1 เดือนกับ AirDog X5 มันได้ขนาดนี้เลยเหรอ ??

หลังจากเมื่อเดือนก่อน เรารีวิวเครื่องฟอกอากาศ AirDog X5 กันไป ทำให้เราสงสัยในประสิทธิภาพการทำงานของมันมากว่า มันจะทำงานได้ดีขนาดไหน วันนี้เราใช้งานมาครบ 1 เดือนพอดี มาดูกันว่า ค่าฝุ่นในห้องนอนเรา และ ฝุ่นที่มันเก็บได้จะเยอะขนาดไหน มาดูกันได้ในรีวิวนี้เลย

ค่าฝุ่นลงไปขนาดไหน

เริ่มจากค่าฝุ่นในห้องของเราก่อนละกัน โดยปกติ เครื่องเก่าที่เคยอยู่ในห้องนอนเรา เปิดแรงสุด ๆ เลย Sensor จะวัดได้ที่ประมาณ 30 ไมโครกรัม/ลูกบาก์ศเมตร รู้เลยว่า น้องเอาไม่อยู่จริง ๆ น้องไม่ไหว แต่หลังจากเปลี่ยนมาใช้ AirDog X5 ค่าฝุ่นลงไปที่ 2-3 ไมโครกรัม/ลูกบาก์ศเมตร เรียกว่า น้อยลงกว่าก่อนหน้านี้เยอะมาก ๆ 10 เท่าได้เลย

ทำให้เรื่องนึงที่พิสูจน์ได้จากเครื่องแน่ ๆ คือ มันทำงานได้จริง มันลดฝุ่นในอากาศได้จริง ๆ เราไม่สนเรื่องไฟหลายหมื่น Volt เท่าไหร่ ยังไม่ค่อยเชื่อ แต่เอาว่า มันทำงานได้จริง ๆ เราโอเคละ

ใช้งานมา 1 เดือนเป็นยังไง

จริง ๆ ระหว่างนั้น เราอยากรู้ว่า กล่องเก็บฝุ่นมันเป็นยังไง เลยแกะดูเรื่อย ๆ ก็เห็นการเปลี่ยนแปลงเรื่อย ๆ นะ ตอนแรกคิดว่าจะปล่อยให้เครื่องขึ้นให้เราล้างกล่องเก็บฝุ่นก่อน แต่เราว่า ไม่เอาดีกว่า รอไม่ไหว เลยเอาครบ 1 เดือนพอดีแล้วล้างเลยละกัน ดูผ่าน ๆ ด้านหลังตัวเครื่องก็ขาวสะอาดดีใช่มะ

แต่ถ้าเราลองดูมันใกล้ ๆ เราจะเห็นพวกคราบดำ ๆ ติดอยู่เยอะมาก ๆ เดาว่า น่าจะเป็นเพราะเราแกะพวกกล่องเก็บฝุ่นออกมาดูแล้ว มือไปจับกับฝุ่นที่เก็บไว้ในเครื่องเลยติดกับมือออกมาตอนเราปิดฝามั้งเลยเป็นคราบแบบนี้ ซึ่งเราแอบมองว่ามันเป็นปัญหาที่ควรจะแก้ไขนะ อาจจะเป็นพวกวัสดุที่ติดสิ่งสกปรกได้ยากกว่านี้

เปิดฝาหลังออกมา จะพบกับความ อิ้ววววววว ตรงบริเวณ Sensor ที่เป็นคราบ ๆ อยู่รอบ ๆ รู เราเดาว่า น่าจะเป็นทางอากาศเข้าไปที่ Sensor มั้ง เลยทำให้เกิดพวกคราบดำ ๆ ลักษณะนี้

ที่ฝาเองก็เหมือนกันไม่รอด ดำจนน่ากลัวเหมือนกัน รวมไปถึงบริเวณยางฉนวนด้วยที่มันมีคราบดำ ๆ ติดอยู่ ทั้งตัวยาง และ ตัวเครื่องเราสามารถใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดก็ออกหมดแล้ว

ไปที่ชั้น Prefilter กันบ้าง ส่วนใหญ่ที่เราเห็นมา ชั้นนี้จะแน่น ๆ หน่อย มีฝุ่นเยอะกว่านี้เยอะมาก ๆ แต่สำหรับห้องนอนเรา จะเห็นได้เลยว่า ฝุ่นหยาบมันน้อยมาก ๆ อาจจะมีเส้นผมเล็กน้อยสักเส้นนึง แต่ฝุ่นขนาดใหญ่ ๆ ที่กรองหยาบนี้ทำได้ แทบไม่ได้กรองอะไรมากมาย

ส่วนของม่านไฟฟ้า ในรูปอาจจะมองไม่เห็น แต่ถ้าเราลองดูใกล้ ๆ เราจะเห็นว่า มันมีฝุ่นเล็ก ๆ เกาะอยู่บริเวณเส้นลวดต่าง ๆ ซึ่งพวกนี้เราสามารถใช้ฟองน้ำแห้งเช็ดก็ออกหมดละ ไม่ยากเท่าไหร่

ส่วนของชั้น Carbon อาจจะแกะออกมายากหน่อย เพราะมันต้องไขสกรูออกมา แต่ถ้าแกะออกมา เราจะเห็นว่า มันจะเป็นชั้นที่มี Activated Carbon อยู่ โดยทั่ว ๆ ไป เราคงแยกไม่ออกเนอะว่า มันผ่านการใช้งานมาจริงมั้ย มันก็หน้าตาเหมือน ๆ กัน สิ่งที่เราต้องทำก็คือ การเอามันไปตากแดดจัด ๆ สัก 3 ชั่วโมงแล้วเอากลับมาใส่ก็เป็นอันเรียบร้อย

มาที่ตัวท๊อปวงการก่อนเลยคือ กล่องเก็บฝุ่น ตามชื่อของมันเลยคือ เป็นส่วนที่เครื่องใช้ในการเก็บฝุ่นในอากาศ เราจะเห็นฝุ่นที่มันเกาะอยู่บนกล่องได้เลย ลามมายันข้าง ๆ จะเห็นได้จาก สีของพลาสติกดำ ๆ มันมีฝุ่นน้ำตาล ๆ มาเกาะเพียบเลย

ถ้าเราดูที่ซี่สำหรับดักฝุ่นใกล้ ๆ ก็คือ อี๊ ๆๆๆๆ สุด ๆ เลยละ มันเก็บไว้เยอะจริง ๆ

เราลองเอานิ้วรูดแรง ๆ ดู จะเห็นความหนาของฝุ่นเลย มันหนามาก ๆ สีในจุดที่เรารูดกับไม่ได้รูด มันต่างกันแบบ เยอะมาก ๆ ทำให้เราตีความได้ว่า นั่นแหละคือฝุ่นที่มันเก็บได้

เมื่อเอาชั้นต่าง ๆ ออกมาแล้ว ภายในเครื่องก็ยังมีคราบดำ ๆ จากฝุ่นติดอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้เยอะมากเท่าไหร่ ทาง Airdog บอกให้เราถอดฉนวนออกมาล้างได้ แต่เราเห็นว่ามันไม่ได้สกปรกมาก เลยเอาแค่ผ้าหมาด ๆ ชุบน้ำเช็ดก็ออกหมดละ เลยไม่ได้ถอดออกมาล้าง

มาล้างชั้นต่าง ๆ กัน

อันนี้ก็คือสภาพของชั้นต่าง ๆ ที่แกะออกมาแล้ว ดูผ่าน ๆ ก็ยังอยู่ในสภาพที่โอเคนะ แต่ดูใกล้ ๆ ก็เละแหละ ฮ่า ๆ

เริ่มจากอะไรที่เบา ๆ ก่อน ตัวกรองหยาบ อย่างที่เราเห็นกันตอนแรกแล้วว่ามันไม่ได้สกปรกอะไรมากมาย ล้างออกมา มันก็ไม่เยอะเท่าไหร่ น้ำไม่ได้ดำอะไรมากเท่าไหร่ เวลาล้าง เราแนะนำให้เอาพวกผ้ามาชุบน้ำถู ๆ ไปด้วยน่าจะดีกว่า ไม่งั้นบ้างทีพวกเศษฝุ่นมันไม่หลุด

ล้างออกมา ก็จะได้แบบนี้เลย เปียกชุ่มเลย ถ้ารีบมาก ๆ เราแนะนำให้เอาพวกไดร์เป่าผม แบบปิดลมร้อนนะ เป่าเข้าไป ก็ช่วยให้พวกน้ำที่ค้างอยู่ตามซี่ ๆ มันกระเด็นออกไป จะได้แห้งไวขึ้น

มาที่พระเอกของเราคือกล่องเก็บฝุ่น ใน AirDog X5 เขาจะสามารถแยกชิ้นออกมาได้เป็น 3 ชิ้นด้วยกัน ชิ้นแรกกล่องซ้ายมืออันนี้เขาไม่แนะนำให้เราเอาไปล้างน้ำ เราก็เอาผ้าเช็ด ๆ ก็จบละ ส่วนอีก 2 ชิ้นที่เหลือให้เราเอาไปล้างทีละชิ้น ๆ เลย ส่วนที่เป็นโลหะสำหรับจับกับฝุ่นบางทีเราเอาสายชำระฉีดมันก็ออกไม่หมดนะ เราก็เอาผ้านี่แหละถูเข้าไปเลยมันจะออกมา กับอีกจุดที่ทำความสะอาดยากมาก ๆ คือ ด้านในแต่ละซี่ อันนี้เราเล่นงานหยาบเลยวางกับพื้น เอาสายชำระฉีดอัดเข้าแต่ละช่องเลย น้ำดำ ๆ จะออกมาเรื่อย ๆ เราก็ล้างจนกว่าน้ำจะใส ไม่มีคราบดำ ๆ ออกมา

ถามว่าเละขนาดไหน ก็นี่เลย นี่คือล้างไปชิ้นเดียวนะ น้ำออกมาดำน่ากลัวมาก คือถ้าเราไม่มีเครื่องฟอกอากาศ เราสูดพวกนี้เข้าไปเหรอวะ มันเยอะมาก ๆ ดำน่ากลัวสุด แล้วมันเป็นพวกคอลลอยด์ด้วยนะ ทิ้งไว้มันน่าจะตกตะกอนแล้วมันจะเลอะกับอ่างล้างหน้าเรา ต้องเอาสบู่ล้างมือมาทำความสะอาดอ่าง ดังนั้น เราแนะนำว่า ถ้าจะล้าง ให้ล้างบนพื้นเปียกในห้องน้ำนี่แหละ จะได้เอาน้ำฉีดไล่ไปได้เลย

เราเอามาไว้ตรงโซนเปียกในห้องน้ำแล้วเอาสายชำระฉีดอัดเข้าไปเลย แล้วตากไว้ในห้องน้ำนี่แหละ อาจจะเอาไดร์ลมเย็นเป่าเข้าไปตามพวกซอกต่าง ๆ เพื่อไล่น้ำออกหน่อย จะได้แห้งไวขึ้น

เราขอเทียบก่อนล้างกับหลังล้างให้ดูชัด ๆ เลย คือ อันที่ล้างแล้ว ซี่มันจะเป็นสีเหล็ก ๆ เลย แต่อันที่ผ่านการใช้งานมา มันก็จะมีฝุ่นเกาะอยู่เยอะมาก ๆ จนมันปิดทับสีเหล็กกลายเป็นสีดำ ๆ แทน เรียกว่ามันต่างจากเดิมเยอะมาก ๆ จนตกใจเลย มันเก็บฝุ่นได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ นี่ขนาดเวลาเราจะเปิดหน้าต่างระบายอากาศ เราก็จะปิดเครื่องแล้วนะ กับ ขนาดนี้แล้ว มันยังไม่ขึ้นเตือนให้เราล้างอีกเหรอ

หลังจากนั้น เราก็จะเอาแต่ละชิ้นส่วนทิ้งไว้ในห้องที่ลมผ่านสักวันนึง เพื่อให้มั่นใจว่า ความชื้นจากน้ำที่เราล้าง มันจะระเหยออกไปหมดจริง ๆ แล้วค่อยเอามาประกอบกลับเข้าไปใหม่ เปิด แล้วก็ติด โอเค ยอดเยี่ยม ถ้าเปิดไม่ติดให้เช็คแต่ละชิ้นดี ๆ ว่ามันเข้าที่หรือยัง เขาจะมี Safety Pin อยู่ ถ้าเราเสียบเข้าหมด มันจะไปดัน Safety Pin เข้าไป ทำให้เราเปิดเครื่องได้อีกนั่นเอง

สรุป : เออ มัน Works !!!

ต้องบอกเลยว่า 1 เดือนที่ผ่านมากับ AirDog X5 เรียกว่ามันทำให้คุณภาพชีวิตเราดีขึ้นเยอะมาก ๆ ห้องที่ฝุ่นน้อยลงกับคนที่แพ้ฝุ่น ทำให้เรานอนหลับสนิทมากขึ้นเยอะมาก ๆ แปลว่าก่อนหน้านี้ เราน่าจะเหมือนกับใช้เครื่องฟอกอากาศผิดขนาดห้องแน่ ๆ เลย พอมาเจอตัวนี้เข้าไปใหญ่อลังการเลยเมื่อเทียบกับขนาดห้อง แนะนำเลยว่าให้เลือกเกินไปเลยเยอะ ๆ ยิ่งถ้าเราอยู่ในพื้นที่ ๆ ฝุ่นเยอะ ๆ ให้เลือกเกินขนาดห้องไปเยอะ ๆ จะได้กรองอากาศได้ไว ๆ