเลย ได้ไฟมากเพียงพอสำหรับกริ่งอีกต่างหาก หรือเอาจริง ๆ เราอยากให้มี Video Door Bell ที่เสียบ Ethernet ที่มี PoE ด้วย มันจะดีมากส่งทั้งข้อมูลกับไฟมาพร้อม ๆ กันเลย ก็ลองไปหามาเล่นดูฮ่ะ