ประสบการณ์ คนนอนไม่หลับ และการแก้ปัญหาของ Arnondora

หลายเดือนที่ผ่านมา เรามีปัญหานอนไม่หลับบ่อยมาก ยอมรับว่า ส่วนใหญ่มันเกิดจากความเครียดซะเยอะ พอนอนไม่กลับ หลาย ๆ อย่างมันก็ตามมา ไม่สดชื่นบ้างละ หน้าพังบ้างละ (อันนี้สำคัญสุด ถถถถถ) วันนี้เราจะมาเล่าสู่กันอ่านกันว่า นอนไม่กลับแล้วมันเกิดอะไรขึ้น และ เราจัดการมันอย่างไรบ้าง

นอนไม่หลับแล้วเกิดอะไรขึ้น

เรื่องนี้คนที่หัวถึงหมอนแล้วหลับไปเลยอาจจะไม่ค่อยเก๊ตเท่าไหร่ว่า ทำไมกันนะ ฮ่า ๆ แต่คนที่นอนไม่หลับจริง ๆ มันมีหลายแบบมาก ๆ ตั้งแต่ แค่นอนหลับยากยันตื่นกลางดึกกันเลยก็มี แต่เราเอง ไม่ได้ถึงขนาดที่ตื่นกลางดึก แค่ หลับยากเท่านั้นเอง

กับตื่นมาแล้วมันรู้สึกไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่ ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันอาจจะไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร งานที่มันควรจะทำเสร็จมันก็ไม่เสร็จ แล้วมันก็มาเบียดเวลาพักผ่อนของเรา สุดท้าย เราก็จะดูงานเยอะไปหมด

ตื่นนอนมา มันก็ไม่ตื่นเอง ต้องใช้นาฬิกาปลุก แถม Snooze อีก เอ้าาาา สุดท้ายตื่นสายจ๊ะ ! นั่นแหละ จากตรงนี้เอง ที่ทำให้เราเลือกที่จะจัดการตัวเองเรื่องนี้อย่างจริงจังมากขึ้น ด้วยการหาวิธีมาทำให้เรานอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตื่นนอนมาอย่างสดชื่น มาดูกันว่า เราทำยังไงบ้าง

อาบน้ำอุ่น

ช่วงนี้คือ อากาศหนาว (เหรอ?) การอาบน้ำอุ่นก็ปรับอุณหภูมิตัวเราให้มันกลับมาอยู่ในระดับปกติ คือไม่หนาวจนสั่น ไม่ร้อนจนเหงื่อออก พอดี ๆ สบาย ๆ เราสังเกตว่า หลังจากเราอาบน้ำอุ่นมันจะรู้สึก Cozy แปลก ๆ มันดีมาก ๆ เราแนะนำว่า ถ้าบ้านใครมีเครื่องทำน้ำอุ่นก็สักหน่อนก่อนนอน

แต่ตอนตื่นเราแนะนำให้อาบน้ำปกติ น่าจะดีกว่านะ เหมือนเป็นการ Jump Start ร่างกายเราให้พร้อมเผชิญเรื่องในแต่ละวัน

ดื่มชาอุ่น ๆ

นอกจากอาบน้ำอุ่น ๆ แล้ว อาบเสร็จ ถ้าได้ชา นม หรือ โกโก้ ร้อน ๆ สักแก้วน่าจะดีไม่เบาเลย เหตุผลมันจะคล้าย ๆ กับการอาบน้ำอุ่นแหละ

อันนี้เขาไม่ได้จ่าย เราจ่ายเอง มันดีย์มาก ๆ

ถ้าเราไปเดินหาซื้อของพวกนี้ มันจะมีแบบพวกชาที่สำหรับดื่มก่อนนอน เพื่อให้ผ่อนคลาย อะไรแบบนั้นด้วยนะ ซึ่งเราก็กินอยู่ แล้วมันดีย์มาก ฟิลกู๊ดดด เวรี่กู๊ดด มาก

งดใช้โทรศัพท์ และทำงาน

ก่อนนอน เราพยายามที่จะ ตัดโลกออกไป ให้เหลือแค่โลกของเราในห้องนอนเราเท่านั้น ดังนั้น ก่อนนอน เราจะพยายามไม่ให้ตัวเองนึกถึง งาน และ เรื่องอื่น ๆ ที่รายล้อมอยู่รอบตัวเรา เหมือนเอาปัญหาเก็บไว้ก่อน เวลานี้เป็นเวลาคุณภาพของเรา เราจะไม่รู้สึกผิดที่ไม่ตอบงาน หรือ พลาดเรื่องคนอื่นไปตอนนี้เลย (เป็นคนชอบ เผือกเรื่องชาวบ้านแหละ ยอมรับ)

โดยเฉพาะการใช้งาน Social Media มันเหมือนกดปุ่ม Fast-Forward ให้กับชีวิตเรามาก ทุกอย่างเร่งรีบ ทุกอย่างเยอะไปหมด ทุกคน Post ทุกคน Comment กันอย่างรวดเร็ว เหมือนจากเราเดิน เราต้องวิ่ง ๆๆๆ วิ่งมันทั้งวัน มันก็ไม่แปลกที่จะรู้สึกโคตรเหนื่อย การหยุดเล่น Social Media แล้วอยู่กับตัวเองสักพัก มันก็เหมือนกับการที่เรากดความเร็วกลับมาเป็น x1 เหมือนเดิมนั่นแหละ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ในแต่ละวัน แต่มันเป็นเวลาที่มีคุณภาพ ทำให้เราหายเหนื่อยสำหรับเรา

ทำให้ ก่อนนอนเราจะไม่เล่นโทรศัพท์ และ นั่งทำงานเลย หลังอาบน้ำ คือ หมดเวลางานโดยสมบูรณ์ เราจะไม่ทำอะไรแล้ว กิจกรรมที่เรามักจะทำคือพวก มาร์คหน้า อ่านหนังสือ นอนฟังเพลงโง่ ๆ อะไรแบบนั้น

การที่เราได้มีเวลากับตัวเอง เราว่ามันทำให้เรามีจินตนาการแปลก ๆ ความคิดใหม่ ๆ ออกมาเยอะมาก หลาย ๆ ครั้ง ที่เราได้ไอเดียในหลาย ๆ เรื่อง ก็มาจากช่วงเวลาแบบนี้แหละ

อ่านหนังสือ

กิจกรรมนึงที่เราแนะนำให้ทำก่อนนอนมาก ๆ คือ การอ่านหนังสือ เอาหนังสือจริง ๆ นะ ไม่เอาพวก E-Book สาเหตุที่เราแนะนำให้ใช้หนังสือจริง ๆ เพราะ เรื่องของแสงจากจอแล้วเรื่องนึง กับ การอ่านพวก E-Book มันอาจจะมี Notification หรืออย่างอื่นที่อยู่บนหน้าจอมากวนเราได้ ดังนั้นดีที่สุดที่เราแนะนำคือ อ่านหนังสือ ที่เป็นหนังสือจริง ๆ

หมดปีนี้ เราอ่านหนังสือไปเยอะมาก ส่วนมากจะเป็นเรื่องของการพัฒนาตัวเองซะเยอะ กับพวกเรื่องราวการเดินทางไปเที่ยวอะไรแบบนั้น เราจะชอบอ่านมาก แต่เราจะไม่ชอบอ่านพวก เครียด ๆ หลักการอะไรแบบนั้น พวกนั้นเราเก็บไว้อ่านเวลาว่าง ๆ ดีกว่า

แล้วพอ Combination กับการดื่มชาแล้ว อ่านหนังสือไป จิบชาไป โห มันโคตรดีย์ละจะบอกให้

เขียน Diary

เมื่อก่อนเราไม่เชื่อเรื่องการเขียน Diary พวกนั้นเท่าไหร่เลยนะ แต่พอโต ๆ มา เราก็กลับมาเขียน ไม่น่าเชื่อเมื่อเรากลับไปอ่านมัน มันทำให้เราเห็นเลยว่า เมื่อวานกับวันนี้เราโตขึ้นยังไงบ้าง

การเขียน Diary สำหรับเรา มันเหมือนเป็นเครื่องที่ทำให้เราฉุกคิดว่า วันนี้เราทำอะไรไปบ้าง วันนี้เรารู้อะไรเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานบ้าง อะไรที่เราทำพลาด เพื่อสอนตัวเองในวันพรุ่งนี้ให้เก่งขึ้น

อีกอย่าง เราอยากให้พยายามที่จะ Enjoy the moment มาก ๆ วันนี้เราเก่งเท่านี้แล้ว ก็ถือว่าดีแล้ว ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย พรุ่งนี้เราจะต้องเก่งขึ้นอีก พรุ่งนี้เราจะเอาชนะปัญหาได้ พยายาม Appreciate กับสิ่งที่ตัวเองทำได้ มีหลายเรื่องมาก ๆ ถ้าเราลองนึกดู ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่อะไรก็ได้ เรื่องเล็ก ๆ อย่างการที่ วันนี้เราได้กินของที่เราชอบ หรือ วันนี้เราไปเรียนตรงเวลา ก็ได้เหมือนกัน

หรือสำหรับใครที่คิดว่า การเขียน Diary มันอาจจะเยอะไป เราแนะนำให้ลองทำง่าย ๆ คือ การเขียนแค่ว่า รวม ๆ วันนี้เรารู้สึกยังไง แล้วอะไรที่เราคิดว่า มันทำให้เรารู้สึกแบบนั้น ก็ได้เหมือนกัน มันเหมือนเป็นวิธีนึงที่เราใช้เพื่อให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น อาจจะใช้ App หรือ เขียนลงสมุดก็ได้

สรุป

รวม ๆ จุดประสงค์ที่เราทำทั้งหมด เพื่อให้เราเหมือนหลุดออกจากโลกที่แสนเร่งรีบ มีแต่งานโน้นงานนี้ จนทำให้เราคิดถึงตัวเองน้อยลง ได้หยุดการเร่งเวลา และกลับมาฉุกคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ละวันว่า วันนี้เราทำอะไรสำเร็จบ้าง อะไรพังบ้าง แล้วก็ Appreciate กับมัน สนุกกับมัน อยู่กับมัน เท่านี้ก็ทำให้เรานอนหลับฝันดีและ มีกำลังที่จะลุกขึ้นมาสู้กับวันพรุ่งนี้อย่างสดใส สวัสดีครับ