ภัยคุกคาม กับความปลอดภัยของเราบนโลกไซเบอร์

ในตอนนี้จำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว จากเมื่อก่อนบ้านหนึ่งหลัง จะมีอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็คเพียงแค่เครื่องเดียว หรือไม่มีด้วยซ้ำ แต่ในปัจจุบัน คนหนึ่งคนอาจจะมีมากกว่า 1 อุปกรณ์ด้วยซ้ำ เมื่อจำนวนผู้ใช้เยอะขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ไม่หวังดี ย่อมอยากที่จะเข้ามาทำอะไรไม่ดีไม่ร้ายกับเรา (อ่านแล้วดูหื่นจัง) จึงเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวกันเลยทีเดียว
ดังนั้นเราในฐานนะของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตก็ย่อมต้องระวังตัวของเราเองมากขึ้นเช่นกัน เพื่อป้องกัยผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาล้วงข้อมูล ทั้งส่วนตัว และไม่ส่วนตัวของเราได้

ภัยคุกคามตอนนี้ถือว่าน่ากลัวแค่ไหน ?

ก่อนเราจะไปถึงวิธีป้องกันง่าย ๆ เรามาดูกันก่อนว่า ในปีที่ผ่านมานั้นมีผู้ถูกโจมตีมากแค่ไหน เราลองมาดู สถิติคร่าว ๆ กัน

security_life_1

รายงานจาก Symantec ที่เป็นบริษัท Software รักษาความปลอดภัยบอกว่า ในช่วงปี 2015 ที่ผ่านมามีจำนวนการโจมตีเพิ่มมากขึ้นจากปีก่อนถึง 2% หรือคิดเป็นเงินมูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
อ่านดูแล้ว คิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวกันแน่ ๆ เลยตอนนี้ งั้นลองมาดูทางฝั่งของ Microsoft กันหน่อย ทางนั้นบอกว่า เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่เราใช้กันอยู่ มีจำนวนครั้งที่ถูกโจมตีมากกว่า คอมพิวเตอร์ที่อยู่ในสำนักงาน ถึง 2 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่า ประเทศไทยของเราก็ตกอยู่ในประเทศที่มีการโจมตีสูงเป็นอันดับต้น ๆ เช่นกัน
ถึงตอนนี้เราก็รู้กันไปแล้วว่าโลกอินเตอร์เน็ตที่อาจจะดูสวยหรูและปลอดภัย จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ต่างกับโลกแห่งความเป็นจริงเท่าไหร่เลย ที่เราเดิน ๆ อยู่อาจจะถูกโจรวิ่งราวและล้วงของของเราไปได้อย่างง่ายดาย วันนี้ผมจึงจะมาแนะนำ 5 Tips ง่าย ๆ ที่จะช่วยให้เราปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ของเราได้มากขึ้น

หัดใช้ Incognito Mode

ผมเชื่อว่าใครหลาย ๆ คนน่าจะเคยโดนเพื่อนแกล้ง โพสต์ Facebook ว่า เป็นเกย์ หรือ Check-in ที่ อาบอบนวดบ้าง แหละ เพราะเกิดจากที่เรา Login เพื่อเข้าใช้ระบบ และลืม Logout ออกเมื่อใช้เสร็จ

วิธีแก้ก็คือ การใช้ Incognito Mode หรือบางเจ้าก็เรียกว่า Private Mode ก็แล้วแต่กันไป แต่หลักการของมันเหมือนกันคือ มันจะไม่บันทึกอะไรทิ้งไว้เลย ไม่ว่าจะเป็นประวัติการเข้าใช้ที่บอกว่าเราเข้าเว็บอะไรไปบ้าง (รู้นะว่า จะเอาไปใช้เข้าเว็บแปลก ๆ น่ะ !!) หรือแม้กระทั่ง Cookie และ Session ที่เก็บสถานะของการ Login ในเว็บไว้ ฉะนั้นเมื่อเราใช้เสร็จ และปิดหน้าต่างไป พอเปิดกลับมาใหม่ ก็จะไม่มีอะไรเหลือเลย เราก็จะไม่เป็นเกย์ หรือ ได้ไปเยี่ยมเยียนอาบอบนวด โดยเพื่อนเราอีก
แต่เชื่อมั้ยครับว่า การที่เราใช้ Incognito Mode ไม่ได้ใช้แค่นั้น ลองนึกภาพว่า เมื่อเราเข้าไปใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะ ถ้าเราเกิดลืม Logout เหมือนกับเคสเมื่อกี้ มันคงไม่จบที่การเป็นเกย์ในเสี้ยววินาที หรือจะได้ไปเยี่ยมอาบอบนวดแน่นอน แต่อาจจะถูกล้วงข้อมูลไปได้โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยทีเดียว

อย่าเข้าเว็บไซต์ที่แปลก ๆ (ที่ไม่น่าไว้ใจ)


อันนี้ก็เป็นอีกข้อที่น่าสนใจ เพราะเป็นเรื่องที่ห้ามกันยากจริง ๆ ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้มีความรู้ทางด้านไอทีอะไรคงจะแยกไม่ออกว่า เว็บไซต์แปลก ๆ มันเป็นยังไง สรุปง่าย ๆ คือผมสรุปว่า เป็นเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ Official Website เช่น เว็บดูหนังเถื่อน (Netflix เป็นเว็บของจริงนะ ถึงจะดูหนังเหมือนกันก็เถอะ) หรือเว็บโหลดโปรแกรมเถื่อน
เขาอาจจะแฝงอะไรอยู่ในเว็บ และเมื่อเราเข้าไปมันก็อาจจะมีอะไรบางอย่างเข้ามาในเครื่องของเราโดยที่ไม่รู้ตัวเลยก็เป็นได้เหมือนกัน ฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ อย่าไปเข้าเว็บแปลก ๆ เลยจะดีที่สุด
ในปัจจุบัน Web Browser ฉลาดมากขึ้นแล้ว ตอนนี้มันสามารถที่จะป้องกันไม่ให้เราเข้าเว็บไซต์ที่มีความเสี่ยงได้ ถ้ามันเตือนอะไรก็อ่านก็หน่อยก็จะช่วยให้เราปลอดภัยขึ้นอีกขั้นนึงเลยนะครับ

หมั่นอัพเดท Software ให้ใหม่อยู่เสมอ


ภัยคุกคามใหม่ ๆ มันเกิดขึ้นทุกวินาที ผู้พัฒนา Software ก็ทำการปรับปรุงแก้ไข Software หรือระบบ ให้สามารถป้องกันภัยคุกคามที่พบได้ ฉะนั้นทางที่ดีเราควรที่จะคอยหมั่นเช็คและตรวจสอบเวอร์ชั่นของระบบของเราให้ใหม่อยู่เสมอ เพื่อป้องกันภัยคุกคามต่าง ๆ ที่อาจจะเข้ามาในเครื่องของเราด้วย

ใช้ Software แท้

"ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี ๆ" แน่นอนว่า Software ก็เช่นกัน การที่เราเข้าไปโหลด Software เถื่อน คนที่เป็นคน Crack Software เขาก็ต้องอยากได้อะไรเหมือนกัน เขาก็อาจจะใส่อะไรสนุก ๆ แทรกมากับโปรแกรมของเรา อาจจะเพื่อมาล้วงข้อมูลส่วนตัวของเรา แล้วเอาไปขายก็ก็เป็นได้
เชื่อว่า หลาย ๆ คนก็คงจะคิดอยู่นะว่า "เรื่องแค่นี้เอง ! คนอื่นก็ทำกันเยอะแยะ !" แต่ผมอยากให้มองกลับกันว่า กว่าที่โปรแกรมหรือระบบมันจะออกมาสักตัวนึงได้ มันอาศัยทั้ง เครื่องคอมพิวเตอร์ และ แรงงานของคน ที่ใช้เขียนมันขึ้นมา ถ้าเกิดเราใช้เถื่อนกันหมด เราก็ไม่ต่างกับการย่องขึ้นบ้านแล้วขโมยของเลย แล้วคนที่เขียนโปรแกรมขึ้นมา จะเอาอะไรกิน ถ้าเกิดทุกคนใช้ Software เถื่อนกันหมด
ฉะนั้นอยากให้ทุกคน มองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ การใช้ Software เถื่อน เท่ากับ การขโมยของ ใจเขาใจเราครับ ถ้าเกิดเราเป็นคนที่ถูกขโมยบ้าง เราก็คงไม่ชอบเหมือนกัน

ติดตั้ง Anti-Virus Software


Tip สุดท้ายแล้ว ถ้าเกิด คุณเป็นคนที่ทำงานกับข้อมูลบางอย่างที่ค่อนข้างอ่อนไหวมาก ๆ อย่างเช่น เลขบัญชี หรือรหัสผ่านต่าง ๆ บ่อย ๆ หรือไม่ค่อยมีความรู้ในการกรองเว็บที่ไม่น่าเชื่อถือแล้วละก็ ผมแนะนำให้ ไปหาซื้อพวกโปรแกรมรักษาความปลอดภัยมาใช้เลยครับ มีจากหลายเจ้า หลาย Brand ให้เราเลือกกันตามความชอบ และราคา
นึกภาพเหมือนกับ เราไปจ้างยามมาดูแลระบบของเราให้เลย ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไปอีก อันนี้ก็อยู่ที่เราเป็นคนตัดสินใจเลย สำหรับใครที่ไม่ค่อยทำงาน หรือใช้งานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่อ่อนไหวมากแล้วละก็ ไม่จำเป็นต้องไปซื้อมาก็ได้ เพราะใน Windows เองก็มีสิ่งที่เรียกว่า Windows Defender ที่เป็น Anti-Virus พื้นฐานที่มากับ Windows อยู่แล้ว (ที่สำคัญ ฟรี) หรือ OSX ก็มี Self-Defense ที่ดีอยู่พอตัว ทำให้เราสามารถวางใจไปได้นิดหน่อย
รูปภาพเป็นเพียงตัวอย่างประกอบเท่านั้น ไม่ได้โฆษณาแต่ประการใด

สรุป

และทั้งหมดนี้ก็เป็น 5 Tips ง่าย ๆ ในการใช้งานอินเตอร์เน็ตในชีวิตประจำวันให้ปลอดภัยมากขึ้น แนะนำให้ลองเอาไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของเราได้ง่าย ๆ เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองนะครับ สวัสดีครับ
อ้างอิงข้อมูลจาก
Internet Security Threat Report - Symantec
2016 Trends in Cybersecurity - Microsoft